26 พ.ค. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
หลังม่านซุปตาร์! เบื้องหลังชีวิตของ 'มาริลีน มอนโร' บิวตี้ไอคอนตลอดกาลของอเมริกา
หากพูดถึง นอร์มา จีน เบเกอร์ หลายคนอาจไม่รู้จักว่าเธอคือใคร แต่ถ้าบอกว่านี่คือชื่อจริงของบิวตี้ไอคอนชุปเปอร์สตาร์ตลอดกาลของสหรัฐฯ อย่าง มาริลีน มอนโร เชื่อได้ว่าหลายคนอาจจะร้องอ๋อกันทันที และนี่คือเบื้องหลังชีวิตที่หลายคนยังไม่รู้เกียวกับดาวค้างฟ้าตลอดกาลของอเมริกาคนนี้
WIKIPEDIA PD
1. มาริลีน มอนโร มีชีวิตวัยเด็กที่น่าสงสาร เธออาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และต้องเปลี่ยนครอบครัวอุปถัมภ์ถึง 11 ครั้ง จนทำให้ประวัติการศึกษาของเธอนั้นคลุมเครือ พออายุครบ 16 ปี พ่อแม่บุญธรรมก็ได้ย้ายไปแคลิฟอร์เนีย ด้วยความที่ไม่อยากกลับไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าหรือบ้านครอบครัวอุปถัมภ์แห่งใหม่ มาริลีน มอนโร จึงตัดสินใจแต่งงานกับ เจมส์ โดเฮอร์ตี้ สามีคนแรก แต่ภายหลังก็ได้หย่าร้างกัน เพราะสามีไปเป็นทหาร
1
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
2. มาริลีน มอนโร มีปัญหาเรื่องการพูดติดอ่างตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยรุ่น ก่อนที่อาการพูดติดอ่างจะหายไปในภายหลัง ทว่าด้วยความเครียด ทำให้อาการพูดติดอ่างกลับมาเล่นงานเธออีกครั้งระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตอย่าง ‘Something’s Got to Give’ ในปี 1962
3. เคยมีเพื่อนนักแสดงตั้งข้อสังเกตว่า มาริลีน มอนโร เป็นคนที่มีหลายบุคลิกในตัวเอง และมักพูดถึงชื่อของตัวเองในฐานะบุคคลที่สาม เช่นครั้งหนึ่ง ช่างภาพเคยได้ยิน มาริลีน มอนโร วิจารณ์ตัวเองไว้ดังนี้ว่า ‘เธอไม่ทำแบบนี้แน่ มาริลีนจะไม่พูดอะไรแบบนั้น’
WIKIPEDIA PD
4. มาริลีน มอนโร มีชื่อเสียงจากการร้องเพลง ‘Diamonds Are a Girl’s Best Friend’ แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้ชื่นชอบเครื่องประดับราคาแพงนัก โดยส่วนใหญ่ เครื่องประดับที่เธอสวมใสเป็นแค่คอสตูมกองถ่ายที่เป็นของทำเลียนแบบของราคาแพง ยกเว้นไข่มุกและแหวนเพชรที่ โจ ดิแมจจิโอ้ สามีคนที่สองมอบให้เธอเป็นของขวัญ
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
5. เอลลา ฟิทซ์เจอรัลด์ นักร้องเพลงแจ๊สผิวสีชื่อดังชาวอเมริกัน เคยกล่าวไว้ว่าเธอเป็นหนี้บุญคุณมาริลีน มอนโร เนื่องจากซูเปอร์สตาร์สาวเคยกล่าวกับผู้จัดการไนต์คลับที่มีชื่อเสียงในทศศวรรษที่ 50 อย่างโมคอมโบ ว่าเธอต้องการจองโต๊ะแถวหน้าทุกคืนเพื่อเข้ามาชมการแสดงของเอลลา จนทำให้เอลลาโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วสหรัฐฯ ในภายหลัง ในฐานะศิลปินคนโปรดของมาริลีน มอนโร
6. มาริลีน มอนโร เคยศรัทธาในนิกาย Christian Scientist ตอนอายุ 18 ปี ภายหลังชีวิตของเธอได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องปรัชญาและจิตวิญญาณ และต่อมาเธอก็สนใจในเรื่องมานุษยวิทยาและปรัชญา ก่อนเปลี่ยนมานับถือศาสนายูดาห์ ตามสามีคนที่สามอย่าง อาเธอร์ มิลเลอร์
WIKIPEDIA PD
7. กล่าวกันว่าเครื่องแต่งกายของมาริลีน มอนโร มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยชุดที่มีราคาแพงที่สุด คือชุดที่เธอสวมในไปในงานสุขสันต์วันเกิดของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ที่ประมูลขายได้ราคาสูงถึง 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 153 ล้านบาท) เลยทีเดียว
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
8. มาริลีน มอนโร ได้ค่าตัวจากการถ่ายนู้ดในปี 1949 เพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,600 บาท) ถ่ายไว้โดยช่างภาพ ทอม เคลลีย์ และถูกนำมาใช้เป็นปฏิทิน ภายหลัง ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ บรรณาธิการนิตยสารเพลย์บอยได้ซื้ออัลบั้มภาพของมาริลีน มอนโร ในอีกหลายปีต่อมาด้วยราคาสูงถึง 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 16,000 บาท) มาลงนิตยสารเพลย์บอย จนทำให้เขาฟันกำไรอื้อซ่าจากการขายหนังสือเลยทีเดียว
WIKIPEDIA PD
9. มาริลีน มอนโร เป็นนักอ่านตัวยง หลังจากที่เธอเสียชีวิต พบว่าเธอมีหนังสือที่ถูกเก็บไว้บนชั้นวางกว่า 400 เล่ม โดยเฉพาะนิตยสารที่เธอให้สัมภาษณ์หรือถ่ายแบบเอาไว้ จากภาพถ่ายหลายพันรูป พบว่าเธอชอบให้ตากล้องถ่ายภาพที่แสดงการเขียนหนังสือของเธอ มาริลีนเคยกล่าวว่าเธอชอบไปร้านหนังสือตอนที่ไม่มีงานถ่ายภาพยนตร์หรือถ่ายแบบ โดยเธอจะลองสุ่มหนังสือขึ้นมาเปิดดูและอ่านเรื่องย่อก่อน ถ้าเธอชอบเล่มไหน เธอก็จะซื้อเล่มนั้นทันที
1
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
10. ตอนที่ยังมีชีวิต มาริลีน มอนโร ได้ขอให้ โจ ดิแมจจิโอ สามีคนที่สองสัญญากับเธอว่า ถ้าหากเธอต้องตายก่อน โจจะต้องเอาดอกกุหลาบไปวางที่หลุมฝังศพของเธอทุกอาทิตย์ และสามีของเธอ ก็ได้ทำตามสัญญาด้วยการนำกุหลาบแดงไปวางไว้บนหลุมฝังศพของมาริลีนหลังจากเสียชีวิตไปแล้วเป็นเวลาถึง 20 ปี เลยทีเดียว
โฆษณา