9 พ.ค. 2020 เวลา 05:30 • ประวัติศาสตร์
10 เรื่องราวชีวิตของ 'ฟิเดล คาสโตร' อดีตผู้นำคิวบา ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
หลังจากโค่นล้มเผด็จการทหาร ฟุลเกนซิโอ บาติสตา ลงจากตำแหน่ง ฟิเดล คาสโตร ก็ก้าวขึ้นมาปกครองประเทศคิวบามาอย่างยาวนาน จนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้นำที่ปกครองประเทศนานที่สุดอีกคนหนึ่งของโลก และเป็นศัตรูที่ทางการสหรัฐต้องการโค่นล้มในช่วงที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่อีกด้วย และนี่คือเกร็ดสาระที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนของฟิเดล คาสโตร
1
1. มีร์ตา ดิอาซ-บาลาร์ต ขอหย่าขาดกับฟิเดล คาสโตร ผู้เป็นสามี หลังได้รับจดหมายที่ถูกใครบางคนกลั่นแกล้งด้วยการปลอมแปลงตัวอักษรภายในจดหมายระหว่างที่คาสโตรถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ จนเข้าใจผิดคิดว่าคาสโตรส่งไปให้ชู้รัก นาตาเลีย ราวัลต้า สาวไฮโซของคิวบา โดยมีร์ตาและคาสโตรมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนคือ ฟิเดล อังเคล คาสโตร ที่กระทำอัตวินิบาตกรรมในปี 2018 หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตก่อนหน้าสองปี
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
2. กล่าวกันว่าสาเหตุหลักที่คาสโตรชอบไว้หนวดไว้เครา ก็เพราะเขาต้องการให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดุดันเหมือนทหารป่า แต่ความจริงแล้ว เป็นเพราะตารางชีวิตที่แน่นเอี้ยดของคาสโตรเอง ทำให้เขาค้นพบว่าการใช้เวลาในการโกนหนวดทุกเช้ามันเป็นเรื่องที่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เขาเลยเลือกที่จะไว้หนวดยาวแบบนั้นไปเลย
1
WIKIPEDIA CC BUNDESARCHV
3. อูเบร์ บลังก้า คือวัวนมที่เป็นหนึ่งในทรัพย์สินมีค่าของฟิเดล คาสโตร ที่มีไว้ในครอบครองราวทศวรรษที่ 1980 วัวนมพันธุ์นี้พิเศษตรงที่สามารถผลิตน้ำนมได้เป็นจำนวนมาก กล่าวกันว่ามันสามารถผลิตน้ำนมได้มากถึง 110 ลิตรต่อวัน และภายหลังเจ้าวัวนมพันธุ์นี้ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อการเกษตรของคิวบา
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
4. ฟิเดล คาสโตร อ้างว่าตนเองรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารมากกว่า 638 ครั้ง โดยส่วนใหญ่มาจากสายลับของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐหรือ CIA ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อลอบสังหารเขา ไม่ว่าจะเป็นการวางยาพิษ วางระเบิด ใช้ซิการ์อาบยาพิษ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้หนวดเครารกรุงรัง ที่เปรียบเสมือนอำนาจของคาสโตรร่วงให้หมดอีกด้วย
5. คาสโตรนั้นชื่นชอบในการสูบซิการ์คิวบาเป็นอย่างมาก เขาสูบมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำตัวของเขาในช่วงวัยหนุ่ม จนกระทั่งในปี 1985 คาสโตรได้เลิกสูบซิการ์อย่างเด็ดขาดเนื่องจากปัญหาสุขภาพ
WIKIPEDIA CC VANDRAD
6. หลังจากก้าวลงจากตำแหน่งและส่งต่ออำนาจให้ ราอูล คาสโตร น้องชายเมื่อปี 2006 คาสโตรได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณในคฤหาสน์ที่ถูกตกแต่งเป็นป้อมปราการทางการทหารในเขตปันโต เซโร ในกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา โดยภายในคฤหาสน์ของคาสโตรประกอบไปด้วยเรือนกระจก มีฟาร์มวัว สวนผลไม้ และสนามยิงปืนอีกด้วย
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
7. คาสโตรเคยพบกับพระสันตะปาปา 3 พระองค์ ตลอดอายุขัยของตนเอง ได้แก่ โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2 (1988) โป๊ป เบเนดิกต์ที่ 16 (2012) และโป๊ปฟรานซิส (2015) โดยคาสโตรได้สนทนาเกี่ยวกับเรื่องศาสนากับพระสันตะปาปาทั้งสามพระองค์ แม้ว่าคาสโตรจะเป็นเอทิสต์ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าก็ตาม
8. คาสโตรนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่ทำงานหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง เลยทำให้เขาพอมีเวลาว่างอยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงเช้า กล่าวกันว่าเขามักอนุญาตให้แขกคนสำคัญจากต่างประเทศเข้าพบในช่วงเช้ามืดระหว่าง 02.00 – 03.00 น. เหตุผลเพราะในช่วงเวลานั้นแขกบ้านแขกเมืองจะมีอาการเหนื่อยล้า และหากมีข้อตกลงสำคัญ ๆ อะไร คาสโตรจะได้ใช้ความได้เปรียบตรงนี้ได้การพูดคุยหรือตัดสินใจทางธุรกิจนั่นเอง
WIKIPEDIA PD
9. ในปี 2012 ฟิเดล คาสโตร ได้รับเลือกเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกตลอดกาล แน่นอนว่าประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย บ้างก็ว่าคาสโตรคือจอมเผด็จการผู้ฝักใฝ่ในระบอบสังคมนิยม ต่อตะวันตก และเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน บ้างก็ว่าประเทศคิวบาขาดคาสโตรไม่ได้ เพราะคาสโตรเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศเล็ก ๆ ในทะเลแคริบเบียนไปแล้ว
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
10. ฟิเดล คาสโตร เป็นเจ้าของสถิติการพูดบนเวทีสหประชาชาติรวมกันเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง 29 นาที เมื่อวันที่ 26 กันยายน 1960 ที่ได้รับการบันทึกโดยกินเนสส์บุ๊คอีกด้วย
โฆษณา