11 ก.พ. 2020 เวลา 12:30 • บันเทิง
เราใช้สมองหรือใช้หัวใจมากกว่า กับคนที่เรารักครับ?
ศิลปิน Coldplay เพลง The Scientist ปี 2002
แปลเพลง - The Scientist - Coldplay - พร้อมอธิบายความหมาย
ผมกำลังดูคลิปในยูทูปครับ แล้วก็มี suggested video ขึ้นมาเรื่อยๆซึ่งทำให้ผมเผอิญไปเจอเข้ากับคลิปนึงซึ่งเป็นของรายการ The Voice ในต่างประเทศครับ ดูแล้วมันว้าวมาก มันทำให้ชอบเพลงนี้ขึ้นมาทันทีครับ จากนั้นผมก็ไปฟังของต้นฉบับจาก Coldplay แล้วก็หา cover เพราะๆฟังครับซึ่งมีคนทำ cover เพราะๆเยอะมาก :D ฟังวนไปวนมาเพลงเดียวอยู่อย่างนั้น มันติดหูมากซะจนทำให้ต้องมาแปลจนได้ :D เพลงนี้จริงๆแล้วทำนองค่อนข้างออกไปทาง dark นิดหน่อยนะครับ แต่ทำนองเมื่อถูกนำมา cover แล้วก็อร่อยใช้ได้เลยล่ะครับ ความหมายก็ลึกซึ้งใช้ได้ เหมือนกับคำถามที่จั่วไว้ข้างบนเลยครับ
Original - The Scientist - by Coldplay
Version ที่ทำให้ได้รู้จักกับเพลงนี้
Version ที่ชอบฟังมากๆ
Come up to meet you
Tell you I'm sorry
You don't know how lovely you are
I had to find you
Tell you I need you
Tell you I set you apart
Tell me your secrets
And ask me your questions
Oh let's go back to the start
Running in circles; coming up tails
Heads on a science apart
Nobody said it was easy
It's such a shame for us to part
Nobody said it was easy
No one ever said it would be this hard
Oh take me back to the start
I was just guessing at numbers and figures
Pulling your puzzles apart
Questions of science; science and progress
Do not speak as loud as my heart
Tell me you love me
Come back and haunt me
Oh and I rush to the start
Running in circles, chasing our tails
Coming back as we are
Nobody said it was easy
Oh it's such a shame for us to part
Nobody said it was easy
No one ever said it would be so hard
I'm going back to the start (Oh oh oh oh oh oh)
(Ah oh oh)
นักวิทยาศาสตร์
เข้ามาเพื่อพบเธอ
บอกเธอว่าเสียใจ
จะรู้บ้างมั้ยว่าเธอน่ารักมาก
ต้องมาตามหาเธอ
บอกชั้นต้องการเธอ
เฉลยว่าชั้นเป็นคนทิ้งเธอไป
บอกความจริงชั้นสิ
ถามสิ่งที่เธอคาใจก็ได้
ไม่งั้นก็กลับไปเริ่มต้นใหม่กันเถอะ
วิ่งวนกลับมาที่เดิมเหมือนภายเรือในอ่างน้ำ
ขบคิดถึงตรรกะเหตุผลต่างๆ
ไม่มีใครเคยบอกไว้ว่ามันเป็นเรื่องง่ายนี่
ช่างน่าละอายที่เราต้องแยกทางกัน
ไม่มีใครบอกไว้ว่ามันจะง่ายดาย
ไม่มีใครบอกด้วยว่ามันจะยากถึงเพียงนี้
โอ้..พาชั้นกลับไปเริ่มต้นใหม่เถอะ
ทำได้เพียงคาดเดาตัวเลขและรูปแบบ
หลักเหตุและผลแห่งปริศนานี้ของเธอ
พยายามหาคำตอบด้วยคำถามที่เป็นหลักการ
แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับใจที่รู้สึก
บอกหน่อยว่าเธอรักชั้น
กลับมาหลอกหลอนชั้น
ไม่ก็พาชั้นกลับไปเริ่มใหม่เถอะ
วิ่งวนกลับมาที่เดิมเหมือนภายเรือในอ่าง
กลับไปเป็นอย่างที่เราเป็นกันเถอะ
ไม่มีใครเคยบอกไว้ว่ามันเป็นเรื่องง่ายนี่
ช่างน่าละอายที่เราต้องแยกทางกัน
ไม่มีใครบอกไว้ว่ามันจะง่ายดาย
ไม่มีใครบอกด้วยว่ามันจะยากถึงเพียงนี้
โอ้..พาชั้นกลับไปเริ่มต้นใหม่เถอะ
อรรถาธิบาย
เพลงนี้เป็นการระบายความรู้สึกผิดของคนร้องครับ ข้อความหลักๆที่เพลงสื่อสารก็คือ เค้าไม่เข้าใจ รู้สึกผิดและพยายามค้นหาคำตอบให้ตัวเองอย่างหนักจนหมกมุ่นเหมือนกับตัวเองกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ (the scientist) ที่กำลังค้นคว้าวิจัยหาคำตอบในเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ
พยายามค้นหาวิธีแก้ไข (guessing numbers and figures) ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม (tell me your secrets, ask me your questions) เพราะเธอช่างน่ารักเหลือเกิน (you don't know how lovely you are) และรู้สึกผิด (I'm sorry, It's such a shame for us to part) ที่เป็นคนที่ทิ้งไปเองก่อนหน้านี้ (I set you apart)
พยายามยังไงก็คิดไม่ออกจนเหมือนมันวนกลับไปที่เดิม (running in circle) รู้สึกเหมือนพายเรืองในอ่าง (coming up tails-ไล่งับหางตัวเอง) ไล่ตามอดีตจนใกล้จะเจอต้นเหตุแล้ว (chasing our tails) แต่สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิมอยู่ดี (running in circles)
จนเรื่องราวเลยเถิดถึงขนาดที่อาจทำให้ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จนถึงกับต้องร้องขอโอกาสกลับไปเริ่มต้นใหม่ (take me back to the start)
ตรง tell me your secrets, ask me your questions นี่หมายถึงบอกชั้นสิในสิ่งที่เธอไม่เคยบอกที่เธอเคยกล้ำกลืนมันเอาไว้ ในความสัมพันธ์น่ะครับจะมีเรื่องหรือบางสิ่งบางอย่างที่เราเลือกจะเก็บไว้กับตัวเสมอไม่เคยคิดที่จะบอกออกไป คำว่า secret ตรงนี้หมายถึงสิ่งนี้แหล่ะครับ บอกชั้นสิในสิ่งที่เธอปิดเอาไว้ บอกความจริงชั้นสิเพราะตอนนั้นถ้าบอกออกไปมันอาจจะสร้างปัญหาและกลายเป็นสิ่งที่ทำลายเราก็ได้แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วนี่ ตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว (ซึ่งชั้นเป็นคนทำมันให้กลายเป็นแบบนี้เอง) หรือเธอจะถามสิ่งที่เธอไม่เคยกล้าถามมาตลอดก็ได้ ask me your questions ก็หมายถึงสิ่งนั้นเหมือนกันครับ เธอมีอะไรคาใจในตอนนั้นและเธอเลือกจะเก็บมันไว้ไม่ถามไม่บอก ตอนนี้ชั้นมาหาเธอชั้นขอโทษ ขอโอกาสชั้น บอกสิ่งเหล่านั้นมา ชั้นจะปรับตัวหรือไม่เช่นนั้นเราก็กลับไปเริ่มต้นใหม่กันดีกว่า Reboot กันเถอะ Restart กันเถอะ กลับไปจุดเริ่มต้น นั่นคือความหมายของเพลงนี้ครับ
อ้อ… อีกจุดนึงที่น่าสนใจครับ ซึ่งเป็นปรัชญาหลักของเพลงนี้เลยคือ Question of science; science and progress do not speak as loud as my heart จุดนี้ต้องแปลยาวๆทั้งประโยคครับ มันหมายความว่าถึงแม้ชั้นจะศึกษาปัญหาหรือหาคำตอบของคำถามคาใจให้ก้าวหน้าอย่างหนักถึงเพียงไหนแต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกที่ชั้นกำลังแบกรับอยู่ตรงนี้แหล่ะครับ คือที่มาของคำถามที่ผมถามไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า เราใช้สมองหรือใช้หัวใจมากกว่ากับคนที่เรารักครับ?
ในเรื่องของความสัมพันธ์นั้นปัญหาส่วนใหญ่ของมันมาจากความรู้สึกและความเข้าใจครับ หากเรามีความรู้สึกและความเข้าใจต่อบุคคลคนนั้นไปในทิศทางนึงแล้ว เราจะหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาสนับสนุนความรู้สึกเหล่านั้นและมันจะกลายเป็นสมการที่หาคำตอบไม่ถึงที่สุดว่าเหตุใดเมื่อเราสรุปลงไปแบบนั้นแล้วเรายังไม่รู้สึกดีกับมันอยู่
ความต้องการกับความถูกต้องก็ยังเป็นปัญหาคลาสสิคของเราต่อไปจนกว่าเราจะทำความเข้าใจถึงความรู้สึกที่เรามีต่อความรู้สึกเหล่านั้นยอมรับและเข้าใจมัน จากนั้นการเลือกทางออกจะชัดเจนและเป็นสิ่งที่เราสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างแน่นอนครับ
Enjoy the music ครับ :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา