#13 TOB - บทที่ 4️⃣ The Golden Planet(2) : The Spirit —#จิตวิญญาณสูงสุด (จุดเริ่มต้นของสรรพสิ่ง)
▪️ผู้แปล : อุดม (แอดมิน)
‘A certain percentage of these people are arriving at a very critical point in history and we feel that the time has come to try to assist them. If they will listen, we can ensure that they take the right path. This is why you have been chosen...’
“#ประชากรจำนวนหนึ่งกำลังมาถึงจุดวิกฤตที่สำคัญในประวัติศาสตร์ #และเราก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องพยายามช่วยเหลือพวกเขา #ถ้าพวกเขายอมรับฟัง_เราสามารถทำให้แน่ใจได้ว่าพวกเขาจะเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง นี่คือเหตุผลที่คุณถูกเลือก…”
‘But I am not a writer❗ Why haven’t you chosen a good writer - someone well known, or a good journalist?’
“แต่ผมไม่ใช่นักเขียน❗ ทำไมคุณไม่เลือกนักเขียนที่เก่งๆ - คนที่มีชื่อเสียง หรือนักข่าวที่ดี❓”
Thao smiled at my vehement reaction. ‘The only writers who might have done it, as it must be done, are dead - I mean Plato or Victor Hugo - and they still would have reported the facts with too much stylistic embellishment. We require the most precise account possible.’
เธาว์ยิ้มให้กับปฏิกิริยาที่รุนแรงของผม “นักเขียนเพียงไม่กี่คนที่อาจทำได้อย่างที่เราต้องการ ก็ตายไปแล้ว - ฉันหมายถึง เพลโต หรือวิกตอร์ อูโก - ซึ่งพวกเขาก็คงจะรายงานข้อเท็จจริงด้วยการตกแต่งทางวรรณศิลป์ที่มากเกินไป พวกเราต้องการรายงานที่แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
‘Then you need a journalist reporter...’
“งั้นคุณก็ต้องการนักข่าวสายรายงาน…”
‘Michel, you know yourself, that journalists on your planet are so inclined towards sensationalism, that they often distort the truth.
“มิเชล คุณก็รู้ดีว่านักข่าวบนดาวของคุณมักจะโน้มเอียงไปในทางการสร้างความตื่นเต้น จนบ่อยครั้งที่ความจริงมักถูกบิดเบือนไป
‘How often for example, do you see news reports that differ from channel to channel or paper to paper? Whom do you believe when one gives the death toll in an earthquake as 75, another as 62 and another as 95? Do you really imagine we would trust a journalist?’
“ตัวอย่างเช่น คุณเห็นรายงานข่าวที่แตกต่างกันระหว่างช่องต่างๆ หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ บ่อยแค่ไหน❓ คุณจะเชื่อใครเมื่อฝ่ายหนึ่งรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวว่า 75 คน อีกฝ่าย 62 คน และอีกฝ่าย 95 คน❓ คุณคิดจริงๆหรือว่าเราจะไว้ใจพวกนักข่าว❓”
‘You’re absolutely right❗’ I exclaimed.
“คุณพูดถูกที่สุด❗” ผมอุทาน
‘We have observed you and we know all about you as we know about some others on Earth - and you were selected...’
“เราได้สังเกตคุณและเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ เหมือนที่เรารู้เกี่ยวกับคนอื่นๆบนโลก - และคุณถูกเลือก…”
‘But why exactly me❓ I am not the only one on Earth capable of objectivity.’
“แต่ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ❓ ผมไม่ใช่คนเดียวบนโลกที่สามารถมองอย่างเป็นกลางได้สะหน่อย”
‘Why not you❓ In time, you will learn the principal reason behind our choice.’
“แล้วทำไมจะไม่ใช่คุณล่ะ❓ เมื่อถึงเวลา คุณจะได้เรียนรู้เหตุผลหลักเบื้องหลังการเลือกของเรา”
I didn’t know what to say. Moreover, my objections were ridiculous since I had already embarked on this affair and there was no going back. Ultimately, I had to admit I was enjoying this space voyage more and more. Certainly, millions of human beings would have given all they owned to be in my place.
ผมไม่รู้จะพูดอะไร ยิ่งไปกว่านั้น การคัดค้านของผมมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี เพราะผมได้เข้ามาอยู่ในเรื่องนี้แล้วและไม่มีทางให้ถอยหลังกลับ ที่สุดแล้ว ผมต้องยอมรับว่าผมสนุกกับการเดินทางในอวกาศนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่ามนุษย์นับล้านคงยอมสละทุกสิ่งที่มีเพื่อมาอยู่ในตำแหน่งของผม
‘I will argue no further Thao. If this is your decision, I can only yield to it. I hope I will be equal to the task. Have you considered that ninety nine per cent of people will not believe a word of what I say? For most people it will be too incredible.’
“ผมจะไม่โต้แย้งอีกแล้ว เธาว์ ถ้านี่คือการตัดสินใจของคุณ ผมทำได้แค่ยอมรับมัน ผมหวังว่าผมจะทำภารกิจนี้ได้ดี คุณได้พิจารณาแล้วหรือไม่ว่า 99% ของผู้คนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดแม้แต่คำเดียว❓ สำหรับคนส่วนใหญ่ มันเหลือจะเชื่อเกินไป”
‘Michel, almost 2000 years ago, did they believe that Christ was sent by God as he claimed❓ Certainly not, for they wouldn’t have crucified him had they believed. Now however, there are millions who believe what he said...’
“มิเชล เมื่อเกือบ 2000 ปีก่อน ผู้คนเชื่อไหมล่ะว่าพระคริสต์ถูกส่งมาโดยพระเจ้าอย่างที่เขากล่าวอ้าง❓ แน่นอนว่าไม่ เพราะถ้าพวกเขาเชื่อ พวกเขาคงไม่ตรึงกางเขนพระองค์ แต่ตอนนี้มีคนนับล้านที่เชื่อในสิ่งที่พระองค์พูด…”
‘Who believes him❓ Do they really believe him Thao❓ And who was he anyway❓ First of all, who is God❓ Does he exist❓’
“ใครเชื่อพระองค์กัน❓ พวกเขาเชื่อจริงๆหรือ เธาว์❓ แล้วพระองค์คือใครกันแน่❓ ก่อนอื่น พระเจ้าคือใคร❓ พระองค์มีอยู่จริงๆหรือ❓”
‘I have been expecting this question and it is important that you ask it. On an ancient stone tablet, which I believe is Naacal, it is written: In the beginning there was nothing - all was darkness and silence.
“ฉันคาดว่าคุณจะถามคำถามนี้ และมันก็สำคัญที่คุณถาม บนแผ่นหินโบราณ ซึ่งฉันเชื่อว่าเป็นของ 'นาคาล' มีเขียนไว้ว่า: ในตอนเริ่มต้น ไม่มีอะไรอยู่เลย - ทุกอย่างมืดมิดและเงียบสงัด
✴️ ‘The Spirit - the Superior Intelligence decided to create the worlds and he commanded to four superior forces...
“#จิตวิญญาณสูงสุด - #ปัญญาอันสูงส่งได้ตัดสินใจสร้างโลกทั้งหลาย_และสั่งการพลังอันสูงส่งทั้งสี่…
‘It’s extremely difficult for the human mind, even when highly developed, to comprehend such a thing. In fact, in a sense, it is impossible. On the other hand, your Astral Spirit assimilates it when it is freed from your physical body. But I’m getting ahead of myself - let’s go back to the very beginning.
“มันยากมากสำหรับจิตใจแบบมนุษย์ แม้แต่จิตใจที่พัฒนาสูงแล้วก็ตาม ที่จะเข้าใจสิ่งนี้ จริงๆแล้ว ในแง่หนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ ในทางกลับกัน จิตวิญญาณแห่งกายทิพย์ (แอสตรัล) ของคุณสามารถซึมซับความรู้นี้ได้ในตอนที่หลุดออกไปจากร่างทางกายภาพ แต่ฉันกำลังพูดล่วงหน้าเกินไป - กลับไปที่จุดเริ่มต้นกันดีกว่า
‘In the beginning there was nothing except darkness and a spirit - THE Spirit.
“ในตอนเริ่มต้น ไม่มีอะไรนอกจากความมืดมิดและจิตวิญญาณนั้น - จิตวิญญาณสูงสุด (THE Spirit)
‘The Spirit was, and is, infinitely powerful - powerful beyond the comprehension of any human mind. The Spirit is so powerful that he was able, by the action of his will alone, to trigger an atomic explosion with chain reactions of unimaginable force.
In fact, the Spirit imagined the worlds - he imagined how to create them - from the most enormous to the most minuscule. He imagined the atoms. When he imagined them he created, in his imagination, all that moved and will move: all that lived and will live; all that is motionless, or seems to be - every single thing.
“#จิตวิญญาณสูงสุดทรงพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด - #ทรงพลังเกินกว่าที่จิตใจมนุษย์จะเข้าใจได้ #จิตวิญญาณสูงสุดทรงพลังถึงขนาดที่สามารถ_ด้วยการกระทำของเจตจำนงเพียงอย่างเดียว #ก่อให้เกิดการระเบิดปรมาณูที่มีปฏิกิริยาลูกโซ่ด้วยพลังที่เหนือจินตนาการ
ที่จริงแล้ว #จิตวิญญาณสูงสุดจินตนาการถึงโลกทั้งหลาย - #จินตนาการว่าจะสร้างพวกมันอย่างไร - #ตั้งแต่สิ่งที่ใหญ่ที่สุดไปจนถึงเล็กที่สุด #พระองค์จินตนาการถึงอะตอม_เมื่อจินตนาการถึงพวกมัน #พระองค์สร้างในจินตนาการของพระองค์ ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวและจะเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่มีชีวิตและจะมีชีวิต ทุกสิ่งที่อยู่นิ่งหรือดูเหมือนจะนิ่ง - #ทุกสิ่งทุกอย่าง
‘But it existed only in his imagination. All was still in darkness. Once he had an overall view of what he wanted to create, he was able, by his exceptional spiritual force, to create, instantaneously, the four forces of the Universe.
“แต่มันมีอยู่เพียงในจินตนาการของพระองค์ ทุกอย่างยังคงอยู่ในความมืด เมื่อพระองค์มีภาพรวมของสิ่งที่ต้องการสร้างแล้ว พระองค์สามารถ ด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอันพิเศษสุด สร้างพลังทั้ง 4️⃣ ของจักรวาลขึ้นมาในทันใดนั้น
‘With these, he directed the first and the most gigantic atomic explosion of all time - what certain people on Earth call ‘The Big Bang’. The Spirit was at its centre and induced it. Darkness was gone and the Universe was creating itself according to the will of the Spirit.
“ด้วยพลังทั้ง 4️⃣ นี้ #พระองค์ทรงบัญชาการระเบิดของปรมาณูเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล - สิ่งที่บางคนบนโลกเรียกว่า ‘#บิ๊กแบง’ #จิตวิญญาณสูงสุดอยู่_ณ_จุดศูนย์กลางและเป็นผู้ก่อให้เกิดการระเบิดที่ว่านั้น #ความมืดหายไปและจักรวาลก็กำลังสร้างตัวเองไปตามเจตจำนงของจิตวิญญาณสูงสุดนั้น
‘The Spirit was thus, is still, and always will be, at the centre of the Universe for he is the Master and Creator of it...’
“ดังนั้น จิตวิญญาณสูงสุดจึงอยู่ ยังคงอยู่ และจะอยู่ต่อไปเสมอ ณ #จุดศูนย์กลางของจักรวาล เพราะพระองค์คือผู้ปกครองและผู้สร้างมัน…”
‘Well then,’ I interrupted, ‘it’s the story of God as the Christian religion teaches it - or just about - and I never believed in their nonsense...’
“งั้นก็” ผมขัดจังหวะ “มันก็เป็นเรื่องของพระเจ้าอย่างที่ศาสนาคริสต์สอน - หรือเกือบจะเหมือน - และผมไม่เคยเชื่อเรื่องไร้สาระของพวกเขาเลย…”
‘Michel, I speak of no religion such as exists on Earth and especially not the Christian religion. Don’t confuse religions with the Creation and the simplicity of all that ensued. Don’t confuse logic with the illogical distortions of religions. We will have the opportunity to talk again later on this subject, and you are certainly in for some surprises.
“มิเชล #ฉันไม่ได้พูดถึงศาสนาใดๆอย่างที่มีอยู่บนโลก_และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ใช่ศาสนาคริสต์ อย่าสับสนระหว่างศาสนากับการสร้างและความเรียบง่ายของทุกสิ่งที่ตามมา #อย่าสับสนระหว่างตรรกะกับการบิดเบือนที่ไร้เหตุผลของศาสนา เราจะมีโอกาสพูดคุยกันอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง และคุณจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน
‘For the moment, I was trying to explain the Creation to you. During billions of years (for the Creator of course, it is eternally the ‘present’, but it is more at the level of our understanding to count by billions of years), all the worlds, suns and atoms were formed, as you are taught in schools, the planets revolving around their suns, and sometimes with their own satellites etc.
At certain times in certain solar systems, some planets cool down - soil is formed, rocks solidify, oceans are formed and landmasses become continents.
“สำหรับตอนนี้ ฉันกำลังพยายามอธิบายการสร้าง (การถือกำเนิดของสรรพสิ่ง) ให้คุณฟัง ในช่วงหลายพันล้านปี (สำหรับผู้สร้างแน่นอน มันคือ ‘ปัจจุบัน’ ตลอดกาล แต่มันง่ายกว่าสำหรับความเข้าใจของเราที่จะนับเป็นพันล้านปี) โลกทั้งหมด ดวงอาทิตย์ และอะตอมถูกสร้างขึ้น อย่างที่คุณได้เรียนในโรงเรียน ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ของพวกมัน และบางครั้งก็มี ดวงจันทร์บริวารของตัวเอง และอื่นๆ ในบางเวลาในระบบสุริยะบางแห่ง ดาวเคราะห์บางดวงเย็นตัวลง - ดินก่อตัว หินแข็งตัว มหาสมุทรก่อตัว และผืนดินได้กลายเป็นทวีป
‘Finally, these planets become habitable for certain forms of life. All this was in the beginning, in the imagination of The Spirit. We can call his first force the ‘Atomic force’.
“ในที่สุด ดาวเคราะห์เหล่านี้ก็กลายเป็นที่อยู่อาศัยได้สำหรับสิ่งมีชีวิตบางรูปแบบ #ทั้งหมดนี้อยู่ในจินตนาการของจิตวิญญาณสูงสุดตั้งแต่แรกเริ่ม เราสามารถเรียกพลังแรกของพระองค์ได้ว่า ‘#พลังปรมาณู’
‘At this stage, by his second force, he conceived the primary living creatures and many of the primary plants, from which later derived the sub-species. This second force we will call the ‘Ovocosmic Force’, as these creatures and plants were created by simple cosmic rays, which ended up with cosmic eggs.
“ในขั้นตอนนี้ ด้วยพลังที่สองของพระองค์ พระองค์คิดค้นสิ่งมีชีวิตขั้นต้นและพืชขั้นต้นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาก่อให้เกิดสายพันธุ์ย่อย พลังที่สองนี้เราจะเรียกว่า ‘#พลังโอโวคอสมิก’ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตและพืชเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดย รังสีคอสมิกอย่างง่าย ซึ่งจบลงด้วยไข่คอสมิก
‘At the very beginning, The Spirit imagined experiencing feelings through a special creature. He had imagined Man by means of the third force that we will call the ‘Ovoastromic Force’. Thus Man was created. Have you ever considered Michel, what intelligence it took to create a human being or even an animal❓
“ในช่วงเริ่มต้นเลย จิตวิญญาณสูงสุดจินตนาการถึงการมีประสบการณ์ถึงความรู้สึกผ่าน (การเป็น) สิ่งมีชีวิตที่พิเศษ พระองค์จึงจินตนาการถึงมนุษย์โดยใช้พลังที่สาม ซึ่งเราจะเรียกว่า ‘#พลังโอโวแอสโทรมิก’ ดังนั้นมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้น คุณเคยพิจารณาไหม มิเชล ว่าต้องใช้สติปัญญามากแค่ไหนในการสร้างมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์ขึ้นมา❓
Blood that circulates thanks to the heart that beats millions of times independently of the will...lungs that purify the blood by means of a complex system...the nervous system...the brain which gives the orders, aided by the five senses...the spinal cord which is ultra-sensitive and which will make you [instantly] withdraw your hand from a hot stove so you won’t burn yourself - it would have taken one tenth of a second for the brain to issue the order to prevent your hand from being burnt.
“เลือดที่หมุนเวียนด้วยหัวใจที่เต้นนับล้านครั้งโดยไม่ขึ้นกับความตั้งใจ...ปอดที่ทำความสะอาดเลือดด้วยระบบที่ซับซ้อน...ระบบประสาท...สมองที่ออกคำสั่งโดยมีประสาทสัมผัสทั้งห้าช่วย...ไขสันหลังที่ไวต่อความรู้สึกอย่างยิ่งซึ่งจะทำให้คุณดึงมือออกจากเตาร้อนทันทีเพื่อไม่ให้ไหม้ - มันจะใช้เวลาหนึ่งในสิบวินาทีสำหรับสมองในการสั่งการเพื่อป้องกันไม่ให้มือของคุณถูกไฟลวก
‘Have you ever wondered why, that of the billions of individuals on a planet like yours, there are no two fingerprints the same: and why, what we call the ‘crystalline’ of the blood, is just as unique among individuals as the fingerprint❓
“คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมในบรรดาประชากรหลายพันล้านคนบนดาวเคราะห์อย่างของคุณ จึงไม่มีลายนิ้วมือที่เหมือนกันเลยสองคน และทำไมสิ่งที่เราเรียกว่า ‘คริสตัลลีน’ ในเลือด จึงมีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละคนเหมือนกับลายนิ้วมือ❓
‘Your experts and technicians on Earth, and on other planets, have tried and still try to create a human body. Have they succeeded❓ In regards to the robots they have made, not even the most highly perfected will ever be more than a vulgar machine in comparison with the human mechanism.
“ผู้เชี่ยวชาญและนักเทคนิคบนโลก และบนดาวเคราะห์อื่นๆ ได้พยายามและยังคงพยายามสร้างร่างกายแบบมนุษย์ พวกเขาประสบความสำเร็จไหม❓ เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ที่พวกเขาสร้าง แม้แต่ตัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็จะไม่มีวันเป็นอะไรที่มากไปกว่าเครื่องจักรแบบหยาบๆ เมื่อเทียบกับกลไกของร่างกายมนุษย์
‘To go back to the crystalline I mentioned just now, it is best described as a certain vibration particular to the blood of each individual. It has nothing to do with the blood group. Various religious sects on Earth believe absolutely in the ‘rightness’ of refusing blood transfusions.
Their reasons relate to the teachings and books of their religious teachings and their own interpretations of these, whereas they should look to the real reason, which is the impact the different vibrations have on each other.
“กลับมาที่คริสตัลลีนที่ฉันเพิ่งพูดถึง มันคือการสั่นสะเทือนเฉพาะในเลือดของแต่ละบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับกรุ๊ปเลือด ลัทธิทางศาสนาต่างๆบนโลกเชื่ออย่างสมบูรณ์ในความ ‘ถูกต้อง’ ของการปฏิเสธการรับเลือด เหตุผลของพวกเขาเกี่ยวข้องกับคำสอนและคัมภีร์ทางศาสนาและการตีความของพวกเขาเอง ในขณะที่พวกเขาควรมองหาเหตุผลที่แท้จริง ซึ่งก็คือ #ผลกระทบที่การสั่นสะเทือนต่างๆมีต่อกัน
‘If it is a large transfusion, it can have an influence on the recipient to a degree and, for a length of time, which varies according to the volume of the transfusion. This influence, of course, is never dangerous.
“ถ้าเป็นการให้เลือดในปริมาณมาก มันสามารถมีอิทธิพลต่อผู้รับในระดับหนึ่งและเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันไปตามปริมาณเลือดที่ได้รับ อิทธิพลนี้ แน่นอน ไม่เคยเป็นอันตราย
‘After a time, which never exceeds one month, the vibrations of the recipient’s blood takes over, leaving no trace of the vibrations of the donor’s blood.
“หลังจากระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเกินหนึ่งเดือน การสั่นสะเทือนของเลือดผู้รับจะเข้าควบคุม โดยไม่เหลือร่องรอยของการสั่นสะเทือนของเลือดผู้บริจาคเลย
‘It shouldn’t be forgotten that these vibrations are much more [5] a feature of the physiological and fluidic body than that of the physical body.
“ไม่ควรลืมว่าการสั่นสะเทือนเหล่านี้เป็นลักษณะของร่างกายทางสรีรวิทยาและของเหลวมากกว่าร่างกายทางกายภาพ
‘But I notice that I have deviated greatly from my subject, Michel. In any case, it is time now to rejoin the others. We are not far from arriving at Thiaoouba.’
“แต่ฉันสังเกตว่าฉันได้เบี่ยงเบนไปจากหัวข้อเดิมมากแล้ว มิเชล อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปพบกับคนอื่นๆแล้ว เพราะเราใกล้จะถึงเทียร์อูบาห์แล้ว”
...
(((มีต่อ)))
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
