16 เม.ย. 2021 เวลา 01:51 • นิยาย เรื่องสั้น
3.14. เดินหมากสุดกระดาน
ตันกุ๋น กุนซือจอมโหด - ฮัวโต๋ หมอเทพยดา - แฮหัวป๋า พี่ใหญ่รุ่นที่สอง
อินทรี นกฮูก หัวขวาน และเหยี่ยวดำ แอบซุ่มมองความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ด้วยความโล่งใจ ระคนกับความกังวลใจ
ความโล่งใจเกิดขึ้น เนื่องจากหน่วยปักษาสวรรค์พยายามควบคุมให้สถานการณ์บีบบังคับให้ขงเบ้งต้องยอมเสี่ยงเดินทางไปร่วมทำศึกที่เมืองต๋องง่อ เคียงคู่กันกับจิวยี่ จึงใช้แรงกดดันจากฝ่ายโจโฉ ชัวมอ และฝ่ายจิวยี่ เพื่อผลักดันให้ขงเบ้งต้องตัดใจไปจากจุดที่อาจจะลอยตัว และปลอดภัยในเมืองกังแฮให้ได้
เปลือกนอกจึงดูคล้ายหน่วยปักษามุ่งมั่นหมายสังหารขงเบ้ง แต่ที่จริงก็เพียงต้องการสุมไฟเร่งเร้าให้ลุกออกไปจากเก้าอี้แสนสบายเท่านั้น ยังมิได้มีความคิดสังหารแก้แค้นให้กับสมาชิกที่ล่วงลับไปในหน้าที่
ส่วนความกังวลใจนั้น กลับวิกฤตยิ่งกว่า ตามแผนการแล้ว ช่วงเวลานี้ ควรเป็นสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์สามคนร่วมกันแทรกแซงอยู่ในแดนกังตั๋ง คือ พิราบ-โลซก ลำดับแปด, เค้าแมว-ขงเบ้ง ลำดับสิบเอ็ด และ นกเป็ดน้ำ-บังทอง ลำดับเจ็ด บุคคลสำคัญสามคนที่สมควรจะส่งผลกระทบต่อสงครามเซ็กเพ็กอย่างมาก และกำลังจะมีบทบาทมากขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์
แต่เค้าแมวพลาดท่า เสียชีวิตต่อขงเบ้งตัวจริงไปแล้ว ส่วนพิราบนั้น เหยี่ยวดำก็รับทราบมาจากสายในกังตั๋งว่า ถูกสังหารไปในการจู่โจมใส่โลซกเช่นกัน โดยบุคคลต้องสงสัยที่สุด คือ บังทอง ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ทั้งสองแห่ง ทั้งๆที่เป็นเวลาไล่เลี่ยกัน ราวกับว่ามีบังทองสองคน
เมื่อประเมินแล้ว พวกปักษาได้แต่คาดว่า บังทองตัวจริงกับตัวปลอมจับมือกันก่อการเสียแล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ การส่งสมาชิกหน่วยปักษาติดตามไปกังตั๋งด้วยในเวลานี้ ก็จะไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
เหยี่ยวดำเริ่มทำลายความเงียบก่อน "ตกลงว่า พี่เจ็ดมีปัญหาแล้ว ใช่หรือไม่"
"ตัวข้ายังไม่แน่ใจในเรื่องนี้ คงตัองอาศัยเวลาดูให้แน่ชัดก่อนสักระยะหนึ่ง เพราะวันที่เค้าแมวตายนั้น เป็นเป็ดน้ำที่แฝงตัวมาพบกับพวกทายาทจริงๆ มันอาจนัดแนะกับเค้าแมวให้เร่งรีบทำการล่วงหน้าก่อนเวลาอันควร เลยทำให้แผนการผิดพลาดไปก็ได้ ดังนั้น ทางที่ดีคือปล่อยให้มันตายใจก่อน อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เผื่อว่าจะเปิดเผยร่องรอยให้เห็นอีก" อินทรีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
"ยังดีที่สายของเหยี่ยวดำถือเป็นความลับสุดยอดที่เกิดขึ้นอย่างพิสดาร มีเพียงตัวเราและเหยี่ยวดำ รวมกับพี่ใหญ่เท่านั้นที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริง มันจึงนับว่าปลอดภัยได้อยู่" นกฮูกกล่าวขึ้น "ครั้งนี้ คงต้องเป็นมันที่คอยดูแลขงเบ้งและจูล่งแล้ว น้องเหยี่ยวดำ จงลอบข้ามฝั่งไปประสานงานกับมันเถิด แต่อย่าให้ร่องรอยเปิดเผยจนถูกฝ่ายตรงข้ามพบเห็น"
หากนึกย้อนไปตอนที่เหยี่ยวดำลอบติดตามโจโฉกับตันก๋งที่หนีตายไปยังบ้านลิแปะเฉีย จนเกิดการเข่นฆ่าล้างตระกูลขึ้น ครั้งนั้น เหยี่ยวดำพบพานทายาทรอดชีวิตวัยหกขวบขวบของลิแปะเฉียโดยบังเอิญ จึงนำตัวกลับมาปรึกษากับนกฮูกที่ไร้สังกัดการเมือง สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และลงความเห็นกันให้เลี้ยงดูไว้เป็นความลับ ไม่บอกตัวตนของเด็กน้อยให้คนอื่นรู้เห็น
 
หากแต่เหยี่ยวดำสบโอกาส พบเห็นเงื่อนงำพิเศษ จึงส่งตัวเด็กน้อยเข้าไปอาศัยกับบุคคลสำคัญได้ราวปาฏิหาริย์ จนเวลาผ่านไปหลายปี เด็กกำพร้านั้นก็เติบใหญ่ เรียนรู้ได้ทั้งศาสตร์โบราณ และความรู้ล้ำสมัยควบคู่กัน จากเด็กน้อยนักวาดภาพกลับกลายเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกังตั๋งไปแล้ว
"จากนี้ไป แผนการของพวกเราต้องปรับเปลี่ยนอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยละทิ้งเรื่องราวปลีกย่อย เน้นจัดการเฉพาะเรื่องสำคัญที่มีผลต่อสถานการณ์บ้านเมือง ตอนนี้ ฝ่ายโจโฉ มีกระตั้ว-กาเซี่ยง อยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงดี ฝ่ายเล่าปี่ มีนางแอ่น-เตียวหุย และนกยูงที่ล่วงหน้าแฝงตัวไปที่เมืองเสฉวนได้แล้ว น่าจะพอช่วยกันรับมือได้ คงเหลือแต่ฝ่ายซุนกวนที่พวกเราต้องกริ่งเกรงความภักดีของบังทอง-นกเป็ดน้ำ จึงไม่อาจส่งใครเข้าไปได้ในช่วงเวลานี้" อินทรีสรุปแนวทาง
“พวกเราทั้งสี่ควรเปลี่ยนวิธีการ จากผู้ลงมือกระทำเป็นหน่วยสนับสนุนกลาง ไม่ยึดติดกับฝ่ายใด หัวขวานเองก็ปรับบทบาท ไม่ต้องแสดงตนเป็นคนในยุคนี้อีกต่อไปแล้ว จะได้ช่วยเหลือสนับสนุนกันได้ง่ายขึ้น พวกเราอาจจะต้องพึ่งพาฝีมือการประดิษฐ์ของเจ้ามากขึ้นกว่าที่คาดไว้แล้ว"
เดิมที หัวขวาน ลำดับที่สิบสอง ถูกกำหนดให้เป็น ม้ากิ๋น ศิษย์เอกของอ้วนยู ผู้ที่จะกลายเป็นช่างฝีมือพิสดารแห่งวุยก๊กที่จะมีบทบาทมากขึ้นในช่วงกำเนิดสามก๊กขึ้นแล้ว แต่เบื้องต้น กลับยังเสาะหาบุคคลคนนี้ไม่พบสักที กลายเป็นปริศนาที่หน่วยปักษาขบคิดไม่เข้าใจ เกรงว่า ผลกระทบลูกโซ่อาจทำให้ม้ากิ๋นตัวจริงสิ้นชื่อไปแล้ว เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้วิเศษอิเกียด
ดังนั้น ในเมื่อห่วงโซ่สัมพันธ์ขาดสะบั้นไปหลายคนเช่นนี้ อินทรีในฐานะหัวหน้าหน่วย จึงสั่งการให้เปลี่ยนแผนเพื่อความเหมาะสม ละทิ้งบทบาทม้ากิ๋นไปตามสภาพความเป็นจริง แล้วเก็บหัวขวานเป็นตัวแปรสำคัญของกลุ่มแทน
