Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
23 เม.ย. 2021 เวลา 04:12 • นิยาย เรื่องสั้น
3.20. กับดักฆ่าวิหค
อองลอง (อองซาน) ปราชญ์ปัญญา - สุมาเต๊กโช ผู้นำเครือข่ายสุมา - เตียวโถ อดีตวิญญูชนนครหลวง
ตามแผนการที่วางไว้แต่เดิม เมื่อความหายนะในกองทัพโจโฉลุกลามใหญ่โตแล้ว บังทองจะลักลอบออกมาจุดพลุสัญญาณขึ้น แล้วน้องเล็ก ลกซุนจะนำเรือเร็วลำน้อยเข้าไปรับตัวบังทองหลบหนีออกจากเหตุการณ์ เปิดโอกาสให้กองทัพเรือฝ่ายกังตั๋งถล่มใส่ทัพเรือโจโฉได้สะดวก
ดังนั้น เมื่อแผนการทำลายกองทัพรัฐบาลของอุยกายสำเร็จด้วยดีแล้ว บังทองจึงรีบอาศัยจังหวะวุ่นวาย หลบออกจากเรือปราสาท ถอดชุดเกราะแม่ทัพออก และจุดชนวนเพลิงทมิฬที่โยงไปยังคลังระเบิดขนาดใหญ่ใต้ท้องเรือปราสาท เป็นการปิดฉากกองทัพเรืออันยิ่งใหญ่เกรียงไกร แล้วจึงหาตำแหน่งที่ปลอดคน ยิงพลุสัญญาณออกไปตามแผนการที่นัดหมายไว้ทุกประการ
เสียงระเบิดดังกึกก้อง พร้อมกับลำเรือปราสาทที่แตกกระจายไปครึ่งค่อนลำ ตัวลำที่ยึดตรึงไว้กับเรือลำอื่นๆฉุดรั้งให้พลอยติดไฟลุกไหม้ตามกันอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นทะเลเพลิงผืนใหญ่ ลานประหารกลางน่านน้ำไต้กังอย่างแท้จริง ผลงานชิ้นสำคัญของกุนซือหงส์ผงาดสำเร็จแล้ว
เพียงชั่วอึดใจ ลกซุนก็นำเรือเร็วเข้ามารับตัวตามที่นัดหมาย โบกมือทักทายอย่างยิ้มแย้มยินดี บังทองที่มีหมวกผ้าคลุมหน้าอยู่ในชุดรัดกุมจึงโบกมือตอบรับ เมื่อใกล้พอได้ระยะแล้ว บังทองจึงกระโดดลอยตัวข้ามลงมาจากเรือปราสาทที่สูงใหญ่กว่า ราวกับพญาหงส์สยายปีกด้วยท่วงท่าสง่างาม
แต่แล้ว ลกซุนกลับกระทืบเท้ากระตุ้นกลไก เกิดเป็นเกาทัณฑ์จำนวนมากระดมยิงเข้าใส่บังทองที่กำลังลอยตัวเป็นเป้านิ่งกลางอากาศ สัมผัสถึงเส้นทางความตาย แต่หมดหนทางหลบหลีก ถูกแรงเกาทัณฑ์พาย้อนกลับไปปักตรึงอยู่ที่กราบข้างลำเรือ ขาดใจตายในทันที ไม่ต่างจากนกใหญ่ที่ถลาร่อนลม แล้วถูกพรานนักล่ายิงทิ้ง
ที่แท้ ขงเบ้งกับลกซุน ได้พูดคุยปรึกษากันล่วงหน้า จนรับรู้ว่า บังทอง เป็นคนที่มีปัญหาในกลุ่มทายาทมังกร และสำคัญคือ เคยสั่งการให้อุยกายลอบสังหารขงเบ้งด้วยเกาทัณฑ์มาแล้วด้วย จึงตัดสินใจใช้โอกาสนี้ลอบสังหารบังทองในช่วงเวลาที่ไม่ทันระวังตัว จึงนับว่า เป็นผลกรรมตามสนองต่อบังทองอย่างแท้จริง
ลกซุนสั่งการให้นำเรือเข้าใกล้ศพของบังทอง และเปิดหมวกผ้าคลุมหน้าออก กลับเห็นเป็นชายแปลกหน้าที่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไร้หนวดเครา มีรอยสักเป็นลวดลายแปลกตา จมูกโด่งนูนคล้ายชาวเผ่านอกด่าน และที่สำคัญ ไม่ใช่ พี่สามอย่างแน่นอน บังทองตัวจริงสมควรจะมีรอยกระบี่กรีดผ่านที่ใบหน้าเป็นทางยาว
"เป็นตัวปลอมหรือนี่ ถ้าเช่นนั้น บังทองตัวจริงซ่อนตัวอยู่ที่ใดกัน" ลกซุน พยัคฆ์คะนอง ตกตะลึงกับแผนสังหารที่ล้มเหลวผิดตัวไปเช่นนี้
แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ อาจจะไม่เสียเปล่าเสียทีเดียว เพราะคนที่ถูกฆ่าตาย ก็คือ นกเป็ดน้ำ คนทรยศของหน่วยปักษาสวรรค์ที่แอบสลับตัวกับบังทอง มารับหน้าที่นำทัพเรือให้แทน เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากพวกหน่วยปักษาสวรรค์ด้วยกันเอง หากคนใดในพวกวิหคลอบปะปนเข้ามา เป็ดน้ำยืนควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง ย่อมจะสังเกตออก และกำจัดทิ้งได้ทันเวลา
แต่กลับกลายเป็นว่านกเป็ดน้ำพลาดท่า ตกเป็นเหยื่อของพวกทายาทมังกรไปแทนบังทองตัวจริง ปิดฉากมือสังหารข้ามเวลาที่อุตส่าห์ฝึกฝนมาอย่างดีไปอย่างงมงาย ที่จริง ด้วยฝีมือของเป็ดน้ำ ย่อมมีความสามารถไม่ต่ำทราม หากแต่โดนลอบทำร้ายในจังหวะคับขัน ลอยตัวกลางอากาศ ไม่มีโอกาสพลิกตัวหลบเลี่ยงได้เลย
ยามศึกสงครามเป็นเฉกเช่นนี้ พลาดพลั้งประมาทเพียงเล็กน้อย ก็ตกตายได้ทันที แม้ว่าจะเก่งกาจเพียงไรก็ตาม เพราะสงครามไม่เคยปรานีผู้ใด ลกซุนเองก็นับว่า ลงมือได้เหมาะเจาะงดงาม สมกับเป็นยอดนักประดิษฐ์อีกคนหนึ่ง
ภาพนกเพลิงบนฟากฟ้าค่อยๆจางหาย หงส์ผงาดตัวจริงมิได้เข้าร่วมยุทธนาวีเซ็กเพ็ก ยกหน้าที่สำคัญให้กับนกเป็ดน้ำ สหายใหม่ที่ประหลาดพิสดารไปก็จริง แต่มันก็กำลังทำศึกครั้งใหญ่ในชีวิตอยู่เช่นกันในพื้นที่คับขันที่ห่างไกลออกไป
...
ณ สำนักนักปราชญ์กลางเมืองซินเอี๋ย สุมาเต๊กโช-อินทรี ได้รับสัญญาณขอเข้าพบตัวด่วนจากเต่าสมถะ สุมาอี้ กับกิเลนพิสดาร ตันฮก ก่อนที่จะติดตามกองทัพรักษาการ เดินทางตามแผนตั้งรับศึกตะวันตก กลับสู่เมืองหลวง
ตัวมันเองอยู่ในฐานะเปิดเผย จึงไม่อาจเคลื่อนไหวใดๆในศึกเซ็กเพ็กที่กำลังดำเนินอยู่ ได้แต่สั่งการให้คนอื่นไปดำเนินการแทน แล้วตนเองจึงจำต้องอยู่รับหน้าสองทายาทมังกรตามลำพัง เพื่อรักษาสถานะปลอมแปลงของตนไว้
ขณะที่อินทรีนั่งรออยู่ภายในห้องโถงใหญ่ในยามราตรีสำคัญที่กำลังเกิดศึกเซ็กเพ็ก สุมาอี้และตันฮกผลักประตูใหญ่ เดินโซเซเข้ามาด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วล้มฟุบลงไป คล้ายกับบาดเจ็บสาหัส โดยมีชายคลุมหน้าในชุดหลวมกว้างถือกระบี่ไล่ติดตามเข้ามาในระยะประชิดตัว
มันเห็นว่าเป็นเหตุคับขัน จึงรีบลงมือขัดขวาง หวังช่วยชีวิตคนทั้งสองไว้ก่อน แต่ยังยั้งออมฝีมือที่แท้จริงเอาไว้ ใช้ออกเพียงสามสี่ส่วน
หลังจากต่อสู้กันระหว่างกระบี่กับมือเปล่าอยู่พักใหญ่ ชายคลุมหน้ากลับหยุดมือลง แล้วใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่ ทำท่วงท่าพิสดารขัดตาออกมาคล้ายร่ายมนตราคาถา สร้างความงุนงงให้กับมัน จนต้องขยับตัวถอยห่าง ตั้งท่าป้องกันตัวไว้ก่อน
และแล้ว ชายคลุมหน้าจึงเปิดผ้าคลุมหน้าออก กลับเป็นตันกุ๋น ลูกสมุนคนสนิทของสุมาเต๊กโช และมีสถานะที่แท้จริงเป็นพ่อแท้ๆของตันฮกนั่นเอง
"เจ้ามิใช่ท่านสุมาเต๊กโชตัวจริง จึงไม่เข้าใจท่าหัตถ์มารร่ายรำที่ข้าเคยขอให้ท่านสุมาผู้เฒ่า ชี้แนะเมื่อหลายปีก่อน มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มีแต่เรากับท่านสุมารับรู้กันเท่านั้น แสดงว่า สิ่งที่ทุกคนสงสัยเป็นความจริงเสียแล้ว เจ้าคือตัวปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย”
สุมาอี้ กับตันฮกค่อยๆลุกขึ้น ยืนห่างกันเป็นสามเส้า ล้อมสุมาเต๊กโชปลอมไว้ตรงกลาง อาการบาดเจ็บที่ปรากฏเมื่อครู่ย่อมเป็นแค่เรื่องตบตาเท่านั้น คาดว่า คงเลียนแบบมาจากกลยุทธ์ที่สุมาเต๊กโชใช้ทดสอบลูกศิษย์เมื่อหลายปีก่อน
อินทรียังคงยืนนิ่งเฉย แต่ลอบประเมินสถานการณ์สามรุมหนึ่งเช่นนี้ มันสมควรเคลื่อนไหวเช่นไรจึงจะดี เพราะปัญหาสำคัญก็คือ ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีบางคนยังไม่อาจสังหารได้ มันจำเป็นต้องตัดสินใจในความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ หรือยอมให้ตัวเองถูกฆ่าตายอย่างอับจนปัญญาเสียแล้ว
