25 ก.ค. 2020 เวลา 22:55 • ไลฟ์สไตล์
แชร์มุมมองจากการเล่นเกมส์
ผมยังเป็นคนวัยใกล้ 40 ที่ยังเล่นเกมส์อยู่ครับ แต่การเล่นลดลงกว่าแต่ก่อนแล้ว ผมอยู่ในยุคแรกของการเล่นเกมส์ เครื่องเล่นเกมส์แรกที่มีคือ Atari 2600 มาจนเป็นเครื่องเกมส์ Famicom จนได้คอมพิวเตอร์เครื่องแรกเป็น Intel Pentium 166 MHz MMX และได้เล่นเกมส์มามากมายในทุกเครื่องเล่นเกมส์ได้เล่นทั้งเกมส์ถูกลิขสิทธิ์และผิดลิขสิทธิ์
ถ้าจะถามว่าในชีวิตมีเกมส์ไหนที่ดูดช่วงเวลาชีวิตไปยาวนานมากๆ ผมมีมาแชร์ 3 เกมส์ ว่าเวลาที่ผมทุ่มเทลงไปสุดท้ายในปัจจุบันผมได้เรียนรู้อะไร และสิ่งที่เคยเล่นเกมส์ในอดีตได้ส่งผลกระทบอะไรในปัจจุบัน
1. Diablo 2 เป็นเกมส์แรกที่ผมว่าใช้เวลาเล่นกับมันเป็นเกิน 1,000 ชั่วโมง และเป็นเกมส์ที่เล่นหนักมากเมื่อ 20 ปี ที่แล้วสมัยเริ่มอยู่ปริญญาตรี ถามว่าทำไมช่วงนั้นใช้เวลาเล่นนานก็เพราะว่าเกมส์นี้มีตัวละครหลายอาชีพ และแต่ละอาชีพก็มีหลายสายความเก่งและสมัยตอนนั้นสิ่งที่แปลกคืออยากลองเล่นไปทุกแบบ เพราะเห็นว่าแต่ละสายสุดท้ายสามารถเก่งในแบบที่แตกต่างกันได้ รวมถึงในเกมส์สามารถเล่นซ้ำวนไปมาได้มากมาย สุดท้ายเลยเป็นเกมส์ที่ได้เล่นในทุกตัวละคร ยิ่งช่วงท้ายของการเล่นเพิ่มความท้าทายเข้าไปถึงโหมด Hardcore ที่มีชีวิตเดียวตายได้แค่ครั้งเดียวก็ยังเล่นไปอีกหลายๆตัวละคร
 
สิ่งที่เรียนรู้จากเกมส์นี้
เป็นเกมส์แรกที่ทำให้กล้าพิมพ์คุยภาษาอังกฤษกับต่างชาติเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ
เป็นเกมส์แรกที่ทำให้สนใจในความละเอียดความลึกของการปรับแต่งสกิล การผสมของ การดึงความสามารถของตัวละครให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นได้
เป็นเกมส์แรกที่เมื่อมีไอเดียอยากจะสร้างตัวละครใหม่ในทางใด ได้ลงมือลงแรงลงเวลาในการเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร
เป็นเกมส์ที่ทำให้รู้ว่า ความสนุก และความสุขของการเล่นเกมส์ ไม่ใช่ตอนตัวละครที่เก่ง และเทพ จนแต่ละวันเข้ามาเพื่อฟาร์มหาของ แต่คือความสนุกตอนที่ยังไม่เก่ง และหาวิธีให้ตัวละครนั้นเก่งขึ้นมากกว่า
 
2. Ragnarok Online อีก 1 เกมส์ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัยทั้งตรีถึงโท เป็นเกมส์ที่ทำให้เปลี่ยนแปลงจากผู้เล่น เป็นผู้ค้าขายในเกมส์ เป็นเกมส์ที่ได้เรียนรู้ด้านมืดของตัวเอง ด้านมืดของคนรอบข้าง และเป็นเกมส์ที่เจอมิตรภาพในโลกออนไลน์ เป็นช่วงชีวิตสีเทาที่สามารถหารายได้ในระดับ 3-5 หมื่นต่อเดือนได้สมัยรุ่งๆ เป็นเกมส์ที่มีตัวละครเงินตัน 2147 ล้านมากกว่า 5 ไอดี และเป็นเกมส์ที่สนุกกับการค้าขายและขายของตี +10 ในยุคนั้น
สิ่งที่เรียนรู้จากเกมส์นี้
โลกธุรกิจที่อ่านในตำราอย่างไรก็สู้การปฏิบัติจริงไม่ได้ การได้สัมผัสรูปแบบการโกงทุกรูปแบบ การขาดทุนจากการโดนโกง การเรียนรู้กลไกตลาด การค้าขายในตลาด
 
ความสำเร็จจากเงินต่อเงินในการทำธุรกิจ ไม่น่าเชื่อว่า 1 ล้านแรกในเกมส์สมัยไม่มีบอทหายากมาก สมัยแรก 1 ล้านในเกมส์ขายได้ 7-8 ร้อยบาท มาสู่ยุคบอทรุ่งเรืองที่เหลือ 1 ล้านไม่ถึง 30 บาท แต่การที่จะมีเงินในเกมส์ในระดับพันล้านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายการที่ยุคนั้นผมสามารถเล่นเกมส์โดยยอมรับความเสี่ยงในการขายของตีบวก +8 +9 + 10 และเปลี่ยนเงินจากตอนมีต้นทุนประมาณ 5 ร้อยล้าน จนมีเงินระดับหมื่นล้านก็เป็นอะไรที่สนุก และสุดๆ จริงๆ ในชีวิตพ่อค้าที่วันๆ ได้คุยได้เจอคนทุกรูปแบบเจอทั้งคนที่ดีมากๆ คนที่ดีมากๆ ที่โดนโกง คนที่เข้ามาเพื่อโกงต่างๆ เหล่าผู้คนที่พบเพื่อจาก
เข้ามาเพื่อรู้จักและห่างหายไปตามกาลเวลา แต่เป็นยิ่งกว่ามิตรภาพและประสบการณ์ที่ทำให้หลายๆ อย่างผมยังใช้ได้จนถึงการทำงานปัจจุบัน
 
3. ROV เกมส์เดียวที่ตอนนี้ยังเล่น ผมหยุดมีเครื่องเล่นเกมส์ตั้งแต่สมัย PlayStation 2 และตอนนี้ในมือถือเองก็จะลงเกมส์แค่ 1 เกมส์ ถ้าวันใดได้ลองเกมส์ใหม่แล้วน่าสนใจหรือสนุกกว่าผมจะลบเกมส์เดิมออกแล้วเหลือ 1 เกมส์ หลายปีมานี้ผมไม่ได้เล่นเกมส์อื่นเลยมีลองเอามาลงแต่ไม่เกินวันสองวันก็ลบออกเหลือแต่ ROV ที่ยังคงเหลือติดมือถือ กับจำนวนตาที่เล่นกว่า 5 พันตา และยังคงเล่นต่อไป
สิ่งที่เรียนรู้จากเกมส์นี้ สั้นๆ ง่ายๆ "ความไม่สมบูรณ์แบบ" ผมเล่นมาเกิน 5 พันตา ส่วนใหญ่พวกเพื่อนๆ ผมไม่มีใครเล่นเกมส์นี้ดังนั้นเวลาเล่น ก็เป็นการสุ่มเจอคนกลุ่มใหม่ตลอดเวลา และผมเองก็จัดว่าเป็นคนเล่นเกมส์ไม่เก่งมากด้วย ผมเคยเล่นถึงยศสูงสุดในระบบจัด Rank ของ ROV ครั้งเดียวตั้งแต่เล่นมาครับ จำได้ว่า ดาวสุดท้ายกว่าจะได้มานั้น ผมใช้จำนวนเกมส์ประมาณ 8 เกมส์กว่าจะได้มา เพราะชนะแพ้วนๆ กันไป ไม่ชนะต่อเนื่องกันซะที หลังจากนั้นผมก็เล่น Rank บ้างแต่ก็ไม่ได้เน้นแต่ Rank เพราะผมสนุกกับการเปลี่ยนตัวละครเล่นไปเรื่อยๆ ปรับของ พลังแฝงไปมา เล่นทุกตำแหน่งทุกตัวละคร และสนุกกับการหาความเก่งของตัวละครแต่ละตัว น่าจะเป็นเกมส์ที่ต่างจาก 2 เกมส์ข้างต้นที่ผมได้กำไรเป็นตัวเงินจากรายรับในการเล่นเกมส์ แต่เกมส์นี้สอนให้ผมรู้ว่า ในแต่ละวันแม้ว่าเราพร้อมและเรามั่นใจขนาดไหน แต่ในบริบทชีวิตที่เราต้องจับคู่จัดทีมร่วมทำภารกิจกับคนไม่รู้จัก มันมีโอกาสที่จะดีใจเสียใจผิดหวังได้ทุกเมื่อ สรุปแล้วเกมส์นี้ถึงผมเล่นมา 5 พันกว่าตา แต่อัตราชนะผม 50% นิดๆ เองครับ แปลว่า
ผมเรียนรู้ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ไม่เป็นดังหวังในเกมส์เกือบทุกวัน เป็นความรู้สึกที่ได้ฝึก (แต่ไม่เคยชิน) ในเกมส์สม่ำเสมอ
เพื่อในชีวิตจริงจะได้เจอกับความสำเร็จเมื่อต้องทำงานร่วมกับคนอื่นที่ไม่รู้จักหรือรู้จักเคยทำงานร่วมกันแล้ว ไม่ใช่ต้องเจอกับความล้มเหลว ผิดพลาด แบบ 50:50 เหมือนในเกมส์ครับ (ไว้เป็นเวทีเสพความผิดหวังในความทุ่มเทเฉพาะเวลาเล่นเกมส์พอ)
หมายเหตุ ถึงจะล้มเหลวแต่ผมก็สร้างภูมิคุ้มกันไว้ทุกวัน (แพ้เยอะ ผิดหวังเยอะ แต่ไม่คิดจะชิน เป็นการเรียนรู้และเข้าใจตัวเองในความรู้สึกนั้น)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา