8 ส.ค. 2020 เวลา 22:55 • ไลฟ์สไตล์
ประสบการณ์หน้าชาที่จำได้ถึงปัจจุบัน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีโอกาสทบทวนตัวเองในหลายๆ อย่าง และทบทวนตัวเองไปไกลถึงสมัยเรียนปริญญาโท ปริญญาตรี มัทยมปลาย ทั้งนี้นอกจากได้ดูรูปภาพตัวเองผ่านวัยต่างๆ (และรู้ตัวทันทีว่า...นี้ตัวเราแก่มากขึ้นแล้วจริงๆ นะเนี้ย....เริ่มยอมรับความแก่ซึ่งเป็นความจริงของชีวิตมากขึ้น) ก็หวนคิดถึงประการณ์ในอดีตที่ทำให้รู้สึกว่าหน้าชา เลยนำมาเล่า 3 ช่วงเวลาที่จำได้ในปัจจุบัน
แปลกมากเลยครับช่วงตอนหน้าชาสมัยนั้นอารมณ์น่าจะรู้สึกแย่มากๆ แต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกเฉยๆ และอมยิ้มมากกว่า รู้สึกว่าปัญหาในแต่ละวันที่เข้ามากระทบช่วงนี้จะหนักหนาเชิงความรู้สึกมากกว่า
และทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้ว ปัญหาในบางเรื่องที่คิดว่าใหญ่มากๆ เดี้ยวมันก็จะผ่านไป
และเวลาบทจะเร็วผมก็ว่ามันเร็วจริงๆ ผมใช้โอกาสผ่านช่วงเวลามาได้เยอะจริงๆ
1. ประสบการณ์หน้าชาสมัยปริญญาตรี
หน้าชาจากการถูกสาวปฏิเสธรักครับ.... คืออาจเป็นเพราะความติสท์ที่มีมาตั้งแต่สมัยเด็กที่ชอบผู้หญิงแต่งตัวชุดนักศึกษาที่แต่งตัวแบบเสื้อแขนยาวกระโปรงยาวผมยาวซึ่งส่วนใหญ่จะเจอแต่งแบบนี้น้อย ตอนที่เจอตอนแรกน่าจะเป็นตอนเรียนปีสองเทอมสองก็มองมาเรื่อยเพราะอยู่ต่างคณะแต่พอดีน้องเขาจะแวะมาทางที่โรงอาหารคณะเป็นครั้งคราว(น้องปีหนึ่ง)..ตอนนั้นก็บอกกับเพื่อนว่าถ้าน้องเขาขึ้นปีสองแล้วแต่งตัวยังเป็นอย่างนี้และหากไม่มีแฟนอยู่นะจะเดินไปบอกรักกลางโรงอาหารเลยแล้วเวลาก็ผ่านมาประมาณนึงจนน้องเขาขึ้นปีสอง น้องเขาก็ยังแต่งตัวเป็นสไตล์เดิมตลอดก็เลยถึงเวลาที่ต้องทำตามสัญญาเดินไปบอกรัก ซึ่งผมวัยรุ่นคนจริงอยู่แล้ว
วันนั้นน้องเขาก็มากับเพื่อนๆ เป็นกลุ่มใหญ่มากเลยน่าจะ 10 กว่าคนทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ตอนนั้นโต๊ะอาหารจะเป็นที่เหมือนโต๊ะไม้ ผมก็เดินเข้าไป โต๊ะนึงจะนั่งได้ประมาณ 8 คนครับ เข้าไปก็แนะนำตัวครับและก็คุกเข่ากับพื้นและจับมือน้องเลยครับ (น้องคง งง งง เพราะให้จับมือแต่โดยดี) และสารภาพว่ารู้สึกดีด้วยขอคบเป็นแฟนครับ (ตอนเข้าไปเข้าไปคนเดียวพวกเพื่อนๆ ก็ไม่กล้าเข้ามาครับ)
ทันใดนั้นน้องก็ตอบกลับมาแบบสุภาพมากๆ เลยครับ ว่า....ตอนนี้ไม่โสดแล้วพี่เพราะเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา (ไม่น่าเกิน 2 เดือน) พึ่งมีคนมาขอคบเป็นแฟนแล้วก็กำลังเริ่มศึกษาดูใจเลยไม่สามารถลองศึกษาดูใจกับพี่ได้....แต่เป็นการปฏิเสธที่เรียบร้อยและสุภาพมากๆ ครับ แต่จังหวะนั้นหน้าชามากๆ ครับ มันหลายความรู้สึกจริงๆ
หลังจากนั้นก็เจอน้องเขาก็คุยกันสนิทกันนะครับอีกเป็นปี จนน้องเขาเริ่มจริงจังกับแฟนน้องเขามากขึ้น และไม่อยากให้น้องมีประเด็นกับแฟน ก็เริ่มห่างๆ ไป อาจเนื่องจากวิชาเรียนปีท้ายๆ ด้วย ที่เริ่มเข้าเรียนตรงกับคณะที่เลือก เลยมีวิชาที่เรียนร่วมต่างคณะน้อยลง และก็ผ่านเลยตามเวลา
2. ประสบการณ์หน้าชาสมัยปริญญาโท
เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่เรียนโทเข้าสู่ปีที่ 2 เริ่มมีความมั่นใจในเรื่องของศาสตร์ที่เรียน ประสบการณ์ในการนำเสนอต่างๆ ในหน้าชั้น จนวิชาหลังๆ ที่เรียน เริ่มมั่นใจจนไม่ต้องซ้อมนำเสนออะไรมาก่อน ไปสดเอาที่หน้าชั้น พอดีวิชานั้นเป็นการนำเสนอโครงการใหญ่ มีนำเสนอ 8 กลุ่ม และผมเป็นกลุ่มท้ายๆ ตอนเรียนก็ไม่ได้ฟังว่ากลุ่มอื่นนำเสนออะไรบ้าง รู้แค่ว่าเดี้ยวต้องไปนำเสนอของกลุ่มในเรื่องอะไรบ้าง แต่ไม่ได้เตรียมในเรื่องความเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นๆ หรือ สิ่งที่เรียนรู้ ต่อยอดกันระหว่างกลุ่มเลย ถึงเวลานำเสนอ ก็นำเสนอเต็มที่พูดแต่สิ่งที่อยากพูดที่กลุ่มทำมาตลอด จัดเต็ม เนื้อหาวันนั้นจริงๆ มันคงซ้ำกับกลุ่มอื่นแล้วไม่มีอะไรต่อยอดจริงๆ พอนำเสนอจบ อาจารย์ประจำวิชาก็หยิบกระดาษออกมาแล้วฉีกๆ ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ และบอกผมว่าให้ผมลองตั้งใจหยิบกระดาษนะ สิ้นเสียงนั้น
อาจารยก็ขว้างกระดาษที่ฉีกมาทางผม แน่นอนตอนนั้นผมหน้าชาและหยิบกระดาษอะไรไม่ได้ซักชิ้น
1
และอาจารย์ก็บอกว่าวันนี้สิ่งที่เธอนำเสนอเหมือนกับที่อาจารย์สอนเธอไปเมื่อกี้ อาจารย์ไม่สามารถจับประเด็นที่เธอต้องการสื่อมาให้อาจารย์ได้เลย เพราะเธอส่งประเด็นมามากมายตามที่เธออยากพูด
ถามว่าหลังจากนั้นเป็นอย่างไร ข้อดีของการเรียนปริญญาโทคือ การเรียนรู้จบไปเป็นวันๆ เป็นคลาสๆ พอไปอีกวันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับอดีตในวันนั้นแล้ว หลังจากผมจบและทำงานผมก็เคยได้รับโอกาสไปพูดที่เวทีใหญ่ และอาจารย์ท่านเดิมก็บอกว่าเดี้ยวนี้ทำได้ดีกว่าสมัยตอนเรียนเหมือนคนละคนเลยนะ Q(*0*)Q
3. ประสบการณ์หน้าชาสมัยทำงาน
เป็นสมัยเริ่มทำงานที่ได้ความเชื่อใจจากผู้บริหารที่นับถือ ให้ทำโครงการและให้ออกแบบในแต่ละกระบวนการและให้สิทธิ์ลงมือปฏิบัติในบางเรื่องได้เอง พอดีครั้งนั้นผมบริหารจัดการกระบวนการพลาดในหลายๆ เรื่อง ผมเดินมาแจ้งประเด็นว่าผมทำผิดพลาดกับผู้บริหารเพื่อขอความช่วยเหลือ และผู้บริหารก็บอกว่า "ครั้งนี้คุณทำให้ผมผิดหวังที่เชื่อใจ ต่อไปจะเริ่มทำในกระบวนการย่อยอะไรมาเกริ่นเล่าคุยกับผมก่อนเพื่อผมจะได้แนะนำในบางประเด็นก่อนไปลงมือทำ" และวันนั้นผู้บริหารช่วยแก้ไขในทุกประเด็นที่เกิดขึ้นให้หมดครับ
เป็นประสบการณ์หน้าชา ที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ให้ไม่ผิดพลาดซ้ำที่ดีมากๆ ถึงแม้ในวันนี้ผมจะไม่ได้ทำงานกับผู้บริหารท่านนั้นแล้ว แต่ผมก็จะได้ยินมาจากน้องๆ ที่ทำงานกับท่านว่า ถ้ามีปัญหาการทำงานในเรื่อง HR ให้มาปรึกษาผมได้เลย เพราะผมเป็นคนที่ผู้บริหารได้เคยร่วมงานและยอมรับความสามารถ Q(*0*)Q
โฆษณา