"ผิดแล้ว เป็นเจ้ากับตันฮก สองพ่อลูกต่างหากที่คิดสร้างสถานการณ์หลอกลวงให้ลูกอี้ของข้าสับสน และหมายสังหารพวกเราทีละคน เพื่อยึดกุมเครือข่ายสุมาไปครอบครองเสียเอง ลูกอี้ จงคิดทบทวนให้ดี ข้าเคยบอกแล้วว่าตันกุ๋นเลี้ยงไม่เชื่อง สักวันต้องสร้างปัญหา ยังถึงกับให้เจ้าแอบปลูกฝังนิสัยเฉื่อยชาให้ตันฮกมาโดยตลอด หากข้าเป็นตัวปลอมอย่างที่ว่ากล่าว จะล่วงรู้เรื่องราวความลับมากมายเกี่ยวกับพวกเราได้อย่างไร” อินทรีเค้นสมอง หาทางออกที่สวยงาม
"ท่านล่วงรู้เรื่องสำคัญๆก็จริง แต่พอเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยของพวกเรา ท่านกลับหลงลืมไปได้อย่างไม่น่าเชื่อน่ะสิ" สุมาอี้ตอบคำคล้ายยังลังเลใจ
อินทรีไม่ยอมพลาดโอกาส รีบใช้ข้อมูลที่ได้มาจากการอ่านจิตของสุมาเต๊กโชก่อนตายมาปั่นหัวสุมาอี้ต่อไป "เรื่องหัตถ์มารนั้น ข้าย่อมรู้ดี เพียงแต่ยามกระทันหัน จึงลืมเลือนไปบ้าง อ้อ ยังมีเรื่องความนัยของฉายาที่ข้าตั้งให้พวกเจ้า ทายาทมังกรทั้งห้า นี่ก็เป็นเพียงความลับในบทสนทนาที่รู้กันระหว่างเราสองคนเท่านั้น”
ถึงตรงนี้ สุมาอี้เริ่มมั่นใจมากขึ้น ก้าวออกมายืนข้างๆสุมาเต๊กโชคนพ่อแล้ว และเบี่ยงกระบี่ไปทางตันฮกพ่อลูกแทน "ที่แท้ ก็เป็นแผนการของเจ้าสองพ่อลูกนี่เอง เกือบจะทำให้ข้าเสียคน อกตัญญูต่อบิดาเข้าแล้ว ช่างร้ายกาจนัก"
สุมาอี้แอบสะกิดมือของสุมาเต๊กโช คล้ายเป็นการขอโทษที่เข้าใจผิด และคว้าจับมือไปบีบเบาๆ อดีตอินทรีพลังจิตนึกเสียดายที่สูญเสียความสามารถในการอ่านจิตใจไปแล้ว จึงได้แต่คาดเดาว่า คงเป็นท่าทางแสดงความผูกพันของพ่อลูกคู่นี้ อินทรีจึงสวมรอยบีบมือกลับด้วยน้ำหนักที่เท่าเทียมกัน
ทันใดนั้น สุมาอี้ก็รวบกำมือข้างนั้นของอินทรีไว้แน่น อีกมือหนึ่ง เปลี่ยนเป็นใช้กระบี่แนบข้อศอก จู่โจมอย่างรวดเร็ว เพื่อลดระยะการจู่โจมมาเป็นแบบประชิดตัวในกระบวนท่าสังหาร ดีที่อินทรี มีการตอบสนองรวดเร็วและวิทยายุทธ์ไม่อ่อนด้อย จึงยังพอปัดป้องไว้ได้ทันด้วยมือข้างที่เหลือ
แต่เมื่อตันกุ๋น ตันฮก ร่วมสะบัดอาวุธเข้ามาอีกสองคน หนึ่งมือก็สุดวิสัยจะต้านรับสามกระบี่แล้ว ประกายเลือดวูบขึ้นพร้อมกับมือข้างนั้นที่หลุดขาดออกไป สุมาอี้จึงอาศัยจังหวะตัดมือที่ยึดกุมอยู่อีกข้างหนึ่งไปด้วย อินทรีจึงซวนเซล้มลงอย่างคนพิการ มือขาดเสมอข้อทั้งสองข้าง หมดสิ้นพิษสงแล้ว
"พ่อข้า ถึงแม้เป็นปราชญ์ใหญ่สายเต๋า แต่ก็ชิงชังรังเกียจความอ่อนแอผิดเพศ ราวกับการแสดงออกของพวกขันทีหน้าขาว คิดเห็นว่า ชายกับชายไม่ควรจับมือถือแขนกัน หากเป็นบิดาตัวจริง ท่านต้องขัดขืน หรือดุด่าว่ากล่าว ไม่ใช่บีบมือตอบกลับอย่างนุ่มนวลเช่นนี้" สุมาอี้เฉลยด้วยความชิงชังและอาฆาตแค้นคนที่สังหารบิดาของตน และสวมรอยหลอกพวกตนมานาน “คราก่อน ตอนที่พบศพของพ่อข้า เจ้าก็เคยเผลอสัมผัสมือเช่นนี้ ทำให้ข้าติดใจสงสัยในเรื่องนี้มาโดยตลอด”
ส่วน "ตันกุ๋น" ก็ใช้มือปาดผ่านใบหน้าตนเอง เผยโฉมหน้าที่แท้จริงที่มีรอยกระบี่กรีดผ่านชัดตา เป็นบังทอง หงส์ผงาด จอมอำมหิตแห่งยุค
"ฮ่าฮ่าฮ่า ของเล่นที่เจ้าใช้กับพวกเรา วันนี้ กลับโดนใช้สนองคืนกับเจ้าบ้างแล้ว ข้าสวมรอยเป็นท่านอา กล่าวคำพูดเหลวไหลไร้สาระ ท่วงท่าหัตถ์มารร่ายรำไม่เคยมีมาก่อนบนโลกมนุษย์ แต่เจ้ากลับพยายามปกปิดกลบเกลื่อน จนสับสนวุ่นวายไปหมด ยิ่งทำให้หางจิ้งจอกของเจ้าโผล่ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว”
นกเป็ดน้ำร่วมมือกับบังทองวางแผนกำจัดอินทรีอย่างไม่ให้ทันระวังตัว จึงมอบแผ่นหน้ากากพิสดาร สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคที่หน่วยปักษาสวรรค์ใช้ในการปลอมตัว ย้อนกลับมาให้บังทองใช้เปิดโปงอินทรีต่อหน้าสุมาอี้และตันฮก
แผนการร้ายต่อเนื่อง ก็คือ อาศัยสามทายาทมังกรรวมพลังรุมสังหารอินทรีไปเสียเลย จึงนับว่า ก่อนตาย เจ้าเป็ดน้ำยังสามารถคร่าชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้อีกคนหนึ่งด้วยหน้ากากพิสดารของตนเอง และถึงกับเป็นพี่ใหญ่ หัวหน้าหน่วยเลยด้วย
ขณะที่อินทรีกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขันนั้นเอง เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นจากที่พักด้านใน ตรงเข้ามาจุดเกิดเหตุ หน้าห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว ถึงกับเป็นคนคลุมหน้าในชุดหลวมกว้างบนหลังม้าสีขาวสะดุดตา ยื่นทวนนำหน้า แทรกเข้ามากลางวงล้อม จนพวกสุมาอี้แตกกระเจิง เปิดช่องให้อินทรีที่ไร้มือทั้งสองข้างกระโดดลอยตัวขึ้นซ้อนหลังม้า หนีออกไปทางประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว พอได้สติ พวกสุมาอี้จึงเร่งรีบไล่ตามออกไปเต็มฝีเท้า
...
ในห้องพักด้านหลังที่มืดมิดและเงียบสงบมานาน กลับมีเสียงถอนหายใจโล่งอกดังขึ้นเล็กน้อย หมอฮัวโต๋-นกฮูกรีบขยับตัวดูอาการของคนไข้ทั้งสองตรงเตียงด้านหน้า เป็นหนึ่งหญิง หนึ่งชาย ไต้เกี้ยว และจูล่ง นั่นเอง
ที่แท้ หน่วยปักษาสวรรค์ ใจกล้ายิ่งนัก ถึงขนาดขับไล่เหล่าบัณฑิตสายเต๋า ใช้สำนักนักปราชญ์ของสุมาเต๊กโชเป็นกองบัญชาการลับชั่วคราวในศึกผาแดง
นกฮูกและหัวขวานที่กำลังสิ้นไร้ที่พักพิงอาศัยปลอดภัยในการรักษาพยาบาลพวกนางแอ่นทั้งสาม และไม่อาจเสี่ยงเดินทางไกลไปกับพวกพ่อค้าเร่ร่อนและขบวนนักเรียนแพทย์ที่ล่วงหน้าไปก่อนในอีกเส้นทางหนึ่ง จึงย้ายมาหลบซ่อนตัวอยู่ด้วยกันพร้อมกับลูกศิษย์คนสำคัญ เพื่อช่วยกันรักษาพยาบาลเร่งด่วน แต่คาดไม่ถึง จะเกิดเรื่องภายในสำนักเครือข่ายสุมาเข้าจนได้
พอเกิดเหตุภายนอก เป็นช่วงเวลาที่หัวขวานออกไปทำภารกิจสร้างอาวุธพิสดารให้้ฝ่ายกังตั๋ง เหลือเพียงเตียวหุย-นางแอ่นที่ยังพอพึ่งพาได้บ้าง จึงถอดเกราะ ใส่ชุดอำพรางพร้อมคลุมหน้า โรยแป้งเปลี่ยนสีม้าเซ็กเทาเป็นสีขาวเหมือนที่เคยทำเพื่อช่วยเล่าปี่หนีชัวมอเมื่อคราวก่อน โผล่ออกมาจากภายในได้ทันเวลาเช่นนี้ และหลอกล่อให้พวกสุมาอี้ติดตามตนเองออกไปให้ไกล ไม่เช่นนั้น ฮัวโต๋ จูล่ง และไต้เกี้ยวจะกลายเป็นตะพาบในไห พลอยเกิดปัญหาไปด้วยกันหมดสิ้นทั้งยวง
แต่ถึงกระนั้น นกฮูกก็ไม่อาจวางใจได้อีกต่อไป จึงเรียกให้เหล่าสานุศิษย์ของปราชญ์ใหญ่ให้มาพาตัวคนทั้งสองขึ้นรถม้า หลบหนีต่อไปอีกเส้นทางหนึ่งโดยเร็ว พร้อมสั่งให้เผาสำนักนักปราชญ์ทิ้ง ทำลายหลักฐานที่อาจหลงเหลืออยู่ไปสิ้น เว้นแต่ยังหยิบฉวยมือทั้งสองข้างของอินทรีที่ร่วงหล่นออกมาด้วย
ภายหลัง จึงเกิดคำร่ำลือว่า ผู้คนสายขงจื้อค้างคาใจเรื่องคดีล้างตระกูลขงหยง ผู้นำลัทธิ จึงชักชวนกันมาลอบสังหารปราชญ์ใหญ่ผู้นำลัทธิเต๋า ซึ่งเป็นคู่แข่งกันทางด้านลัทธินิยมบ้าง ทำให้สุมาเต๊กโชละทิ้งสำนัก หลบหนีหายสาบสูญ
เมื่อเกิดข่าวลือความขัดแย้งทางลัทธิรุนแรงเช่นนี้ ผนวกเข้ากับความเก่าที่สายขงจื้อเคยดึงตัวดาวรุ่งยีเอ๋งไปจากสายเต๋า จนถูกสังหารตายด้วยการเมืองไปในที่สุด ทำให้ผู้คนในแวดวงการศึกษาจึงแตกแยกกันอย่างรุนแรง โดยช่วงเวลานี้ ฝ่ายเต๋าอาจจะมีเปรียบกว่าเล็กน้อย เนื่องจากทายาทสกุลสุมาเป็นคนฝั่งโจโฉ
ฮกอ้วน สมุหนายกกับ อองลอง ราชบัณฑิต พอจะรับรู้ถึงกระแสความวุ่นวาย จึงจงใจอ่อนข้อให้สุมาอี้อีกหลายส่วน ลดความเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มเจี้ยนอานในสำนักหอสมุดใต้หล้า หันไปพัฒนาเนื้อหาวิชาการให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และคิดหาหนทางอื่นในการจัดการกับจอมทรราชย์โจโฉต่อไป
…
ในห้องหนังสือ ณ หุบเขาละทิ้งอดีต ยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งติดตามสถานการณ์รบอย่างใกล้ชิดเช่นกัน คนเล่นพิณในชุดหรูหรา นั่งปรึกษางานกับลูกสมุนคนสำคัญทั้งหลาย อันได้แก่ นักทำนายร่างทรงผิวดำกร้าน ซุนแจ้ง ผู้นำเครือข่ายใต้ดินตระกูลซุน บังเต๊กกง ผู้นำหุบเขา โดยมีองครักษ์ถือทวนใหญ่ และนักพรตชราอัปลักษณ์โจวจู๋ ยืนกำกับด้านหลัง คล้ายมีศักดิ์ฐานะที่ด้อยกว่าคนอื่นๆอีกชั้นหนึ่ง แต่ทุกคนล้วนไม่มีคำพูดใดๆว่ากล่าวขึ้นมาสักที
ทั้งหมดคล้ายรอคอยฟังคำทำนายจากร่างทรงที่กำลังสั่นเทิ้มอยู่อย่างใจจดใจจ่อ และแล้ว นักทำนายก็เอ่ยคำเพียงสั้นๆก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ “พันธมิตรซุน-เล่าจะได้ชัยชนะเหนือโจโฉ แต่มันยังไม่ถึงฆาต ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าดิน”
“อีกแล้ว ไม่ให้ทำอะไร หรือจะปล่อยให้พวกลูกๆหลานๆตายกันให้หมดก่อน ถึงจะลงมือได้” ซุนแจ้งคล้ายหมดความอดทน ต้องระบายความอัดอั้นใจออกมาบ้าง
“เอาเถิด ในเมื่อท่านหมอซินแสทำนายมาเช่นนี้ เราก็คอยดูท่าทีไปก่อน บางที สงครามครั้งนี้ อาจจะทำให้ได้ผู้คนสำคัญเข้ามาเพิ่มเติมก็เป็นได้ ยามนี้ หุบเขาก็พร้อมจะรองรับกองกำลังแล้ว” คนเล่นพิณในฐานะหัวหน้าใหญ่กล่าวสรุป
นักพรตชราโจวจู๋กระแอมเล็กน้อยค่อยกล่าว “ข้าน้อยมีเรื่องนำเสนอ นอกจากทหารที่หลบหนีกองทัพแล้ว สงครามยังมีคนที่ห้าวหาญมากว่า บาดเจ็บพิการเป็นจำนวนมาก หากเราเปิดใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ น่าจะได้คนที่มีฝีมือและมีจิตใจกล้าแข็งยิ่งกว่าการชักชวนแค่คนหนีทัพเท่านั้น เพียงแต่อาจจะต้องยืดหยุ่นกฏเกณฑ์ และให้เวลากับพวกมันบ้าง”
บังเต๊กกงรีบกล่าวสนับสนุนแกมประชดกับลูกน้องคนสนิท “พ่อบ้านใหญ่กล่าวได้น่าสนใจยิ่งนัก เราเห็นด้วยอย่างยิ่ง ขอฝากภารกิจนี้ไว้ให้กับท่านเลยละกัน”
คนเล่นพิณหน้าชาเล็กน้อยที่บังเต๊กกงชิงตัดหน้าสั่งการ จึงลอบเอาคืนบ้าง “ยินว่าตัวท่านรอบรู้ในศาสตร์ต่างๆมากมาย ยามนี้ งานหลักเบาบางลงแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านคงพอมีเวลามาชี้แนะเราเกี่ยวกับเรื่องดนตรีสักเล็กน้อยแล้วกระมัง จะได้ไม่จมอยู่กับเหลาสุราร้านอาหารมากจนเกินไป”
บังเต๊กกงแอบทำตาลุกวาว รู้ตัวว่าโดนเสียดสีที่อ้วนท้วนขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะเป็นความจงใจต้องการเปลี่ยนสรีระของตนเอง จึงทำได้แค่ก้มหน้ารับคำ ในขณะที่นักทำนายลอบถอนหายใจโล่งอกไปอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังคว่ำหน้าอยู่กับพื้้นโต๊ะนั้นเอง ดูความสัมพันธ์ของคนสำนักหุบเขาปีศาจเหล่านี้ยังคงซับซ้อนยิ่งนัก
…
หลวงจีนเภาเจ๋ง เจ้าอาวาสวัดป่าน้อยที่สอง ณ เมืองซินเอี๋ย หรืออดีตเชื้อพระวงศ์อาวุโสเล่าฉวน มีสถานะสำคัญทางพุทธศาสนา จึงหลบหนีภัยสงครามปราบแดนใต้กลับขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดม้าขาว อารามหลวง ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว โดยมีเจ้าอาวาสวัดม้าขาว บ้อกี๋ เป็นตัวแทนต้อนรับแทนอาจารย์เภาก้วยผู้พิการซ้ำซ้อน
บุคคลสำคัญในขบวนการฟ้าดิน นอกจากจูกัดกุ๋ยผู้สมรู้ร่วมคิดกับเภาก้วยที่ถูกทำร้ายจนกลายเป็นอัมพาตแล้ว คนอื่นๆล้วนยังคงตกอยู่ในแผนการหุ่นเชิด ไม่ได้ล่วงรู้การหักหลังของคนทรยศทั้งสองแต่อย่างใด
ดังนั้น พอเภาเจ๋งอพยพขึ้นมา ขันทีเตียวโถ น้องรองแห่งสี่วิญญูชนจึงแวะเวียนมารายงานความคืบหน้า และปรึกษาแผนการในลำดับต่อไปในห้องพักพี่ใหญ่
“ท่านสามจำเป็นต้องเดินทางออกนอกด่านเพื่อทำภารกิจส่วนตัว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมา ก่อนเดินทาง ได้ฝากบอกพวกท่านให้ดำเนินการแผนของตัวเองต่อไป อย่าเพิ่งรีบร้อน ปล่อยให้โจโฉเป็นคนยุ่งยากลำบากในการรวบรวมแผ่นดินไปก่อน จนเมื่อถึงเวลา ค่อยชิงคืนจากมันเพียงลำพังในภายหลัง” เภาเจ๋งสรุป
ขันทีเตียวโถเคยเป็นอดีตขุนนางสายบู๊ มีวิทยายุทธ์สูงส่งก็จริง หากแต่พาซื่อไม่ติดใจสงสัยอันใด ด้วยมิคาดคิดว่าคนแซ่เล่าพี่น้องจะหักล้างกันเอง “ยินว่า มันออกไปหาตัวยารักษาอาการให้กับหลานเหลียง ไม่แน่ว่าอาจจะได้ของดีมาช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของพี่ใหญ่ด้วย น่าสงสารท่านยิ่งนัก”
เล่าหัว-เภาก้วย มีสภาพร่างกายผ่ายผอมยิ่งกว่าเดิม นอนนิ่งรับฟังบนเตียงนอนด้วยความเจ็บปวดใจ หากแต่ไม่อาจขยับเยื้อนส่งสัญญาณใดๆให้น้องรองหรือศิษย์คนโตล่วงรู้ความนัย นอกจากกรอกตาไปมา ไม่มีความรู้สึกใดๆปรากฏ
“หวังให้ท่านสามทำภารกิจสำเร็จในเร็ววันเถิด” เภาเจ๋งยิ้มรับด้วยสีหน้าปกติ ดำเนินแผนร้ายท่ามกลางคนใจซื่อ โดยไม่มีร่องรอยความละอายใจแต่อย่างใด
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย