Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขมานันทะในใจเรา - ชาติพันธุ์ภาวนา
•
ติดตาม
1 พ.ค. 2021 เวลา 23:00 • ปรัชญา
ไตร่ตรองมองหลัก (๑๖)
ข้อพินิจไตร่ตรองต่อความมีอยู่และไม่มีอยู่ของสิ่งต่างๆ
การไตร่ตรองถึงความมีอยู่ และหรือความไม่มีอยู่ของสิ่งต่างๆ นั้น เป็นทั้งสิ่งพื้นๆ ง่ายๆ และยุ่งยากซับซ้อน
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเราพูดถึงความมีอยู่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราย่อมหมายถึงการเห็น การได้ยิน การดม การลิ้มรส และการจับต้องสัมผัสสิ่งนั้นๆ ได้
และในทางกลับกัน การไม่มีอยู่ของสิ่งนั้นๆ เราย่อมหมายถึงความที่ไม่สามารถรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้ง ๕ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น
ความมีอยู่บนฐานของการรับรู้เช่นนี้ สามารถพิสูจน์ทดลองให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้อื่นได้
ส่วนความมีอยู่ในทางนามธรรมนั้นย่อมหมายถึงความปรากฏออกของความรู้สึกนึกคิด รวมไปถึงมโนคติต่างๆ เช่น ความดี ความงาม หรือความจริง ตามแต่จะรู้สึกได้ หากแต่เป็นสิ่งไร้รูป และรู้จำเพาะคน ไม่อาจนำมาพิสูจน์ให้เป็นที่ยอมรับโดยกระจ่างได้ จึงต้องอาศัยวิถีทางแห่งการคะเน คาดเก็งความจริงนั้นๆ
ในการพิจารณาความมีอยู่และไม่มีอยู่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมอิงอาศัยหลักพินิจ ๓ ประการเป็นอย่างน้อย คือสิ่งนั้นๆ คืออะไร อันหมายถึงตัวสภาวะว่าเป็นอย่างไร
สิ่งนั้นๆ มีอยู่เท่าไร อันหมายถึงการประมาณในส่วนปริมาณ
และสิ่งนั้นๆ มีอยู่เป็นอยู่ในขอบเขตของช่วงเวลาอันใด อันหมายถึงเหตุการณ์ในลำดับของเวลา
แกนกลางของการพิจารณาทางวิทยาการก็คือการวัด การคำนวณคะเนถึงการทวีหรือลดปริมาณในลำดับแห่งเหตุการณ์
โดยประการนี้ หากว่าตัวความจริงนั้นๆ ไม่ประกอบด้วยปริมาณ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในลำดับของเหตุการณ์หรือห้วงแห่งเวลาแล้วการใช้เกณฑ์ทางวิทยาการเข้าไตร่ตรองพิจารณาก็ย่อมไร้ผลโดยประการทั้งปวง
ความมีอยู่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมหมายถึงสภาพที่นับได้ ประมาณได้ สัมผัสได้ และความไม่มีอยู่ของสิ่งนั้นหมายถึงสภาพมีอยู่นั้นเองไม่มี
ดังนั้นความไม่มีของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ย่อมเนื่องกับความมี และความมีนั้นเองที่มาไม่มี
ส่วนสุดโต่งข้างความไม่มีนั้นมุ่งปฏิเสธความมี เป็นปฏิกิริยาข้างปฏิเสธความมี
การยึดถือสุดโต่งข้างมีนั้นเป็นการคิดถึงภาวะ และมุ่งยึดภาวะนั้นว่าจริงแท้เป็นหลัก
ในเมื่อฝ่ายข้างไม่มีถือเอาการปฏิเสธภาวะเป็นหลักยึด เมื่อถือเพียงข้างความมีอยู่เป็นหลัก ความไม่มีก็กลับไม่มี ไม่เห็น ไม่รับ
ครั้นเมื่อถือข้างความไม่มี ความมีเท่าที่มีก็กลับไม่มี ไม่เห็น ไม่รับ ต่างข้างต่างมองข้ามกันและกันไป เพราะยึดถือข้างใดข้างหนึ่งไว้เป็นหลัก
ดังนั้นแต่ละข้างก็ย่อมได้ความจริงเพียงข้างเดียว หากยิ่งยึดความจริงเพียงด้านเดียวและมุ่งยึดถือให้เป็นความสมบูรณ์ เต็มส่วนและสูงสุดแล้ว น่าจะเป็นปัญหาหนักขึ้นทวีคูณ
ความจริงที่สร้างขึ้นโดยยึดหลักสุดโต่งบนฐานความมีหรือไม่มี กลับกลายเป็นความจริงทางมโนคติ อันอาจพลัดไปสู่ความผิดเพี้ยนได้เท่าๆ กัน
ไม่ว่าคติที่ว่ามีพระเจ้าแห่งวิญญาณนิรันดร์ หรือไม่มีพระเจ้า อาตมันหรือในราตมัน ดีมี ชั่วมี หรือดีชั่วไม่มี โลกนี้มี ปรโลกมี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี ฯลฯ
ในการสัมมนาทางวิชาการ ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้หัวข้อใหญ่ "สภาวะสูงสุดแห่งศาสนา"
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ไตร่ตรองมองหลัก
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย