5 ชั่วโมงที่แล้ว • สุขภาพ

จากยาเบาหวานสู่ยาบำบัดสมอง: การเดินทางแห่งการค้นพบศักยภาพของยา GLP-1 RA

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ยา GLP-1 RAs เดิมทีถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษา โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และ โรคอ้วน ในช่วงแรกนั้นเอง ยาเหล่านี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น "เกมเปลี่ยนโลก" และ "ยาที่สร้างความก้าวหน้า" ในวงการแพทย์
เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดน้ำหนัก และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย ทำให้ตลาดยาเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในและนอกข้อบ่งชี้ (off-label) เพื่อลดน้ำหนัก
แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงครับ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ตัวรับ GLP-1 (GLP-1 receptor) ไม่ได้มีอยู่แค่ในระบบทางเดินอาหารและตับอ่อนเท่านั้น แต่ยังพบในสมองและระบบประสาทส่วนกลางด้วย การค้นพบนี้เองที่จุดประกายให้นักวิจัยเริ่มตั้งคำถามว่า ยา GLP-1 RAs ที่เดิมทีใช้รักษาเบาหวานและโรคอ้วน จะมีผลต่อสมองและจิตใจของเราหรือไม่?
เมื่อเกิดคำถามขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มทำการศึกษาในห้องปฏิบัติการครับ งานวิจัยในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในสัตว์ทดลอง เพื่อดูว่ายา GLP-1 RAs จะมีผลต่อสมองอย่างไรบ้าง และผลที่ออกมาก็สร้างความประหลาดใจไม่น้อยเลยครับ
ในการศึกษาเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อม พบว่ายา GLP-1 RAs สามารถช่วยลดการสะสมของโปรตีนอะไมลอยด์และโปรตีน tau ในสมองของสัตว์ทดลองที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้ยังพบว่ายาเหล่านี้ช่วยลดการอักเสบในสมอง และส่งเสริมการทำงานของเซลล์ประสาทอีกด้วย ข้อมูลเหล่านี้เองที่เป็นเหมือน "แสงแรก" ที่ส่องให้เห็นถึงศักยภาพของยา GLP-1 RAs ในการดูแลสมอง
ต่อมา นักวิจัยได้ขยายการศึกษาไปยัง โรคพาร์กินสัน และก็พบแนวโน้มในเชิงบวกเช่นกันครับ มีงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่ายา GLP-1 RAs สามารถช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันได้
เมื่อเห็นแนวโน้มที่ดีจากงานวิจัยในสัตว์ทดลอง นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มก้าวเข้าสู่ การศึกษาในมนุษย์ ครับ โดยเริ่มจากการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มี โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และ โรคอ้วน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ยา GLP-1 RAs อยู่แล้ว
ในช่วงแรกของการศึกษาในมนุษย์ ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก ตัวอย่างเช่น งาน meta-analysis ในปี 2022 ที่รวบรวมข้อมูลจาก ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 7,732 คน ไม่พบผลกระทบที่ชัดเจนของยา GLP-1 RAs ต่อการทำงานของสมอง เมื่อวัดด้วยแบบทดสอบ MMSE และ MoCA ในระยะเวลาหลายเดือน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป และมีการศึกษาในระยะยาวมากขึ้น ข้อมูลที่น่าตื่นเต้นก็เริ่มปรากฏขึ้นครับ งานวิเคราะห์ข้อมูลแบบ pooled analysis ในปี 2022 ที่ติดตาม ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 15,820 คน เป็นเวลานาน ถึง 3.8 ปี
พบว่าการใช้ยา semaglutide และ liraglutide ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ ถึง 53% เมื่อเทียบกับยาหลอก (placebo) ข้อมูลนี้เองที่ทำให้ความหวังในการใช้ยา GLP-1 RAs เพื่อป้องกันและรักษาโรคสมองเสื่อมเริ่มชัดเจนขึ้น
ในส่วนของโรคพาร์กินสัน ก็มีงานวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ที่ให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจเช่นกัน ตัวอย่างเช่น งานวิจัย RCT ในผู้ป่วยพาร์กินสัน 60 คน พบว่ายา exenatide ช่วยให้อาการทางด้านการเคลื่อนไหวดีขึ้น เมื่อเทียบกับยาหลอก
เมื่อเห็นแนวโน้มที่ดีในโรคสมองเสื่อมและโรคพาร์กินสัน นักวิจัยก็เริ่มขยายขอบเขตการศึกษาไปยัง โรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมองและจิตใจ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคติดสารเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของสังคม
งานวิจัยในสัตว์ทดลอง พบว่ายา GLP-1 RAs สามารถช่วยลดความอยากสารเสพติดได้หลายชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ฝิ่น โคเคน และนิโคติน กลไกที่คาดว่าเกี่ยวข้องคือการปรับเปลี่ยนระบบโดปามีนในสมอง ซึ่งเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับความสุขและรางวัล
ในส่วนของการศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ ยังมีจำนวนจำกัด แต่ก็มีงานวิจัยบางส่วนที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น งานวิจัย RCT ใน ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง 127 คน พบว่ายา exenatide อาจช่วยลดจำนวนวันที่ดื่มหนักได้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะอ้วนร่วมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับ โรคจิตเภท โรคอารมณ์แปรปรวน (เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์) และโรคการกินผิดปกติ แต่ข้อมูลในด้านนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และผลลัพธ์ยังไม่สอดคล้องกันเท่ากับโรคสมองเสื่อมและโรคติดสารเสพติด
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่ายา GLP-1 RAs อาจช่วยลดผลข้างเคียงทางเมตาบอลิกจากยารักษาโรคจิต และอาจมีผลต่อการทำงานของสมองในด้าน executive function ในผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรปรวน
Established and putative modes of action of GLP-1RAs for cognitive and mental health disorders.
ถึงแม้ว่าการเดินทางของการค้นพบศักยภาพของยา GLP-1 RAs ในด้านสุขภาพสมองและจิตใจจะดูสดใสและมีความหวัง แต่ก็ยังมี ข้อควรระวัง ที่ต้องคำนึงถึงครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางด้านจิตเวช มีรายงานผู้ป่วยบางรายที่เกิดอาการซึมเศร้าหรือมีความคิดอยากฆ่าตัวตายขณะใช้ยา GLP-1 RAs ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลยาในหลายประเทศเริ่มตรวจสอบประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด
ในปัจจุบัน การวิจัยเกี่ยวกับยา GLP-1 RAs ในด้านสุขภาพสมองและจิตใจยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้นครับ นักวิทยาศาสตร์กำลังมุ่งเน้นไปที่
การศึกษาทางคลินิกแบบ RCTs ขนาดใหญ่ ในมนุษย์ เพื่อยืนยันผลลัพธ์ และหาแนวทางการใช้ยา GLP-1 RAs ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรคต่างๆ
การศึกษาเชิงกลไก เพื่อทำความเข้าใจกลไกการทำงานของยา GLP-1 RAs ในสมองและระบบประสาทส่วนกลางให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การพัฒนายา GLP-1 RAs รุ่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลข้างเคียงน้อยลง และสามารถเข้าสู่สมองได้ดีขึ้น
จากเรื่องราวการเดินทางที่เราได้ร่วมสำรวจกันมา จะเห็นได้ว่ายา GLP-1 RAs ได้ก้าวข้ามขอบเขตของการเป็นแค่ยาเบาหวานและยาลดน้ำหนัก ไปสู่การเป็น ความหวังใหม่ ในการดูแลสุขภาพสมองและจิตใจของเราครับ ถึงแม้ว่าการเดินทางนี้จะยังไม่สิ้นสุด และยังมีคำถามอีกมากมายที่รอการค้นหาคำตอบ
แต่ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ถือว่าน่าตื่นเต้น และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากยาเหล่านี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกท่านครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
โฆษณา