Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
22 เม.ย. 2021 เวลา 02:47 • นิยาย เรื่องสั้น
3.19. ปริศนาลมบูรพา
อ้วนยู ปราชญ์สร้างสรรค์ - เล่าจิน ปราชญ์แดนดิน - เคาก้าน ปราชญ์หยั่งรู้
เวลาต่อมา ณ เมืองเกงจิ๋ว สายข่าวแจ้งกับโจโฉว่า ม้าเฉียวนำกองทัพหลายหมื่นฉวยโอกาสบุกเข้ามาก่อกวนทางเหนืออีกแล้ว และส่งผลต่อเนื่องทำให้ทหารเมืองเหนือ และทหารชนเผ่าที่กวาดต้อนมาจากเมืองกิจิ๋วตั้งแต่ศึกกัวต๋อ พลันมีปฏิกริยาตอบสนองต่อข่าวนี้ด้วยความตื่นเต้นและกังวลใจ เหมือนอยากจะกลับคืนถิ่นเหนือโดยเร็ววัน จนเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายประปราย ยิ่งทำให้โจโฉเกิดความกังวล และหวาดระแวงในความภักดีของทหารกลุ่มดังกล่าว
โจโฉจึงสั่งการให้แฮหัวเอี๋ยน โจหอง เตียวคับ ซิหลง และสุมาอี้ ตันกุ๋น ตันฮก นำกองทัพพยัคฆ์เสือดาวร่วมยี่สิบหมื่นคน แบ่งเป็นสองทาง ทางหนึ่ง เร่งกลับไปต้านรับไว้ที่ชายแดนตะวันตกโดยตรง และอีกทางหนึ่ง เข้าไปช่วยโจผีดูแลรักษาความสงบในเมืองหลวง พร้อมนำตัวโจซุนกลับไปพักรักษาตัวกับหมอที่ราชสำนักแทน
การตัดสินใจครั้งนี้ มีนัยยะสำคัญซึ่งแสดงว่า โจโฉไม่วางใจให้กองทัพท้องถิ่นที่ชำนาญคุ้นเคยในพื้นที่ ให้กลับบ้านเกิดไปในตอนนี้ เพราะอาจจะกลายเป็นดาบสองคม เป็นการส่งทหารแปรพักตร์เพิ่มให้กับม้าเฉียวไปเสียเปล่าๆ จึงเลือกใช้แต่กองทหารที่ไว้วางใจได้ไปแทน ชะลอกองทัพเมืองเหนือไว้ให้อยู่ใกล้ตัว
…
ยามบ่ายในห้องพักขุนพลใหญ่ จิวยี่ ผมเผ้าหลุดลุ่ย นอนซมอยู่กับเตียง มองไปที่เปลวเทียนที่ถูกจุดขึ้นอย่างจงใจ ดูคล้ายกับเหม่อลอย หมดสิ้นความหวัง แต่ยังคงมีหนึ่งบู๊ หนึ่งบุ๋น เล่งทอง ลกซุน ยืนดูแลอยู่ข้างกายเช่นเคย
เสนาบดีโลซก กับขงเบ้งบนเก้าอี้ล้อหมุน เข้ามาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม โลซกรีบกล่าวรายงาน "ท่านขุนพลใหญ่โปรดวางใจ ท่านขงเบ้งแจ้งว่ามีหนทางรักษาอาการไข้ของท่านแล้ว”
จิวยี่หันมามองขงเบ้ง เลิกคิ้วเชิงไต่ถาม ขงเบ้งโบกพัดขนนกกวาดใส่เปลวเทียน จนสั่นไหวตามแรงลม พลางกล่าวสั้นๆ "ลมบูรพา จะมาตามนัด”
เพียงแค่นั้น ร่างของขุนพลใหญ่ก็เริ่มสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จิวยี่หัวร่อแล้ว ขงเบ้งจึงหัวร่อตาม ปล่อยให้โลซก เล่งทอง ลกซุน ตกอยู่ในความงุนงงสงสัยต่อไป คนพวกนั้นเป็นอะไรกันไปแล้ว จึงหัวร่ออย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น
...
ในที่สุด ก็ถึงกำหนดเวลาในการทำศึกครั้งใหญ่ กองทัพเรือฝั่งโจโฉที่จัดแบ่งเป็นขบวนๆมากบ้าง น้อยบ้าง หลายสิบขบวน ถูกเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยโซ่เส้นใหญ่และแผ่นไม้ตอกตรึงติดกัน จนเดินไปมาหากันได้ระหว่างเรือต่างๆในขบวนเดียวกัน ทุกคนล้วนกำลังวุ่นวายไปด้วยการเคลื่อนพลลงไปในเรือแต่ละลำ
จำนวนทหารจริงๆที่ลงเรือเป็นกลุ่มแรก นับแล้วไม่เกินสามสิบหมื่นคน ซึ่งล้วนแต่เป็นทหารเมืองเหนือ และทหารชนเผ่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรือปราสาทลำใหญ่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งหน้าสุด พร้อมกับเรืออื่นๆที่ถูกเชื่อมโยงติดกัน กลายเป็นกำแพงเรือแผงใหญ่ ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
หากแต่กองทหารอื่นๆที่เหลือสามสิบหมื่น กลับถูกส่งแยกย้ายไปประจำการรักษาเมืองใกล้เคียงบ้าง ทำเป็นกองซุ่มตามชายฝั่งบ้าง และอ้อมไปตั้งสกัดการช่วยเหลือจากกองกำลังของเล่าปี่ทางกังแฮบ้าง กลายเป็นการกระจายกำลังไปทางบกรอบๆเมืองเกงจิ๋ว โอบล้อมเส้นทางยุทธศาสตร์ทางบกตามเส้นทางแผนที่จากไต้เกี้ยว
และนาทีสุดท้าย โจโฉยังสั่งการเปลี่ยนแปลงกระบวนศึกครั้งใหญ่อย่างกระทันหัน โดยตั้งเป็นศูนย์บัญชาการรบใหญ่ ตนเองควบคุมกองเรือใหญ่อีกยี่สิบหมื่น พร้อมกับขุนพลกุนซือทั้งหลาย จัดเป็นกองเรือเสริมระวังเหตุอยู่ที่เมืองเกงจิ๋วนั่นเอง
สำหรับทัพหลวง ถูกสลับเป็นทัพหน้า ระบุให้กุนซือหงส์ผงาด บังทองที่ยังคงใช้หมวกคลุมหน้ามิดชิด เป็นแม่ทัพ ใช้เรือปราสาทลำใหญ่ นำกองทัพเรือที่เต็มไปด้วยทหารเมืองเหนือและทหารชนเผ่าราวสามสิบหมื่นล่วงหน้าไปก่อน แต่ยังคงให้ติดเป็นธงประจำตำแหน่งของโจโฉดังเดิม เพื่อล่อลวงฝ่ายข้าศึกว่า เป็นกองทัพหลักที่โจโฉนำมาด้วยตัวเอง
...
ยามสนธยา ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน โจโฉยืนมองกองทัพเรือที่กำลังแล่นไปทางกังตั๋งทางทิศตะวันออก พลางเอ่ยถามกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง คนสนิทอีกครั้ง "เจ้าคิดใคร่ครวญดีแล้วหรือ จึงให้เราสั่งการเช่นนี้ ราวกับส่งทหารไปตายชัดๆ”
"บังทองและอุยกายล้วนเป็นจารชนไส้ศึกฝ่ายกังตั๋ง หวังบ่อนทำลายฝ่ายเรา จึงสร้างสถานการณ์หลอกล่อให้ท่านไปติดกับดัก ส่วนทหารชนเผ่า และทหารเมืองเหนือก็เป็นเผือกร้อน ปล่อยคืนไปก็ไม่ได้ เลี้ยงไว้ก็สิ้นเปลือง เราจึงดึงท่าน และกองทหารฝ่ายเราออกจากหมากกระดาน ทิ้งธงประจำตำแหน่งไว้บนเรือปราสาท ปล่อยให้พวกมันเกิดเข้าใจผิด และเข่นฆ่ากันเองในกลางดึกคืนนี้”
“แต่เราทราบว่า อุยกายเป็นไส้ศึกของตันกุ๋นที่แฝงตัวอยู่ในกังตั๋ง มันจะพลอยมีปัญหาไปด้วยหรือ” โจโฉย้อนนึกถึงความหลังครั้งสังหารซุนเซ็กได้อยู่ แต่มันได้ส่งตันกุ๋นขึ้นเหนือไปแล้ว จึงไม่อาจสอบถามได้โดยตรง
กาเซี่ยงสบตานิ่ง แน่นอนว่า ต้นคิดที่ให้โจโฉส่งตันกุ๋นขึ้นเหนือ ก็คือตัวมันเองเช่นกัน พลางตอบ “เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็คงต้องระวังตันกุ๋นให้มากขึ้นแล้ว”
“เราคงต้องมอบความตายให้กับกุนซือเจียวก้านที่ช่วยชี้แนะเพื่อนเก่า จนถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตตบตาหลอกลวงเราในครั้งนี้” ประกายตาโจโฉสว่างขึ้นวูบหนึ่ง
ที่แท้ โจโฉ กับ กาเซี่ยง-กระตั้ว ถึงกับซ้อนแผนจารชนของพวกกังตั๋ง หลอกส่งผู้คนที่มีปัญหา กลับเข้าสู่แดนประหารกลางน้ำแบบให้กลับลำไม่ทันเลยทีเดียว หากเป็นไปตามแผน แสดงว่า บังทอง พร้อมกับกองทหารเดนตาย กำลังถูกส่งให้ไปตายแทนโจโฉนั่นเอง ส่วนเจียวก้านก็ถูกฆ่าปิดปากไปแล้วเช่นกัน
...
บังทอง-หงส์ผงาดที่มีหมวกผ้าคลุมหน้า ยืนเด่นอยู่บนเรือปราสาทในฐานะผู้นำทัพ ทุกความเคลื่อนไหวจึงเป็นที่ถูกจับตามองโดยตลอด ทำให้จนปัญญา ไม่อาจส่งสัญญาณใดๆให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกระทันหัน
มันรีบทบทวนแผนการที่วางไว้กับพวกฝ่ายกังตั๋ง กล่าวคือ อุยกายกำลังนำกองเรือเล็กจำนวนหนึ่ง มุ่งหน้าเข้ามายังที่นัดพบ ทำเหมือนเป็นการสวามิภักดิ์และส่งมอบเสบียงให้ แต่ที่จริง คือการส่งเปลวไฟเข้าใส่เชื้อเพลิง พร้อมกับ “เพลิงทมิฬ” หรือดินระเบิดกองใหญ่ที่ถูกเก็บไว้เต็มท้องเรือฝ่ายของมัน
ถูกต้องแล้ว อุปกรณ์รบด้วยไฟทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เกาทัณฑ์ไฟ ประทัด ดอกไม้ไฟ และสุราเผาดาบที่มันจัดเตรียมไว้เต็มลำเรือ หากใช้ออกไม่ทันการท่วงที สิ่งเหล่านี้ก็คือระเบิดทำลายตัวเองนั่นเอง
ส่วนแผ่นไม้กับห่วงโซ่ที่ติดตรึงลำเรือ จะทำให้เรือทุกลำหลบหนีออกจากกันไม่ได้ และจะถูกไฟเผาทำลายจนหมดสิ้น นี่จะกลายเป็นลานประหารกลางน้ำชัดๆ นอกเสียจากจะต้องเร่งโจมตีฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะเข้ามาใกล้เกินไป เพื่อเป็นการสร้างความประหลาดใจให้ปรากฏ และจะได้มีช่องว่างให้มันหนีรอดได้
ตามแผนการ เป้าหมายในการโจมตีย่อมต้องเป็นเรือปราสาทใหญ่ที่นำมาโดยโจโฉ จอมเผด็จการ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงแผนอย่างกระทันหันเช่นนี้ ทำให้กลายเป็นตัวมันเองที่จะเป็นเป้าโจมตีเสียเอง
...
ฟ้ามืดมิดลงแล้ว เงากองเรือฝ่ายอุยกายหลายสิบลำปรากฏขึ้น ณ จุดนัดพบกลางลำน้ำไต้กัง ใกล้กับทิวทัศน์เนินผาแดง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามลือชื่อ
บังทองมองสำรวจผ่านกล้องส่องทางไกล เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามชัดเจนกว่าคนอื่น จึงไม่รอช้า รีบสั่งการให้ทหารจุดดอกไม้ไฟให้เกิดความสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า พร้อมกับอาศัยแรงลมบวก ระดมยิงเกาทัณฑ์ไฟใส่กองเรือของอุยกาย ทำทีให้ดูคล้ายจะมุ่งหมายบดขยี้ให้หมดสิ้น
แต่ที่จริง ก็เป็นการชี้จุดบอกตำแหน่งให้เห็นกันถนัดตา ดูจากทิศทางลมในฤดูกาลนี้ ก็หนุนส่งทางมันอยู่แล้ว เป็นลมตะวันตกหนุนส่งเกาทัณฑ์ไฟเข้าใส่ฝ่ายอุยกาย ทำให้มันได้เปรียบในระยะโจมตีด้วยอาวุธไกล
สักพัก กองเรือฝ่ายอุยกายก็มีการตอบโต้กลับมาบ้าง ทั้งๆที่ยังอยู่ในระยะที่เสียเปรียบทิศทางลม บังเกิดแสงไฟขนาดแตกต่างกัน จำนวนมากมายมหาศาล เป็นพันเป็นหมื่นสาย ฝ่าความมืดพุ่งตรงเข้าใส่กองเรือของบังทอง สวนทางกับกระแสลม และห่าเกาทัณฑ์อย่างไม่กลัวเกรงเช่นกัน
ไม่น่าเชื่อสายตา แสงไฟนั้นมาได้ไกลเกินคาดคิด บ้างก็หลุดรอด ผ่านทะลุใบเรือ บ้างก็โดนเกาทัณฑ์ตกหล่นไปตามจุดต่างๆเต็มลำเรือ จนเกิดเปลวไฟลุกไหม้ ลามไปถึงเชื้อไฟเพลิงทมิฬหรือดินระเบิดในท้องเรือ จนเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศทาง สถานการณ์ลุกลามขึ้นเร็วเกินกว่าที่คาดหมายเอาไว้
บังทองเพ่งตามองดูวัตถุประหลาดที่ร่วงหล่นลงมา เห็นเป็นนกท้องถิ่นมากมายหลายชนิด ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ที่ลำคอของนกแต่ละตัว ล้วนใช้เชือกป่านคล้องไว้ด้วยโคมน้ำมันและเชื้อไฟที่ถูกจุดติดขึ้นด้วยกลไกพิสดาร
พอไฟลุกเกิดความร้อนที่ไม่อาจสลัดทิ้งออกจากร่างกาย ก็ทำให้ฝูงนกแตกตื่นตกใจ บินต้านกระแสลมเพื่อลดความร้อนแรงของเพลิงเผาตามสัญชาตญาณสัตว์ทั่วไป จึงเป็นการพุ่งตรงเข้าใส่เป้าหมายที่ต้องการ
แต่สุดท้าย เมื่อสัตว์ปีกตัวน้อยทนพิษความร้อนไม่ไหว เหล่านกเริ่มร่วงหล่นล้มตาย โคมน้ำมันที่เชื่อมโยงไว้ ก็กลับกลายเป็นเหมือนฝนนกเพลิงที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า สุดวิสัยที่เหล่าทหารจะยับยั้งความหายนะได้แล้ว
เมื่อกองทัพเรือฝ่ายบังทองเกิดความสับสนวุ่นวาย ขุนพลเฒ่าอุยกายรีบฉวยโอกาสรุกคืบเข้าใกล้ และสั่งทหารให้จุดชนวนใส่แท่งอาวุธพิสดาร รูปทรงยาว ยิงฝ่ากระแสลม ถล่มเข้าใส่เป้าหมายขนาดใหญ่เบื้องหน้าได้อย่างไม่ยั้งมือ ทั้งๆที่ยังอยู่ห่างจากระยะเกาทัณฑ์อีกไม่น้อย แต่เป็นระยะพอเหมาะของแท่งอาวุธพิสดารนี้
พอแท่งพิสดารกระทบเป้าหมายก็เกิดระเบิดขึ้นเป็นเปลวไฟลูกใหญ่ทันที ทำให้กองทัพเรือบังทองถูกเผาไหม้ทำลายโดยมีทุ่นฟาง และสุราเผาดาบเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ซ้ำยังลุกลามไปถึงคลังประทัดและดอกไม้ไฟ จนกลายเป็นระเบิดลูกโซ่ภายในลำเรือเอง จนตัวเรือแตกหักฉีกขาด ทหารบาดเจ็บล้มตายมากมาย
ต่อมา เรือบางลำเริ่มล่มอับปางลง ฉุดรั้งลำเรือที่เชื่อมติดกันให้จมลงไปด้วยอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารที่ว่ายน้ำได้ รีบโดดลงน้ำหนีความตายจ้าละหวั่น พวกที่หนีไม่ทันก็จมน้ำตายไปกับซากเรือ กองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่อลังการกลับล่มสลายลงอย่างรวดเร็วเกินคาดคิด ทัพโจโฉระลอกแรกส่อเค้าพ่ายแพ้แล้ว
สงครามระเบิดกลางน้ำครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นศึกเซ็กเพ็กที่ปรากฏอาวุธพิสดารแปลกใหม่ขึ้นมาสังหารเหล่าทหารเชลยพลัดถิ่นทั้งหลาย
...
ห่างไกลไปทางฝั่งเมืองชีสอง เสนาบดีโลซก และขงเบ้ง กุนซือมังกรซ่อน นั่งดื่มสุราชื่นชมผลงาน “ฝนนกเพลิง” อยู่ ข้างเอวขงเบ้ง ยังมีป้ายประกาศิตของแม่ทัพจิวยี่ ที่แสดงถึงความไว้วางใจในพันธมิตรผู้นี้
"นี่น่ะหรือลมบูรพาของท่าน ช่างสวยงามนัก" โลซกจ้องมองความงดงามของดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า และแสงไฟจากฝูงนกที่บินว่อนเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม จนเกิดไฟลุกท่วมมากขึ้นเรื่อยๆ พลางเอ่ยถามกับขงเบ้ง “มันเรียกว่ากระไร”
"เป็นลมวิหค ธนูกระเรียน เราสั่งทหารให้ระดมกำลังกันจับฝูงนกท้องถิ่นไว้ในกรงขนาดใหญ่ มีทางออกเป็นท่อแคบยาว บีบบังคับให้นกผ่านได้ครั้งละตัว ที่ปลายท่อ ให้คนคอยจัดวางโคมไฟพร้อมบ่วงเชือกขนาดเล็กห้อยไว้ พอจังหวะนกผ่านออกมา บ่วงก็จะติดปีกรัดคอนกออกไปด้วยกัน จึงกลายเป็นอาวุธพิสดารเช่นนี้" ขงเบ้งตอบ แต่ก็ไม่ละสายตาจากภาพอันสวยงามด้วยความอัศจรรย์ใจเช่นกัน
“แล้วแท่งอาวุธที่เป็นระเบิดเปลวไฟพวกนั้นเล่า"
“อาวุธนี้ เราพบเห็นการใช้ในงานประเพณีรื่นเริงทางชนเผ่าไกลโพ้นแดนใต้ เรียกว่า บั้งไฟมังกร สามารถยิงได้ไกลกว่าเกาทัณฑ์ทั่วไปหลายเท่านัก และอานุภาพการทำลายรุนแรง แต่ควบคุมทิศทางได้ยาก ปกติ ใช้เพียงเพื่อให้เกิดเสียงดังครึกโครม แต่ด้วยเป้าหมายครั้งนี้ ใหญ่โตมโหฬาร จึงยากนักที่จะพลาดเป้า”
"ช่างร้ายกาจยิ่งนัก สมกับเป็นอัจฉริยะแห่งยุคแล้ว" โลซกกล่าวยกย่อง แต่ขงเบ้งฟังแล้ว แอบตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย
ที่จริง ต้นคิดกลยุทธ์ครั้งนี้ คือ ลกซุน พยัคฆ์คะนอง กุนซือนักประดิษฐ์ที่คิดค้นลูกเล่นพิสดารเหล่านี้ขึ้นมาเอง แต่เนื่องจากฐานะของมันคือหนึ่งบุ๋น คนข้างกายจิวยี่ ไม่สะดวกในการออกหน้า เปล่งประกายเจิดจ้าจนเกินไป จึงส่งความคิดนี้ผ่านทางพี่สี่ ขงเบ้งรับหน้าที่ออกหน้าไปแทน เช่นเดียวกันกับศึกกัวต๋อครั้งก่อนที่หยิบยื่นแบบร่างเครื่องยิงหินระยะไกลให้กับพี่ใหญ่ สุมาอี้
"ต่อไปภายหน้า หวังว่า ท่านจูกัดเหลียงจะออมมือให้ข้าบ้าง" โลซกฉวยโอกาสรุกต่อ ทำเอาขงเบ้งงงงันไปวูบหนึ่ง เพราะไม่ทันตั้งตัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะล่วงรู้ชื่อแซ่จริงของตนเองที่พยายามปกปิดมานาน
"เป็นกุนซือหงส์ผงาด บังทอง บอกความลับนี้ต่อข้าเอง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง มีเพียงตัวข้าที่รู้เรื่องนี้ และข้าจึงได้ส่งคนคอยดูแลจูกัดกิ๋น พี่ชายร่วมสายเลือดของท่านเป็นอย่างดีแล้ว ฮาฮา ล้วนแต่เป็นคนกันเองทั้งนั้น”
ปากกล่าวว่าดูแล แท้จริงคือควบคุมไว้เป็นตัวประกัน ขงเบ้งส่งจูกัดผู้พี่มาแอบแฝงเป็นไส้ศึกจารชนอยู่ในกังตั๋ง นึกไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็นจุดอ่อนให้นักการเมืองซ่อนคมอย่างเสนาบดีโลซก เกาะกุมไว้เป็นเครื่องมือในการต่อรองเสียแล้ว ด้วยฝีมือการหักหลังของบังทองอีกแล้ว
ภายใต้รอยยิ้มและท่าทีที่อ่อนน้อมของเสนาบดีวัยหนุ่มใหญ่ ขงเบ้งเริ่มรู้สึกถึงพิษสงที่ซ่อนเร้นของคนคนนี้แล้ว หากโลซกเป็นอะไรไปในตอนนี้ พี่ชายมันก็คงจะมีเภทภัยไปด้วยแล้ว ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
…
บัณฑิตอ้วนยูพูดคุยอยู่กับเคาก้าน อิ๋นฉาง สหายสนิทสองคนที่กระท่อมริมน้ำ มองดูความงดงามของแสงสีเต็มฟากฟ้าน่านน้ำเช่นกัน มันรู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องอยู่ในกองทัพ พอเสร็จงานผลิตก็สามารถปลีกตัวมาได้อย่างอิสระ จึงนัดหมายพวกพ้องกลุ่มนักปราชญ์เจี้ยนอานที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมาปรึกษาหมากขั้นต่อไป
พวกสายบุ๋นที่เมืองหลวงย่อมสนใจผลการศึกสงครามไม่น้อย หากแต่ไม่มีสายข่าวเหมือนพวกสายบู๊ ฮกอ้วน ผู้นำขุมกำลังที่ีแท้จริงจึงสั่งการให้อ้วนยูนักประดิษฐ์หาทางแทรกซึมมาอยู่ในเหตุการณ์ เผื่อทำความเข้าใจในเบื้องลึก
ปราชญ์หยั่งรู้ เคาก้านในชุดชาวประมงจึงเริ่มต้นกล่าว “พวกกังตั๋งนับว่ามีวาสนาดีเยี่ยม แม้ว่ามิต้องพึ่งพากระแสลมตะวันตกที่เป็นปัจจัยหลัก แต่เรื่องกระแสน้ำไหลก็มีความสำคัญไม่น้อย ยามนี้ แม่น้ำไต้กังดูสงบนิ่งกว่าปกติ กระแสน้ำหนุนขึ้นสูง ทำให้การขับเคลื่อนทัพเรือทำได้สะดวก และสภาพอากาศที่แห้งผาก หนุนเสริมกลยุทธ์อัคคีได้มากทีเดียว ดังนั้น กองทัพโจโฉจึงได้เสียหายยับเยินเช่นนี้”
“คลื่นลูกใหม่ทะยอยไล่คลื่นลูกเก่า เราท่านอาจจะแก่ชราเกินไป ความรู้ทางการพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ หรือภูมิปัญญาชาวบ้านต่างแดน ล้วนมิใช่ของใหม่ พวกเราก็เคยใช้หากินมาเนิ่นนานนัก หากแต่ไม่เคยมีใครนึกถึงการใช้งานได้พิสดารถึงปานนี้” อิ๋นฉาง ปราชญ์เฒ่าผู้รอบรู้เรื่องราวต่างถิ่นในชุดพ่อค้าต่างแดนเสริม
“โจโฉได้รับความพ่ายแพ้ ย่อมลดแรงกดดันไปอีกไม่น้อย ช่วงสั้น คงไม่คิดรุกคืบอันใดต่อราชสำนักฮั่นในเร็ววัน ที่จริง พวกเราแต่ละคนล้วนมีความชำนาญพิเศษที่แตกต่างกัน หากแม้นสามารถถ่ายทอดความรู้ไปให้กับอนุชนรุ่นหลัง ย่อมจะเกิดประโยชน์ได้มาก เห็นที พวกเราคงต้องเริ่มเขียนตำราวิชาการกันอย่างละเอียด คัดสรรลูกศิษย์อันประเสริฐร่วมกันเสียแล้วกระมัง” อ้วนยูเสนอความคิดขึ้น
“ตอนนี้ พวกเราเจี้ยนอานเหลือเพียงห้าผู้เฒ่าที่ใกล้ถึงฝั่งกันทั้งนั้นแล้ว มีท่านอองซานเป็นผู้นำแต่ในนาม หัวหน้าที่แท้จริงก็คือท่านฮกอ้วน ซึ่งรับใช้ใกล้ชิดอยู่กับองค์ฮ่องเต้ด้วยเป็นบิดาของฮองเฮา แนวทางของคนทั้งสองค่อนข้างแข็งกร้าวดุดัน อีกไม่นาน คงจะร่วมมือกับกลุ่มคนที่จงรักภักดี หาทางโจมตีลับหลังเสียมากกว่า และอาจจะสุ่มเสี่ยงเกินเหตุก็เป็นได้ พวกเราจึงควรหาทางลงให้กับตัวเองไว้ก่อน” อิ๋นฉางคลุกคลีกับชนเผ่ามากมาย พลอยเรียนรู้วิถีการเมืองมาไม่น้อย
ภายหลัง กลุ่มเจี้ยนอานทั้งหมดจึงนัดแนะกันถ่วงชะลอความเคลื่อนไหวที่เป็นพิษภัยต่อพวกตน และพร้อมใจตกลงให้เริ่มเสาะหาบัณฑิตรุ่นใหม่ หวังให้เป็นแกนนำในการต่อสู้ในอนาคต สืบทอดปณิธานในระยะยาว ลดทอนความรุนแรงของเภทภัยสงครามให้ชาวประชาแทนพวกผู้เฒ่าไม้ใกล้ฝั่ง
…
อดีตราชครูเผ่าโกกุเรียว จีหรง เฝ้ามองดูแสงไฟสงครามบนน่านน้ำด้วยความอัศจรรย์ใจ คาดไม่ถึงว่า จูกัดเหลียงกับจิวยี่จะนำเสนอมาในรูปแบบนี้ แอบนึกยินดีที่พวกพ้องไม่ต้องอยู่ในเหตุการณ์สยดสยองให้ต้องกังวลในความปลอดภัย
“ทายาทมังกรแต่ละคนมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกัน สุมาอี้ สุขุมเยือกเย็น อดกลั้นเป็นเยี่ยม ตันฮก ความคิดแหวกแนว พิสดารล้ำลึก บังทอง อำมหิตดุดัน กล้าได้กล้าเสีย จูกัดเหลียง รอบคอบหนักแน่น รู้รุกรู้ถอย และลกซุน รอบรู้กว้างขวาง ยืดหยุ่นพลิกแพลง นับว่า ร้ายกาจยิ่งนัก” ราชครูคิดในใจ
หากแต่ที่น่าประหลาดใจคือ จารชนต่างถิ่นกลับล่วงรู้ประวัติพื้นเพของพวกทายาทมังกรกระจ่างชัดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน คนตงหยวนไม่มีใครตระหนัก กลับเป็นผู้เล่นนอกกระดานรู้ชัดกว่าผู้ใดเสียแล้ว
“สงครามเปิดฉากด้วยความเสียหายเช่นนี้ นับว่า โจโฉจบสิ้นแล้ว ฝ่ายเราชนะอย่างแน่นอน เตรียมตัวฉลองชัยกันเถิด” เสียงซุนกวน ผู้นำน้อยประกาศดังแทรกขึ้นมา ทำให้จีหรงกลับคืนสู่สถานะที่ปลอมแปลงในชุดขุนนางผู้ใหญ่ และเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มขุนนางที่ยืนอยู่ใกล้ชิดกับพยัคฆ์หนุ่มในจวนเจ้าเมืองด้วย
เฉกเช่นนี้ จีหรงคงทำหน้าที่จารชนได้อย่างดีเยี่ยม สามารถเข้าถึงวงในของขุมกำลังกังตั๋งเรียบร้อยแล้วในเวลาอันสั้น ไม่แตกต่างจากนักฆ่าจุนแจ หรือ กุนซืออมโรค กุยแก ที่แทรกซึมเข้าถึงกลุ่มของโจโฉในอดีต
…
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย