Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
7 ก.ค. 2021 เวลา 01:28 • นิยาย เรื่องสั้น
4.29. พินัยกรรมชำระแค้น
เจ๋าซือ โจโฉ กาเซี่ยง กลุ่มคนในร่างแห
ในห้องพักผ่อนส่วนตัวของขุนนางชั้นสูง เตียวหุยนำลูกเหล็กที่ได้มาจากองครักษ์หญิงเผ่าเกี๋ยงขึ้นมาพิจารณาร่วมกับนกยูง อีกหนึ่งสมาชิกในหน่วยปักษาสวรรค์ที่แฝงตัวอยู่ในเสฉวนมาเนิ่นนาน
ลูกเหล็กปรากฎรูปนกอินทรีสยายปีก และนกต่างพันธุ์อีกสิบสองตัวเรียงรายกันอย่างสวยงาม ใจกลางนกอินทรีมีตัวอักษรรูปร่างแปลกตาสำหรับคนจีนทั่วไปในยุคนั้น หากแต่พิจารณาดีๆ มันคือตัวพิมพ์ภาษาอังกฤษคำว่า Blood ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้อ่านยากขึ้นกว่าเดิม สมควรเป็นรหัสข้อความจากหัวขวาน-เตียวล่อ ส่งผ่านมาถึงตัวมันเอง เพื่อใช้เปิดลูกเหล็กปริศนาก้อนนี้
เตียวหุยพลิกมือแผ่พลังความร้อน และกรีดนิ้วให้เลือดหยดลงในตำแหน่งที่ระบุสองสามหยด คล้ายกับวิธีการใช้แผ่นหน้ากากพิสดาร ลูกเหล็กซึมซับโลหิตเข้าไปแล้วค่อยๆคลี่กางออกเหมือนดอกบัวคลี่บาน เห็นเป็นแผ่นกระดาษพับเป็นรูปนกตัวเล็กขนาดเท่าเหรียญอีแปะ จึงค่อยๆหยิบนกกระดาษมาคลี่ออก เห็นเป็นจดหมายที่มีตัวอักษรถี่ยิบ จึงอ่านให้ได้ยินพร้อมกันทั้งสองคน
“ถึง พี่นางแอ่น
ในโลกคู่ขนานของข้า เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจและสำนึกผิดต่อหน่วยปักษาสวรรค์ โดยเฉพาะกับพี่ท่านที่ต้องตกอยู่ในสภาพชะตากรรมที่เลวร้ายอย่างที่สุด เมื่อข้าค้นพบเครื่องย้อนเวลาจากซากศพของพี่ใหญ่ จึงตัดสินใจใช้มันให้ถึงที่สุดเช่นกัน เพื่อจัดการกับต้นตอความหายนะ และชำระความแค้นส่วนตัวที่เกิดขึ้น
หลังจากข้าได้แก้ไขปรุงแต่งด้วยวัสดุเท่าที่หาทดแทนกันจนมันใช้การได้แล้ว ข้าจึงย้อนกลับไปก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น หากแต่ด้วยความที่ใช้สิ่งของทดแทน ความผิดพลาดด้านห้วงเวลาจึงเกิดขึ้น ทำให้ข้าย้อนกลับไปไกลเกินกว่าเวลาที่ต้องการจริงๆหลายสิบปีทีเดียว
ณ เวลานั้น ข้าค้นพบว่าเป็นยุคสมัยพรรคฟ้าเหลืองเพิ่งเร่ิมก่อตั้งขึ้น ซึ่งมีข้อดีก็คือ ข้าจะสามารถปลอมตัวเข้าไปแทรกซึมได้ง่ายที่สุด การเข้าสวมรอยแทนที่ตัวเตียวล่อวัยหนุ่มก่อนที่จะเป็นสมุนเอกของเตียวก๊กนั้นไม่ยากเย็นนัก และทำให้ข้าได้พบเห็นการปรากฎกายที่แปลกประหลาดของเตียวหยุน-จูล่ง
มันต้องเป็นหนึ่งในความผิดพลาดของพวกเราอย่างแน่นอน เพราะรูปแบบการปรากฏกายของมันคือต้นแบบของเครื่องย้อนเวลาแบบใหม่ที่ตัวข้าเองเพิ่งค้นคิดขึ้นในโลกยุคสมัยที่พวกเราอาศัยอยู่ก่อนการเดินทางย้อนอดีตในครั้งนี้ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่นำพาจูล่งจากที่ใดที่หนึ่งในกาลเวลาให้มาสู่ยุคสมัยนี้ ข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธความผิดพลาดจากสิ่งประดิษฐ์ของข้าได้อีกครั้ง
โชคดีที่ข้าเป็นคนเข้าไปช่วยจับตัวจูล่งไว้ในเบื้องแรก จึงแอบเก็บเครื่องย้อนเวลาชุดปริศนานี้เอาไว้ และเฝ้าติดตามความก้าวหน้าของมันในฐานะคุณชายใหญ่ของประมุขพรรคมาโดยตลอด ข้าคาดเดาเอาว่า เตียวก๊กคงเห็นถึงความสามารถเชิงยุทธ์ของตัวมัน หรือคุ้นเคยกับวิธีการปรากฏกายของมันที่เหมือนกันกับเฒ่ากระเรียน ผู้เป็นอาจารย์ จึงต้องการเก็บมันไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพรรค แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่ลืมความแค้นที่มันสร้างเอาไว้
ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคฟ้าเหลืองมากมาย ข้าจึงมีโอกาสแอบไปช่วยเตียวหุย ดาวร่ำรวยตัวจริง ก่อสร้างที่ซ่อนขุมทรัพย์ฟ้าเหลืองอยู่เนิ่นนาน ถึงแม้ว่าข้าจะจดจำตำแหน่งได้ และรู้รหัสลับต่างๆ แต่ก็ไม่มีกุญแจสำคัญในการไขประตูเข้าไปได้อยู่ดี จึงไม่อาจนำสิ่งของทั้งหลายออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อพวกเราได้ อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือครั้งนี้ ข้าแอบตกลงเป็นการลับไว้กับเตียวหุย จึงไม่มีใครอื่นล่วงรู้ และทำให้ข้าอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้
จริงสิ ป่านนี้ พวกเราคงไขปริศนาขุมทรัพย์ออกแล้ว แต่น่าจะยังไม่ได้ไปหยิบของสำคัญสักที ว่างๆอย่าลืมไปดูสักรอบสิ มันเป็นผลงานชิ้นเอกของข้าเลยทีเดียว และอย่าลืมค้นหาเครื่องย้อนเวลาชิ้นปริศนานั้นกลับมาด้วย เมื่อพวกท่านไปถึง ก็จะรู้ได้เองว่า มันสมควรซุกซ่อนอยู่ในที่ใด เรื่องนี้คงไม่ยากเกินไปหรอก
หลายปีหลังจากที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ข้าพบว่า สาวงามนามเจ๋าซือ เมียคนใหม่ อายุคราวลูก ของเตียวเจ ที่มีศักดิ์เป็นอาของเตียวสิ้ว ดาวองครักษ์นั้น นางเป็นเพียงภรรยาในนาม ที่เข้ามาอยู่อาศัยเพื่อชดใช้หนี้สินเท่านั้น มิได้มีความรักใคร่ต่อกัน ทำให้ข้าเกิดแผนการล้างแค้นที่น่าสาสมใจขึ้นมา
ข้าอาศัยจังหวะที่เตียวหยุนไม่ทันระวังตัวต่อสหายสนิทข้างกาย ล่อลวงให้มันเมามาย และเผลอไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางเจ๋าซือก่อน ค่อยเปิดช่องให้เตียวเจจับได้คาตา เช่นเดียวกันกับกลสาวงามที่อ้องอุ้นเคยทำไว้กับลิโป้ เตียวเสี้ยน และตั๋งโต๊ะ คราก่อน
ทุกอย่างดำเนินการไปตามที่คาด เตียวเจ แม้ไม่ได้มีความสัมพันธ์จริงจัง แต่ก็ยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตนเองมาก่อน จึงโกรธแค้น หมายจะฆ่าคนทั้งสองทิ้งเพื่อล้างอาย ข้าจึงเสริมส่งให้จูล่งที่ยังมึนเมาไม่ได้สติ ให้ชิงลงมือสังหารเตียวเจเสียก่อน เพื่อสร้างตราบาปไว้ในใจของมันตลอดไปในฐานะชายชู้หญิงสามานย์
จากนั้น ข้าจึงรีบนำตัวมันหลบหนีออกมาก่อน พอมันสร่างเมาแล้ว คล้ายสำนึกผิด ละอายใจต่อเตียวสิ้วที่ยังไม่ทราบเรื่องราวใดๆ ถึงกับไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางเจ๋าซือ หญิงม่ายผัวเผลอผู้เลอโฉม ที่ยังคงอาศัยในจวนของเตียวสิ้ว รอคอยคนรักใหม่ให้มารับตัวอีกเลย
ต่อมาไม่นาน เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง นางเจ๋าซือกลับตั้งครรภ์ขึ้นโดยไม่คาดหมาย ข้าจึงปกปิดเรื่องนี้ไว้จากจูล่งกับเตียวสิ้ว และนัดแนะให้นางอ้างว่า ออกมาปฏิบัติธรรมให้กับผู้ตาย มาพักอาศัยที่สำนักสงฆ์จนถึงกำหนดคลอด แล้วจึงค่อยให้นางกลับไปอยู่ที่บ้านของเตียวสิ้วเช่นเดิม โดยทิ้งภาระการดูแลทารกน้อยไว้กับข้ามาโดยตลอด ข้าเชื่อมั่นว่า นางเจ๋าซือยังเฝ้ารอมันอย่างมีความหวัง จนสุดท้าย นางเจ๋าซือที่ตรอมใจจากความรักมายาวนาน ก็ชิงฆ่าตัวตายไปเอง เพื่อหนีรอดจากน้ำมือของโจโฉนักรักที่เมืองอ้วนเซีย
ต่อมา เนื่องจากข้าถูกเตียวก๊กส่งตัวให้มาสวมบทบาทเป็นเจ้าเมืองฮันต๋งอยู่ก่อนแล้ว เลยไม่สะดวกที่จะทำอะไรให้วุ่นวายเกินไป ข้าจึงส่งเด็กทารกให้กลับไปอยู่กับพวกหลวงจีนที่่วัดอีกรอบ จนเติบใหญ่พอให้ฝึกปรือได้ ค่อยจัดสี่ยอดฝีมือเผ่าเกี๋ยงที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า ไปฝึกวิชาให้กับบุตรของจูล่งจนเก่งกาจ เพราะข้าคิดจะใช้มันเป็นเครื่องมือเพื่อที่จะล้างแค้นในอนาคต
ชะตากรรมของทารกคนนี้ จะเป็นผู้ที่สังหารบังทอง กุนซือหงส์ผงาด เพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องของเราหน่วยปักษาสวรรค์ แล้วมันก็จะทรยศหักหลังเล่าเจี้ยง เพื่อชักจูงเล่าปี่เข้าเสฉวนอย่างง่ายดาย และสร้างชอบธรรมให้กับเล่าปี่ยิ่งขึ้น ถูกต้องแล้ว มันคือ ขุนพลหนุ่มห้าว เตียวหยิม
ในใจลึกๆก็มีความหวังเช่นกันที่จะให้พ่อลูกสองคนมาเจอกันในสนามรบ เตียวหยุนและเตียวหยิม ดูซิว่าผู้ใดจะอยู่รอด ข้าจำได้ว่า เมื่อครั้งที่ข้าซ่อมแซมทวนไร้น้ำใจที่หักไปนั้น ข้าเคยใส่ผงควันพิษไว้ในทวนไร้น้ำใจด้วย หากทวนหักเป็นสองท่อน ก็จะบังเกิดกลุ่มควันมีนเมาพวยพุ่งออกมาในทันที หวังชะลอการจู่โจมในยามฉุกเฉิน
ดังนั้น ข้าจึงจัดสร้างทวนพิเศษให้กับเตียวหยิมไว้อีกอันหนึ่ง เป็นทวนที่มีส่วนผสมของเศษอุกกาบาตนอกโลก ซึ่งสร้างความถี่เฉพาะตัว สามารถทำลายอาวุธเหล็กในยุคนี้ได้ ถ้ามันไม่ลืมกระบวนท่าที่ข้าแนะนำไป ทวนทมิฬของมันย่อมต้องทำให้จูล่งได้อับอายขายหน้าสักครั้งเป็นแน่
แต่พี่นางแอ่นคงจะรู้ผลแล้ว จึงได้รับจดหมายฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบจากองครักษ์หญิงของข้าตามที่ข้าสั่งไว้ หรือการค้นพบเองในภายหลังก็ตาม ข้าเชื่อในความรอบคอบของท่านเสมอมา คงไม่พลาดที่จะค้นหาเบาะแสหรือร่องรอยอื่นๆจากคนของข้าแน่นอน ลูกเหล็กนี้ ก็สะดุดตาไม่น้อย ข้าชอบลวดลายของมันนะ ภาพสิบสามปักษาสวรรค์ในตำนาน จากจินตนาการของข้าเอง
จาก หัวขวาน อันดับสิบสอง แห่งหน่วยปักษาสวรรค์
ปล. สรรพคุณของทวนทมิฬนี้ ยังสามารถทำลายอาวุธอื่นๆที่สร้างด้วยแร่เหล็กทั่วไปในยุคนี้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ใช้กระบวนท่า “ฟาดถล่มเขาเทียนซาน”ที่พวกเราเคยฝึกฝนกันมา ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ พี่ต้องหาทางเก็บมันเอาไว้ใช้ด้วยก็ดี นึกว่าเป็นของกำนัลชิ้นสุดท้ายจากน้องคนนี้ละกัน”
เตียวหุยถอนใจเฮือกใหญ่ ลูกเหล็กพิสดาร และนกกระดาษพับ เช่นนี้มีแต่หัวขวานผู้สร้างสรรค์เท่านั้นที่นึกคิดออกมาได้ หัวขวานไม่ใช่นักวางแผนที่รอบคอบ แต่เป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งกาจ มันจึงรังสรรค์เรื่องราวในรูปแบบของการปะติดปะต่อเรื่องราว ประกอบกับความแค้นที่สั่งสมมายาวนาน เลยคิดแผนการยุ่งเหยิงเช่นนี้ออกมาได้
“พอมันต้องการสร้างความรู้สึกผิดต่อจูล่ง มันจึงสร้างเรื่องชู้สาวขึ้นมา พอมันต้องการล้างแค้นต่อบังทอง มันจึงสร้างขุนพลมือสังหารขึ้นมา พอมันต้องการยึดครองเมืองเสฉวน มันจึงสร้างขุนพลจอมทรยศขึ้นมา กล่าวไปแล้ว เตียวหยิมจึงนับว่า น่าสงสารยิ่งนักที่สุดท้ายต้องมาตายด้วยน้ำมือของบิดาที่แท้จริงของตัวเอง” เตียวหุยเปรยขึ้นมา ในใจกลับสงสารจูล่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปด้วยอีกคน
“กล่าวไปแล้ว ท่านยังไม่อาจลืมเลือนเหตุการณ์ในวันนั้น” เสียงนกยูงกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างรู้เท่าทัน
เตียวหุย-นางแอ่น หน้าสลดลงเล็กน้อย “จะทำอย่างไรได้เล่า มันถูกพี่นกฮูกสะกดจิตลบความทรงจำเกี่ยวกับพวกเราไปหมดสิ้นแล้ว”
“การสะกดจิตลบความทรงจำได้ แต่ก็มีโอกาสหายได้ มิใช่หรือ” นกยูงยังโต้แย้ง
“จริงสิ แต่คงไม่ใช่เรื่องดีงามแน่นอน” นางแอ่นพยายามเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเหลือบเห็นสัมภาระที่ถูกจัดเตรียมเพื่อการเดินทาง “พรุ่งนี้ ท่านต้องเดินทางแล้ว ขอให้โชคดีนะ ท่านกุนซือเดชนกยูง”
ที่แท้ หวดเจ้ง ก็คือ นกยูง อันดับสิบ แห่งหน่วยปักษาสวรรค์ สมาชิกที่ซ่อนตัวในเมืองเสฉวน และไม่เข้าร่วมประชุมมาเนิ่นนานนั่นเอง มองไปรอบๆที่พัก เห็นรูปภาพนกยูงประดับอยู่ตามเครื่องใช้สอยต่างๆ นี่คือที่พักของหวดเจ้ง กุนซือเดชนกยูง ที่แสดงถึงความชมชอบส่วนตัวของมันต่อวิหคสายพันธ์ุนี้ จนกระทั่งเล่าปี่เอาไปตั้งเป็นสมญานาม
“จะอย่างไร เรื่องราวทั้งหมดนี้ ไม่ควรบอกเล่าให้หัวขวานล่วงรู้เป็นดีที่สุด” นกยูง หวดเจ้งสรุป พร้อมเลื่อนกระถางธูปลายนกยูงไปเบื้องหน้าให้นางแอ่น-เตียวหุย เผาทำลายหลักฐานทิ้งตามความเคยชิน “มันยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อมันเอง”
นางแอ่นส่งแผ่นกระดาษเข้ากระถางธูปให้เผาไหม้ ทบทวนเรื่องราวสำคัญไว้ เพื่อนำไปปรึกษากับนกฮูก- ฮัวโต๋ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยคนปัจจุบัน
“อีกประการหนึ่งที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นในระยะสั้น” หวดเจ้ง นกยูงกล่าวต่ออย่างกังวลใจ “ข้าตรวจพบว่า คลังสมบัติของเสฉวนล้วนมีแต่สิ่งของสามัญทั่วไป ทรัพย์สินที่ล้ำค่าจริงๆกลับหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น ไม่ทราบว่า เป็นฝีมือพลิกแพลงของเล่าเจี้ยง เตียวหยิม หรือ ขุนนางผู้ใด สอดมือเข้ามาโยกย้ายออกไปก่อนที่พวกเราจะทันไหวตัว”
“แล้วใครจะเป็นผู้ที่ต้องไปบอกเล่าเรื่องนี้ต่อท่านเล่าปี่หรือ”
“ขงเบ้งวางหมากล้ำลึก เสนอต่อเล่าปี่ให้ขุนพลจูล่งมารับหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของคลังหลวงเมืองเสฉวน เป็นมันที่ต้องแบกรับมลทินไปทั้งหมดแล้ว”
บุคคลที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของคลังหลวง หากพบสิ่งของมีค่าจำนวนมากรอคอยอยู่ก็แล้วไป แต่หากสิ่งของมีจำนวนน้อย บกพร่องไปกว่าที่ควร ก็อาจถูกเพ่งเล็งว่า ยักยอกทรัพย์สินเข้ากระเป๋าตัวเอง ดังนั้น น้อยคนจะยินดีรับอาสาทำงานเช่นนี้ โดยมาก จะถูกโยนให้ขุนนางผู้น้อยรับไปดูแลจัดการ เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาให้มัวหมอง
ขงเบ้งรับรู้อยู่ว่า จูล่งมีเบื้องหลังความเป็นมาซับซ้อน จึงโยนเผือกร้อนไปให้เนืองๆ ผิดถูกอย่างไร ผู้นำขุมกำลังสัตตดาราคงต้องรับเอาไว้เองทั้งสิ้น
…
ช่วงนี้ จูล่งคล้ายดวงตกสุดขีด ทำอะไรก็ผิดพลาดไปเสียสิ้น ล่าสุดเมื่อเล่าปี่ ขงเบ้ง ยึดครองเมืองเสฉวนได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด คิดจะแบ่งสรรพื้นที่ทำกินให้เป็นบำเหน็จต่อขุนนางนายทหารที่ติดตามมาจากเมืองเกงจิ๋วให้มีที่ทางใช้สอย ทำเอาขุนนางเก่าฝ่ายเสฉวนอ้ำอึ้ง มิกล้าคัดค้าน
หากแต่ขุนพลจูล่งกลับเอ่ยปากทักท้วงกลางที่ประชุมทหาร อ้างว่า ประชาชนล้วนมีชีวิตลำเค็ญอยู่ก่อนแล้วด้วยภัยสงคราม ไม่สมควรไปรบกวนสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าของที่ทำกินดั้งเดิมเป็นการซ้ำเติมเข้าไปอีก
ขุนนางนายทหารเก่าฝ่ายเล่าเจี้ยงเดิมเห็นว่า คนนอกยังต่อต้านคัดค้าน คนในย่อมจำต้องช่วยกันอีกแรง จึงพากันสนับสนุนให้ยกเลิกคำสั่งการจัดการดังกล่าวแทนชาวบ้าน จนเล่าปี่ ขงเบ้งต้องยินยอมตามกระแสเรียกร้อง นับเป็นครั้งแรกที่เกิดความปั่นป่วนขึ้นกลางที่ประชุมใหม่ เพราะความเห็นของจูล่งเพียงคนเดียว
ดังนั้น การที่ขงเบ้งส่งเรื่องการตรวจคลังหลวงให้จูล่งรับไปดูแล จึงคล้ายโยนเผือกร้อนไปให้ขุนพลท่องเมฆารับผิดชอบไปอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งที่เป็นเรื่องง่ายดาย แต่การที่คลังหลวงไร้สิ้นของมีค่า ย่อมเป็นที่น่าสงสัยอยู่บ้าง
…
เตียวหุย นางแอ่นรับฟังไม่ตอบคำใดๆ พลางขบคิดในใจ “หรือว่า ถึงเวลาต้องไปเสาะหาขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองมาแก้ไขปัญหาในครานี้ เพียงแต่มันตั้งอยู่ที่ใดกันแน่”
ขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองเป็นปริศนาร่ำลือกันมานานหลายสิบปี ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ชุมโจรอันยิ่งใหญ่ล่มสลาย ข่าวคราวอ้างอิงถึงการจัดเตรียมแผนการสำคัญของเตียวก๊ก โดยก่อสร้างสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งไว้เก็บรวบรวมทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ใช้สอยในการก่อการขบถชิงดินแดน แต่น้อยคนที่จะล่วงรู้ตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ดังกล่าว แม้แต่น้องชายทั้งสอง หรือขุมกำลังสัตตดาราที่มีความสำคัญสูงส่งในพรรคก็ตาม
ในครั้งนั้น กองทัพรัฐบาลแตกเป็นสองฝ่าย สมุหกลาโหมโฮจิ๋นและแม่ทัพคู่ใจตั๋งโต๊ะนำกองกำลังหมีทมิฬฝ่ายหนึ่ง สามขุนพลห่วงสัมพันธ์ โลติด ฮองฮูสง จูฮี นำกองทัพพยัคฆราชอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างก็พยายามช่วงชิงสร้างชื่อเสียงในการปราบปรามชุมโจรโพกผ้าเหลือง จนสามพี่น้องเตียวก๊กล้วนตกตายไปในเวลาไล่เลี่ยกัน และเป็นกองทัพของตั๋งโต๊ะที่รุกเข้าทำลายรังใหญ่ของพรรค เก็บกวาดสิ่งของในคลังได้มากมาย รวมทั้งกระบี่สั้นสัตตดารา ของวิเศษประจำพรรค จึงอ้างเป็นชัยชนะที่แท้จริงของฝ่ายรัฐบาล
แต่แล้ว กลับเกิดข่าวลือที่ระบุว่า เตียวก๊กได้ลอบก่อสร้างขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองที่มีทรัพย์สินชั้นดี ประเมินมูลค่าเป็นร้อยพันเท่าทวีเหนือกว่าสิ่งของที่มีในคลังใหญ่ ทำให้ผู้นำทัพทั้งสองฝ่ายเกิดความสงสัยระแวงกันเองว่า กองทัพฝ่ายตรงข้ามอาจจะค้นพบ และปกปิดขุมทรัพย์เอาไว้เพื่อหวังแบ่งปันกันเอง จนสุดท้าย โฮจิ๋นจึงใช้เป็นข้ออ้างทางการเมืองในการทำลายล้างกลุ่มสามขุนพลไปจนได้
นั่นเป็นเรื่องราวเบาะแสที่กระตั้ว-กาเซี่ยงรวบรวมข้อมูลมาให้เพิ่มเติม หลังจากที่หน่วยปักษาสวรรค์ได้ค้นพบเงื่อนงำสำคัญที่จะใช้ในการเปิดขุมทรัพย์ดังกล่าว เป็นนางแอ่นกับหัวขวานที่พบเห็นแผ่นภาพซุกซ่อนอยู่ในทวนอสรพิษที่หักสองท่อนโดยบังเอิญ
หากแต่สิ่งนั้นเป็นเพียงคำอธิบายที่ใช้ไขปริศนาภายในขุมทรัพย์ โดยไม่ระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของขุมทรัพย์เลย ทำให้เป็นภาระหนักสำหรับใครก็ตามที่ค้นพบเงื่อนงำไม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้ นับเป็นการวางแผนจัดการไว้อย่างแยบยลของคนที่จัดทำแล้ว ซึ่งหากไม่นับเตียวก๊ก อดีตประมุขพรรคที่ตายไปนานแล้ว คนที่สมควรจะรู้ตำแหน่งที่ตั้งนั้น ก็ควรจะเป็นเตียวหยุน-เตียวจูล่ง ทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขพรรคของมันนั่นเอง
…
ภายในห้องพักผ่อนส่วนตัว จูล่งเอนกายอยู่บนเตียงตั่ง พักรักษาบาดแผลที่เตียวหยิมฝากรอยลึกเอาไว้ แต่ภายในใจ กลับสับสนว้าวุ่นใจไม่น้อย จ้องมองดูสร้อยจี้หยกที่อยู่ในมืออย่างเงียบงัน
ความค้างคาใจในเรื่องราวดังกล่าว ทำให้มันถึงกับโพล่งคำพูดที่ไม่ควรกล่าวออกไปในที่ประชุมทหาร เป็นการขัดแย้งทางความคิด และเป็นการหักหน้าต่อเล่าปี่ ผู้นำสูงสุด และ ขงเบ้ง กุนซือหลัก อย่างรุนแรง แต่ยังดีที่กลับได้รับเสียงสนับสนุนจากฝั่งขุนนางนายทหารเก่าสายเสฉวนอย่างท่วมท้น ซึ่งต้องขอบคุณต่อหวดเจ้ง กุนซือหลักคนใหม่ที่นำร่องช่วยเหลือมันเอาไว้ได้ทันท่วงที
หวนนึกถึงวาระสุดท้ายที่เตียวหยิมถูกทวนครึ่งท่อนซัดใส่ปักอกตายนั้น เหมือนฟ้าบันดาลให้ปรากฏจี้หยกชิ้นนี้โผล่พ้นออกมาจากคอเสื้อ เฉพาะเจาะจงให้มันได้เห็นถนัดตา เป็นสร้อยจี้หยกสลักเป็นรูปหงส์ในก้อนเมฆ ของที่ระลึกที่มันสั่งทำเป็นพิเศษ เพื่อมอบให้กับนางเจ๋าซือ หญิงคนรักในอดีต
ด้วยภาระหน้าที่ที่มันดำรงตำแหน่งประมุขพรรคฟ้าเหลือง และผู้นำขุมกำลังสัตตดารา ทำให้มันไม่กล้ากลับไปยอมรับความผิดต่อเตียวสิ้ว และเตียวเจผู้ตาย อย่างตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการพบปะกับนางคนรัก เกรงว่า จะทำให้เตียวสิ้วผิดหวัง ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับมันอีก
จนสุดท้าย มันปล่อยให้ตัวเองวุ่นวายกับการก่อการณ์วุ่นวายหลายครั้ง ค่อยได้ข่าวว่า นางเจ๋าซือถึงกับตรอมใจตายไปก่อนที่จะตกเป็นเครื่องสังเวยความใคร่ให้กับโจโฉนั้น ความรู้สึกผิดที่มันละเลยความรู้สึกของนางมาโดยตลอด จึงกลับมาหลอกหลอนมันอีกครั้ง เป็นความรู้สึกที่ยากจะทำใจได้จริงๆ
คำถามในใจ ก็คือ เตียวหยิม ขุนพลหนุ่มน้อยผู้ตาย เกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไรกับนางคนรักเก่า กันแน่ หากนับตามอายุแล้ว สมควรเป็นรุ่นลูก รุ่นหลาน แต่กลับใช้แซ่เตียว แซ่เดียวกันกับตัวมันเอง เตียวหยุน
หรือว่า นี่คือ โชคชะตาที่ล้อเล่นกับมัน ลองคิดดู เจ๋าซือผู้เป็นแม่ตายแล้ว เตียวหยิมผู้เป็นลูกก็ตายแล้ว และเตียวล่อ คนสนิทที่ล่วงรู้ความลับเรื่องดังกล่าวก็ตายแล้วเช่นกัน จึงไม่หลงเหลือใครให้ไต่ถามความจริงได้อีก เรื่องนี้ กลับกลายเป็นความลับดำมืดที่ไม่อาจคลี่คลายเสียแล้ว
จูล่งเหม่อมองท้องฟ้าผ่านช่องหน้าต่าง พลันเห็นเมฆฝนเคลื่อนที่มาแต่ไกล จนกลับกลายเป็นสายฝนร่วงหล่นลงมา ราวกับ หยาดน้ำตาจากบุคคลบนฟากฟ้า อาลัยอาวรณ์ถึงชะตากรรมของคนอันเป็นที่รัก ช่างน่าหดหู่ใจยิ่งนัก
…
ภาพในอดีต ณ เมืองอ้วนเซีย สงครามชิงเมืองเพิ่งจางหาย นางเจ๋าซือนั่งจมกับความทุกข์ใจอยู่ในความมืดมิด เตียวสิ้วจำเป็นต้องงำประกาย จึงแจ้งให้นางทราบว่า โจโฉสนใจในตัวนาง ต้องการให้ไปเป็นทาสบำเรอกาม ถึงกับอ้อนวอนให้ช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยของประชาชน หากแต่ที่จริง พรรคฟ้าเหลืองมีแผนการล่อเหยื่อ หวังให้โจโฉเข้ามาติดกับดัก แล้วเหล่าผู้นำจะลงมือสังหารอย่างกระทันหัน
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น นางเจ๋าซือกวาดสายตามอง กลับเห็นเป็นสาวใช้แปลกหน้านำหน้ากุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยงเข้ามา คงมานำพานางไปเซ่นสังเวยมารร้ายแล้วกระมัง แต่พลันฝ่ามือหนึ่งฟาดตรงท้ายทอย กลับทำให้ความรู้สึกสุดท้ายของนางสิ้นสูญไปในทันที
เพียงอึดใจถัดมา การจัดฉากเสร็จสิ้น เป็นฉากเศร้าสะเทือนใจที่กาเซี่ยงนำไปบอกกล่าวผู้คน นางเจ๋าซือคิดฝืนชะตากรรม ถึงกับผูกคอตาย เพื่อหนึโจโฉนักรักไปเสียแล้ว
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 4 - อาชาตะวันตก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย