17 มี.ค. เวลา 22:55 • ท่องเที่ยว

ปิ๊กบ้าน 0.3

หลังจากทุกอย่างถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วนั้น อีกสักประเดี๋ยว รถสองแถวที่จ้างไว้ก็มาจอดเทียบท่าหน้าโรงแรมพอดี
พอเห็นเฉกเช่นนั้น ฉันแทบจะกระโดดขึ้นรถด้วยความดีใจ และเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้โดยสาร ตัวข้าก็ถือโอกาสยึดพื้นที่ท้ายรถเป็นของตัวเอง ซึ่งสามารถนอนกลิ้งเกลือกไปมาอย่างไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใคร
แต่ยังไงความสุขและความทุกข์ก็ไม่รอดพ้นกฎของไตรลักษณ์ คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะในทันทีที่รถแล่นเข้าเขตเมืองระยอง ผู้โดยสารที่สันนิษฐานว่าเป็นหนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่น พากันโบกรถขึ้นไปนั่งจนแน่นขนัด จนฉันต้องจำใจลุกขึ้นมานั่งให้เป็นกิจจะลักษณะอย่างเสียมิได้
พอรถหยุดเคลื่อนที่ ณ สถานีขนส่งเมืองระยอง มีลุงแก่ๆอยู่คนนึงหน้าตาดูใจดีนิดๆ แนะนำให้พวกเราขึ้นรถตู้ของเขาเดินทางไปกทม. ด้วยราคาที่เป็นกันเอง ซึ่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น จึงทำให้พวกเราจำใจที่จะต้องเดินทางไปกลับลุงคนนี้
แล้วจากนั้น อีกชั่วครู่ เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเข้าไปยังห้องของผู้โดยสาร ก่อนจะเลือกที่นั่งที่ถูกใจ แต่ในอีกไม่กี่นาที คนขับกลับไล่เราลง พร้อมให้เหตุผลว่า "เก้าอี้นั้นมีคนจับจองแล้ว"
เมื่อเป็นเช่นนั้น ครูจึงแนะนำให้ไปนั่งข้างคนขับ ซึ่งในตอนแรกกะว่าจะให้วายุเพื่อนสุดเลิฟนั่งข้างลุง ส่วนตัวข้าพเจ้าจะนั่งข้างหน้าต่าง เพราะที่นั่งข้างคนขับมันไม่มีหมอนรองคอ ทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสบาย แต่จับพลัดจับผลู อยู่ๆยังไงก็ไม่รู้ สุดท้ายกลับได้ที่นั่งสุดพิเศษที่ไม่ได้อยากจะนั่ง แต่จำใจที่จะต้องนั่งเพราะมันไม่มีที่นั่งแล้ว
แล้วอีกอย่างในระหว่างการเดินทางมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ก็มีแค่เด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนนอนหลับไหล แล้วก็ลุกขึ้นตื่นในบางช่วง บางจังหวะที่พบเจออะไรที่มันแปลกหูแปลกตา
แต่พอรถเคลื่อนตัวเข้าเมืองกรุง มีรถคันนึงปาดหน้ารถตู้ของลุงคนนี้ ซึ่งในความที่ลุงเป็นคนอารมณ์ดีจึงลงไปหาเรื่อง
ในเวลานั้นเอง ผมกับวายุ มองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเลิ่กลั่ก เพราะเกรงว่าคุณลุงคนนั้นจะได้หมัดหรือจะได้ปืน และถ้าหากโชคไม่ดีอาจจะมีลูกหลงมาโดนเราก็เป็นได้
แต่เหตุการณ์นั้นมันก็ไม่เกิดขึ้น เพราะจู่ๆ ลุงคนนั้นก็เดินกลับมาด้วยหน้าตาเซ็งๆ ซึ่งเมื่อขึ้นรถมาแล้ว แกก็ทำทีท่าบ่นอย่างโน้นทีอย่างนี้ที
.
#ขอเขียนอีกหนึ่งตอน
โฆษณา