Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
20 เม.ย. 2021 เวลา 00:52 • นิยาย เรื่องสั้น
3.17. จารชนแผนซ้อนแผน
เจียวก้าน จารชนสองหน้า - บังทอง หงส์ผงาด - เตียวเจียว เสาหลักแห่งกังตั๋ง
อิทธิพลของเล่าเปียวครอบคลุมสองมณฑลหลัก มณฑลเกงจิ๋วเหนือประกอบด้วยสามเมืองใหญ่ คือ เกงจิ๋ว ซงหยง กังแฮ มณฑลเกงจิ๋วใต้ประกอบด้วยห้าเมืองใหญ่ กังเหลง บุเหลง เตียงสา เลงเหลง ฮุยเอี๋ยง กินพื้นที่กว้างใหญ่ไม่น้อย หากตั้งรับจริงจัง สมควรต้องใช้เวลาต่อสู้ไม่น้อยกว่าสองสามปี จึงปราบปรามได้หมดสิ้น
หากแต่ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชัวมอ เตียวอุ๋นได้สับเปลี่ยนพรรคพวกเข้าครอบคลุมทุกตำแหน่ง ทั้งหมดจึงพร้อมใจสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลอย่างง่ายดาย คงเว้นไว้แต่เมืองใหญ่กังแฮที่เล่ากี๋เป็นเจ้าเมือง และเมืองใหญ่ซงหยงที่ถูกครอบงำด้วยชื่อเสียงของเล่าปี่ และเพิ่งถูกเผาทำลายในช่วงอพยพสามเมือง
อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องให้เกียรติต่อแผนการของโจโฉกับตันกุ๋นอยู่บ้าง ที่รู้จักใช้สอยคนสำคัญได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพียงแค่จัดการควบคุมชัวฮูหยินกับชัวมอ หญิงร้ายชายโฉดสองคน ถึงกับยอมส่งมอบแผ่นดินสำคัญให้กับโจโฉมาแล้ว
โจโฉแม้ยินดีที่ได้รับการสวามิภักดิ์จากคนสกุลชัวโดยง่าย แต่หากยังไม่อาจไว้วางใจได้เต็มที่ ทางหนึ่ง จึงเร่งระดมพลจากกลุ่มก้อนขุมกำลังเก่าใหม่ เข้ามาเตรียมพร้อมทำสงครามใหญ่ แม้แต่กองกำลังกิจิ๋วเดิมที่ก่อสร้างปราสาทก็ถูกเรียกตัวมาเกือบหมดสิ้น ทำให้ตัวเลขกองทัพ เมื่อนับรวมกับกองทหารเกงจิ๋วด้วยแล้ว สมควรถึงหนึ่งร้อยหมื่นตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม
อีกทางหนึ่ง โจโฉก็ได้สั่งการเรื่องการจัดเตรียมเสบียงและยุทโธปกรณ์ไว้อย่างรัดกุมรอบคอบ โดยแบ่งแยกให้เมืองอ้วนเซียและเมืองลำหยงเป็นแหล่งสะสมเสบียงหลัก ป้อนต่อลงมายังเมืองเกงจิ๋วที่บัดนี้ถูกปรับสภาพให้เป็นฐานทัพใหญ่และอู่ต่อเรือ ถึงกับระดมทหารช่างก่อสร้างโครงสร้างอุปกรณ์ต่างๆมากมาย
เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป้าหมายต่อไปของกองทัพหลวงก็คือ เมืองชีสอง ทางฝั่งตรงข้ามแม่น้ำไต้กัง และสมรภูมิรบคงหนีไม่พ้นไปจากแม่น้ำใหญ่ที่ขวางกั้น เป็นยุทธนาวีที่พวกโจโฉไม่มีประสบการณ์รบมาก่อน จึงจำต้องเชิดชูชัวมอ เตียวอุ๋น เป็นขุนพลหลักในการฝึกทหาร และส่งคนไปเก็บกวาดเมืองกลางเมืองเล็กที่ยังแสดงท่าทีไม่ชัดเจน
คนที่หวาดหวั่นใจที่สุดในยามนี้ก็คงจะเป็นเล่าปี่กับพวกที่อพยพหลบหนีสงครามมาพำนักอยู่กับเล่ากี๋ที่เมืองกังแฮ หากนับกำลังต้านทานคงมีเพียงหลักหมื่นสองหมื่นนายเท่านั้น เพียงแค่โจโฉดีดนิ้วสั่งการกองทัพย่อยมาสักจำนวนหนึ่งมาจริง ก็อาจจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
หากเปรียบดั่งเบี้ยเม็ดในกระดานหมากล้อม กองทัพน้อยที่เปราะบางคงเป็นแค่เบี้ยสามสี่เม็ดที่ตั้งอยู่แค่ริมกระดาน ครอบคลุมพื้นที่เพียงน้อยนิด จนผู้เล่นที่มากประสบการณ์ ยังไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจให้เสียภาพรวม สามารถเล่นศึกระดมเบี้ยลงไปทางสมรภูมิอีกด้านหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ และเลือกได้ว่าจะหันมาเก็บกินเบี้ยข้างกระดานเมื่อไหร่เวลาใด
เล่าปี่ผ่านประสบการณ์สงครามมามากมาย พอรู้เรื่องราวสถานการณ์ จึงไม่ทำตัวโดดเด่นกระตุ้นความสนใจให้ยักษ์ใหญ่ขุ่นเคืองใจ เพียงให้เหล่าขุนพลเตรียมพร้อมฝึกปรือกองทัพไปพลางๆ รอรับฟังสัญญาณรบจากอีกฟากฝั่งแม่น้ำ
…
หลังจากการประกาศสงครามออกไปกลางที่ประชุมในครั้งนั้น ซุนกวน จิวยี่ ยังคงไม่มีท่าทีเคลื่อนไหวอันใด นอกจากเก็บตัวเงียบอยู่ในที่พัก มีเพียงเสียงพิณบรรเลงเล็ดรอดออกมาบ้างในบางครั้ง จนแม้แต่โลซกและขุนนางสำคัญคนอื่นๆก็ยังไม่อาจเข้าพบถึงตัวได้เลย นับเป็นรายงานการข่าวที่สร้างความสงสัยใจให้กับโจโฉเป็นยิ่งนัก
การศึกยุคโบราณ วิธีหาข่าวย่อมต้องอาศัยจารชนลงไปคลุกคลีในพื้นที่ อาจจะเป็นได้ตั้งแต่ชนชั้นขุนนาง นายทหาร องครักษ์ คนทำงานบ้าน หรือ สาวใช้ ลำดับความสำคัญและความน่าเชื่อถือยังแบ่งออกไปอีกยิบย่อย โจโฉเติบโตมาจากสายเสนาธิการ ทำงานใกล้ชิดกับสายการข่าวของอ้วนเสี้ยวสหายเก่า ย่อมคุ้นเคยกับกระบวนการเช่นนี้อยู่แล้ว
เจียวก้าน หนึ่งในกลุ่มที่ปรึกษา ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนวัยเยาว์ของจิวยี่ตั้งแต่สมัยที่จิวยี่ยังเป็นคุณชายสำอางของท่านเจ้าเมืองในเมืองหลวง หวังสร้างผลงานบ้าง จึงขันอาสาไปสืบข่าวในเบื้องลึกให้ที่เมืองชีสอง
…
จิวยี่พอทราบว่าเป็นเจียวก้านเพื่อนรัก ถึงกับอนุญาตให้เข้าพบเป็นการส่วนตัว ที่แท้ เจียวก้านเป็นหมากลับข้างกระดานของจิวยี่ที่วางไว้ในกองทัพฝ่ายรัฐบาลมาตั้งนานแล้ว และได้นัดแนะกันไว้ว่า เมื่อถึงเวลาแตกหัก เจียวก้านจะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่นำความลับของกองทัพมาให้กับจิวยี่ด้วยตนเอง
เมื่อจิวยี่ได้รับทราบข้อมูลทางทหารจากเจียวก้านจนหมดสิ้น จึงชักชวนให้อยู่ด้วย เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ แต่เจียวก้านกลับไม่ยินยอม เพราะหากตนเองไม่กลับคืน อาจจะทำให้โจโฉหวาดระแวง และสุดท้าย ข้อมูลต่างๆก็จะถูกเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จำต้องมีคนเสียสละ แม้อาจจะหมายถึงชีวิตที่ต้องดับสูญ
จิวยี่พอเข้าใจในเจตนาดีของเพื่อนสนิท เห็นด้วยกับการเสียสละที่สูงส่งของสหายจารชน จึงให้รั้งรอผ่อนคลายสักหลายคืน เผื่อพิจารณาหาหนทางที่เหมาะสมให้กับสถานการณ์เช่นนี้ได้บ้าง แต่ไม่ได้เปิดเผยฐานะลับต่อผู้ใด เพียงอ้างว่า สหายเก่ามาเยี่ยมเยียนตามปกติเท่านั้น
…
ในที่สุด จิวยี่ แม่ทัพใหญ่ก็มีความเคลื่อนไหวสำคัญ แต่งตั้งให้อุยกายเป็นรองแม่ทัพ เตียวเจียว โกะหยงเป็นเสนาธิการฝ่ายเสบียงและยุทโธปกรณ์ ส่วนโลซกเป็นปลัดทัพพิเศษ เพื่อประสานงานกับขงเบ้งและฝ่ายเล่าปี่โดยเฉพาะ นับเป็นรูปแบบการจัดทัพที่เน้นประสิทธิภาพมากกว่าสายงาน คนที่ดูแลคุ้นเคยในเรื่องใด จึงได้รับบทบาทให้ทำในเรื่องนั้นต่อไป ไม่เกี่ยงว่าเป็นขุนนาง หรือนายทหาร แตกต่างจากการจัดกระบวนทัพของฝ่ายอื่นๆในยุคสมัยนั้น
จากนั้น จึงสั่งการให้อุยกาย เตียวเจียว ช่วยกันเตรียมความพร้อมด้านเสบียงอาหาร อาวุธ ยุทโธปกรณ์ทั้งหลายให้เพียบพร้อม โดยกำหนดจัดเตรียมให้ทันเวลาภายในเจ็ดวัน หวังให้ทันกับฤกษ์ยามออกศึกที่กำหนด ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามฝึกซ้อมจนคุ้นเคยการรบทางน้ำ
อุยกายคัดค้านเสียงแข็ง เพราะเวลากระชั้นเกินไป อย่างอื่นยังพอมีในคลังแสง ขาดแต่ลูกเกาทัณฑ์ที่ต้องใช้จำนวนมากในการบทางน้ำ พอส่งเสียงดังก็พาลลำเลิกไปถึงความเป็นอาวุโส คิดการรอบคอบหนักแน่น ต่างจากคนหนุ่มที่คิดเร็วทำเร็ว มองเห็นแต่เรื่องเฉพาะหน้า
เรื่องนี้จึงทำให้จิวยี่เกิดโทสะ ใช้กระบี่อาญาสิทธิ์ สั่งโบยลงโทษขุนพลอาวุโสทันที โทษฐานขัดคำสั่งแม่ทัพ จนอุยกายทนความเจ็บปวดไม่ไหว และสลบไป
ซุนกวน จิวยี่ และโลซกลอบสบตากัน นี่คือบทลงโทษเพื่อแก้แค้นให้กับซุนเซ็กผู้ล่วงลับอย่างแนบเนียน ก่อนการประชุมใหญ่ อุยกายขอเข้าพบจิวยี่เป็นการลับ และเป็นฝ่ายเสนอตัวเพื่อไปเป็นไส้ศึกไปทำลายทัพโจโฉ จิวยี่เห็นเป็นโอกาส จึงเสแสร้งนัดแนะแผนทรมานกายให้เป็นที่ปรากฏ สนองตอบคนทรยศที่แฝงตัวมาอยู่ในกลุ่มจนเนิ่นนานสักที
ยังโชคดีที่พวกซุนกวนกับซุนฮก ผู้ล่วงลับ เพียงคาดเดาว่าเตียวเจียวและอุยกายเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด เล่นบทบาทตามน้ำเท่านั้น เพราะรู้ฝีมืออยู่ว่าเทียบกับซุนเกี๋ยน ซุนเซ็กไม่ได้ ถ้าหากทราบด้วยว่า เป็นอุยกายที่ลงมือสังหารเอง มันคงไม่อาจรอดอยู่จนถึงวันนี้แล้ว
ส่วนเตียวเจียวก็เป็นเพียงขุนนางเฒ่าสายบุ๋น ไม่มีวิทยายุทธ์ติดตัว การจัดการย่อมง่ายดายดุจหยิบส้มออกจากตะกร้าเท่านั้น ความอ่อนด้อยจึงกลายเป็นจุดได้เปรียบที่ทำให้เตียวเจียวอยู่รอดปลอดภัยเรื่อยมา
...
หลายวันต่อมา คนสำคัญในกองทัพออกมาตั้งมั่นกันที่เมืองชีสอง เมืองใหญ่หน้าด่านของกังตั๋ง โลซกที่รับทราบแผนลับจากจิวยี่แล้ว นำบังทอง กุนซือคนสนิทเข้าพบกับอุยกายที่ค่ายทหาร เพื่อเยี่ยมเยียนอาการบาดเจ็บตามธรรมเนียม
อุยกายจึงสบโอกาสรับลูกต่อจากโลซก นัดแนะให้ส่งบังทองไปเป็นสายลับ โดยสวมรอยเป็นคนส่งมอบหนังสือสวามิภักดิ์ และอยู่ประสานจากภายใน รอคอยสัญญาณนัดหมาย ค่อยบ่อนทำลายฝ่ายโจโฉพร้อมกัน
แผนขุดบ่อล่อปลายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่ประชุมทัพวันรุ่งขึ้น เมื่อแม่ทัพจิวยี่เร่งรัดเรื่องเกาทัณฑ์กับอุยกายในที่ประชุมทหารอีกครั้ง ขงเบ้งจึงเป็นคนรับอาสาจัดการหาให้แทน โดยให้โลซก อุยกาย ช่วยจัดหาเรือฟางขนาดกลางสิบลำ และพลกลองจำนวนหนึ่ง ออกเรือไปทางค่ายทหารฝั่งเกงจิ๋วในช่วงเช้ามืดที่มีหมอกหนาทึบ แล้วโห่ร้องตีกลองให้อึกทึก คล้ายจะรุกเข้าโจมตี
ชัวมอ เตียวอุ๋น แม่ทัพเรือมองไม่เห็นข้าศึก จึงสั่งการให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดออกมาก่อน จนหมอกเริ่มจางหาย ขงเบ้งก็สั่งเรือให้รีบกลับฝั่งกังตั๋ง เก็บเอาลูกเกาทัณฑ์ที่ปักติดเต็มเรือฟางไว้ รอส่งมอบต่อจิวยี่ต่อไป ทำเช่นนี้ซ้ำอยู่สามวันติดต่อกัน ได้ลูกเกาทัณฑ์มากกว่าจำนวนที่กำหนดเสียด้วยซ้ำ
แผนการนี้ เป็นขงเบ้งพลิกแพลงจากคราวก่อนที่โดนกองทัพของอุยกายระดมยิงเข้าใส่เรือโดยสารจนได้รับบาดเจ็บ นับว่า เรียนรู้จากความผิดพลาด เอามาสร้างประโยชน์ให้กับตนเองได้อย่างงดงาม
...
วันต่อมา เจียวก้านพร้อมกับบัณฑิตคลุมหน้าอีกคนหนึ่ง ปรากฏกายหน้าค่ายทหารหลวง อ้างว่า หลบหนีมาจากกังตั๋งพร้อมข่าวสำคัญ ขอเข้ารายงานตัวต่อโจโฉในที่ประชุมทหาร
ประการแรก เพื่อแนะนำตัวบังทองในฐานะกุนซือหงส์ผงาด อันมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อน อาชญากรแผ่นดินที่กำลังช่วยเหลือฝ่ายกังตั๋งอยู่ เบื้องแรก บังทองคิดสวามิภักดิ์ต่อซุนกวน สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง หากแต่ถูกจิวยี่ กีดกันด้วยความระแวงสงสัย จึงได้แต่สมัครอยู่กับโลซก เพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลสำคัญ รอคอยวันจะเข้าร่วมสร้างคุณให้กับแผ่นดินในยามที่รัฐบาลมาถึง
ประการที่สอง เพื่อให้บังทองได้มีโอกาสได้แจ้งเรื่องสำคัญให้ทราบอีกสองเรื่อง หนึ่งคือ อุยกายแค้นเคืองจิวยี่ที่โบยตีรุนแรง จึงขอเข้าสวามิภักดิ์ โดยรอจังหวะจะลอบชิงเอาเสบียงทั้งหมดมาด้วยทางเรือ สองคือ ชัวมอ เตียวอุ๋น แปรพักตร์เข้ากับฝ่ายกังตั๋ง หมายจะทรยศหักหลังโจโฉอีกครั้ง
เรื่องราวเช่นนี้ ยากจะเชื่อถือด้วยลมปาก หากแต่เรื่องแรกนั้นสอดคล้องตรงกันกับสายข่าวทางทหารกลุ่มอื่นอยู่แล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูง ส่วนเรื่องที่สอง บังทองได้นำหนังสือสวามิภักดิ์ของคนทั้งสองที่ค้นพบในกระโจมที่พักของจิวยี่มายืนยันด้วยเป็นหลักฐานสำคัญ ลายมือก็ตรงกันไม่ผิดเพี้ยน
เนื้อหาเป็นเพราะข่าวการตายของชัวฮูหยิน เล่าจ๋องที่ร่ำลือว่าเป็นคำสั่งตายจากโจโฉ สร้างความหวั่นเกรงภัยการเมือง คนทั้งสองจึงสร้างแผนบ่อนทำลาย นัดแนะส่งมอบลูกเกาทัณฑ์ให้จิวยี่ ด้วยวิธีการพิสดาร "ปิดตาข้ามทะเล" แสร้งยิงเกาทัณฑ์ใส่ แต่กลับเป็นการส่งมอบอาวุธให้อย่างแนบเนียน
ในที่ประชุมทหารนั้น ยังมีกุนซือ กาเซี่ยง สุมาอี้ และตันฮกอยู่ด้วย หนึ่งปักษาสวรรค์และสองทายาทมังกร จึงช่วยกันส่งเสียง เพิ่มน้ำหนักให้กับเรื่องราวด้วยมุมมองที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น เพราะพวกชัวมอก็เพิ่งสวามิภักดิ์ไม่นาน ความคิดอ่านยังไม่นิ่ง ย่อมปรับเปลี่ยนใจได้ไม่ยาก
พอหลายคนยืนยันตรงกันเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่มีเสือก็มีเสือเกิดขึ้นมาได้จริงๆ ทำเอาโจโฉเชื่อสนิทใจ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนถึงสามวันติดต่อกัน ผิดวิสัยการรบเกินไปที่จะหลงกลเดิมซ้ำๆหลายครั้ง
สุดท้าย โจโฉจึงสั่งให้นำชัวมอ เตียวอุ๋นไปประหารชีวิตทันที และแต่งตั้งให้บังทองขึ้นเป็นกุนซือแม่ทัพเรือแทน เพราะเห็นว่า ชำนาญในยุทธนาวีกับภูมิประเทศ และรู้ตื้นลึกหนาบางของกองกำลังฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าคนอื่น และให้จดบันทึกความชอบให้กับเจียวก้านเป็นพิเศษ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียวก้านจึงลอยตัวมีความชอบในการขันอาสาสืบข้อมูล และก็เป็นเจียวก้านเองที่จัดการลอกเลียนลายมือของชัวมอมาเป็นหลักฐานเอาผิดได้อย่างแน่นหนา จนแม้แต่จิวยี่ยังนึกยินดีกับทางออกที่สวยงามเช่นนี้ และสถานะจารชนของเจียวก้านก็ยังมั่นคงอยู่เช่นเดิม
…
บังทองจึงแสดงภูมิปัญญาในการรบทางน้ำด้วยการปรับปรุงกระบวนทัพเสียใหม่ ผสานกับอ้วนยู เรือปราสาทขนาดใหญ่เป็นเรือหลักจำนวนหนึ่ง ผูกโยงเข้ากับเรืออื่นๆเรียงแถวไปซ้ายขวาเป็นแนวยาว ทำให้เหล่าทหารเคลื่อนทัพไปมาหากันระหว่างลำเรือได้ตลอดเวลา ไม่โคลงเคลงไปตามกระแสน้ำเหมือนที่ผ่านมา
อีกทั้ง ดัดแปลงเครื่องยิงก้อนหินเพิ่มเติม เปลี่ยนทิศทางการยิงจากการเหวี่ยงขึ้นสูงด้วยแรงดีด ให้เป็นการยิงด้วยท่อนไม้เหลาแหลม พุ่งตรงไปข้างหน้า ราวกับเป็นหน้าไม้เกาทัณฑ์ขนาดใหญ่ ให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการโจมตีด้วยเกาทัณฑ์โดยทั่วไป เรียกขานร่วมกันเป็นกองทัพ “รถฟ้าลั่น”
ซ้ำยังระดมอุปกรณ์การรบด้วยไฟทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เกาทัณฑ์ไฟ ประทัด ดอกไม้ไฟ ทุ่นฟาง และสุราเผาดาบ โดยเฉพาะสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ดินระเบิด เข้ามาสำรองไว้เต็มท้องเรือทุกลำ หวังใช้ถล่มทัพกังตั๋งด้วยไฟเป็นหลักนั่นเอง
อาวุธไฟ นับเป็นเรื่องแปลกใหม่ล้ำยุคในการทำยุทธนาวีในสมัยนั้น โดยเฉพาะดินระเบิดที่ถูกเรียกขานเป็น “เพลิงทมิฬ” ยิ่งบังทองตระเตรียมของเล่นไว้ตั้งมากมายหลายอย่างเช่นนี้ และทำการสาธิตให้เห็นปรากฏ จึงสร้างความนับถือจากเหล่าทหารได้อย่างมาก เป็นการเปิดตัวหงส์ผงาดในสมรภูมิรบได้อย่างสวยงาม
ถึงแม้ว่ากาเซี่ยงทักท้วงว่า ถือครองวัตถุไวไฟไว้กับเรือมากมาย อาจจะเป็นช่องทางให้โดนโจมตีด้วยไฟก่อนได้ แต่บังทองก็อธิบายเพิ่มเติมด้วยความชำนาญในพื้นที่ว่า กระแสลมเหนือน่านน้ำกำลังเป็นใจให้กับฝ่ายเรา เพราะช่วงฤดูกาลนี้ มีแต่ลมพัดจากเกงจิ๋วไปกังตั๋งเท่านั้น หากทหารฝั่งนั้นใช้ไฟมาต่อสู้ ก็มีแต่จะโดนลมตีกลับไปเผาทำลายตนเอง
อ้วนยู ปราชญ์สร้างสรรค์ ซึ่งเคยสังกัดเล่าเปียว คุ้นเคยการทำเรือรบ และผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน เคาก้าน ในเจ็ดนักปราชญ์เจี้ยนอาน ที่ได้รับคำสั่งให้มาช่วยกำกับการก่อสร้างยุทโธปกรณ์ด้วย จึงช่วยกันเสริมขึ้น “ถูกต้องแล้ว เมื่อก่อน เจ้านายเราเล่าเปียวก็เคยกังวลในอิทธิพลของขุมกำลังกังตั๋ง จนกระทั่ง ปราชญ์หยั่งรู้ เคาก้าน มาเยื่ยมเยือนสำนักหอสมุดใต้หล้า ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กัน และยืนยันทิศทางลมชัดเจน จึงทำให้คนเกงจิ๋วลดความวิตกลงไปได้มากทีเดียว”
บังทองจึงพูดคุยกันถูกคอกับอ้วนยู เคาก้าน ผลักดันให้สองปราชญ์ชรามาช่วยจัดทำอาวุธเพ่ิมเติม โจโฉและพวกจึงพลอยรู้สึกคลายความกังวลลงไปได้มาก นึกยินดีที่มีกลุ่มคนร่วมงานหลากหลาย สามารถแบ่งปันประสบการณ์ความรอบรู้แปลกใหม่ได้ไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะกลุ่มนักปราชญ์เจี้ยนอานที่เป็นดั่งคลังแสงแห่งความรู้ขั้นพิสดารล้ำลึกในแต่ละสาขาวิชาการ
ส่วนบังทองเองก็นึกยินดีที่มีคนสายช่าง สายวิชาการมารับหน้าที่กำกับการผลิตแทน เพราะแบบร่างงานประดิษฐ์อุปกรณ์ที่นำมาเสนอเหล่านี้ ล้วนเป็นฝีมือของสหายลึกลับรหัส “นกเป็ดน้ำ” มอบให้มาทั้งสิ้น
การที่จะให้นำมาสาธิตและอธิบายประสิทธิภาพนั้น มันยังพอจดจำมาได้ หากแต่ต้องถึงขั้นลงมือประดิษฐ์จริงจัง กลับเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เหมาะกับช่างฝีมือระดับปรมาจารย์เสียมากกว่า
...
โจโฉมีจารชนในทัพกังตั๋ง ซุนกวนก็ย่อมมีจารชนในทัพฮูโต๋เช่นกัน ข่าวการเตรียมกองทัพร้อยหมื่น เพื่อทำยุทธนาวีครั้งใหญ่บนน่านน้ำไต้กัง ผนวกกับภูมิปัญญาของกุนซือหงส์ผงาด ผสานกับสองปราชญ์เจี้ยนอาน ซึ่งมีความชำนาญทางยุทธนาวีและพื้นที่ เป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความกดดันให้กับชาวกังตั๋งไม่น้อย ชื่อเสียงของบังทองที่ไม่เคยมีใครสนใจ คล้ายโด่งดังขึ้นในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน
กองทัพเรือภายใต้การนำของจิวยี่กับอุยกายก็เหมือนปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งบางคนจำได้ว่า บังทองเป็นคนสนิทของเสนาบดีโลซก เมื่อแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม จึงคล้ายเกิดความขัดแย้งเชิงการเมืองอยู่ภายในกองทัพเอง
ชาวบ้านระดับคหบดี ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากต่างพากันกังวลใจ พากันอพยพโยกย้ายไปเมืองอื่นเป็นการชั่วคราว ถึงขนาดซุนกวนก็ไม่ได้มั่นใจเต็มที่ จึงอนุญาตให้เจ้าสัวเกียวชวน ใช้ข้ออ้างล่องใต้ไปเปิดประตูการค้าในดินแดนหมู่เกาะที่ห่างไกลออกไปในทะเลใหญ่ พาซุนไท่ไถ้ ไต้เกี้ยว ซุนซ่างเซียง และครอบครัวสกุลซุน หลบหนีจากภัยสงครามไปก่อน โดยย้อนเรือขึ้นมารับเสียวเกี้ยวกับจิวหุนลูกชายที่เมืองชีสองลงเรือไปด้วยกัน
สายข่าวทำงานกันอย่างคึกคักตามภาพที่ปรากฎ แต่ความจริงอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น ที่แท้ เป็นกลยุทธ์ "แสร้งอ่อนแอให้ถึงที่สุด"ของจิวยี่กับซุนกวนที่ช่วยกันแต่งเติม สร้างสถานการณ์ให้แหล่งข่าวฝ่ายโจโฉประมาท และเชื่อมั่นในตัวบังทองอย่างเต็มที่ ในเมื่อขงเบ้งต้องการล่อเสือออกจากถ้ำ จิวยี่เลยขุดบ่อล่อปลามาลงน้ำ แล้วให้บังทองช่วยปิดประตูจับโจรทรราชย์ด้วยอีกคน
...
ในฉากยามเช้าที่สายหมอกเริ่มจางหาย แสงอาทิตย์สาดส่อง ขุนพลจิวยี่ พร้อมกับหนึ่งบู๊ หนึ่งบุ๋น เล่งทอง ลกซุน ยืนอยู่บนป้อมปราการใหญ่ ใช้สายตาส่งภรรยาที่มีครรภ์กับลูกน้อยที่อยู่ในกองเรือของเจ้าสัว ลัดเลาะไปตามกระแสน้ำจนลับสายตา ค่อยเดินทางกลับที่พัก
ฉับพลัน ขุนพลจิวยี่หันกลับไปมองดูกองเรืออีกครั้ง คล้ายสังเกตพบเรื่องราวใด แล้วเหลือบมองไปที่ธงศึกที่กำลังโบกสะบัดเป็นทิวแถวยาวเหยียด ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว ทรุดตัวลงจนเล่งทอง ลกซุนต้องรีบเข้าไปประคองไว้
"ตามขงเบ้งมาพบข้าด่วน" จิวยี่กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ก่อนจะหมดสติไป เล่งทอง ลกซุนจึงพยุงตัวพาจิวยี่กลับค่ายโดยเร็ว ท่ามกลางสายตาที่งุนงงสงสัยของเหล่าทหารจำนวนมาก และในไม่ช้า ข่าวสำคัญชิ้นนี้ย่อมแพร่สะพัดออกไป
หากแต่จังหวะนั้น ลกซุนกลับเหลือบเห็นเรือเร็วลำน้อยแล่นตัดผ่านน่านน้ำไปทางเมืองเกงจิ๋วฝั่งตรงข้าม บนเรือเห็นเป็นร่างบอบบางอ้อนแอ้นคล้ายสตรี ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจักเป็น ฮูหยินโฉมงาม ไต้เกี้ยว กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดรัดกุม ขุนพลเมฆขาว หรืออดีตขุนพลม้าขาว นาม จูล่ง
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย