9 ก.พ. 2020 เวลา 03:15
07 : 2,000 Kcal
สวัสดีครับวันที่ 7 ของการลดน้ำหนัก วันนี้น้ำหนักขึ้น!! ใช่ครับน้ำหนักขึ้น!! จาก 71.5 ขึ้นไป 72.0 Kg ผลจากอะไรล่ะ? ก็จากการกินถั่วลิสงต้มเข้าไปนั่นไง แต่มันจะเป็นเพราะกินถั่วลิสงเท่านั้นหรอเดี๋ยวลองมาวิเคราะห์กัน ลืมบอกไปห้ามเอาเป็นเยี่ยงอย่างแต่เอาเป็นแนวทางได้ครับ....
เช้าวันนี้ตื่นมาปกติ หิวข้าวปกติ ไม่ถ่ายรู้สึกท้องไม่ว่างแต่โอเคเพราะไม่รู้สึกแน่นท้อง จำเป็นต้องอัพเดทว่ารู้สึกอย่างไรเพราะมันเป็นการสำรวจตัวเองว่ามีอาการอะไรผิดปกติหรือเปล่าจะได้แก้ไขได้ ไม่ถ่าย ไม่แน่นท้องและน้ำหนักขึ้น 0.5 Kg ทั้งที่กินน้อยขนาดนี้ คงต้องมาทบทวนว่าเมื่อวานทำอะไรลงไป
ก่อนอื่นผมขอทบทวนพื้นฐานการลดน้ำหนักในแบบของรายการ "good shape save cost" นั่นคือการนับพลังงานของอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวันเรียกสั้นๆ ว่า "นับ Kcal" ซึ่งอาหารในแต่ละชนิดมีปริมาณ Kcal ไม่เท่ากัน เราจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าเมนูอาหารแต่ละชนิดมีกี่ Kcal เพื่อวางแผนในการกินแต่ละมื้อให้ถูกต้อง
หลักการนับ Kcal ( Kcal ย่อมาจากกิโลแคลอรี่ แต่ต่อไปนี้จะเรียกสั้นๆ ว่าแคล ) ที่ถูกต้องเพื่อการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักคือ ในแต่ละวันคนจะใช้พลังงาน 2,000 แคล
ถ้าเรากินมากกว่า 2,000 แคล มันจะทำให้สะสมและจะทำให้อ้วนขึ้น
แต่ถ้าน้อยกว่า 2,000 แคล จะดึงไขมันที่สะสมมาใช้มันจะทำให้เราผอมลง
ปริมาณ 2,000 แคล นั้นจะเปลี่ยนไปในแต่ละคน ตามเพศ อายุ สุขภาพ และวิธีใช้ชีวิตในแต่ละวัน
ถ้าผู้หญิงจะเหลือ 1,800 แคลหรือน้อยกว่านั้น คนที่อายุมากขึ้นการดูดซึมและการเผาผลาญลดลงก็ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่า 2,000 แคลเช่นกัน ทั้งนี้ต้องลองวิเคราะห์ตัวเองดู แต่สำหรับผมผมจะพยายามกดให้ต่ำกว่า 1,000 แคล ในช่วงลดน้ำหนักและในช่วงปกติจะ 1,500 แคล ( ผมอายุ 40 สูง 175 ออกกำลังกายเป็นประจำ)
ในแต่ละวันเราจะค่อยเก็บสะสมแต้มแคลอาจจะวันละ 200, 300, 800 แคล
เมื่อเราลดลงรวมกันได้ถึง 7,000 แคล น้ำหนักจะลดลง 1 Kg และถ้าเรากินเกินในทุกวันสะสมถึง 7,000 แคล น้ำหนักเราก็จะเพิ่มขึ้น 1 Kg เช่นกัน
ทั้งนี้นี่คือหลักการเพียงแค่การนับแคลเท่านั้น มีปัจจัยอีกมากมายที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มหรือไม่เพิ่ม ลดหรือไม่ลดอีก เช่น ระดับอินซูลิน ระดับคอลเลสเตอรอล ซึ่งมีผลเช่นกัน แต่สำหรับผมการนับแคลเป็นวิธีการหนึ่งที่เราประเมินผลได้ง่ายและเห็นภาพชัดเจน
สาเหตุที่ทำให้น้ำหนักผมสวิงขึ้นมาครึ่งกิโล (ต่อไปนี้จะใช้คำว่า กิโล แทน Kg จะได้เข้าปาก) ผมคิดว่าเกิดจากการกินเกินจากถั่วลิสงต้ม จากเดิมทีผมตั้งไว้ 1,500 แคล ในช่วงปกติ แต่เมื่อวานผมกินไปเกือบ 1,900 แคล จากถั่วลิสงต้ม 2 ขีด ( 1,100 แคล)
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งก็น่าจะเป็นช่วงลดน้ำหนักเป็นช่วงที่สวิงหนักมาก ถ้าหลุด! น้ำหนักจะวิ่งขึ้นวิ่งลงเร็วมาก
อีกสาเหตุหนึ่งคืออาหารที่กินเมื่อวานมีของที่มีแคลสูงซ่อนอยู่อีกนอกจากถั่วลิสง ผมคิดว่าเป็น "สาหร่ายอบกรอบ" ผมรู้สึกค่อนข้างหวาน แต่ไม่คิดว่าจะเท่ากับไซรัปในน้ำส้มครั้งก่อนและผมไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรผสมลงไปบ้าง
อย่างน้อยเมื่อวานนี้ก็ไม่ได้หลุดจากการกินเนื้อ กินแป้ง และหลงกินน้ำตาลบ้างเพราะอาหารในงานมหกรรมแบบนี้อาจจะหลุดหลงมาได้บ้าง
การปรุงรสของอาหารในงานบ้านเรามักจะติดหวาน ผมเคยกินแกงเทโพที่หวานเป็นกล้วยบวชชี กินขนมจีนน้ำยาที่หวานเป็นบัวลอย กินกาแฟอเมริกาโน่ที่หวานเป็นน้ำลำใย ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้เป็นอันตรายทั้งนั้นแม้มันจะอร่อย
บางทีที่คนไทยเป็นโรคอ้วนมากขึ้นๆ นั่นเพราะเราอาจจะไม่มีตัวเลือกมากนักก็ได้ ลองดูชาเขียวในตู้เย็นของเซเว่นสิว่าแต่ละขวดมีน้ำตาลมากขนาดไหนและมีสักกี่ยี่ห้อที่ไม่มีน้ำตาล ในเมื่อน้ำตาลมันหากินได้ง่ายขนาดนี้ นอกจากนั้นมันยังแอบแฝงมาในอาหารที่เราเลือกไม่ได้
ในญี่ปุ่นมีช่วงหนึ่งที่รัฐบาลขอความร่วมมือไปจนถึงเก็บภาษีเพิ่มเพื่อลดน้ำตาลในอาหารลง มีมาตราการเพื่อดูแลสุขภาพเพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน และปัจจุบันก็เก็บภาษีคนอ้วนเพิ่มขึ้นด้วยนะ ส่วนบ้านเราก็รณรงค์กันต่อไป
อาหารที่กินในวันนี้
• ส้ม 4 ผล 240 แคล
• น้ำเต้าหู้ทรงเครื่องไม่ใส่น้ำตาล 2 ถุง 200 แคล
• เต้าหู้ขาวผัด 200 กรัม 240 แคล
• รวม 680 แคล
น้ำหนักของวันนี้
• 72.0 Kg (+0.5)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา