Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2021 เวลา 05:01 • นิยาย เรื่องสั้น
1.20. เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
ขุมกำลังขุนนางเก่า - เอียวปิด เอียวปิว เอียวฮอง
หลายเดือนที่ผ่านมากับรัฐบาลใหม่ที่ค่อยๆรื้อระบบการบริหารแบบม่อจื้อที่ยึดถือเป้าหมายหรือความสำเร็จเป็นสำคัญ กลับมาเน้นที่ระบบเคร่งครัด เน้นคุณธรรมแบบสายขงจื้อ ออกกฏระเบียบเขียนแบบแผนชัดเจน ริดรอนอำนาจนอกระบบผิดระเบียบออกไปเรื่อยๆ ค่อยออกดอกออกผลตามสมควร ชีวิตความเป็นอยู่ของคนธรรมดาเริ่มคุ้นเคย ปรับตัวให้เข้ากันกับแนวทางการปกครองใหม่ จึงสร้างความผ่อนคลาย และความสุขยินดีแก่ประชาชนคนทั่วไปไม่น้อย
หากแต่ขุนนางนายทหารที่เคยได้อภิสิทธิ์ผลประโยชน์แฝงจากตำแหน่งยศศักดิ์ กลับรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนยิ่งนัก เพราะการดำเนินชีวิตแบบหรูหราฟุ่มเฟือยถูกลดทอนหายไป ไม่อาจเบ่งบารมีอ้างอิงชื่อเสียงตามอำเภอใจเหมือนแต่ก่อน จนเกิดความรู้สึกคิดถึงระบบอุปถัมป์ศักดินาแบบดั้งเดิมขึ้นบ้างแล้ว
กลุ่มคนที่สร้างความรำคาญใจให้กับสมุหกลาโหมลิโป้ในตอนนี้ จึงมิใช่ พวกลิฉุย กุยกี อีกต่อไป แต่กลับเป็นผู้สำเร็จราชการอ้องอุ้นและสมุหนายกคนใหม่ลิซก เพราะทั้งสองเริ่มจะทำงานเข้าขากันได้ดี และเป็นฝ่ายบุ๋นสายคุณธรรม ที่ออกแนวทางใหม่ ต้องการชูประเด็นจงรักภักดีต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นสำคัญ เพื่อลบล้างความบาดหมางขุ่นเคืองของยุวกษัตริย์ และขุนนางนายทหารฝ่ายอื่น
พอทุกอย่างทุกเรื่องถูกกระทำเพื่อแผ่นดินฮั่น และกษัตริย์เหี้ยนเต้ ตามหลักการดั้งเดิมของขงจื้อ ทำให้หลายครั้งที่เกิดความขัดแย้งกับตัวมันในเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว พรรคพวกเดิมซึ่งส่วนมากเป็นฝ่ายตั๋งโต๊ะก็ถูกกำจัดไปเกือบหมดสิ้น ส่วยสินบนที่เคยได้อยู่เดิมจากกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ก็ถูกขัดขวางยกเลิกไปหมด แม้แต่กระบี่ฟ้าสังหารที่มันยึดมาจากตั๋งโต๊ะยังถูกทวงคืนให้พระราชคลังอยู่เนืองๆ ซึ่งมันย่อมไม่ยอมให้กระบี่ชั้นดีต้องหลุดมือไปง่ายๆ
ที่จริง หลังจากการยึดอำนาจได้สำเร็จ ลิโป้ยังเคยเสนอให้ประกาศนิรโทษกรรม เกลี้ยกล่อมรวมเอาสามมฤตยูให้พ้นผิด สามารถกลับมาเป็นพวกเดียวกัน เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมืองโดยตรง หากแต่อ้องอุ้นกับลิซกคัดค้านอย่างหัวชนฝา ไม่ยอมแบ่งปันพื้นที่ให้กับคนชั่วช้าสามานย์ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามที่มีกองกำลังหมีทมิฬอยู่ในมืออีกไม่น้อย ต้องตกเป็นขบถแผ่นดิน ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้
ลำพังผู้สำเร็จราชการอ้องอุ้นยังไม่เท่าไหร่ ด้วยว่าแก่ชราแล้ว และกลับกลายสถานะเป็นพ่อตาบุญธรรมของตนเองในฐานะพ่อเลี้ยงของเตียวเสี้ยน ผู้เข้าพิธีสมรสเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการแล้ว แต่สมุหนายกลิซกคือผู้กุมความลับหลายอย่างในตัวมันมาตั้งแต่ต้น อาจจะเป็นตัวอันตรายเสียแล้ว
เมื่อกาลก่อน ยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน มันสองคือเพื่อนรักคนสนิทกัน แต่เมื่อวันใดเกิดขัดแย้งกันขึ้นแล้ว ย่อมถึงคราวที่ลิซกสมควรต้องตาย มิใช่ตัวมัน
ลิโป้นำความเรื่องนี้ไปปรึกษากับตันก๋ง ที่ปรึกษาคนสนิทคนใหม่ ซึ่งตันก๋งลอบยินดีอยู่ในใจทันที เพราะมีจุดประสงค์แฝงเร้นเข้ามาเพื่อต้องการให้เกิดรอยร้าวภายในกลุ่มต่างๆอยู่แล้ว และหากทำการสำเร็จจริง มันก็จะได้ขึ้นเป็นที่ปรึกษาอันดับหนึ่งแทนด้วย ซึ่งเป็นเป้าหมายการแทรกซึมของเครือข่ายสุมา
ตันก๋งจึงฉวยโอกาสที่หมอฮัวโต๋ได้รับเชิญจากเตียวเสี้ยนให้มาดูอาการป่วยไข้ของอ้องอุ้น ให้ลิโป้ออกหน้าเรียกตัวหมอฮัวโต๋มา เพื่อเรียกขอยาพิษกำเริบช้ามาใช้จัดการกับลิซกก่อน เหตุที่ต้องใช้ยาพิษกำเริบช้านั้น ตันก๋งให้เหตุผลว่า เมื่อลิซกตายไปแล้ว อ้องอุ้นจะได้ไม่ทันระวังตัวว่าเกิดเภทภัยภายในขึ้น
ดังนั้น หลังจากที่ลิโป้กินเลี้ยงร่วมกันกับลิซก ตันก๋ง เตียวเลี้ยว ผ่านไปสองวัน จึงมีข่าวการตายของลิซกด้วยโรคลมปัจจุบัน สุดที่หมอฮัวโต๋ซึ่งยังอยู่ในเมืองหลวง จะเยียวยารักษาไว้ได้ และไม่มีผู้ใดสงสัยในการตายของมันเลย
ลิซก อีกา ลำดับที่หก หนึ่งในหน่วยปักษาสวรรค์จะตายเช่นนี้ล่ะหรือ?
...
เจ็ดคืนผ่านไป ที่สุสานนอกเมืองหลวง ปรากฏเงาร่างสองสายลอบไปขุดโลงไม้ชั้นดีของลิซกขึ้นมาจากหลุมฝังศพ แล้วรีบเปิดงัดฝาโลงออก คนในชุดหมอรีบยัดยาเม็ดกลิ่นฉุนเฉียวเข้าสู่ปากของลิซกทันที สักพักหนึ่ง ลิซกก็กลับ “ฟื้น” ขึ้นมาได้
“ลิโป้ ตันก๋ง ช่างโหดเหี้ยมนัก” ลิซกหรืออีกาเรียกหาน้ำดื่ม ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ดีที่หมอฮัวโต๋คือพี่สี่คนกันเอง จึงมอบยาแสร้งตายเจ็ดวันให้แทนยาพิษที่แท้จริง มิเช่นนั้น เราคงตกตายอย่างโง่งมแล้ว”
“ก็ถือว่าเข้าทางพวกเราอยู่แล้ว เพราะพวกเราก็ต้องเดินทางจากจุดนี้ไปรอทำการที่อื่นต่อไปอีก ช่วงนี้ น้ำดื่มน้ำใช้ในเมืองหลวงจะไม่ปลอดภัยแล้วด้วย” หมอฮัวโต๋ ลำดับสี่แห่งหน่วยปักษาสวรรค์ กล่าวเสริม “อีกอย่าง บอกพวกเราให้ระวังเตียวเสี้ยนกับเตียวเลี้ยวไว้ เราเคยเห็นพวกมันในเสเหลียงมาก่อนแล้วเมื่อหลายปีก่อน พวกมันคือกากเดนของพรรคฟ้าเหลือง อาจจะสุมหัวกันก่อการใดก็เป็นได้”
ตัวละครในบันทึกประวัติศาสตร์ คนอ่านรับรู้กันเพียงชื่อเสียงเรียงนาม หากแต่หน้าตารูปร่างเป็นเช่นไร กลับไม่แน่ชัด ดังนั้น การที่สมาชิกหน่วยไปพบเห็นผู้คนในรังโจร คือการรู้จักหน้าตา และการที่พบพานว่า คนผู้นั้นมีชื่อเสียงอย่างไรในภายหลัง จึงทำให้เชื่อมโยงกันได้ว่าคนผู้นั้นมีสถานะอันใดแอบแฝงอยู่
“สำหรับตัวข้านั้น ลิซกป่วยตายไปแล้วตรงตามประวัติศาสตร์พอดี ต่อไปข้าต้องรอสวมรอยเป็นคนอื่นในภายหน้าตามแผนการที่ระบุมา” อีกา หรืออดีตลิซกกล่าวตอบ “ข้าคงต้องขอให้น้องเล็กคอยช่วยเหลือข้าไปก่อนในช่วงนี้”
“มีท่านอยู่ข้างกาย อย่างน้อย ฟ้าฝนคงเป็นใจกับฝ่ายเรา” เหยี่ยวดำหยอกเย้าให้บรรยากาศผ่อนคลายลง แล้วทั้งสามก็หายลับไปบนทางหลวง พร้อมพายุฝนที่ตั้งเค้าอีกครั้งเหนือเมืองหลวง
ที่แท้ ความสามารถพิเศษของอีกา คือ การบังคับฟ้าฝนได้ด้วยพลังจิตพิเศษ นี่คือสาเหตุที่เกิดฟ้าร้องกระทันหันช่วยตั๋งโต๊ะจากการลอบสังหารของโจโฉ และเป็นสาเหตุที่ทำให้คืนวันวิวาห์ของตั๋งโต๊ะ มีพายุฝนเข้ากระหน่ำกลบเสียงการต่อสู้ในห้องหอนั่นเอง
หากจะถอยหลังยาวออกไปอีกสักหน่อย อีกากลับกลายเป็นผู้ที่ใช้ฟ้าผ่าสังหารอิเกียด หัวหน้าพ่อค้าสมุนไพรที่สมควรมีชีวิตยืนยาวต่อไป จนกลายเป็นผู้วิเศษอิเกียดที่ทรงอิทธิพลแห่งดินแดนกังตั๋งนั่นเอง เพียงแต่คล้ายจะไม่มีผู้ใดรับรู้ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆครั้งนั้นตามสมมุติฐานสำคัญขององค์กร
และแล้ว คำกล่าวของหมอฮัวโต๋ก็เป็นจริง เมื่อพายุฝนตกกระหน่ำใส่เมืองหลวง น้ำดื่มที่ถูกวางยาเอาไว้ตามแหล่งสำคัญต่างๆจึงแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดโรคท้องร่วงระบาดไปทั่วทุกครัวเรือน จนปั่นป่วนวุ่นวายไปทั้งเมือง อาการเจ็บป่วยนั้นบั่นทอนจิตใจของคนในเมืองหลวงยิ่งนัก จนขวัญกำลังใจของราษฎรตกต่ำถึงขีดสุด เศรษฐกิจการค้าล้วนล่มสลายลงแล้ว
การวางยาครั้งนี้ จึงเป็นอีกครั้งที่หน่วยปักษาสวรรค์ลงมือแทรกแซง เพื่อให้บันทึกประวัติศาสตร์เกิดขึ้น สอดคล้องกับเรื่องราวที่เคยรับรู้รับฟังมา เพราะอ้องอุ้น ลิโป้ ไม่สมควรรักษาอำนาจทางการเมืองเอาไว้ได้ยาวนาน
…
ฝ่ายกาเซี่ยง เหมือนจะล่วงรู้อยู่ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์โรคระบาดดังกล่าว และรอคอยวันที่ลิโป้ออกตรวจค่ายทหารนอกเมือง จึงได้อาศัยจังหวะอันวิเศษครั้งนี้ แนะนำให้ลิฉุย กุยกี หวนเตียว ประสานงานกับกองกำลังเก่าของตั๋งโต๊ะภายในเมือง นัดหมายพวกพ้องคนสนิทของซัวหยงที่ยังหลงเหลือ และเจ็บแค้นแทนอาจารย์ เช่น เอียวปิด เอียวปิว สองพี่น้องสายม่อจื๊อ เป็นต้น รวมตัวกันเป็นกองกำลังลับเคลื่อนที่เร็วสองทิศทาง ทางหนึ่ง บุกเข้าไปสังหารผู้สำเร็จราชการอ้องอุ้นทั้งครอบครัวอย่างง่ายดาย และอีกทางหนึ่ง เข้าควบคุมตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้ในพระราชวังได้ในเวลาอันสั้น
ที่จริง ขุนพลเอียวปิดเป็นหัวหน้าดูแลสายข่าว ย่อมรับรู้ความเคลื่อนไหวของพวกลิฉุยกุยกีมาโดยตลอด แต่ในเมื่อท่าทีของอ้องอุ้นก็ไม่ชัดเจน กษัตริย์เหี้ยนเต้ก็ไม่ทรงโปรดปราน และยังเคยทำร้ายซัวหยง ผู้เป็นอาจารย์ตนเองเป็นทุนเดิม จึงเลือกข้าง ยอมร่วมมือกับกาเซี่ยงโดยง่าย โดยคาดว่า การล้มล้างพันธมิตรอ้องอุ้น ลิโป้ น่าจะยากเย็นกว่าพวกสามมฤตยูในภายหลัง จึงยืมมือฝ่ายตรงข้ามให้เข้ามาจัดการศัตรูร่วมไปเสียก่อน ค่อยคิดหาทางกำจัดหักหลังซ้ำในภายหลัง
อีกทั้ง เอียวปิดยังนัดแนะกันกับหัวหน้ากองกำลังต่างๆไม่ให้เคลื่อนไหวต่อต้านการปฏิวัติเงียบในครั้งนี้ ยังมี เอียวปิวยังเชื่อมต่อกับหัวหน้าองครักษ์ตังสิน แจ้งต่อยุวกษัตริย์ให้คล้อยตามความเปลี่ยนแปลงไปก่อน โดยไม่ต้องออกหน้าเลือกข้างใคร
กษัตริย์เหี้ยนเต้ได้รับฟังเรื่องราวแล้ว มีความคิดเติบโตพอเข้าใจสถานการณ์ว่า ฝ่ายลัทธิม่อจื้อ นำโดยพี่น้องสกุลเอียว ต้องการล้มล้างลิโป้ อ้องอุ้น และระบบขงจื้อ ถึงกับยอมสุมหัวกันกับสมุนเก่าของตั๋งโต๊ะ ได้แต่แอบแย้มยิ้มสะใจ เริ่มสนุกสนานกับเกมการเมืองตรงหน้า ถึงกับร่างราชโองการลับ แต่งตั้งให้เอียวปิดเป็นผู้แทนพระองค์ สามารถจัดการเรื่องราวทางการเมืองให้สงบเรียบร้อย
…
ส่วนตัวกาเซี่ยงเองนั้น ค่อยนำกองทัพใหญ่ตามเข้ามาสมทบในเมืองอีกทอดหนึ่ง ยึดกุมพื้นที่ประตูเมืองทั้งสี่ด้าน และจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ป่าวประกาศการตายของอ้องอุ้น และแสดงราชโองการลับที่เพิ่งได้รับ เพื่อสยบแรงต่อต้านจากกำลังทหารอื่นๆ และลดทอนขวัญกำลังใจฝ่ายตรงข้าม ถือเป็นปฏิบัติการสายฟ้าแลบที่ยอดเยี่ยมตามรูปแบบกลยุทธ์ “ตีชิงตามไฟ” นอกในประสานกัน
กว่าสมุหกลาโหมลิโป้ที่อยู่นอกเมือง ได้ทราบเรื่องราว สถานการณ์ในเมืองหลวงก็เกือบจบสิ้นหมดแล้ว ลิโป้จึงได้แต่รีบฝ่ากองทหารกลับเข้าไปช่วยเตียวเสี้ยน ภรรยาในบ้านพักตนเอง และหลบหนีออกจากเมืองไปพร้อมกับโกซุ่น เตียวเลี้ยว กับกองทหารติดตามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กาเซี่ยง กุนซือหนุ่มใหญ่ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก แม้แต่เสือเฒ่าอ้องอุ้น และขุนพลลิโป้ยังต้องมาพลาดท่าได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนเริ่มขนานนามกาเซี่ยงให้เป็น “กุนซือเงาปีศาจ” ที่เชื่อมประสานมารร้ายกับราชันย์ให้ร่วมมือกันได้สำเร็จ
นี่แหละคือการกำจัดเสี้ยนหนามไม่หมดสิ้น แถมยังไล่ล่าล้างไม่ประนีประนอม ผลักให้เป็นศัตรูไม่อยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน พวกพ้องฝ่ายตรงข้ามจึงต้องหลบซ่อน กลายเป็นเชื้อร้ายแอบแฝง รอวันฟื้นคืนอยู่ใกล้ๆตัว
…
เมื่ออดีตลูกน้องของตั๋งโต๊ะกลับมาครองเมืองได้อีกครั้ง ก็เกิดการกวาดล้างสังหารเหล่าขุนนางนายทหารฝ่ายตรงข้าม หรือพวกที่แปรเปลี่ยนข้างกลับไปกลับมา มากมายอีกรอบหนึ่ง สภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนจากตงฉินสุดโต่ง เป็นกังฉินสุดขั้วอย่างกระทันหันอีกครั้ง จึงปั่นป่วนยุ่งเหยิงยิ่งนัก
ภายใต้การครองเมืองของลิฉุย กุยกี ผู้สำเร็จราชการทั้งสองคนที่ต่างก็ไม่ยอมรับตำแหน่งที่ด้อยกว่ากัน แถมยังปันส่วนรับตำแหน่งสมุหกลาโหมกับสมุหนายกควบไว้อีกคนละตำแหน่งด้วย ทำเอาเอียวปิด เอียวปิว เริ่มกังวลใจว่าวังวนความชั่วร้ายถูกบ่มเพาะขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง
ยังมี หวนเตียวที่อาสาติดตามไล่ล่าพวกลิโป้ไปนอกเมือง พอรู้ว่า ตนเองตกชั้น ไม่ได้รับตำแหน่งสูงส่งอันใด ทั้งๆที่ตนเองให้ความช่วยเหลือคนทั้งสองมาโดยตลอด ก็แอบไม่พอใจ พาลอ้างเหตุตั้งหลักคุมกำลังพลอยู่ที่เมืองอื่น จนภายหลัง ค่อยได้รับตำแหน่งลำดับสาม แต่ก็ยังไม่คลายท่าทีขุ่นเคืองลง
สุดท้าย ความเกลียดชังของผู้คนที่เคยสั่งสมมาตั้งแต่สมัยตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจก็ย้อนกลับมาเช่นเดิมอีก สถานการณ์ที่สุกงอมเช่นนี้ เป็นเหตุให้เจ้าเมืองต่างๆ ผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มที่อยู่ตามหัวเมืองห่างไกลต่างก็ส่งข่าวเตรียมเคลื่อนทัพออกมาอย่างโจ่งแจ้ง จนเหมือนจะก่อตั้งเป็นกองทัพพันธมิตรเจ้าเมืองชุดใหญ่ เตรียมบุกเมืองหลวงอีกเป็นครั้งที่สอง เช่น กลุ่มอ้วนเสี้ยว กลุ่มอ้วนสุด กลุ่มซุนเซ็ก กลุ่มม้าเท้ง เป็นต้น รวมไปถึงกลุ่มเล่าเอี๋ยน และกลุ่มเล่าเปียวที่คราวก่อนไม่ได้เข้าร่วมทัพพันธมิตรก็คล้ายมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ครั้งนี้ จำนวนเจ้าเมืองมีน้อยลงกว่าคราวก่อน เพราะเหตุการณ์วุ่นวายหลังสงครามพันธมิตรเป็นบทเรียนสอนใจ บางเมืองก็ถูกบุกยึดอำนาจกันเองจากเมืองที่เข้มแข็งกว่า บางเมืองก็สวามิภักดิ์เข้าร่วมกลุ่มก้อนเดียวกันไป จนหลงเหลือเจ้าเมืองใหญ่คนดังมีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนแล้ว แต่กองทัพที่มีหัวหน้ากลุ่มน้อยลง กลับยิ่งใหญ่ และเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมากหลายเท่านัก ด้วยความเป็นเอกภาพที่ดีขึ้น และศักยภาพของผู้นำที่เหนือล้ำกว่าคราวก่อน
เพียงแต่ยังไม่ทันจะมีใครขึ้นมาเป็นผู้นำของกองทัพเจ้านครในครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ข่าวความเคลื่อนไหวเช่นนี้ก็สร้างความหนักใจไปยังเมืองหลวงแล้ว เพราะประเด็นที่เจ้านครตั้งธงไว้ คือการล้มล้างกากเดนตั๋งโต๊ะให้หมดสิ้นไป
ยังไม่ทันจะเริ่มเคลื่อนทัพรวมพลแต่อย่างใด เจ้านครทั้งหมดกลับเกิดศึกเฉพาะหน้ากับหัวเมืองข้างเคียงขึ้นก่อน เหมือนเกิดการสะดุดแข้งขากันเอง เพราะจำต้องก้าวผ่านเขตแดนของเจ้านครอื่น เช่น อ้วนเสี้ยวปะทะกับกองซุนจ้าน เล่าเปียวเปิดศึกกับอ้วนสุด ซุนเซ็กสู้รบกับเงียมแปะฮอ เล่าเอี๋ยนขัดแย้งกับเตียวล่อ เว้นแต่โตเกี๋ยมแห่งชีจิ๋ว และโจโฉแห่งกุนจิ๋ว ที่มีข่าวว่าป่วยไข้อยู่ทั้งสองคน
…
สุดท้าย จึงเหลือเพียงกลุ่มม้าเท้งแห่งเสเหลียง กับ หันซุยแห่งเปงจิ๋ว (บางส่วน) น้องร่วมสาบานที่รวมกองทัพกันมาถึงเมืองหลวงเตียงอันได้เพียงกลุ่มเดียว ทำให้ลิฉุย กุยกี ต้องส่งหวนเตียวให้ออกไปป้องกันทัพที่ด่านตะวันตกก่อน
หวนเตียวต่อสู้กับพวกม้าเท้ง หันซุย แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนในวัยเด็กกับหันซุยมาก่อน จึงส่งสาส์นรื้อฟื้นความหลัง ขอให้พวกสกุลม้าออมมือยั้งไมตรีเอาไว้บ้าง เพื่อหวังซื้อเวลา รอจนกระทั่งลิฉุย กุยกี นำกำลังพลมาเสริมเติมได้ทัน
หากแต่สายข่าวในสังกัดเอียวปิด กลับมารายงานที่เมืองหลวงตามสิ่งที่เห็น กล่าวโทษว่า หวนเตียวปันใจคบคิดกันกับพวกสกุลม้า หวังล่อให้ลิฉุยกุยกีมาติดกับดัก ทำให้กาเซี่ยงตามน้ำ เสนอให้สองมฤตยูสวมบท “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” หันมาลงมือสังหารหวนเตียวเสียทันที ค่อยทำศึกกับพวกเสเหลียงต่อไป
ลิฉุย กุยกี หลงเชื่อความคิดกาเซี่ยง ลงมือตามแผนลับ ด้วยถือเป็นมือดีของตั๋งโต๊ะมานาน และฝึกปรือการต่อสู้แบบคู่ประสานกันได้อย่างโดดเด่น ซ้ำยังลงมือกระทันหัน หวนเตียวจึงไม่อาจต้านรับได้ กลับต้องตกตายไปอย่างไม่คาดคิด
เอียวฮอง รองแม่ทัพซึ่งเป็นญาติผู้น้องกับเอียวปิด เอียวปิว สองพี่น้องขุนนางเก่า และคือสายข่าวต้นเหตุแห่งเภทภัยครั้งนี้ ย่อมตระหนักถึงความร้อนแรงของสถานการณ์อยู่ก่อนแล้ว จึงประกาศยอมสวามิภักดิ์ นำกองกำลังที่มี ผสานกันกับฝั่งของลิฉุย กุยกี เพื่อเตรียมรับมือกับพวกเสเหลียงต่อไป
…
วันต่อมา ลิฉุย กุยกี จึงท้าทายให้ม้าเท้ง หันซุย ผู้นำฝ่ายตรงข้าม ออกมาดวลกันอย่างวิถีนักรบ แล้วค่อยๆบีบวงเข้ามา จากการดวลเดี่ยวสองคู่ให้แปรเปลี่ยนเป็นการตะลุมบอนกันข้างละสองคน
ช่วงแรกที่ยังดวลเดี่ยว ม้าเท้ง หันซุย ยังพอรับมือได้ใกล้เคียง แต่พอเริ่มรวมวงกันแล้ว แนวทางคู่ประสานของฝ่ายตรงข้ามกลับลึกล้ำพิสดาร จนทั้งสองมือไม้พัลวัน ได้รับบาดเจ็บผิวกายไปบ้างแล้ว
เสียงตวาดดังเป็นรหัสสัญญาณ ม้าเฉียวควบม้าเข้ามา ม้าเท้งหันซุยรีบผละหนี คล้ายนัดแนะกันมาก่อน เปิดทางให้ม้าเฉียวรับมือกับลิฉุยกุยกีตามลำพัง เห็นเพลงทวนของขุนพลหนุ่มพลิ้วไหวรวดเร็วราวหิมะร่วงโปรย แรงปะทะก็รุนแรงไม่น้อย ถึงกับกระแทกลิฉุยกุยกีจนอาวุธหลุดมือ ต้องรีบควบม้าหลบหนีกลับไป
จากนั้น ลิฉุย กุยกี จึงไม่ยอมรับคำท้าดวลจากฝ่ายเสเหลียงอีกเลย เพราะเกรงกลัวในฝืมือและความห้าวหาญของม้าเฉียว เพียงอาศัยกำลังทัพตั้งยันเอาไว้ หวังกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามขาดเสบียง ล่าถอยกลับไปเอง แต่ทั้งสองก็เหมือนถูกตรึงกองทัพเอาไว้ ยังไม่กล้ารีบร้อนถอนกลับเมืองหลวง
ส่วนม้าเฉียวในวัยหนุ่มแสดงฝีมือสยบสองขุนพลใหญ่ตั้งแต่ศึกแรกของชีวิต ทำให้ได้รับฉายา “ขุนพลหัวสิงห์” ตามสัญลักษณ์บนหมวกรบที่มักใช้อยู่เป็นประจำ กลับส่งผลให้ขุมกำลังเสเหลียงเป็นที่น่าจับตามองอีกครั้งหนึ่ง
...
สองพี่น้องสกุลเอียวสายม่อจื้อ เอียวปิด อดีตหัวหน้าสายข่าวที่กลายเป็นผู้แทนพระองค์ เอียวปิว เสนาบดีผู้ใหญ่ กับหัวหน้าองครักษ์วังหลวงตังสิน ยังคงพยายามโค่นล้มอิทธิพลของทรราชย์รุ่นที่สองต่อไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เชื่อมโยงกลุ่มคนตงฉินทั้งหลาย หากแต่คนทั้งสามยังขาดบารมีเสริมส่งเพียงพอ แม้จะมีความจริงใจช่วยเหลือกอบกู้สถานการณ์ แต่ก็ยังไม่อาจแสดงตนโจ่งแจ้ง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อบัลลังก์ของฝ่าพระบาทโดยตรง
เอียวปิด เอียวปิว เห็นว่า เพียงแค่พึ่งพากำลังคนในเมืองหลวงคงไม่ได้แล้ว จึงทำหนังสือติดต่อกับ อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว อ้วนสุดแห่งฉิวฉุน ผู้เป็นทั้งมิตรสหายเก่าแก่ และเป็นเครือญาติทางฝ่ายภรรยา ให้ระดมพลเข้ามาจัดการกับสองทรราชย์ในเร็ววัน แล้วพวกตนจะช่วยเหลือจากภายในให้สอดคล้องกัน
หากแต่เจ้านครอิสระทั้งสองกลับยังติดพันอยู่กับการศึกรอบข้าง แม้ตอบรับหนังสือมาแล้ว แต่ยังไม่อาจทำการในยามนี้ จึงได้แต่กำชับให้เตรียมการณ์ไว้่ก่อน การปฏิวัติเงียบระลอกที่สองจึงยังคงรั้งรออยู่เช่นนั้น ไม่อาจดำเนินการได้สักที
จนกระทั่งวันหนึ่ง สองพี่น้องกลับได้รับการติดต่อจากบุคคลผู้หนึ่งที่พวกมันไม่เคยคาดคิดมาก่อน เป็นกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ ที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ซึ่งอ้างว่า ตัวมันเองผิดหวัง และไม่อาจทนเห็นการกระทำชั่วช้าของลิฉุย กุยกี อีกต่อไป จึงพร้อมร่วมมือกับคนสายตงฉิน อาศัยจังหวะสูญญากาศช่วงนี้ ตระเตรียมกำลังพลให้มากพอ เพื่อล้มกระดานพวกทรราชย์เสียเลย
ยามนี้ พวกเอียวปิดจึงนัดหมายชักชวนซิหลง ขุนพลหนุ่มที่อยู่คุมเมืองหลวง ร่วมกันกับกุนซือใหญ่กาเซี่ยง และเคยเป็นลูกน้องของเอียวฮองมาก่อน ซึ่งมักแสดงออกว่า จงรักภักดีต่อองค์ฮ่องเต้ ให้เข้าร่วมขบวนการโค่นล้มด้วยกัน
พอซิหลงรับฟังเรื่องราวแล้ว จึงได้แต่ตอบด้วยความซื่อตรงไปว่า ยามนี้ มันพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับคนสกุลเอียว เพื่อหวังสร้างความสงบสุขให้กับแผ่นดินเป็นสำคัญ สมกับเป็นชายชาติทหารมืออาชีพอย่างแท้จริง
ด้านนอกมีเอียวฮอง ด้านในมีซิหลง คนสกุลเอียวกับตังสินจึงเห็นพ้องกันให้รอลงมือเมื่อลิฉุยกุยกีเดินทางกลับมาจากการศึกสงครามเสียเลย หากแต่กาเซี่ยงยังมองเห็นช่องโหว่ในแผนการ จึงทักท้วงว่า การลงมือสังหารนั้นไม่ยากเย็นกระไร หากแต่ต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้ด้วย เฉกเช่นการลงมือต่อตั๋งโต๊ะ สุดท้ายแล้ว ขนาดอ้องอุ้น ลิโป้ ก็ยังต้านทานกระแสตอบโต้ไม่ไหว
กาเซี่ยงยังเสริมต่อว่า สิ่งที่ขาดหายนั้น ก็คือ ผู้สำเร็จราชการคนใหม่ที่ต้องมีอิทธิพลบารมีมากพอต่อการรับมือความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่ง เอียวปิด เอง ก็รู้ประมาณตนเองว่า น้ำหนักตนเองยังไม่มากเพียงพอ
ความหวังใหม่จึงตีกลับไปยังทายาทขุนนางหลายแผ่นดินสกุลอ้วน อ้วนเสี้ยว อ้วนสุด หรือ เชื้อพระวงศ์อาวุโสคนดัง เล่าเปียว เล่าเอี๋ยน หากแต่ซิหลงที่นิ่งเงียบมานาน กลับเสนอชื่อตัวเลือกขึ้นมาเพิ่มอีกสองคน เป็นซุนเกี๋ยนและโจโฉ
เอียวปิด เอียวปิว เลือกข้างคนสกุลอ้วนที่มีศักดิ์เป็นเครือญาติกัน หัวหน้าองครักษ์ตังสินให้ความสนใจต่อเล่าเปียว เล่าเอี๋ยน ด้วยเชื่อมั่นในระบบราชวงศ์ค้ำจุน ซิหลงย่อมตอกย้ำถึงซุนเกี๋ยน โจโฉ สองนายทหารเลือดใหม่มาแรง จึงเหลือเพียงกาเซี่ยงที่รั้งรอ อ้ำอึ้งอยู่คนเดียว เพราะไม่ต้องการให้เรือล่มก่อนออกจากท่าน้ำ
สุดท้าย กาเซี่ยงจึงค่อยตัดสินใจสงวนท่าที โดยกล่าวเพียงว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอให้พวกเราสงบจิตใจลงอีกสักระยะหนึ่งเถิด แล้วช่วยกันพิจารณาว่า คนใดในตัวเลือกทั้งหกคนนี้ สร้างวีรกรรมน่าสนใจอันใดให้มีน้ำหนักมากพอที่จะรับหน้าที่สำคัญเหล่านี้ไปได้ ไม่แน่ว่า อาจจะมีเหตุการณ์พิสดารอันใดปรากฎให้พวกเราตัดสินใจไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ อดใจไว้สักพักหนึ่งเถิด”
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 1 - มัจฉากลางวารี
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย