18 มี.ค. เวลา 22:55 • ท่องเที่ยว

ปิ๊กบ้าน 0.4 "จบทริป"

และแล้วพวกเราก็มาถึงหมอชิตโดยสวัสดิภาพ ซึ่งทันทีที่ก้าวลงจากรถของคุณลุงคนนั้น ความวุ่นวายของสถานีแห่งนี้ก็โอบล้อมเราไว้ และเสียงประกาศตามสายดังสลับกับเสียงผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาเพื่อเดินหาของกิน
หลังจากที่ซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราทั้งสามต่างมุ่งหน้าไปยังศูนย์อาหาร เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนเดินทาง
พอถึงหน้าเคาท์เตอร์ ครูก็ให้เงินคนละ 100 บาทสำหรับค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ซึ่งตัวข้าเมื่อได้เงินมาก็กำไว้แน่น พลางกวาดตามองหาร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ จึงตัดสินใจเลือกร้านข้าวหมูแดง ด้วยเหตุผลคือราคามันย่อมเยาเป็นอย่างมาก และอีกอย่างก็อยากจะทดลองลิ้มรสดู แต่ในทันทีที่ข้าวสัมผัสกับลิ้น มันก็ให้ความรู้สึกงั้นๆ เพราะรสชาติมันก็เหมือนข้าวหมูแดงที่เราเคยลิ้มลองมาก่อน
ต่อมาเมื่อเสร็จกิจธุระ แล้วรออยู่อีกครู่หนึ่ง เสียงประกาศเรียกขึ้นรถทัวร์ก็ดังขั้น
พอเดินมาถึงชานชาลา ได้พบรถคันหนึ่งที่เก่าและทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ซึ่งมาทราบภายหลังว่ารถคันนั้นเป็นคนที่เราต้องอยู่กับมันเป็นเวลา 8 ชั่วโมง
เมื่อเข้าไปในตัวรถ ก็ได้พบเบาะนั่งที่มีรอยขาดเป็นหย่อม ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็สามารถเคลื่อนตัวไปให้เราไปถึงจุดหมายได้
ตัดภาพมายังเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเก่าเมืองเกิดของกระผม
โดยในทันทีที่รถเคลื่อนตัวเข้าสู่อาเขต ความตื่นเต้นก็เอ่อล้นในดวงมาน เพราะอีกไม่นานก็จะได้พบกับมารดาผู้เป็นที่รักยิ่งของตัวข้าน้อย
พอลงจากรถทัวร์ ผมไม่แน่ชัดว่ารถเหลืองหรือรถแดงที่มารับพวกเราไปยังช้างเผือก แต่เมื่อไปถึงจุดหมาย ครูก็ติดต่อซื้อตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางต่อไปยังไชยปราการ โดยหลังซื้อตั๋วเสร็จ ขึ้นรถออกเดินทาง แล้วช่วงระหว่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษหรือน่าจดจำ จนกระทั่งสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อรถเคลื่อนตัวใกล้ถึงบ้าน
ในช่วงเวลานี้ ทุกคนต้องตรวจสอบสัมภาระของตัวเองว่าสิ่งของที่พกติดตัว มันครบถ้วนหรือไม่ โดยวายุไม่ได้ทำของหล่นหาย คงมีแต่หัวใจที่มันฝากไว้ให้กับสาวกทม.
ส่วนผม เมื่อสำรวจดูเนื้อดูตัวก็ไม่พบว่ามีอะไรขาดหายไป แต่พอก้มลงมองไปที่เท้าของตัวเอง กลับพบว่ามีรองเท้าเหลืออยู่เพียงข้างเดียว
ซึ่งในนาทีนั้น ตัวข้ากวาดตาหาตามพื้นรอบๆ แต่ไม่ว่าจะกวาดตาจนสะอาดเพียงเท่าใด ยังไงมันก็หาไม่เจอ
อีกชั่วครู่ รถก็กำลังจะถึงที่หมาย ผมจึงมองหารองเท้าข้างที่หายไปเป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อไม่พบ จึงตัดสินใจทิ้งรองเท้าข้างที่นั้นไว้บนรถ แล้วเดินลงไปในสภาพที่สวมรองเท้าเพียงข้างเดียว
ครั้นเจอะเจอแม่ คำถามแรกที่แกเอ่ยขึ้นคือ "รองเท้าอีกข้างไปไหน"
เมื่อได้ยินคำถามเฉกเช่นนั้น จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังด้วยใจที่อยากจะระบาย
พอสาธยายจบ สีหน้าและแววตาของแม่ ทำให้สัมผัสได้ถึงความสงสารและความอยากหัวเราะไปพร้อมๆ กัน
.
โฆษณา