17 ก.พ. เวลา 04:41

"จับผีใส่กระป๋อง" เรื่องลี้ลับที่ฟังจากอาม่า

แม้จะมีเชื้อสายจีน แต่ในเมื่อเกิดและอาศัยอยู่เมืองไทย โดยเฉพาะวัยเด็กของอาม่า เป็นช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่สอง จึงไม่น่าแปลกใจที่อาม่าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวลี้ลับ และไสยศาสตร์มาบ้าง
แต่ที่ทำให้หมวยประหลาดใจ และสนใจมากก็ตรงที่อาม่าเล่าว่า คนจีนในเมืองจีนแท้ๆ ไม่ใช่แค่ใช้วิธีสวดมนต์ และสั่นกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งรัวๆ ไว้สู้กับผีที่กระโดดหรือลอยไปลอยมาราวกับมีกำลังภายในหรอกนะ
แล้วก็ไม่ใช่จะใช้แต่ "ฮู้” หรือยันต์แบบจีน แปะหน้าผากผีเหมือนที่ดูในหนัง  แต่คนจีนก็มีการ “เล่นของ” ใช้คุณไสย และบังคับผีให้ไปทำโน่นทำนี่ได้เหมือนกัน !
สำหรับคราวนี้ หมวยขอให้อาม่า เล่าเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของ “ซิงแซ” (ภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง หมอ อาจารย์ หรือผู้มีวิชา) ซึ่งมาช่วยแก้ไขให้เตี่ย ผู้เป็นพ่อของอาม่า
(จากตอนที่แล้ว ปั้นแป้ง...แก้คุณไสย ในชุมชนชาวจีน)
จริงๆ อาม่าก็พอรู้เรื่องราวของซิงแซท่านนี้มาก่อนแล้ว  เพียงแต่ไม่ค่อยสนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ครั้งหนึ่ง อาม่าไปนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน ซึ่งก็คือ ลูกสาวของ "เหล่าเจ็ก" (ผู้เชิญซิงแซมารักษาพ่ออาม่า) บังเอิญ วันนั้นซิงแซได้มาเยี่ยมเหล่าเจ็กพอดี
เมื่อเพื่อนของอาม่าเห็นซิงแซก็รีบเชิญเข้าบ้าน และไปแจ้งผู้ใหญ่ให้ทราบตามปกติ แต่ที่แปลกคือ ทีท่าลุกลี้ลุกลน ดูเกร็งๆ กลัวๆ รีบไป รีบมา แล้วชวนอาม่าไปนั่งเล่นคุยกันที่อื่น.."ไกลๆ"
ตอนแรกอาม่าคิดว่าคงไม่อยากรบกวนผู้ใหญ่เขาคุยกัน  แต่เพื่อนกระซิบว่า ไม่ใช่...เธอกลัว...ไม่ได้กลัวซิงแซ แต่เธอกลัว..."กระป๋องนม” ที่ซิงแซหิ้วมาต่างหาก !
ในยุคนั้น (น่าจะประมาณ พ.ศ.2485-2490) เวลาสั่ง "โอยัวะ" (กาแฟดำแบบร้อน แบบเย็นเรียก โอเลี้ยง เลี้ยง=เย็น ยัวะ=ร้อน ) หรือ "โกปี่ยัวะ" (กาแฟร้อน) ถ้าไม่กินที่ร้าน คนขายก็จะชงใส่กระป๋องนมข้นหวานที่เจาะรูร้อยเชือกตรงฝาไว้ให้หิ้วกลับบ้าน
ซึ่งกระป๋องนมที่ซิงแซถือมาก็ดู..คล้ายๆ จะไม่เหมือนก็ตรงที่ด้านบนไม่มีเชือกร้อย  แต่มีผ้าปิดแล้วผูกเชือกทับไว้อีกที
อาม่าเห็นซิงแซเดินถือมาสบายๆ ดูปกติ ไม่ได้มีท่าทีลึกลับซ่อนเร้น ถ้าดูไกลๆ หรือมองเผินๆ อาจจะนึกว่าถือกระป๋องกาแฟร้อนมาด้วยซ้ำ
แล้วทำไมต้องกลัว..??? “กลัวสิ...ในนั้นมี  ผี ! ซิงแซจับผีแล้วใส่กระป๋องเอากลับบ้าน !!" เพื่อนอาม่าบอกเหตุผล !!
ดังนั้น หากเห็นซิงแซเดินมาตัวเปล่า หรือถือของอื่นก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าถือ “กระป๋องแบบนี้" มาด้วย แสดงว่าเพิ่งกลับจาก....!!
แล้วระหว่างทางซึ่งต้องผ่านบ้านเหล่าเจ็ก คงอยากแวะเยี่ยมทักทายสักหน่อย.. แม้บางครั้งจะไม่นาน แต่เพื่อนอาม่าก็ต้องเลี่ยงหนีไปให้ไกลๆ ทุกที
ต่อมาภายหลัง ผู้ใหญ่ได้เล่าให้อาม่าฟังว่า เวลาซิงแซไปจับผี หรือ ถอนคุณไสย (เหมือนที่ช่วยพ่อของอาม่า) ก็มักจะใส่ไว้ในกระป๋องปิดผ้า ใช้เชือกมัดอีกทีกันผ้าหลุด  นำกลับไปบ้านเพื่อรอทำพิธีบรรจุวิญญาณ หรือ “ของ” ไว้ในพระพุทธรูป ซึ่งซิงแซแจ้งขนาด และให้ทางผู้รับความช่วยเหลือจัดหามาให้
การทำเช่นนี้  นอกจากจะป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้อื่นในภายหลังแล้ว  ยังเป็นโอกาสให้วิญญาณได้มีที่อยู่  ได้ฟังพระสวด พระเทศน์ด้วย
อาม่าไม่รู้เหตุผลแน่ชัด แต่คิดตรงกันกับหมวยว่า คงไม่ได้เป็นการกักขัง  เพียงอาจจะยังไม่ถึงเวลาไปผุดไปเกิด หากได้อาศัยอยู่ในวัดก็จะได้ฟังคำสอน คำสวด กล่อมเกลาจิตใจ และมีโอกาสได้รับส่วนบุญส่วนกุศลอีกด้วย
แล้วซิงแซไปเรียนคาถาอาคมจากที่ไหน..   คำถามนี้อาม่าก็ตอบไม่ได้  รู้แค่ว่าซิงแซก็เกิดเมืองไทยเหมือนอาม่านี่แหละ
ซิงแซเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ครอบครัวมีฐานะดี คนจีนเรียกว่าเป็น “อาเสี่ย” คือ ลูกชายเจ้าของกิจการใหญ่โต  มีธุรกิจเฉพาะที่โดดเด่น และเป็นที่รู้จักดีของคนในสมัยนั้น  เรียกว่าถ้าเอ่ยชื่อร้านนี้  ต้องร้อง  อ๋อ....กันทุกคน
อาม่ายังจำทั้งชื่อร้าน และสถานที่ตั้ง ได้แม่น ซึ่งนอกจากร้านจะใหญ่โต ดำเนินกิจการมานานแล้ว ทำเลที่ตั้งร้านยังดีมาก อยู่ในจุดที่มีผู้คนและรถราผ่านไปมาเห็นได้ชัดเจน
ซิงแซสนใจใฝ่ธรรมะตั้งแต่หนุ่ม ได้บวชเป็นพระ “เป็นพระธุดงค์ด้วยนะ อาม่าว่าคงมีวิชาช่วงนี้”
อาม่าสังเกตจากผ้าที่ปิดบนกระป๋องนั้นเป็นผ้ายันต์แบบไทย ไม่ใช่ “ฮู้” หรือผ้ายันต์แบบจีนอย่างที่หมวยเดาในตอนแรกๆ
อาม่าฟังมาอีกทีว่า ตอนที่ซิงแซบวชนั้นตั้งใจว่าจะบวชตลอดชีวิตเลยทีเดียว  แต่สุดท้าย พ่อของซิงแซขอร้องให้สึก...เพราะซิงแซเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งมีความสำคัญ ต้องรับภาระหน้าที่สืบทอดตระกูล  รวมถึงดูแลกิจการของที่บ้านด้วย
หลังจากได้บวชนานนับสิบปี  ซิงแซจึงสึก และคงได้ใช้เวลาช่วงที่เป็นฆราวาสนี้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเพราะคุณไสยหรือวิญญาณ รวมถึงเหล่าเจ็กด้วย
ส่วนอาม่าได้รู้จักเมื่อซิงแซอายุมากแล้ว จึงรับช่วยเหลือเฉพาะรายที่รู้จักคุ้นเคย หรือคนที่สนิทสนมแนะนำมาเท่านั้น
เล่าประวัติและความเป็นมาของซิงแซเท่าที่พอจะรู้แล้ว อาม่ายังได้เล่าถึงเพื่อนบ้านอีกรายที่ได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งมีรายละเอียดที่แปลกแตกต่างจากของไทย (อีกแล้ว) แง้ม..ชื่อตอนไว้หน่อย "อั่งเปาขอขมา"
ถ้าสนใจก็กดติดตามไว้นะคะ นอกจากเรื่องลี้ลับแล้ว ยังมีเกร็ดความรู้ และเรื่องราวแปลกๆ จากชุมชนชาวจีนในไทยสมัยก่อน ไปติดตามอ่านได้ ขอบคุณค่ะ
โฆษณา