นกเป็ดน้ำ-บังทอง ยังคงเป็นปริศนาว่า ยังจงรักภักดีต่อหน่วยงาน หรือแอบสมคบคิดกับบังทองตัวจริงไปแล้ว แต่ที่แน่ๆคือ สายลับแห่งกังตั๋งแจ้งมาว่า หนึ่งในบังทองเป็นคนสังหารพิราบ-โลซกกับมือ และหนึ่งในบังทองได้พยายามลอบสังหารขงเบ้งตัวจริงบนเรือน้อยไปแล้วครั้งหนึ่ง แสดงว่า ความสัมพันธ์ของสองกุนซือสำคัญนั้น เริ่มมีปัญหาเสียแล้ว
การที่บังทองเสียโฉม กลายเป็นคนคลุมหน้าตลอดเวลา กลายเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ยากที่จะแยกแยะตัวจริงตัวปลอมนั่นเอง และอาจจะเป็นกลยุทธ์พรางตัวที่นกเป็ดน้ำนำมาใช้ได้อย่างกลมกลืน
ช่วงยุคสมัยที่เกิดศึกสงครามบ่อยครั้ง ผู้คนมากมายพิการเสียโฉม บ้างถูกตัดกรีดทิ่มแทง บ้างถูกเพลิงไฟเผาผลาญ ทำให้ใบหน้ามีร่องรอยตำหนิไม่สวยงาม การใช้หน้ากากครึ่งท่อนปกปิดแผลเป็นจึงเป็นเรื่องปกติ สามารถยอมรับกันได้ หากแต่บางคนอาจล่วงเลยไปถึงการใช้ผ้าคลุมปกปิดใบหน้าไปทั้งหมดเลย ซึ่งทำให้ยากที่จะบ่งบอกสถานะตัวตนได้ชัดเจน
เดิมที บังทองใช้เพียงผ้าคลุมหน้าปกปิดส่วนบาดแผลที่ปาก ขัดกับภาพลักษณ์ของกุนซือ ดั่งที่เคยเกิดขึ้นกับซุนกวนมาแล้ว ทำให้เจ้าตัวยิ่งสะเทือนใจ นานวันเข้า ถึงกับพาลใช้หมวกผ้าคลุมสวมทับทั้งใบหน้า ยิ่งสร้างความลึกลับ กระตุ้นความอึดอัดใจต่อคนรอบข้างไม่น้อย
...
บนเรือรบของกังตั๋งอีกลำหนึ่ง นกเป็ดน้ำที่ใช้หมวกคลุมหน้าเช่นกัน ลอบใช้กล้องส่องทางไกลที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง มองดูพวกอินทรีที่หลบซุ่มอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น และรับรู้บทสนทนาจากทักษะการอ่านปากได้ทั้งสิ้น
ช่วงนี้ มันเกาะกุมกองกำลังกังตั๋งบางส่วน จึงใช้กลยุทธ์ “เงา” สร้างสถานะตัวจริง ตัวปลอมให้กับกุนซือหงส์ผงาด เพื่อสะดวกในการเคลื่อนไหวร่วมกันภายในจวนโลซก แต่ยังไม่เปิดเผยให้คนวงนอกล่วงรู้ “บังทองที่ใช้หมวกคลุมหน้า” จึงปรากฏกายพร้อมกันได้อย่างสะดวกสบาย
ภายในใจของเป็ดน้ำยังสับสนวุ่นวายไม่สร่างซา ใจหนึ่งก็มีความสำนึกเสียใจในการเข่นฆ่าพวกเดียวกันเอง แต่อีกใจหนึ่ง ก็ถือมั่นในคำสั่งของหน่วยงานต้นสังกัดในรายงานสรุปก่อนเดินทางย้อนเวลาที่ระบุมาอย่างชัดเจน
ภารกิจลับของมันมีเพียงประโยคเดียวสั้นๆ ก็คือ "ร่วมมือกับกระสา สังหารทุกคนในหน่วยงาน ใช้ได้ทุกวิธีการ"
ภารกิจกวาดล้างพวกเดียวกันเองเช่นนี้ เคยเป็นบททดสอบขั้นสูงสุดที่ทุกคนในหน่วยงานเคยผ่านการฝึกฝนมาแล้ว โดยมีแต่ อินทรี กระสา เหยี่ยวดำ และมันเท่านั้น ที่ผ่านบททดสอบโดยได้รับคะแนนสูงสุด เพราะไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะความชำนาญเฉพาะทางแล้ว ยังต้องอาศัยจิตใจที่แข็งแกร่ง อำมหิต และเด็ดเดี่ยวด้วย จึงจะผ่านภารกิจนี้ได้
หน่วยงานเคยให้เหตุผลว่า ภารกิจกวาดล้างเช่นนี้จะเกิดขึ้นในกรณีที่ประวัติศาสตร์กลับเข้าที่เข้าทางดีแล้ว แต่อาจจะมีนักเดินทางย้อนเวลาคนใดคนหนึ่งเป็นตัวปัญหาซ้อนขึ้นมาได้อีก จึงจำเป็นต้อง "ปลด" ตัวแปรทั้งหมดในทันที ไม่เว้นแม้ว่าจะเป็นพรรคพวกเดียวกัน
เพียงแต่วันแรกที่มันปรากฎตัวในถ้ำทางออกประตูข้ามมิติพร้อมกับกลุ่มที่สามนั้น กลับพบว่า กระสา-อ้วนเสี้ยว ที่ควรจะเป็นคู่หูคู่คิดกันในภารกิจนี้ กำลังจะถูกประหารด้วยทัณฑ์ปักษาพิฆาต จนมันเองก็ระงับความตกใจเอาไว้ไม่อยู่ และทำให้อินทรีพลังจิตรับรู้ถึงกระแสจิตที่รุนแรงผิดปกตินั้นได้
โชคดีที่การอ่านจิตไม่ควรทำกับพวกที่เคยฝึกจิตมาเช่นกัน อินทรีจึงไม่อาจฉีกหน้าตรวจสอบค้นหาคนที่คิดเห็นแตกต่างนั้นได้ มันจึงรอดตัวไปในร่องรอยที่ผิดพลาดครั้งแรกอย่างฉิวเฉียด
ต่อมา แทนที่มันจะสวมรอยเป็นหงส์ผงาด บังทอง ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน และอำมหิตโหดเหี้ยม มันจึงเดินหมากกระดานใหม่ เปิดเผยความจริงบางส่วน ปิดบังบางส่วน ร่วมมือกับบังทองตัวจริง เพื่อทำลายขุมกำลังลับปักษาสวรรค์ที่ได้แทรกตัวสังหารอาจารย์คันฉ่องวารี สุมาเต๊กโชไปแล้ว
เมื่อล่วงรู้ความจริงที่ว่า สุมาเต๊กโชตัวจริงถูกสังหารไปแล้ว คนมีปัญญาอย่างหงส์ผงาด บังทอง ย่อมรับรู้ว่า อุปสรรคสำคัญที่ขวางทางความก้าวหน้าของตนเอง ก็คือ มังกรซ่อน จูกัดเหลียง กับเต่าสมถะ สุมาอี้
หากเป้าหมายทั้งสองคนถูกจัดการไปด้วยแล้ว เครือข่ายสุมาก็น่าจะตกเป็นของมันแทน โดยยังมีทายาทมังกรที่เหลือทั้งสอง คือ ตันฮก ลกซุน และคนอื่นๆ ยังอยู่เป็นกำลังหลักให้ชักจูงได้ต่อไป
เมื่อทั้งสองวางแผนกำจัดเป้าหมาย จึงตั้งเป้าไปที่ฝ่ายตรงข้ามที่มีความฉลาดหลักแหลมที่สุด นั่นคือ เค้าแมว ก่อนที่จะทันระวังตัว นกเป็ดน้ำจึงอาศัยความไว้ใจ หลอกให้เค้าแมวถูกขงเบ้งสังหารไปก่อนอย่างแนบเนียน
ส่วนบังทองก็ช่วยโลซกสังหารพิราบที่เข้ามาใกล้เส้นทางจนตกตายเช่นกัน ต่อมา บังทองก็ยังหลอกใช้อุยกายยิงเกาทัณฑ์สังหารขงเบ้ง ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ เพียงแค่กลายเป็นคนพิการ แต่ก็สร้างความปั่นป่วนให้กับขงเบ้งและคนอื่นๆได้บ้าง
แต่ครั้งนี้ ขงเบ้งที่คล้ายหมดสภาพบนเก้าอี้ล้อหมุน ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญ โดนจิวยี่เชิญให้กลับมากังตั๋งอีกครั้งในฐานะทูตเจรจาความเมืองระหว่างสองพันธมิตรเล่า-ซุน คงจะเป็นโอกาสในการลอบสังหารได้อีกครั้งหนึ่ง
หลังจากกำจัดขงเบ้งแล้ว สุมาอี้และหน่วยปักษาที่เหลือก็จะเป็นเป้าหมายในการล่าสังหารต่อไป เป็นภารกิจลับที่ต้องกระทำด้วยวิธีการที่ไม่จำกัดขอบเขต
...
หากนำเรื่องราวภารกิจลับของการเวก หัวหน้าองค์กรย้อนอดีตมาเชื่อมโยงกันตรงจุดนี้ จะเห็นว่าหน่วยงานปักษาสวรรค์สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์สำคัญเพียงเพื่อส่งกระสาให้ข้ามเวลามาสวมบทบาทเป็นอ้วนเสี้ยว และต้องยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในยุทธการกัวต๋อ สร้างวังวนแห่งกาลเวลาให้ครบถ้วน
แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดที่กระสา-อ้วนเสี้ยวพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ เกิดความคิดขบถต่อหน้าที่ หวังจะสร้างราชวงศ์อ้วนแทนอย่างจริงจัง จนเป็นความสัมพันธ์พิสดารเชื่อมโยงไปยังขุมกำลังอื่นๆในยุคสมัยอดีตนี้
ภายหลัง เมื่อหัวหน้าองค์กรย้อนอดีตปรากฏตัวออกมายับยั้งแผนการแล้ว แทนที่กระสาจะสำนึกผิดพลาด ยอมแก้ไขเรื่องราว กลับยิ่งถลำลึก คิดสังหารหัวหน้าองค์กรย้อนอดีต จนติดพิษร้ายจริงๆ และทำให้พันธมิตรทั้งหลายแตกสลาย กลายเป็นผลกระทบลูกโซ่ที่ทำให้ทุกอย่างกลับเป็นไปตามประวัติศาสตร์ได้ถูกต้อง
ดังนั้น พวกหน่วยปักษาที่หลงเหลืออยู่ จึงกลายเป็นส่วนเกินของประวัติศาสตร์ที่จำเป็นต้องถูกกำจัดทิ้ง นกเป็ดน้ำจึงยังคงรับหน้าที่กลายเป็นมือสังหารที่ต้องไล่ล่าจัดการคนอื่นๆตามแผนการที่วางไว้ได้ดังเดิม
นอกจากการผ่านบททดสอบจิตใจที่กล่าวนั้นแล้ว เหตุผลที่ยกให้นกเป็ดน้ำเป็นมือสังหาร ก็เพราะมันคือนกประเภทเป็ด เป็ดเป็นสัตว์พิสดารที่ทำได้ทุกอย่าง ทั้งบินได้ ว่ายน้ำได้ และดำน้ำได้
มันเองก็เป็นเช่นนั้น ทำได้ทั้งบุ๋นและบู๊ แม้ว่าจะไม่บรรลุจุดสูงสุดในศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเหมือนปักษาคนอื่นๆ แต่มันก็ทำได้ในระดับยอดเยี่ยมในทุกสาขา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของจารชนจริงๆ จึงได้รับบทบาทที่สำคัญนี้มาในที่สุด
เป็นจารชนจากอนาคต ที่กล้าจะกระทำได้ทุกวิธีการ โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์อีกต่อไป และสมาชิกคนอื่นไม่ทันระวังเภทภัยที่ใกล้ตัว
การจัดฉากระบุภารกิจลับที่มีร่วมกันกับกระสา จึงเป็นทั้งการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความร่วมมือกัน หรือเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของการหักหลังหลอกลวงกันเอง เพราะสุดท้ายแล้ว กระสาก็ต้องเป็นหนึ่งในเหยื่อของเป็ดน้ำด้วยเช่นกัน เพราะคำสั่งฆ่า สั่งครอบคลุมถึง “สมาชิกทุกคน”
ที่จริง ช่วงเวลาที่ผ่านมา เป้าหมายการลงมือลอบสังหารครั้งแรก กลับไม่ใช่ เค้าแมว หรือ พิราบ แต่เป็นนกยูง คนที่กำลังหาทางแฝงตัวเข้าสู่ขุมกำลังเสฉวน เพราะเป็นสมาชิกที่เดินทางไปไกลตามลำพัง ไม่เกี่ยวข้องกับสมาชิกคนอื่นๆที่กำลังเคลื่อนไหวก่อการอยู่ใจกลางแผ่นดิน
มันแอบเดินทางไปถึงเมืองเสฉวนแล้ว ใส่ชุดอำพรางกายปิดบังใบหน้า ชิงลงมือกระทันหัน หากแต่นกยูงคล้ายมีการเตรียมพร้อม ถึงกับมีองครักษ์มากฝีมืออยู่คุ้นกันข้างกาย ปลอมแปลงตนเป็นเพียงสาวใช้ประจำตัวเผ่าเกี๋ยง
พลังยุทธ์ของเป็ดน้ำนับว่าเก่งกาจไม่น้อย หากแต่ฝีมือของสาวรับใช้กลับเหนือกว่า อาศัยกระบี่คู่ในแขนเสื้อและอาวุธลับเข็มพิษกดดันให้มันต้องยอมล่าถอยออกมา ก่อนที่จะทำให้ตัวตนเปิดเผย อย่างน้อย ภายหน้า ก็ยังมีโอกาสลอบทำร้ายก็ยังได้
หากแต่เกินความคาดหมาย นกยูงไม่เพียงไม่บอกกล่าวการถูกลอบทำร้าย แต่กลับมีท่าทีโดดเดี่ยว ขาดการติดต่อไปจากสมาชิกคนอื่นๆ ไม่กลับมาเข้าร่วมประชุมอีกเลย คล้ายต้องการทำงานอย่างอิสระ หรือ อีกนัยหนึ่ง มีความคิดเป็นอื่นไปแล้ว
เป็ดน้ำมีข้อมูลเบื้องลึก แต่มิอาจบอกกล่าว จึงปล่อยให้พวกอินทรีคลางแคลงใจ คิดเห็นกันไปวุ่นวาย ส่วนมันค่อยลงมือกระทันหันกับคนอื่นแทนในภายหลัง
อินทรีกับเหยี่ยวดำจากไปแล้ว นกฮูกกับหัวขวานค่อยเดินทางกลับสู่กระท่อมรังนก โรงเรียนการแพทย์ที่คล้ายเป็นศูนย์บัญชาการลับของหน่วยปักษาสวรรค์ไปกลายๆแล้ว จำนวนนักเรียนแพทย์และคนเจ็บป่วยจำนวนหลายร้อยคนที่มาอยู่ปะปนกันชั่วคราว ทำให้การเข้าออกไม่สะดุดตา และการวางตัวเหนือการเมืองก็ช่วยให้กระท่อมได้รับการคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษมาโดยตลอด แม้ว่าจะอยู่ในชัยภูมิชายแดนที่ใกล้กับขุมกำลังหลากหลายฝ่าย
แต่ครั้งนี้ คนทั้งสองกลับพบว่า โจหยิน แฮหัวป๋า ลูกชายแฮหัวเอี๋ยนกับน้องชายอีกสามคนนำกองทัพขนาดย่อมมาควบคุมกระท่อมรังนกเอาไว้เสียแล้ว เพราะคำสั่งลับของท่านผู้นำโจโฉที่กระซิบสั่งความมา แม้แต่ กระตั้ว-กาเซี่ยง กุนซืออันดับหนึ่งที่อยู่ข้างกายร่วมทัพกับโจโฉยังไม่ล่วงรู้มาก่อน ดังนั้น จึงไม่มีคำเตือนล่วงหน้ามาให้พรรคพวกเดียวกัน
นกฮูก หัวขวานยืนนิ่งอึ้งอยู่ภายนอก รีบคิดหาหนทางแก้ไขเฉพาะหน้า เพราะข่าวการสังหารโหดล้างตระกูลของคนสกุลเล่าและสกุลขง กำลังเป็นที่ร่ำลือกันอย่างหนาหู ขุมกำลังเกงจิ๋วล่มสลาย อิทธิพลสายวิชาการไม่อาจฟื้นคืน ในยามนี้ หากใครทำให้โจโฉไม่ชอบใจ อาจจะมีปัญหาเสียแล้ว
เมื่อโจโฉยกกองทัพอันเข้มแข็งเกรียงไกร ผ่านเมือง ซินเอี๋ย ซงหยง เข้าสู่เขตเมืองเกงจิ๋วอย่างสง่างาม โดยมีชัวฮูหยิน ชัวมอ เตียวอุ๋น เล่าจ๋อง ให้การต้อนรับตามลำดับ ตันกุ๋น กุนซือจอมโหดซึ่งเป็นผู้ประสานงานมาตั้งแต่ต้นเรื่อง จึงออกหน้าแนะนำผู้คนทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
ชัวฮูหยิน ชัวมอ เสนอตัวรับเรื่องราวทั้งปวง อ้างว่า เล่าเปียวเป็นอัมพาตเรื้อรัง และป่วยตายไปเอง กิจการทั้งปวงจึงตกอยู่กับเล่าจ๋องทายาท แต่เนื่องจากเล่าจ๋องเยาว์วัย จึงยกให้ชัวมอ เตียวอุ๋นช่วยดูแลให้ก่อน
นับว่า สองพี่น้องแซ่ชัวแสดงถึงอำนาจที่เหนือกว่าผู้เป็นทายาทอย่างชัดเจน และส่งผ่านให้กับโจโฉอย่างไม่มีเงื่อนไข ถือเป็นการยึดครองเมืองสำคัญที่ง่ายดายกว่าที่คาดไว้ โจโฉจึงแต่งตั้งชัวมอ เตียวอุ๋นเป็นแม่ทัพเรือ ฝึกหัดการรบทางน้ำให้กับกองทัพของตนเป็นการตอบแทน เพื่อรอจังหวะในการข้ามน้ำบุกถล่มกังตั๋งต่อไป
แต่เพื่อเป็นการตัดเภทภัยในอนาคต เผื่อว่าเล่าจ๋องเกิดจะมีความคิดเห็นเปลี่ยนไป ตันกุ๋นจึงลอบนัดแนะโจโฉให้ส่งเล่าจ๋อง ชัวฮูหยินเดินทางไปครองเมืองอื่นก่อน อ้างถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ จากนั้น ค่อยแอบส่งอิกิ๋ม ลิเตียนไปลอบสังหารทิ้งระหว่างทาง โดยป้ายความผิดว่า ซุนกวนส่งคนมาฆ่าล้างแค้นคดีเก่าก่อน เพื่อสร้างความตื่นกลัวให้กับพวกชัวมอไปด้วยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนั้นแล้ว โจโฉยังสั่งการให้คนไปจับตัวขงหยง ผู้นำระบบขงจื้อ และเจ้าสำนักหอสมุดใต้หล้า เข้ามาสอบสวนหาชาติกำเนิดที่แท้จริงของอาชญากรแผ่นดิน เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการทำสงครามเบื้องต้นที่ใช้เหตุอ้างถึงการส่งตัวคนร้าย เพราะขงหยงย่อมล่วงรู้เแซ่สกุลดั้งเดิมของขงเบ้ง
แต่งานนี้ กลับกลายเป็นการฆ่าล้างตระกูลขงอย่างเกินความคาดคิด เพราะคนที่รับคำสั่งให้ไปจับกุมนั้น กลับเป็นคนที่ลอบสังหารขงหยงเสียเอง เพื่อหวังปกปิดความลับให้กับขงเบ้ง เพราะมันคือจูกัดเอี๋ยน ลูกผู้น้องของจูกัดเหลียงที่แฝงตัวอยู่กับฝ่ายโจโฉนั่นเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา