19 พ.ค. 2021 เวลา 07:26 • ปรัชญา
E P 3 "เราคือ ผู้เลือกความคิด
มิใช่ ความคิดที่ผู้อื่นเลือกให้"
"เราคือผู้เลือกชีวิต
มิใช่ ชีวิตที่ผู้อื่นเลือกให้"
ทุกคนเกิดมาพร้อมกับอิสรภาพ
ที่จะมีความสุข มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์
มี เป็น หรือทำสิ่งใดก็ได้
ตามที่ใจปรารถนาทุกประการ
ทารกนั้นบริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมด้วยความรัก
และจินตนาการ สามารถเข้าใจ และสื่อสาร
กับมารดาได้ โดยไม่ต้องผ่านคำพูด
สามารถรับรู้ ทุกสรรพสิ่ง ตามความเป็นจริง
มีความเป็นอัจฉริยะ อยู่ในทุกๆคนนี้แล้ว
เมื่อเติบโตขึ้นมา อัจฉริยภาพก็ ค่อยๆ จางหายไป เพราะถูกหล่อหลอมด้วยความคิด
จากผู้ใกล้ชิด สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ประเพณี จากความคิด ของผู้อื่น
เมื่อหลงเข้าใจไปว่า ชีวิตคือสิ่งที่โลกภายนอกกำลังบอกกับเรา คือสิ่งที่ผู้อื่นนิยามตัวเรา
เมื่อเคยชินกับการ อนุญาตให้ความคิดของผู้อื่นเข้ามาชี้นำทาง โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้น
คือความจริง และคิดถึงสิ่งนั้นซ้ำๆ
กลายเป็น ความเชื่อที่ฝังลึก อยู่ในจิตใจ
ประพฤติ ปฏิบัติ ตามความเชื่อเหล่านั้น
คิด รู้สึก พูด และกระทำซ้ำๆ
จนกระทั่งกลายมาเป็น นิสัย
เราสามารถ ประกาศอิสรภาพให้กับตัวเองได้
ไม่เล่นบท เป็นเหยื่อของสถานการณ์
หรือความคิด และการกระทำของผู้อื่นอีกต่อไป
เราคือเลือก และรับผิดชอบ ต่อทุกความคิด ความรู้สึก คำพูด และการกระทำของตัวเราเอง
รับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง
ทุกสิ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ ตา มองเห็น เสียง ที่ได้ยิน
หรือรูปที่มากระทบผ่านประสาทสัมผัสทั้งหกนั้น
อิสรภาพอยู่ที่ภายในจิตใจส่วนลึกที่สุดนี้
เพราะสิ่งเหล่านั้นแท้จริงคือ
ภาพสะท้อนจากความคิด และความรู้สึก
ที่เราส่งออกไปอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรม
1
ความคิดเป็นพลังงาน เป็นสสาร
ที่มีความประณีต ละเอียดอ่อนยิ่งนัก
รูปธรรมภายนอก ก็คือสสารที่รวมตัวกัน
แท้จริงแล้วเราทั้งหมดคือสิ่งเดียวกัน
แม้แต่ความคิด ความรู้สึก ที่ไม่ได้พูดออกมา ผู้คนรอบข้างก็ยังสามารถรับรู้
และสัมผัสได้ด้วยใจ
เคยไหมที่เรารู้สึกได้ว่า
คนที่ได้พบเจอ รู้สึกกับเราอย่างไร
โดยที่ ไม่ได้เคยพูดคุยกันเลย
ประสาทสัมผัสที่ใจเรานี้ รับรู้ได้อย่างชัดเจนที่สุด
เพียงยอมเปิดใจรับฟัง ความรู้สึกลึกๆข้างใน
ชีวิตก็จะง่ายมากขึ้น
เพียงไม่เชื่อความคิดที่ ถูกผู้อื่นหล่อหลอมมา ยอมรับฟังความเป็นจริง ซึ่งอยู่ภายในจิตใจนี้
ทุกปัญหาก็จะคลี่คลายได้โดยเร็ว
อิสรภาพเกิดขึ้นที่ใจเรานี้เอง
เลิกยึดติด กับความเชื่อว่า ตัวเราดีไม่พอ
ต้องรอให้ผู้อื่นมา ชื่นชม ยกย่อง ชมเชย ก่อน
ถึงจะรู้สึกได้ว่า ตัวเองดีพอ มีคุณค่าพอ
เราทุกคน มีความดีงามอยู่แล้ว ตั้งแต่กำเนิด
มีคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ อยู่ภายในตัวเอง
แต่ไม่เคยรับรู้ ไม่เคยรู้สึก ไม่เคยสังเกตเห็น
เรามักปล่อยให้โลกภายนอกเข้ามาตัดสิน
ว่าเราดีไม่พอ และเชื่อไปตามนั้น
และพยายามดิ้นรนไขว่คว้า
เอาทุกสิ่งจากภายนอกเพื่อให้
สามารถรู้สึกได้ว่าตัวเองดีพอแล้ว
แต่ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งรู้สึก ขาดแคลนมากยิ่งขึ้น
เพราะเมื่อกำลังรู้สึกขาดแคลนจากภายใน
ก็จะยิ่งดึงดูด สิ่งที่ทำให้รู้สึกขาดแคลนเช่นนั้นเข้ามาอีก
เราคือต้นเหตุ แห่งทุกสรรพสิ่ง
ตัวเราเองนั่นแหละ ที่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง
มิใช่ภายนอกนั่นเลย
เราคือผู้นิยามตัวเอง ว่าเราคือใคร
ไม่ปล่อยให้ผู้อื่นเข้ามาตัดสิน
หรือนิยามตัวเราอีกต่อไป
เรามีอิสระที่จะนิยามตัวเองใหม่
ตามที่ใจปรารถนาอย่างแท้จริง
ขอบคุณภาพสวยๆ จาก Pinterest
ต้องการเป็นคนเช่นไร
ก็นิยามตัวเองใหม่ได้อย่างอิสระ
เราทุกคนมีอิสระที่จะเลือกความคิด
เลือกทำ เลือกเป็น หรือมีสิ่งใดก็ได้
พูดกับตัวเองซ้ำๆ  ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
พูดออกเสียงหรือพูดในใจก็ได้
พูดด้วยความรู้สึก หนักแน่น มั่นคง กล้าหาญ
เชื่อมั่น ศรัทธา ว่า "ฉันคือ………"
ศรัทธา และกระทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
หล่อหลอมตัวเอง นิยามตัวเองใหม่
ไม่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน แต่ต้องอาศัย พลังแห่งศรัทธาในตัวเอง
ศรัทธามีกำลังอย่าง มหาศาล
เราเคยเห็นผู้คนมากมายที่สามารถทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องยากได้อย่างง่ายดายราวกับปาฏิหาริย์ หายจากความเจ็บป่วยที่คิดว่าไม่มีทางรักษาหายได้ด้วยพลังแห่งศรัทธา หรือความคิดยืนยัน
ที่ชัดเจนหนักแน่นอย่างสม่ำเสมอนี่เอง
เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ศรัทธา ทำได้ทุกสิ่ง
เพียงมีภาพเป้าหมายที่ชัดเจน
แล้ว หมั่นเติมพลังแห่งศรัทธาลงไป
ทุกสิ่งย่อมบังเกิดขึ้นเป็นจริง
ศรัทธา คือเชื่อโดยไม่มีความลังเลสงสัย
เชื่อโดยไม่มีความคิดที่ขัดแย้ง
กับเป้าหมายนั้นผุดขึ้นมาเลย
เชื่อแบบที่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นไปตามสิ่งที่เราศรัทธานั้น
เชื่อแบบที่ว่าพระอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกอย่างแน่นอน
ภายในตัวเราทุกคน มีพลังอำนาจมหาศาล
สงบนิ่งอยู่ภายใน
เพียงรอเราเปิดใจอนุญาตให้ พลังอำนาจนี้ได้ออกมาโลดแล่น รอเราหันกลับมาสัมผัสถึง
ตัวตนที่แท้จริง ที่บริสุทธิ์ ยิ่งใหญ่ ไพศาล
ในแต่ละวัน เราได้ให้เวลาไปกับสิ่งภายนอก
หรือความเป็นจริงภายใน มากกว่ากัน
เราเพ่งมอง สนใจสิ่งภายนอกตลอดเวลา
โดยลืมสนใจจิตวิญญาณภายในนี้หรือไม่?
สังเกตไหมว่าถ้าวันไหนเราเอาแต่
สนใจสิ่งภายนอกทั้งวัน เราก็จะถูกสิ่งเหล่านั้น
ดูดกลืนไปตลอดทั้งวัน สุดท้ายจะรู้สึกหมดพลัง และตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ภายนอก
แต่หากเรา ตั้งสติ และตระหนักรู้ถึง
จิตวิญญาณภายในที่บริสุทธิ์ อิสระ เบาสบาย
จึงจะมีพลังอำนาจในการ ลิขิตชีวิตตัวเอง
ให้พลังโฟกัสที่สิ่งไหน สิ่งนั้นก็จะขยายใหญ่ขึ้น
หากให้พลังกับปัญหา ปัญหาก็จะขยายใหญ่ขึ้น หากให้พลังกับพลังงานต้นกำเนิดทุกสรรพสิ่ง
อันบริสุทธิ์ ภายในนี้ พลังอำนาจนี้ก็จะ
เจริญเติบโตงอกงามขึ้นในชีวิต
เราจะพบเจอความรัก ความสงบสุข
ความอุดมสมบูรณ์ รายล้อมตัวเรามากยิ่งขึ้น
ปรารถนาให้ชีวิตเป็นเช่นไร จงให้พลังกับสิ่งนั้น
คุณคือผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง
ความเป็นจริงคือโลกภายใน ชีวิตภายนอกที่พบเห็นเป็นเพียงภาพสะท้อนของบทละครที่ตัวเราเองเป็นผู้สร้างขึ้นมา
ทุกคนต่างกำลังเป็นผู้สร้างชีวิต
โดยมีความคิด ความรู้สึก คำพูด
และการกระทำ ที่ซ้ำๆต่อเนื่องเป็นนิสัย
เป็นเครื่องมือในการสร้างสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในโลกภายนอกนั้น
เมื่อใดที่เป็นอิสระจากโลกภายนอก
อยู่เหนือความคิดเดิมๆ
เป็นอิสระจากอดีต อนาคต
ดำรงอยู่อย่างเบิกบาน ณ ปัจจุบันขณะ
จึงมีชีวิตที่อิสระอย่างแท้จริง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา