18 ก.พ. เวลา 05:32

"อั่งเปาขอขมา" เรื่องลี้ลับที่ฟังจากอาม่า

หลังจากเล่าความเป็นมาของซินแส จากเรื่อง "จับผีใส่กระป๋อง" ไปแล้ว อาม่าก็ได้เล่าถึงเพื่อนบ้านที่ได้รับความช่วยเหลือจากซิงแซท่านนี้
บ้านนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านอาม่าเท่าไหร่  แต่อาม่าได้ฟังเรื่องราวมาจากอาเหล่าเจ็กอีกที
ตอนที่คนบ้านนี้ย้ายมาใหม่ ๆ ดูภายนอกทุกอย่างก็เป็นปกติ พวกเขาดำเนินชีวิตด้วยความสงบเรียบร้อย  ไม่มีใครรู้ว่า ความจริงแล้วทุกคนอยู่ในบ้านอย่างหวาดระแวง หวาดกลัวภัยที่มองไม่เห็น! เนื่องจากบ้านนี้มักเกิด “ไฟไหม้” บ่อย ๆ
ที่น่าประหลาดคือ ทุกครั้งที่ไฟไหม้ล้วนหาสาเหตุและที่มาไม่ได้  เหมือนอยู่ ๆ ไฟก็ติด..ลุกไหม้ขึ้นมาเอง
บางวันกองเสื้อผ้าที่พับไว้ก็มีไฟลุกไหม้ขึ้นมา เริ่มจากทีละน้อย..ละน้อย จนคนในบ้านได้กลิ่นเหม็นไหม้ เดินหาต้นตอจนพบเสื้อผ้ากำลังมีไฟลุกไหม้ก็ตกใจรีบช่วยกันดับ หรืออยู่ๆ ในถังขยะแห้งที่มีแต่เศษกระดาษก็มีไฟติดขึ้นมาซะเฉย ๆ  ทั้งที่ไม่มีใครไปจุดไม้ขีด หรือทิ้งก้นบุหรี่
แม้จะทำความเสียหายไม่มาก แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อยโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้เวลา  ทำให้ทุกคนหวาดหวั่นต้องทำตัวให้ไวต่อกลิ่น คอยระวังจนระแวงอยู่ไม่เป็นสุข
มีอยู่วันหนึ่ง แม่บ้านตั้งใจจะออกไปซื้อของ  ทิ้งบ้านไว้ไม่มีใครอยู่คิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะท่าเรืออยู่ใกล้ ๆ กะว่าข้ามฟากไปแป๊ปเดียวก็กลับ แต่เดินไปสักพัก เกิดนึกสังหรณ์ใจยังไงพิกล  รู้สึกเป็นห่วงบ้านแปลก ๆ จนต้องวิ่งกลับมาดู  ปรากฏว่าไฟประหลาดลุกไหม้ได้อย่างไรไม่รู้..อีกแล้ว !
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนทุกคนในบ้านประสาทเสียกันหมด จะออกไปไหนก็ต้องเหลือคนอยู่เฝ้าบ้าน  ต้องคอยระวังทั้งกลางวันและกลางคืน
หนักเข้าพอเพื่อนบ้านใกล้เคียงรู้ก็พลอยกลัวไปด้วย  เพราะเรื่องฟืนไฟนั้นน่าเป็นห่วง เกิดเรื่องขึ้นมาไม่ใช่จะเดือดร้อนแค่บ้านเดียว บ้านข้างเคียงจะพลอยโดนหางเลขไปด้วยหรือเปล่า
ในที่สุด  เมื่อได้พูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขป้องกัน  เพื่อนบ้านใหม่จึงเล่าให้ฟังว่า ที่ย้ายจากบ้านเก่ามา ก็เพราะเหตุประหลาดนี้  คิดเอาว่าถ้าย้ายมาไกล ๆ แล้วจะหนีพ้น  แต่.....ก็ยังตามมาจนได้
สาเหตุเริ่มต้นก็ คือ  ตอนอยู่บ้านเดิม ได้ไปมีเรื่องขัดอกขัดใจกับบ้านข้างเคียงซึ่งเป็นพวกมีวิชาอาคม  ทำให้ทางนั้นผูกใจเจ็บ ใช้วิชาก่อกวนไม่ให้ได้อยู่อย่างสงบสุข  เมื่อย้ายมาแรกๆ ก็ค่อนข้างเบาใจว่าย้ายมาอยู่ไกลแล้ว  คงจะไม่ตามมารังควาน ที่ไหนได้…
เกิดเรื่องตั้งแต่วันทำบุญขึ้นบ้านใหม่เลย
ตอนเริ่มงานก็ราบรื่นปกติดี กระทั่งถึงตอนพระท่านสวดมนต์....สวด ๆ  ไปได้สักพัก  พระที่นั่งสวดอยู่ก็ค่อยเขยิบ..เขยิบ ทีละหน่อย ขยับไปจนใกล้ประตู  แล้วก็ลุกเดินออกไปทีละรูป สุดท้ายก็พากันกลับวัดไปหมดทั้ง ๆ ที่ยังสวดไม่จบ ! เป็นอันว่างานบุญต้องล้มเลิก
เจ้าของบ้านได้ไปสอบถามภายหลังว่าเกิดอะไรขึ้น พระท่านเล่าว่าระหว่างที่กำลังสวดมนต์อยู่นั้น ต่างรู้สึกว่าถูกตีอย่างแรง  พอหันไปดูก็เห็นเงาดำทะมึนยืนอยู่  พระทุกรูปต่างก็กลัว "อยู่ไม่ได้หรอก  กลางวันแสกๆ ยังเล่นแรงขนาดนั้น" แต่จะลุกออกมาเลยก็กระไรอยู่  จึงค่อยๆ กระเถิบ ขยับไปจนใกล้ทางออก แล้วพากันลุกขึ้นออกจากบ้านกลับวัดกันทั้งหมดเลย
เอาล่ะสิ...คู่แค้นจองเวรกันไม่เลิก  เอาเรื่องตั้งแต่เข้าบ้านมาใหม่ ๆ  จากนั้นก็ก่อกวนให้อยู่ไม่สงบ  เพื่อนบ้านข้างเคียงได้รู้เห็นเพียงแค่ การเกิดไฟไหม้โดยหาสาเหตุไม่ได้  แต่คนในบ้านยังต้องเผชิญกับเรื่องประหลาดอื่นๆ อีก เช่น
วันดีคืนร้าย อยู่ ๆ ก็ปรากฏ...”จานบิน”  คือ ข้าวของภายในบ้านค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นเอง จากนั้นก็อัดกระแทกเข้าข้างฝาเหมือนถูกคนจับขว้าง บางทีก็เป็นจานชาม เหมือนโดนเขวี้ยงใส่ตู้กระจก แตกเปรื่องปร่างไปหมด    บางคราวเห็นต่อหน้าต่อตาว่า ขวดแก้วลอยคว้างขึ้นสูงจรดเพดาน  แล้วทิ้งตัวลงเหมือนถูกคนปล่อยจากที่สูง หล่นลง...แตกกระจาย...!!
ยังมีเหตุการณ์ลึกลับอีกมากมายที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่ทำให้อยู่ไม่เป็นสุข  
สุดท้าย..คงมีใครสักคนแนะนำและเชิญ “ซิงแซ” ซึ่งตอนนี้หมวยแอบเรียกว่า..ซิงแซที่จับผีใส่กระป๋อง (ยาวจังเนอะ..) ให้มาช่วยแก้ไข
พอซิงแซรับฟังสาเหตุความเป็นมาแล้ว คาดว่าทางโน้นคงมีวิชาอาคมพอตัว  การแก้ไขนั้นควรจะเน้นไปที่ต้นเหตุ ซึ่งเกิดการทะเลาะวิวาท จึงควรเจรจาประนีประนอมกับคู่กรณี แต่คงติดขัดตรงที่ไม่อยากไปเผชิญหน้าเจรจาหรืออย่างไร ซิงแซจึงให้ลองตามวิธีของท่านก่อน
วิธีการก็คือ ให้เจ้าของบ้านนำซองสีแดง ซึ่งคนจีนเรียกว่า “อั่งเปา”  งานนี้ไม่ใช่มาใส่ “แต๊ะเอีย” เหมือนตอนตรุษจีน หรือใช้แสดงความขอบคุณเหมือนตอนรักษาเตี่ยของอาม่า ถึงแม้จะเป็นอั่งเปาเหมือนกันก็เถอะ
ซิงแซให้นำเงิน...อาม่าฟังมาว่าประมาณสองพันบาท ใส่ซองแดงแล้วเอาไปแขวนหน้าบ้าน
ถึงตอนนี้  หมวยก็สงสัย "ค่าเงินสองพันในตอนนั้นถือว่าเยอะมั้ย "  อาม่าว่า "ก็เยอะนะ  ตอนนั้นก๋วยเตี๋ยวชามละ 50 ตัง (สตางค์) เท่านั้น"   
“เอาซองใส่เงินไปไว้หน้าบ้าน  แล้วไม่กลัวหายเหรอ  เผื่อมีคนเอาไป”  หมวยยังซักไม่เลิก
“เค้าให้เอาไปผูกหรือแขวนไว้แถว ๆ หน้าบ้าน ก็คงแขวนไว้สูงหน่อย  เอาไปแขวนไว้ตอนค่ำๆ”  อาม่าก็ฟังเค้าเล่ามาแค่นี้  ไม่ได้ช่างซักเหมือนหมวยหรอก  คือ  ณ ตอนนั้น ซิงแซสั่งให้ทำอะไรก็รีบ ๆ ทำดีกว่า เรื่องจะได้จบ
แต่...หมวยเคยขอให้อาม่าเล่าซ้ำ รอบสองนี้อาม่าค่อยบอกว่า ลูกสาวเจ้าของบ้านถามเหมือนหมวยเลยว่า แขวนไว้แล้วถ้าคนอื่นเอาไปล่ะ ซิงแซเลยต้องบอกให้เงียบ  ไปทำตามที่บอกก็พอ ! (หมวยฟังแล้วจ๋อยตามเลย..)
รายนี้ ซิงแซสั่งให้ทำแค่นี้ แล้วก็กลับ ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม  แค่รอดูผล !
ตอนเช้า เจ้าของบ้านไปตรวจดู พบซองแดงยังอยู่ที่เดิมไม่มีอะไรผิดปกติ  แต่เมื่อเอาลงมาแกะดู ปรากฏว่า...เงินในซองหายไปแล้ว !
แน่นอน หมวยต้องสงสัย......
“ได้ผล”...อาม่ารีบบอกเลย  หลังจากวันนั้นเรื่องแปลกๆ วุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นก็กลับเงียบสงบ  ไม่มีไฟไหม้ ไม่มีของแตก เพื่อนบ้านหลังนี้ได้อาศัยอยู่ในบ้านอย่างสงบสุข..ซักที
อาม่าสรุปปิดท้ายว่า  เงินที่เอาไปแขวนก็เหมือนเป็นการแสดงออกว่า  ขอเลิกแล้วต่อกัน....หมวยแอบคิดเปรียบเทียบว่า ก็คงเหมือนยกธงขาว  โดยทางโน้นยอมรับเงิน เหมือนรับค่าทำขวัญ อะไรทำนองนั้น
เป็นอันว่าเรื่องนี้จบลงด้วยดี และดูไม่ยากนัก  ไม่เหมือนรายของครอบครัว “เหล่าเจ็ก” ที่ร้ายแรง และยืดเยื้อยาวนาน
หากสนใจ โปรดกดติดตามตอนต่อไป ขอบคุณค่ะ
โฆษณา