Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขมานันทะในใจเรา - ชาติพันธุ์ภาวนา
•
ติดตาม
30 เม.ย. 2021 เวลา 23:00 • ปรัชญา
ไตร่ตรองมองหลัก(๑๕)
อย่างพิธีบวชของชาวมหายาน เมื่อเจ้านาคเข้าสู่พิธีกรรมแล้ว อุปัชฌายะถามว่าจะบวชเพื่ออะไร เจ้านาคจะต้องบอกว่าบวชเพื่อยกสรรพสัตว์ให้พ้นจากสังสารวัฏให้เข้าสู่พระนิพพาน
ในขณะที่เถรวาทนี่เวลาถามนาคก็ไปอีกแบบหนึ่ง การตรัสรู้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ชาววัชรยานและมหายานนั้น การตรัสรู้เป็นเรื่องส่วนรวม ถือว่าการตรัสรู้ของปัจเจกไม่มี เรื่องนี้มีสาระสำคัญมาก หมายความว่า ถ้าผู้ใดเข้าถึงธรรมะระดับใด ก็จะรู้ว่าคนอื่นเข้าถึงอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวนั้นจะรู้หรือไม่รู้อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเข้าถึงที่สุดก็จะรู้ว่าทุกคนมีที่สุดอยู่แล้ว นั่นคือการตรัสรู้ของส่วนรวม
วันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทรงร้องอุทานว่า "แท้ที่จริงสัตว์ทั้งหลายคือตถาคต" เมื่อพระพุทธเจ้าเข้าถึงมัน ท่านจึงรู้ว่าทุกคนเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้นเอง
เมื่อสมัยที่อรชุนรบศึกที่ทุ่งกุรุเกษตร ต่อมาก็ขึ้นสวรรค์ไปปรากฏตนอยู่ต่อพระพักตร์ของมหาเทพ ทันใดนั้นก็เห็นทุรโยชน์ ศัตรูยืนอยู่ที่นั่นด้วย ทั้งๆ ที่ทุรโยชน์เป็นฝ่ายเลวร้าย เป็นศัตรูกับความดีทีเดียว แต่ว่าเข้าถึงสวรรค์ ต่อหน้าพระพักตร์มหาเทพนั้น ไม่มีคนดีหรือคนชั่ว ทุกชีวิตเสมอกันหมด เมื่อเข้าถึงธรรมก็จะรู้ว่า ธรรมนั้นเป็นอยู่แล้วอย่างไร
ดังนั้นการตรัสรู้เป็นเรื่องของสรรพสัตว์ ไม่ใช่เรื่องของปัจเจก มโนคติใดที่คิดว่าการตรัสรู้เป็นเรื่องของฉันของตัวข้านั่นคือการเพี้ยน ชาวมหายานถือกันอย่างนั้น
ดังนั้นการบวชก็เพื่อจะช่วยให้บุคคลตรัสรู้ อุดมคติของโพธิสัตว์จึงเกิดขึ้นที่ว่า ตัวเองนั้นต้องลุพระโพธิญาณ แต่ยังไม่ปรารถนาเข้าสู่พระนิพพาน จะต้องเข้าคนสุดท้าย เพื่ออยู่อนุเคราะห์สรรพสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพานให้หมดสิ้น สาระมันอยู่ที่ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านเข้าถึงตถาคตและร้องอุทานว่า "แท้ที่จริงสัตว์ทั้งหลายคือตถาคต"
ในคัมภีร์ฝ่ายเถรวาทที่บ่งบอกไว้ชัดเจนมีว่า วันที่พระพุทธเจ้าพบอุปกชีวก วันที่ท่านเสด็จไปพาราณสี เขาถามว่า ท่านเป็นใคร ท่านบอกว่าเราเป็นพุทธะ คือท่านบอกไปตรงๆ ต่อตัวสภาวะ เขาเข้าใจไม่ได้ ในที่สุดท่านได้บทเรียน พระพุทธเจ้าได้บทเรียนว่า สิ่งนี้คนทั่วไปเข้าใจไม่ได้ ท่านก็เลยต้องบัญญัติธรรมะขึ้นสอนตามลำดับ คือต้องเข้าใจอย่างนี้ๆ เสียก่อน จึงเข้าใจอันนี้
ที่จริงวันแรกท่านบอกตรงๆ เมื่อถูกถามว่าท่านคือใคร ท่านตอบว่าเราคือพุทธะ นั่นเป็นการสอนครั้งแรกของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่ได้เรียนรู้ว่าชาวบ้านเข้าใจไม่ได้ ในพระสูตรหนึ่งทรงตรัสว่า ยิ่งนานวันเข้า เมื่ออายุท่านมากเข้าเท่าไร ธรรมะก็เหลือแต่แก่น คือท่านค่อยๆ บัญญัติธรรมขึ้นสอน
ผมเชื่อว่าการรู้ธรรมะนั้นคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนั้นพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยสอนใครเลย ท่านบอกตรงๆ แล้วผลก็คือ อุปกชีวกแลบลิ้นหลอก เขาไม่เชื่อ ในที่สุดพระพุทธเจ้าต้องเริ่มไตร่ตรองถึงสมมติและบัญญัติ แล้วเริ่มสอน เพราะสอนตรงๆ ไม่ได้ เว้นไว้แต่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่ท่านสอนแล้วเข้าใจได้เฉพาะพระพักตร์นั้น
ถ้าว่าไปแล้ว สิ่งที่ผมบรรยายมาทั้งหมดนี้ที่มาก็คือ ผมอ่านจากตำราบ้าง แต่ว่าน้อย คุยกับชาววัชรยาน เคยเข้าร่วมพิธีกรรมบ้างแต่ไม่มาก เคยเข้าเฝ้าองค์ดาไลลามะ ๑ ครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนทนากันถึงแก่น เพราะพระองค์ท่านเป็นประมุข จะถามอะไรก็ต้องระมัดระวัง แล้วก็เวลาไม่พอเพียง ๒๐ นาที แต่ผมก็ได้คบหากับชาววัชรยานหลายคน แล้วก็เห็นเค้าโครง จึงเอามาบอกเล่า เพื่อจะให้เห็นว่าวัชรยานไม่ใช่ญาณต่ำต้อย แต่พร้อมๆ กันนั้นก็ไม่พึงไขว่คว้าเอาอย่างรู้เท่าไม่ทัน
ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ เข้าถึงอย่างมีรากฐาน ไต่เต้าไปอย่างมีรากฐาน อย่างไม่ประมาท สิ่งที่ดีนั้น ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็เกิดโทษได้
เหมือนกับไฟ ถ้าเราเข้าใจเราควบคุมมันได้ เราใช้ต้มเนื้อต้มผัก เราก็มีอาหารที่ดี ร่างกายเราก็ดีขึ้นด้วย กินอาหารสุกแล้วหรืออาหารที่ร้อนๆ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจธรรมชาติของไฟ ควบคุมมันไม่ได้ ในที่สุดมันก็เผาผลาญทั้งตัวเองและบ้านเรือน
คือถ้าเข้าใจไม่ได้มันก็ทำลายทั้งตัวเองและบุคลที่แวดล้อมด้วย ฉะนั้นพึงมนสิการโดยแยบคายในทุกๆ เรื่อง
บรรยายแก่นักศึกษาระดับปริญญาโทสาขาศาสนาเปรียบเทียบ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ไตร่ตรองมองหลัก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย