Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
17 เม.ย. 2021 เวลา 03:12 • นิยาย เรื่องสั้น
3.15. ชีวิตบนเส้นด้าย
สามแพทย์กระท่อมรังนก - เกียดเป๋ง โงโพ้ ฮ่วมอา
หากแม้นเกิดการจับกุมขงหยงและครอบครัว ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะมีคนกล่าวเปิดเผยถึงความเป็นมาของขงเบ้ง ดังนั้น จูกัดเอี๋ยนจึงแอบนัดแนะให้จูกัดจิ๋นนำกองกำลังมังกรซ่อนบุกเข้าสังหารบ้านตระกูลขงล้างครอบครัว พร้อมเผาทำลายหลักฐานเป็นการล่วงหน้าก่อน แล้วตนเองค่อยมาพบเห็นในวันถัดมา
จูกัดเอี๋ยนทำเป็นพาซื่อ สร้างข้อมูลหลักฐานเท็จว่า ขงหยง คือบิดาบุญธรรมของขงเบ้งจริง แต่ความเป็นมาของขงเบ้งไม่ชัดเจนนัก จึงไม่เคยถูกเอ่ยถึงมาก่อน ครั้นพอทราบข่าวการจับกุม ขงหยงคงเกรงกลัวอาญาแผ่นดิน สร้างความเสื่อมเสียถึงชื่อเสียง จึงชิงลงมือเผาสังหารทั้งครอบครัว และฆ่าตัวตายไปเองด้วย
ในเมื่อคนตายไม่อาจแพร่งพรายความลับ เรื่องจริงที่ว่า “ขงเบ้งมิใช่แซ่ขงโดยกำเนิด หากแต่เป็นคนแซ่จูกัด” จึงพลอยถูกปิดเงียบไปได้สักระยะหนึ่ง
นอกจากนั้น จูกัดจิ๋นยังปล่อยข่าวร่ำลือกันในตลาด เชื่อมโยงว่า ที่จริง โจโฉเป็นผู้สั่งให้ฆ่าล้างตระกูลของเล่าจ๋อง ชัวฮูหยิน และขงหยง คนสำคัญของเกงจิ๋วทั้งสาม หวังผลกำจัดเภทภัยทางการเมือง ทางหนึ่งคือเครือข่ายราชนิกูล อีกทางหนึ่งคือกลุ่มคนสายวิชาการ กลบเกลื่อนเงื่อนงำร่องรอยของขงเบ้งไปสิ้น
…
เมื่อขาดผู้นำลัทธิที่เป็นศูนย์รวมจิตใจได้แล้ว สำนักหอสมุดใต้หล้าแห่งเมืองเกงจิ๋ว อดีตที่ทำการใหญ่ และระบบลัทธิขงจื้อที่ฝักใฝ่อำนาจทางการเมืองอย่างรุนแรงสืบต่อกันมาหลายปีนั้น ก็พลอยลดทอนอิทธิพลลงไปด้วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ บัณฑิตที่หลงเหลืออยู่จำยอมคล้อยตามระบบการเมือง รับฟังท่าทีและนโยบายของรัฐบาลกลางมากขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
ภายหลัง คนสำคัญของลัทธิที่หลงเหลืออยู่ อันได้แก่ ห้าคนสุดท้ายในกลุ่มนักปราชญ์เจี้ยนอาน รวมทั้งสมุหนายกฮกอ้วน จึงพร้อมใจยกให้ราชบัณฑิตอองลอง ปราชญ์ปัญญา ใช้ชื่อปลอม อองซาน ทำหน้าที่เป็นผู้นำลัทธิแต่ในนาม และใช้ที่ทำการใหญ่แห่งใหม่ในเมืองหลวงฮูโต๋เป็นศูนย์กลางการติดต่อแทน
เพราะแกนนำทุกคนต่างเกรงกลัวความร้อนแรงทางการเมือง จึงไม่กล้าใส่ใจจะคงรูปแบบให้อิงกับกระแสการเมืองอีกต่อไป หันไปเน้นเรื่องราวของบทกลอน การศึกษา ระเบียบจริยธรรม และความสามารถเฉพาะตนเท่านั้น จึงเป็นการสิ้นสุดกลุ่มอิทธิพลการศึกษาที่แฝงนัยยะทางการเมืองไปชั่วคราว
…
จังหวะนี้ ทางด้านโจโฉเอง ก็เชื่อถือตามคำแนะนำของกาเซี่ยงและสุมาอี้ โดยหันไปนิยมยกย่องอาจารย์คันฉ่องวารี ปราชญ์ใหญ่สายเต๋าของปรมาจารย์เล่าจื้อที่เลื่องชื่อ นามว่า สุมาเต๊กโช ขึ้นมาคานอำนาจสร้างสมดุลย์ใหม่ทางวิชาการ
ด้วยความที่ลัทธิเต๋าเน้นความเป็นธรรมชาติ ปล่อยไปตามสภาวะแวดล้อม ไม่ขัดแย้งการเมืองใดๆ ซึ่งแตกต่างไปจากแนวคิดขงจื้อ ม่อจื้อ ที่แฝงเรื่องการเมือง การปกครองมาโดยตลอด ทำให้เป็นลัทธิความเชื่อที่ไม่เคยรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนมาก่อน
ต่างคนต่างเพียงอ้างอิงว่าสืบทอดหลักการความคิดกันเอง บ้างเน้นไปทางแนวทางปรัชญาการคิดแบบสุมาเต๊กโช ยกย่องเล่าจื้อเป็นผู้นำความคิด บ้างเสริมเติมเรื่องไสยศาสตร์เวทมนต์แบบเตียวก๊ก เตียวล่อ เชิดชูเล่าจื้อดั่งเซียนเทพ เนื้อหาหลักการวิธีการแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จึงเพิ่งมีคราวนี้ที่บังเกิดผู้นำลัทธิขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และยังเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับกุนซือหลักเสียด้วย
เรื่องน่าทึ่งอีกประการหนึ่งคือ ซัวหยง ผู้นำลัทธิม่อจื้อ แสดงความจงรักภักดีต่อทรราชย์ตั๋งโต๊ะ จนถูกอ้องอุ้น ผู้นำลัทธิขงจื้อ ถือเอาเป็นเหตุประหารชีวิต นึกไม่ถึง หลายปีต่อมา ผู้นำลัทธิขงจื้ออย่างขงหยง กลับตกตายไปด้วยเรื่องความขัดแย้งกับจอมเผด็จการ โจโฉ ด้วยฝีมือของคนสายเต๋าไปเสียได้
ดูๆไป วังวนการชิงดีชิงเด่นกันของคนในแต่ละลัทธิยังคงดำเนินกันต่อไปไม่สิ้นสุด คล้ายกับการผลัดเปลี่ยนกันครองความเป็นใหญ่ของสายการเมืองเช่นกัน แต่จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้ลัทธิขงจื้อ ม่อจื้อ ซึ่งผูกพันกับการเมืองมาโดยตลอด ถูกลดบริบททางด้านการเมืองไปจากรัฐบาลกลางอย่างมากแล้ว
…
อินทรี-สุมาเต๊กโชถูกเชื้อเชิญให้ไปรายงานตัวต่อหน้าโจโฉ นับเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าสำนักนักปราชญ์แห่งเมืองซินเอี๋ยกับผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน หรืออีกนัยหนึ่ง หัวหน้าหน่วยปักษาสวรรค์กับผู้นำขุมกำลังสกุลโจ เป็นครั้งแรก
อินทรีนึกเสียดายที่ตนเองสูญเสียความสามารถด้านพลังจิตไปแล้ว มิเช่นนั้น เพียงการสัมผัสก็จะทำให้ล่วงรู้ความคิดปณิธานที่แท้จริงของบุคคลคนนั้นได้ในพริบตา เหตุการณ์ที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ผู้นำสกุลโจแย่งชิงบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น มิใช่ โจโฉ แต่เป็นโจผี บุตรชาย จึงมิอาจยืนยันถึงความทะเยอทะยานว่า เป็นความคิดริเริ่มจากคนสกุลโจคนใดกันแน่
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา โจโฉยังคงทำหน้าที่ได้อย่างแข็งขัน ความเป็นทรราชย์อาจจะมีเพียงแค่การก้าวล่วงอำนาจสั่งการในช่วงศึกสยบแดนเหนือ ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจอันรวดเร็วทันเหตุการณ์ในฐานะผู้สำเร็จราชการ แต่ในเรื่องปลีกย่อยอื่นๆ โจโฉยังไม่ฉายแววผิดพลาดชัดเจน
นอกจากเรื่องราวป้ายสี และความผิดพลาดในอดีตที่กุนซือนักสร้างข่าว ตันหลิม ใช้สำนวนภาษาโจมตีใส่ผู้นำอย่างเลื่อนลอย แต่น่าเชื่อถือแล้ว มีเพียงแค่เงามืดที่ผู้คนคาดเดาฟุ้งซ่านกันไปเอง ด้วยความหวาดระแวงต่อผู้นำคนก่อนๆที่พอเข้าถึงอำนาจเนิ่นนานแล้ว มักจะเปลี่ยนพฤติกรรมไป ดั่งเช่น ตั๋งโต๊ะ หรือคู่หู ลิฉุย กุยกี เคยกระทำไว้
อินทรีจึงได้แต่อาศัยประสบการณ์และความรู้ทางจิตวิทยาประเมินบุคคลสำคัญตรงหน้า มันพบเห็นเพียงแต่จอมศึกผู้ห้าวหาญที่สืบทอดปณิธานความคิดของกระสา หวังรวบรวมแผ่นดินกลับคืนเป็นหนึ่งเดียว สร้างความสุขแทนคุณราชวงศ์ดั้งเดิม
ในทางกลับกัน โจโฉก็ชื่นชมนักปราชญ์อาวุโสอย่างจริงใจ แนวคิดสายเต๋าคล้ายไม่ขัดแย้งกับความคิดทางการเมือง แต่เป็นแนวทางการใช้ชีิวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง อินทรี-สุมาเต๊กโชจึงได้แต่เผยแพร่ปรัชญาสายเต๋าเพิ่มเติม และกล่าวฝากฝังสุมาอี้ ผู้เป็นบุตรชายและศิษย์เอก ไว้ให้ทำงานรับใช้ โดยไม่กล่าวพาดพิงถึงตันฮก บังทอง หรือทายาทมังกรคนอื่นตามวิถีแห่งเครือข่ายสุมา
…
กลับมาที่สถานการณ์ภายในกระท่อมรังนกที่ไม่มีหมอเทพยดาฮัวโต๋อยู่รับหน้า และเคยรับฟังข่าวลือถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของกองทัพฝ่ายรัฐบาล สองศิษย์เอก โงโพ้ ฮ่วมอา ได้แต่นำสหายร่วมเส้นทางและคนป่วยไข้ทั้งหลาย ออกมารายงานตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน เว้นแต่ผู้ป่วยที่มีอาการสาหัส ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่คน
การขัดขืนหลบหนีการจับกุมจากคนเจ็บป่วยที่เป็นนักสู้หรือคนของขุมกำลังอื่นย่อมมีอยู่บ้างประปรายด้วยความไม่ชัดเจนในท่าทีหรือวัตถุประสงค์ในการเข้าควบคุมสถานที่ แต่จำนวนกองทัพของฝ่ายรัฐบาลมีมากมายเกินไป รายล้อมทุกทิศทาง บางคนจึงถูกสังหารทิ้ง บางคนถูกจับกุมแยกไว้ต่างหาก รอการพิจารณาโทษต่อไปเป็นรายบุคคล ต่อไป กระท่อมรังนกคงมิใช่สถานที่ปลอดภัยทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว
แต่เดิม ตำแหน่งกลางป่าเขาของกระท่อมรังนกคล้ายตั้งอยู่ในพื้นที่คาบเกี่ยวหลายกลุ่มอิทธิพล ทุ่งเตียงปันมีพื้นที่กว้างใหญ่ ในอดีต ครอบคลุมบริเวณบางส่วนของเมืองอ้วนเซีย ซินเอี๋ย และซงหยงที่มีจ้าวนครหลายคนยึดครอง จึงรักษาท่าทีเป็นมิตร ยึดถือความสามารถทางการแพทย์ วางตัวเป็นกลางทางการเมือง
ในเมื่อยามนี้ เมื่อโจโฉนำทัพปราบปรามขุมกำลังเกงจิ๋วได้แล้ว กระท่อมรังนกตกอยู่ในเขตแดนรัฐบาลกลางหมดสิ้น โจโฉจึงถือโอกาสรุกคืบ ลดทอนอิทธิพลท้องถิ่นไปพร้อมกันอีกเรื่องหนึ่ง
เทพมุ่งมั่น โจหยินคล้ายไม่ใส่ใจในเรื่องอื่น ยังคงอ่านบันทึกประวัติของคนป่วยสาหัส จนค้นพบบุคคลผู้หนึ่ง “เทียนสือ - ดวงตากับเส้นเอ็นที่ข้อมือข้อเท้าถูกตัดขาด และมีอาการแทรกซ้อนทางประสาท ได้รับการรักษาจนคืนสภาพเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่ไม่มีญาติที่ติดต่อได้”
“โจซุน น้องเรา พี่มารับเจ้าแล้ว” โจหยินหัวร่อทั้งน้ำตา พอดีกันกับที่แฮหัวป๋าทั้งสี่่ช่วยกันประคองชายผอมโซ ดวงตามีรอยแผลกรีดผ่าน ออกมาที่หน้ากระท่อมที่พัก
โจหยินน้ำตาคลอเบ้า ส่งเสียงเรียกน้องชายเบาๆ ชายหนุ่มร่างผอมจดจำน้ำเสียงได้ จึงเอ่ยตอบ “เป็นพี่โจหยินจริงๆ ในที่สุด พวกเราก็ได้พบกันอีกจนได้”
คาดไม่ถึง หนึ่งในคนไข้เรื้อรังที่รักษาตัวในกระท่อมรังนก ถึงกับเป็นน้องชายของโจโฉ ที่ถูกโจรป่าทำร้ายสาหัส มิน่าเล่า คราก่อน กาเซี่ยง-กระตั้วจึงกล้าสั่งการส่งกองทัพโจหยินให้มาช่วยเหลือผู้คนที่กระท่อมจากกลุ่มนักฆ่าของอ้วนเสี้ยว-กระสาได้อย่างเต็มกำลัง
…
นับจากที่โจซุนและครอบครัวถูกเตียวคี ลูกสมุนนอกคอกของโตเกี๋ยมปล้นทำร้ายจนพิการฟั่นเฟือน ทำลายชีวิตอันรุ่งโรจน์จนหมดสิ้น ส่วนเครือญาติคนอื่นก็ถูกสังหารตายสิ้น โดยเฉพาะโจโก๋ผู้เป็นบิดาด้วยนั้น นับเป็นรอยแผลที่ฝังลึกในจิตใจของโจโฉและคนสกุลโจ แฮหัว มาโดยตลอด เพราะยังไม่สามารถค้นพบตัวคนที่ลงมือมาล้างแค้นได้สำเร็จ
ในเบื้องแรก โจโฉโกรธแค้นต่อโตเกี๋ยม จนไม่ยอมรับฟังคำสารภาพผิดของฝ่ายตรงข้าม จนเกิดเรื่องวุ่นวายไปทั้งเมืองชีจิ๋วกับกุนจิ๋ว ขนาดโจโฉเองยังแทบเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว
แต่พอวันเวลาผ่านไป โจโฉได้คิดทบทวนเรื่องราว จึงต้องยอมรับว่า คนร้ายในเหตุการณ์ที่แท้จริงก็คือ เตียวคี อดีตโจรร้ายของพรรคฟ้าเหลือง ซึ่งอาจจะแค้นเคืองที่ตนเองขัดขวางแผนการใหญ่ของพวกมันอยู่เนืองๆนั่นเอง แต่เตียวคีคล้ายหายสาบสูญไปจากแผ่นดิน ไม่ปรากฏร่องรอยขึ้นมาอีกเลย
ทางด้านโจซุนถูกลงทัณฑ์ทรมานอย่างหนักหน่วง ยากลำบากในการรักษาแก้ไข โจโฉจึงได้แต่เสาะหาหมอดีๆมาช่วยรักษาเรื่อยมา เพื่อสอบถามเบาะแสของคนร้ายเพิ่มเติม แต่อาการยังไม่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก
จนเมื่อโจโฉควบคุมอำนาจในเมืองหลวงได้แล้ว ภารกิจแรกๆเลยคือการส่งตัวโจซุนเข้าไปในราชสำนัก มอบหมายให้หมอหลวงหาทางแก้ไข แต่ก็ยังไม่มีใครช่วยอะไรได้เลย นอกจากมีคำแนะนำให้ใช้บริการของหมอฮัวโต๋ ผู้เป็นแพทย์อันดับหนึ่งในแผ่นดินแทนที่หมอใหญ่เตียวตงจิงในอดีต
อันที่จริงแล้ว พวกสกุลโจย่อมล่วงรู้ถึงกิตติศัพท์ของหมอเทพยดาฮัวโต๋ แต่ไม่อาจวางใจส่งตัวไปรักษาตัวที่กระท่อมรังนกในยามนั้น เพราะตำแหน่งสถานที่นั้นยังเป็นจุดล่อแหลมใกล้ชายแดนฝ่ายอื่น และท่าทีแนวคิดทางการเมืองของฮัวโต๋ก็เปิดกว้างเกินไป ทำให้หวั่นเกรงว่า โจซุนจะเป็นจุดเปราะบางให้ขุมกำลังอื่นแอบมาชิงตัวไปเป็นตัวประกัน
โจโฉจึงได้แต่อาศัยชื่อเสียงราชสำนัก เชื้อเชิญหมอที่มีฝีมือในสังกัดกระท่อมรังนกให้เข้ามาทำงานในวังหลวง จนได้ตัวเกียดเป๋ง ลูกศิษย์คนโตของหมอเอก มาในที่สุด และเกียดเป๋งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง สามารถแก้ไขอาการทางประสาทให้ทุเลาลงได้จริงด้วยวิชาการฝังเข็มอันเร้นลับ
น่าเสียดายที่หมอหลวงเกียดเป๋งเข้าไปพัวพันกับขบถราชโองการโลหิต ทำให้ถูกประหารชีวิตก่อนที่การรักษาจะเสร็จสิ้น โจโฉจึงได้แต่ขอคำแนะนำกับเหล่าที่ปรึกษาถึงการส่งตัวโจซุนไปให้หมอฮัวโต๋รักษาอย่างใกล้ชิด และเป็นกาเซี่ยงที่เสนอแผนการอันสุดยอดออกมา เป็นแผนนกกาเหว่าฝากไข่
...
หลายปีก่อน คนป่วยปริศนาผู้นี้จึงถูกพบเห็นอยู่ในชายป่า ไม่ไกลจากกระท่อมรังนก ไม่มีร่องรอยการทำร้าย เหมือนถูกคนในครอบครัวหมดปัญญารักษา จึงนำตัวมาทิ้งไว้ตามยถากรรม เพราะบาดแผลทั้งหมดล้วนได้รับการรักษามาแล้วช่วงเวลาหนึ่ง เพียงแต่อาการเรื้อรังยังไม่หายขาด ตั้งแต่ ตาบอดทั้งสองข้าง มือเท้าใช้งานไม่ได้ และมีอาการคลุ้มคลั่งกลับคืนมาอยู่บ้างเป็นบางครั้ง รวมทั้ง จดจำชื่อแซ่ตัวเองไม่ได้ด้วย
หมอฮัวโต๋คล้ายเกิดความสงสาร จึงรับเอาไว้เป็นคนไข้พิเศษ ระดมแพทย์มือดีมาช่วยกันดูแล และใช้เป็นตัวอย่างในการรักษาขั้นสูง จนผ่านไปหลายปี แน่นอนแล้วว่า ตาบอดไม่อาจฟื้นคืน แต่มือเท้ากลับเริ่มเป็นปกติ จนพอเคลื่อนไหวใช้งานได้บ้าง และพูดคุยกันรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ มันผู้นี้ถูกเรียกว่า เทียนสือ (ฟ้าประทาน)
ในจำนวนแพทย์ทั้งหมด โงโพ้ ฮ่วมอา ย่อมรู้สึกผูกพันกับเทียนสือมากที่สุด เพราะต้องเป็นหัวหน้ารับผิดชอบอาการ โงโพ้ชำนาญภายนอก ฮ่วมอาเชี่ยวชาญภายใน จึงช่วยกันรักษามาตั้งหลายปี พอมาถึงตอนนี้ โงโพ้ ฮ่วมอา จึงเริ่มสำนึกเสียใจ ที่แท้แล้ว เทียนสืออาจจะเป็นบุคคลอันตรายเสียแล้วกระมัง
ได้ยินเทียนสือหรือโจซุนกล่าวกับโจหยิน “พวกมันล้วนเป็นคนดี มีน้ำใจประเสริฐ จึงผ่านการคัดเลือกตัวเข้ามาเรียนรู้วิชาการแพทย์ เพื่อช่วยรักษาผู้คน ส่วนคนไข้ก็ล้วนจำเป็นต้องอาศัยพึ่งพิงต่อกัน ตัดฟืนทำอาหารหาเลี้ยงจุนเจือ ละทิ้งการเมืองไว้เบื้องนอกหมดสิ้น โปรดจงละเว้นบทลงโทษด้วยเถิด”
โจหยินนับเป็นขุนพลจตุรเทพที่ความคิดอ่านชัดเจนที่สุด จึงตะโกนสั่งการทหารในกองทัพ ให้ควบคุมพื้นที่กระท่อมรังนกเอาไว้เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร แต่ให้ความดูแลต่อผู้คนทั้งหมดอย่างดีถึงที่สุด แม้แต่พวกที่มีปัญหาเมื่อครู่ก็ได้รับการยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษเช่นกัน
…
ฝ่ายขงเบ้ง และจูล่ง ที่ถูกนำตัวไปเมืองต๋องง่อ เพื่อรอพบกับซุนกวน และจิวยี่ ที่กำลังตรวจกองพลทางน้ำอยู่ในค่ายทหารเมืองชีสอง ก็ได้รับการดูแลต้อนรับอย่างดีจากโลซก และเกียวชวน ศิษย์และอาจารย์ด้านการค้าไปพลางๆก่อน
เนื่องจากทั้งสองคนมีพื้นฐานเป็นฝ่ายไม่นิยมสงครามมาโดยตลอด จึงถือโอกาสโน้มน้าวให้ขงเบ้งเป็นฝ่ายตน อยากให้ชักจูงซุนกวน จิวยี่ หลีกเลี่ยงการทำสงครามครั้งนี้ โดยที่ทั้งสองยังไม่ล่วงรู้ถึงข้อตกลงลับระหว่างขงเบ้งกับจิวยี่เลยแม้แต่น้อย
นอกจากนั้น เจ้าพ่อเกียว เกิดสนใจในตัวจูล่ง ขุนพลม้าขาว หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเศษ ผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังจากการลุยเดี่ยวช่วยอาเต๊า จนอยากได้เป็นลูกเขยให้กับแม่ม่ายไต้เกี้ยว ลูกสาวของตน และหวังจะชักชวนให้ปักหลักอยู่ที่เมืองต๋องง่อ ช่วยเหลือกับฝ่ายตนเสียเลย
เกียวชวนจึงพยายามแยกตัวจูล่งออกจากขงเบ้ง โดยอ้างถึงการจัดการทำพิธีไว้ทุกข์ส่งวิญญาณขงหยง บิดาบุญธรรมที่ถูกโจโฉสังหารทั้งครอบครัว ตามความเข้าใจของผู้คนโดยทั่วไป
เจ้าสัวเกียวเปิดโอกาสให้จูล่ง ไต้เกี้ยวได้พบปะใกล้ชิดกันตามลำพังในสวนดอกไม้หลายครั้ง ซึ่งทั้งสองเมื่อได้พบหน้ากัน ก็แอบพึงพอใจกันอยู่
หากแต่มีคนคนหนึ่งทราบเรื่องเข้า แล้วไม่ยินยอม ถึงกับลงมือใช้กระบี่สั้นสองมือตรงเข้าทำร้าย จนจูล่งต้องชักกระบี่สั้นที่ติดตัวอยู่ ออกมาป้องกันตัว และสยบผู้ลงมือได้โดยง่าย กลับเป็นสาวน้อยแรกรุ่น น้องสาวต่างมารดาของซุนกวน นาม ซุนซ่างเซียง ที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับมากังตั๋งไม่นานมานี้ ด้วยความรู้สึกหวงพี่สะใภ้
เมื่อเป็นเช่นนี้ จูล่งจึงลดกระบี่ลง ปล่อยให้แม่นางซุนเป็นอิสระอีกครั้ง แต่กลับเป็นไต้เกี้ยวที่หน้าซีดเซียว ตัวสั่นสะท้าน วิ่งหายเข้าไปในห้องพักสักครู่ แล้วกลับออกมาพร้อมกล่องไม้เล็กๆใบหนึ่ง จึงค่อยสอบถามจูล่งด้วยน้ำเสียงแหบเครือ "ท่านขุนพล ขอให้ข้าพิจารณากระบี่ท่านสักครู่หนึ่ง จะได้ไหม"
จูล่งส่งกระบี่ให้ด้วยความงุนงง ไต้เกี้ยวนำกระบี่สั้นไปดูให้ถนัดตา แล้วหยิบวัตถุสิ่งหนึ่งในกล่องไม้มาเทียบเคียง ถึงกับประกบได้สนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ที่แท้ เป็นปลายกระบี่ที่หักคาอยู่กับร่างไร้วิญญาณของซุนเซ็กนั่นเอง นางจึงเอ่ยถามจูล่งอีกครั้ง "กระบี่เล่มนี้อยู่กับท่านมานานสักเพียงใดแล้ว"
"ข้าเพิ่งแย่งชิงกระบี่เล่มนี้มาจากทหารหนุ่มคนหนึ่งของกองทัพโจโฉในการรบที่เมืองอ้วนเซียเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ข้าพอจะรู้ว่าใครคือเจ้าของกระบี่ที่แท้จริง" จูล่งตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องราว "กระบี่สั้นนี้ชื่อสัตตดารา เป็นกระบี่ที่โจโฉเคยใช้ลอบสังหารตั๋งโต๊ะ จนสูญหายไป แล้วภายหลัง ลิฉุยกุยกีได้ส่งกระบี่กลับคืนให้เจ้าของเดิม เมื่อตอนที่โจโฉสร้างชื่อปราบโจรโพกผ้าเหลืองครั้งแรก จนได้ครองเมืองกุนจิ๋ว กระบี่นี้จึงอยู่ในมือของมันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"
ไต้เกี้ยว ลอบยินดีที่ฆาตกรไม่ใช่จูล่ง แต่ยังคงจมอยู่ในความคิด ทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดจนเข้าใจได้ในทันที ที่แท้ การตายของซุนเซ็ก ผู้เป็นสามี ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องการเมืองกับเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วอย่างที่เข้าใจมาตั้งนาน แต่เป็นเพราะนางเองที่เป็นแรงจูงใจสำคัญให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นสงครามแย่งชิงความรัก ระหว่างโจโฉกับซุนเซ็ก
นิสัยโหดเหี้ยมของโจโฉเป็นเช่นไร นางย่อมรู้อยู่แก่ใจดี สิ่งใดที่โจโฉต้องการอย่างจริงจัง มันต้องทำทุกวิถีทางให้ได้ครอบครอง แม้จะต้องทำร้าย หรือหักหลังคนอื่นก็ตาม ครั้งนี้ นางกำลังตกเป็นเหยื่ออันโอชะของโจโฉ นอกจากสามีที่ล่วงลับไปแล้ว ก้าวต่อไปของมัน อาจจะเป็นดินแดนกังตั๋งอันเป็นที่รักด้วย เพราะกองทัพร้อยหมื่นกำลังเข้ามาใกล้แล้ว ทุกชีวิตกำลังอยู่บนเส้นด้ายโดยแท้
จูล่งรับฟังเรื่องราวของหญิงม่ายไต้เกี้ยวไปพร้อมๆกันกับสาวน้อยซุนซ่างเซียง พลางนึกหาหนทางจะใช้โอกาสครั้งนี้ กอบกู้ชื่อเสียงของพรรคฟ้าเหลืองขึ้นมาอีกครั้ง การเข้ามาเป็นคู่เขยกับขุนพลจิวยี่ และลูกเขยของเจ้าพ่อการค้า เกียวชวน ในแดนกังตั๋ง ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก “เงิน คน และฐานที่มั่น” งานนี้ คงต้องทุ่มเทให้หมดหน้าตักเสียแล้ว นับเป็นโอกาสทองอีกครั้งหนึ่ง
จูล่งจึงยื่นกระบี่สั้นให้ พลางกล่าวว่า “กระบี่สั้นสัตตดาราเล่มนี้สังหารสามีท่าน เช่นนั้น จงเก็บมันเอาไว้ข้างกายเถิด และข้าจะช่วยท่านล้างแค้นให้อีกแรงหนึ่ง”
น่าเสียดายที่จูล่งมัวแต่สนใจอยู่กับไต้เกี้ยว จนไม่ทันสังเกตสายตาที่เหม่อลอยเซื่องซึมของซุนซ่างเซียง ผิดกับท่าทีดุดันเมื่อครู่ที่ผ่านมา
"เมื่อม้าป่าพยศโดนสยบโดยผู้ใด จิตใจก็จะผูกพันให้กับผู้นั้นไปด้วย" ซุนน้อยจึงมีท่าทีผิดปกติเช่นนั้น
เป็นรักแรกพบของสาวน้อย ซุนซ่างเซียง คุณหนูวัยใสแห่งดินแดนกังตั๋ง
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย