29 ก.ค. 2021 เวลา 23:48 • นิยาย เรื่องสั้น
5.17. นิมิตฝันหลอกหลอน
เล่งทอง กำเหลง ลิบอง สามขุนพลกังตั๋ง
พวกปักษาสวรรค์ทั้งหลายรู้สึกเจ็บแค้นมากยิ่งขึ้น เมื่อเฒ่ากระเรียนเปิดเผยความลับออกมาเช่นนี้ ความผิดพลาดในภารกิจเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ง่ายกว่าการถูกทรยศหักหลังจากพวกเดียวกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนคนนั้นมีฐานะเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง และปรมาจารย์ผู้สอนทางด้านการต่อสู้เช่นนี้
“ตัวข้าเฝ้ารอคอยอยู่ในเงามืดมานาน เพียงเพื่อให้อินทรีแขนขาด และคนที่เหลือในหน่วยช่วยทำลายขุมกำลังอื่นให้หมดสิ้น จนเกิดการสูญเสียคนสำคัญของฝ่ายข้าเองไปอีกหลายคน ข้าจึงตัดสินใจใช้จังหวะวิกฤตที่โจโฉไล่ล่าเตียวเฟิงมาเป็นหลุมพรางล่อให้พวกเจ้าเดินเข้ามาพร้อมๆกัน และเปิดตัวโครงสร้างที่แท้จริงของนิกายแสงจรัสเสียที เหอะๆ น่าเสียดายเท่านั้นที่อินทรีกลับไม่ได้มาด้วยตนเองในครั้งนี้”
นางแอ่นคิดตามคำบอกเล่าของเฒ่ากระเรียน คนที่บอกเบาะแสการประชุมลับวัดป่าน้อยให้กับเหยี่ยวดำ คือกระตั้ว-กาเซี่ยง หนึ่งในคนที่เข้าร่วมประชุมเอง แต่คนที่ส่งนกฮูก-ฮัวโต๋ หัวขวาน-ม้ากิ๋น ให้ตามมาช่วยตัวนาง กลับเป็นนกยูง-หวดเจ้ง ผู้ที่ฝังรากลึกอยู่แต่ในเสฉวนมานาน หรือว่า สมาชิกปักษาสวรรค์สายกุนซือสองคนนี้ ก็มีปัญหาด้วย แต่แล้ว นางแอ่นกลับฉุกคิดขึ้นได้ว่า เฒ่ากระเรียนคล้ายยังไม่รับรู้การจากไปของอินทรี
“ที่แท้ คนที่ท่านเกรงกลัว ก็คือ พี่อินทรี ผู้นำหน่วยปักษาสวรรค์ ที่เดินทางย้อนเวลามาเป็นระลอกสามนี่เอง” นางแอ่น ส่งสายตาเป็นประกาย เมื่อค้นพบจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ “ท่านกลัวพี่ใหญ่จะอ่านพบความคิดภายในใจของท่าน เลยต้องจัดฉากแสร้งตายไปก่อน เพื่อไม่ให้ใครพบเห็นแผนการที่ท่านลอบจัดการอยู่”
เป็นครั้งแรกที่เฒ่ากระเรียนนิ่งอึ้งไปวูบหนึ่ง หรือว่า มันจะกล่าวความในใจมากเกินไปเสียแล้ว ที่จริง การค้นพบแผนการก็เรื่องหนึ่ง ซึ่งอินทรีพลังจิตอาจจะพบเห็นได้ แต่สิ่งที่มันกลัว กลับไม่ใช่เพียงแค่นั้น เรื่องที่ค้างคาภายในใจของมันยังมีอีกมากมายยิ่งนัก
โอ.. ความกลัวหรือ นิมิตฝันนั้นสะท้อนแว่บเข้ามาในสมองอีกครั้งหนึ่ง
พริบตาที่แววตาของเฒ่ากระเรียนสะท้อนความกลัวออกมา ลกซุนที่รอคอยจังหวะมานาน ก็พลิกตัวตบคลายจุดให้เหยี่ยวดำ แล้วชักมีดสั้นพุ่งเข้าใส่ชายชราทันที ส่วนเหยี่ยวดำปฏิกริยารวดเร็ว เมื่อได้รับการช่วยเหลือ ก็รีบตบคลายจุดให้นางแอ่นอีกทอดหนึ่ง พลางโกยกองฝุ่นเศษใบไม้ข้างกาย สาดใส่เฒ่ากระเรียนโดยเร็ว เพื่อบดบังสายตา พร้อมกับฟาดฝ่ามือตามไปอย่างรวดเร็ว เป็นการเสริมการรุกกับลกซุนพอดี สมกับเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งของหน่วยปักษาสวรรค์
ที่จริง ภายในกระท่อมชาวนา ก็ไม่ได้กว้างขวางกระไรนัก เมื่อคนทั้งสองลงมือก็แทบจะเข้าถึงตัวฝ่ายตรงข้ามแล้ว แต่เฒ่ากระเรียนกลับใช้วิชาตัวเบา สะกิดเท้าลอยละลิ่วไปเบื้องหลัง กระแทกผนังกระท่อมแตกเป็นช่องใหญ่ หลุดพ้นจากสภาวะคุกคามของคนทั้งสองอย่างง่ายดาย เพียงแต่เสื้อผ้าส่วนบนที่แปดเปื้อนผงฝุ่นกับเศษใบไม้ที่เหยี่ยวดำสาดใส่ไปบ้างเท่านั้น
เนื่องจากเฒ่ากระเรียนเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้กับสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์มาก่อน ย่อมล่วงรู้วิธีการสยบวิชาของแต่ละคน เหยี่ยวดำมากประสบการณ์ จึงหลีกเลื่ยงการใช้วิชาดั้งเดิม หันมาใช้ฝ่ามือสยบมังกรที่ค้นคิดขึ้นเองในภายหลังเป็นหลัก ทำให้พอจะต้านทานปรมาจารย์เฒ่าได้บ้าง
กลับเป็นลกซุนที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากสุมาอี้ ศิษย์พี่ใหญ่ก็จริง หากแต่เมื่อสืบสาวขึ้นไปก็คือ วิชาที่เฒ่ากระเรียนสั่งสอนให้กับสุมาเต๊กโชอยู่ดี จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะคู่ต่อสู้คาดเดากระบวนท่า และทิศทางการลงมือได้ล่วงหน้า เพิ่มความเสียเปรียบอีกหลายขุม
เห็นร่างกายแขนขาของเฒ่ากระเรียนยืดหดบิดงออย่างแปลกประหลาด ถึงกับป้องกันตัวเองได้อย่างไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรง และชักจูงเอาฝ่ามือของเหยี่ยวดำ ฟาดใส่กลางหน้าอกของลกซุนจนตัวปลิว กระอักเลือดไปเป็นทางยาว แต่ก็ยังไม่รอดูผล เร่งลงมือต่อเหยี่ยวดำด้วยกระบวนท่าพิสดารเช่นเดียวกัน เหยี่ยวดำยังไม่ทันฟื้นร่างกายได้เต็มที่ และจับเค้ารางฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ จึงถูกยึดเกี่ยวขาจนล้มลงกับพื้นดิน
นี่เป็นวิชาพิสดารที่ชื่อ กระบวนท่าย้ายดวงดาราเคลื่อนจักรวาล เป็นการผสมผสานระหว่าง มวยจีนแผ่นดินใหญ่ โยคะชมพูทวีป และท่วงท่าร่ายรำในอนาคต ซึ่งกระเรียนคิดค้นขึ้นมาเองจากช่วงเวลาอันยาวนาน เมื่อผนวกเข้ากับพลังภายในที่กล้าแข็ง กลับมีประสิทธิภาพสูงส่งไม่น้อย เหมาะสำหรับคนสูงอายุที่พลังภายนอกลดถอยลง
ที่จริง จากการทดสอบภายในหน่วยก่อนการเดินทางย้อนเวลานั้น เหยี่ยวดำและนางแอ่น ถือเป็นลูกศิษย์ที่เก่งกาจล้ำหน้าผู้เป็นอาจารย์ แต่กระเรียนกลับใช้ความได้เปรียบด้านเวลาการฝึกปรือที่มากกว่าเป็นสิบๆปี คิดค้นวิชาชุดใหม่ และเสริมสร้างพลังภายใน จนทะยานเหนือล้ำกว่าลูกศิษย์ของตนเองได้อีกครั้ง
เฒ่ากระเรียนขยับจะซ้ำเติม แต่ที่ช่องแตกของกระท่อม กลับปรากฏร่างแข็งทื่อในชุดเสื้อฟางชาวนาพร้อมหมวกปีกกว้าง ลอยออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกางแขนขาคล้ายอินทรีสยายปีก เพียงเหลียวดูใบหน้าบางส่วนใต้หมวกนั้นแว่บเดียว เฒ่ากระเรียนก็มีใบหน้าถอดสี “นี่มันเจ้าอินทรีพลังจิตนี่นา”
ด้วยความหวาดกลัวต่อฝ่ายตรงข้าม กระเรียนรีบตบหน้าอกกดปุ่มเครื่องอำพรางกาย สิ่งประดิษฐ์สำคัญประจำตัว แล้วหมุนตัวหลบหนีตามความเคยชิน แต่กลับกลายเป็นการหมุนร่างที่ไม่มีใครมองเห็น เข้าหาคมทวนที่คดเคี้ยวคล้ายกับงูตัวใหญ่ที่แอบแทงทะลุผ่านแขนเสื้อฟางออกมาดักทางไว้ล่วงหน้าอย่างเหมาะเจาะพอดี
เป็นทวนอสรพิษอันโด่งดังของเตียวหุย ขุนพลฟ้าคำรามที่เรียกเลือดจากหัวไหล่ขวาของกระเรียนเฒ่าได้สำเร็จ
นางแอ่นในคราบหญิงชาวบ้านที่ซ่อนตัวแนบอยู่ด้านหลังของ “อินทรี” ก็ไม่รอช้า ผลักร่างของเภาเจ๋งที่ถูกจับปลอมตัวเป็นอินทรี ออกไปให้พ้นทาง แล้วเล็งใส่ตำแหน่งที่มีเลือดไหลนั้นต่อไป เพื่อไม่ให้เป้าหมายที่เข้าสถานะอำพรางกายไปแล้ว สามารถหลบหลีกเปลี่ยนทิศทางไปได้
ส่วนเหยี่ยวดำเอง ก็ย้อนกลับมาร่วมวงต่อสู้ กลิ้งหมุนวนไปตามพื้นดิน โจมตีด้านล่างในจุดที่น่าจะเป็นเป้าหมายที่มองไม่เห็นตัวตน พร้อมสะกิดสาดเศษดินทรายใบไม้เข้าใส่ให้เห็นเงาร่าง เพราะรู้แก่ใจว่า ไม่อาจปล่อยให้ศัตรูใช้ความได้เปรียบของการล่องหนหายตัว จึงหวังให้เศษดินเศษใบไม้เกาะติดร่างเงาอำพรางไว้เป็นที่สังเกตได้บ้าง
นางแอ่น เหยี่ยวดำ สองปักษาสายการต่อสู้ ประสานการจู่โจมทั้งด้านบน และด้านล่าง น้อยคนจะต้านรับไหว แต่เฒ่ากระเรียนยังยอดเยี่ยมกว่า ใช้กระบวนท่าย้ายดวงดาราเคลื่อนจักรวาล นำพาทวนอสรพิษ ย้ายเข้ากรีดใส่เหยี่ยวดำ ถูกเข้าที่ขาพับจนล้มกลิ้ง ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก
หลงเหลือเพียงนางแอ่นที่ยังคงใช้ทวนอสรพิษในเคล็ดเร็ว ทิ่มแทงใส่เป้าหมายที่มองไม่เห็น จนบาดแผลของฝ่ายตรงข้ามมีเลือดไหลไม่หยุด เริ่มเห็นเป็นเงาร่างมารเฒ่าได้ชัดเจนขึ้นแล้ว
กระเรียนต้องการรีบจบศึก จึงตัดสินใจ จู่โจมจุดอ่อนของอาวุธยาว นั่นคือการเข้าคลุกวงใน พุ่งตัวเข้าประชิด แต่นางแอ่นกลับฉวยจังหวะนั้น เปล่งพลังเสียงราชสีห์คำรามตอบโต้เข้าใส่ทันที ลำพังแต่พลังเสียงคงทำอะไรผู้เป็นอาจารย์ไม่ได้ นางแอ่นจึงแอบเพิ่มของกำนัลพิเศษให้อีกชั้นหนึ่ง พ่นออกจากปากไปด้วย
เป็นเข็มเล็กที่ใช้ในการฝังเข็มที่นกฮูกแอบหยิบยื่นให้ไว้ในจังหวะมารับตัวทารกเมื่อครู่
พลังเสียงเป็นการโจมตีลวง เข็มลับเป็นการโจมตีจริง เข็มขนาดเล็กที่ปกติใช้รักษาโรคจึงกลายเป็นอาวุธลับชั้นเยี่ยม ปักใส่ดวงตาข้างซ้ายของกระเรียนเข้าพอดี ทำให้กระเรียนแค้นใจสุดขีด ไม่สนใจร่างจะเลือนหายหรือปรากฏ รีบสะอึกเข้าถีบนางแอ่นในกระบวนท่าพิสดาร จนซี่โครงหัก กระเด็นไปกองอยู่กับพื้นอีกคน
เหยี่ยวดำที่บาดเจ็บตรงข้อพับ และลกซุนที่บอบช้ำภายในอยู่ก่อนแล้ว รีบขยับร่างเข้าโจมตีซ้ายขวาอีกครั้ง แต่กระเรียนยังอยู่ในสถานะอำพรางอยู่ จึงมีเปรียบ ฟาดฝ่ามือเข้าใส่อีกคนละทีสองที ปิดฉากการต่อสู้ของมือดีฝ่ายปักษาสวรรค์ทั้งสามคน
ขณะที่กำลังชื้นใจที่เห็นคู่ต่อสู้สิ้นฤทธิ์ไปหมดแล้วนั่นเอง “อินทรี” ที่ล้มฟุบอยู่ด้านข้างมานาน กลับลอยตัวด้วยร่างกายแข็งทื่อ หมุนวนตีลังกาเข้ามาราวกับกงล้อธรรมจักร กระเรียนมองเห็นแผ่นหน้ากากหลุดร่วงออกไป เผยให้เห็นเป็นใบหน้าของหลวงจีนเภาเจ๋ง-เล่าฉวน คนในนิกายแสงจรัส ฝ่ายของมันเอง แสดงสีหน้ามุ่งมั่นเอาชีวิต
ในที่สุด นิมิตฝันที่ตามหลอกหลอนตนเองมานานนั้น ก็เกิดขึ้นจริง ความฝันที่ว่า “พี่ใหญ่อินทรี เปลี่ยนร่างเป็น คนหัวล้านไร้หน้า และตามมาด้วย ภาพสุดท้ายที่มันจบสิ้นชีวิตอย่างสยดสยอง” คือความกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า คนหัวล้านไร้หน้าในความฝัน กลับเป็นเภาเจ๋ง-เล่าฉวน ลูกสมุนคนสำคัญของมันเอง กระเรียนเฒ่ารู้สึกสะดุ้งใจ แต่ยังคิดจะฝืนชะตาฟ้าอีกครั้ง
ระหว่างมันกับเภาเจ๋งแล้ว มันต้องยอมรับว่า พลังฝีมือของเภาเจ๋งยังเหนือล้ำยิ่งกว่าอีกขั้นสองขั้น พอเห็นเภาเจ๋งลงมือเข้าใส่ มันจึงย่อตัว เร่งพลังถึงขีดสุด ชิงฟาดถึงตัวก่อนกระบวนท่าของฝ่ายตรงข้ามจะมาถึง สองฝ่ามือกระแทกเข้ากลางหน้าอกเต็มแรง จนจมลึกเข้าไปในร่างกาย เสียงกระดูกหักลั่นรัวไปตามร่างกาย กลับทำให้เกิดความแปลกใจปนสงสัยที่ศัตรูคล้ายอ่อนด้อยเกินไป ไร้พลังต่อต้านเกินไป
พริบตานั้น ฝ่ามือทั้งสองของเภาเจ๋งก็พลิกสะบัดฟาดสนองคืนเข้าใส่หน้าอกของกระเรียนเต็มแรงเช่นกัน พลังธรรมจักรหมุนวนของเภาเจ๋งถือเป็นกระบวนท่าเสี่ยงชีวิต ใช้ร่างกายตนเองดูดซับพลังโจมตี เพื่อสะท้อนกลับเข้าใส่คู่ต่อสู้ ยิ่งศัตรูใช้พลังมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้พลังสะท้อนกลับรุนแรงเพ่ิมขึ้นเป็นทวีคูณ
เสียงเพี๊ยะดังขึ้น ฝ่ามือของเภาเจ๋งกลับฟาดโดนเครื่องอำพรางกายกลางหน้าอกของกระเรียน จนอุปกรณ์แตกกระจาย ไม่อาจพรางกายได้อีกต่อไป แต่ก็ช่วยลดทอนพลังโจมตีสะท้อนกลับของเภาเจ๋งไปไม่น้อย ถึงกระนั้น กระเรียนยังเหมือนโดนพลังกระแทกเข้าไปเจ็ดแปดส่วน ซึ่งก็เพียงพอที่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ และรู้สึกถึงกระดูกซี่โครงที่หักไปหลายซี่เช่นกัน
ฉับพลันที่เครื่องอำพรางกายแตกกระจาย มันจึงนึกขึ้นได้ว่า มันผิดพลาดไปเสียแล้ว เป้าหมายที่เภาเจ๋งมุ่งหวังเอาชีวิต มิใช่มัน แต่เป็นนางแอ่น คนที่เหวี่ยงร่างเภาเจ๋งไปเมื่อครู่ต่างหาก เภาเจ๋งเพียงมองผ่านร่างอำพรางของมันทะลุไปยังศัตรูเฉพาะหน้าคนนั้น และต้องการทวงคืนความแค้น
จังหวะที่กระเรียนกับเภาเจ๋งฟาดฝ่ามือใส่กัน จนบาดเจ็บสาหัสไปทั้งสองฝ่าย และทำให้ร่างของกระเรียนกลับปรากฏขึ้นชัดเจน แสงสว่างสีรุ้งอันงดงามก็พุ่งออกจากช่องแตกกระท่อมครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของสุดยอดฝีมือทั้งสอง
เป็นลำแสงจากกระบอกปักษาสายฟ้า ผลงานการประดิษฐ์ของหัวขวาน อัจฉริยะนักประดิษฐ์ คนที่ไร้วิทยายุทธ์ใดๆทั้งสิ้น
มองเห็นร่างกายของกระเรียน และเภาเจ๋ง กระตุกคล้ายโดนไฟฟ้าช้อตอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง คราวก่อน จูล่งกับนางแอ่น เคยโดนสิ่งประดิษฐ์นี้ไปยังถึงขั้นหมดสติสลบไสลทันที แต่คราวนี้ กระบอกปักษาสายฟ้ายังเป็นเพียงรุ่นทดลอง ลอกเลียนจากกระบอกเดิมที่เคยใช้ ความรุนแรงและระยะเวลาจึงยังไม่มากนัก เภาเจ๋งบาดเจ็บซ้ำซ้อน จึงหมดสติทรุดกายลงไปก็จริง แต่กระเรียนยังฝืนกายรับไหว กระชากฝ่ามือคืนกลับ เหวี่ยงทิ้งร่างเภาเจ๋งไปด้านข้าง พร้อมเดินลากเท้าเข้าไปยังช่องแตกใหญ่นั้น
การเดินเข้าสู่ช่องแคบโดยศัตรูอยู่ภายใน เป็นเรื่องที่ยุทธภพถือสา ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง หากแต่กระเรียนคงเห็นว่าภายในเป็นเพียงนกฮูกกับหัวขวาน คนไร้วิทยายุทธ์สองคน จึงประมาทเกินไป ดูแคลนฝ่ายตรงข้ามเกินไป
เสียงทารกร้องไห้ประสานเสียงดังขึ้นจากห้องทางด้านขวามือ ตอกย้ำให้รู้ว่า ฝ่ายตรงข้ามยังคงซ่อนตัวอยู่ภายในกระท่อม แต่ก็ดึงดูดดวงตาที่เหลือใช้งานได้เพียงข้างเดียว เพราะเพิ่งถูกเข็มปักใส่ไปเมื่อครู่ ไปวูบหนึ่ง
จังหวะนั้น ทางฝั่งซ้ายที่เป็นจุดอับของสายตาเฒ่ากระเรียน พลันปรากฏร่างของนกฮูกยืนตัวตรง บรรจงรินน้ำจากน้ำเต้าติดตัว ให้แผ่กว้างเกิดเป็นม่านน้ำกว้างครึ่งคืบ ไหลลงสู่พื้นดิน ส่วนหัวขวานกลับนั่งชันเข่าอยู่ด้านหลังม่านน้ำ พร้อมออกแรงดันกระบอกลูกสูบที่ปกติชาวนาใช้สูบลมเข้าสู่เตาไฟ มันไม่เข้าใจว่าจะเป็นลวดลายหรือลูกไม้อันใด แต่มันเคลื่อนไหวช้าไปชั่ววูบหนึ่งแล้ว
เสียงลมฟู่ดังขึ้นพร้อมฝุ่นควันหลากสีสันพุ่งผ่านม่านน้ำ กลายเป็นละอองน้ำสีสันสวยงาม แผ่ออกเป็นวงกว้าง ตรงเข้าใส่ใบหน้า ลำตัวของกระเรียนทันที หากเป็นการโยนดาบ กระบี่ หรือ อาวุธลับใดๆออกมา กระเรียน ผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่ง ยังสามารถปัดป่าย หรือหลบหลีกได้ไม่ยาก แต่ละอองน้ำสีรุ้งวงกว้างที่พุ่งมาในระยะประชิดตัวเช่นนี้ กลับยากที่จะจัดการได้อย่างรวบรัด
กระเรียนที่ร่างกายบอบช้ำสาหัสอยู่ระดับหนึ่งแล้ว เห็นว่าหลบเลี่ยงไม่ทัน จึงสะกิดเท้า หมายจะถอยหลังดั่งเมื่อครู่อีกครั้ง แต่แล้ว พื้นดินที่วางเท้ากลับถูกราดรดไว้ด้วยน้ำมันไขสัตว์ที่ใช้ทำอาหาร มันจึงลื่นไถลอยู่กับที่ ไม่อาจลอยกลับหลังดั่งที่ตั้งใจ เหลือเพียงทิ้งน้ำหนักยั้งร่างไว้ไม่ให้ล้มคะมำ และใช้แขนเสื้อสะบัดปาดละอองฝุ่นน้ำ แต่นั่นกลับเป็นท่วงท่าที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้เกิดขึ้น
เสียงฉ่าดังตามขึ้นมา ละอองน้ำที่ดูสีสันสวยงาม ถึงกับเป็นพิษร้ายกัดทะลุเสื้อผ้า แขน ไหล่ ใบหน้า และร่างกายของกระเรียน ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ราวกับโดนน้ำกรดร้ายแรงสาดใส่ กระเรียนเบิ่งตาเหลือกลาน และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดตกใจ
นาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง มันหวนนึกถึงนิมิตฝันที่เฝ้าหลอกหลอน กลับกลายเป็นจริงขึ้นมา ภาพก่อนสุดท้ายที่มันไม่เคยแม้แต่จะจดจำได้ค่อยปรากฏขึ้น นั่นคือ นางฟ้าตัวน้อยสององค์นั่งอยู่บนนกตัวเล็กๆสองตัวที่บินวนเวียนในความฝันนั่นต่างหาก ที่เป็นผู้ที่โปรยปรายละอองน้ำพิษสังหารมัน เพียงครู่เดียว น้ำพิษก็กัดกินเฒ่ากระเรียน หรือ บังเต๊กกงผู้ยิ่งใหญ่ จนหลงเหลือเพียงโครงกระดูก และโลหิตสีดำคล้ำกองหนึ่ง
หัวขวานรีบวางกระบอกลูกสูบที่บรรจุผงพิษเข้าไป พลางพูดกับนกฮูก-ฮัวโต๋ “ผงพิษของพี่สี่ รุนแรงยิ่งนัก ถึงกับกัดกินคนปกติจนเหลือเพียงโครงกระดูกกับเลือดกองเดียว”
“ผงพิษมีข้อจำกัดมากมาย หนึ่ง ต้องผสมกับน้ำ จึงออกฤทธิ์ทำลายล้างรุนแรง สอง มีเวลาจำกัดเพียงแค่ชั่วอึดใจ แต่น้องเรากลับฝ่าอุปสรรคข้อจำกัด ถึงกับถอดแบบดัดแปลงกลไกจากกระบอกปักษาเล็กๆ ออกมาใช้กับน้ำเต้าและกระบอกลูกสูบเช่นนี้ สมกับเป็นอัจฉริยะนักประดิษฐ์จริงๆ” นกฮูกอดชมเชยมิได้
“หากเป็นเช่นนี้ ภายหน้า ข้าจะทำมันเป็นกระบอกปักษารุ่นใหม่ เรียกชื่อเป็นกระบอกปักษาพิฆาตเลยละกัน” หัวขวานเลียนคำ “ทัณฑ์ปักษาพิฆาต” บทลงโทษที่ใช้กับคนทรยศ ตั้งเป็ืนชื่อสิ่งประดิษฐ์ใหม่ทันที
นกฮูกรีบออกไปตรวจดูอาการของพวกนางแอ่นทั้งสาม และเภาเจ๋งผู้โชคร้าย ที่แท้ ในขณะที่เหยี่ยวดำกับลกซุนช่วยกันต่อสู้กับเฒ่ากระเรียนในรอบแรกนั้น นกฮูกรีบใช้ยากระตุ้นพลังชีวิตเสริมพลังปราณให้กับนางแอ่น และเภาเจ๋งที่บาดเจ็บสาหัสอยู่นั้น ให้เพิ่มพลังเสี่ยงชีวิตกับกระเรียน เพื่อซื้อเวลารอดให้กับฝ่ายตน
แต่ทั้งหมดก็ยังไม่คาดหวังว่าจะล้มฝ่ายตรงข้ามได้อยู่ดี ทางนกฮูกกับหัวขวานจึงช่วยกันสร้างอาวุธเฉพาะหน้า และวางกับดักเพิ่มเติมจากผงยาสมุนไพรของนกฮูก เครื่องมือเครื่องใช้ในครัว และน้ำมันไขสัตว์ในการทำอาหารจากกระท่อมชาวนานั้นเอง
นางแอ่น เหยี่ยวดำ และลกซุนได้รับบาดเจ็บหนักหมดสติอยู่ แต่เพียงผิวหนังร่างกาย หากแต่เภาเจ๋งมีอาการหนักสาหัสที่สุด เพราะโดนพลังฝ่ามือกระแทกอย่างรุนแรง และโดนพลังไฟฟ้าจากกระบอกปักษาสายฟ้าซ้ำเข้าไปอีกรอบ จึงทำให้ร่างกายที่บอบช้ำสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งเสียหายหนักขึ้นไปอีก กระดูกแหลกเหลวหลายจุด ลมหายใจแผ่วเบา จนร่างกายเริ่มกระตุกถี่ๆ คล้ายจะขาดใจตาย
นกฮูก-ฮัวโต๋ รีบทุ่มเทสมาธิฝังเข็มสะกดจุดหลายแห่งทันที พร้อมเทยาผง และกรอกยามากมายเพื่อรักษาชีวิตของหลวงจีนชราไว้ครู่ใหญ่ หัวขวานที่แยกไปตรวจดูสองทารกฝาแฝดภายในกระท่อม ค่อยเดินออกมา พร้อมเลิกคิ้วถาม
นกฮูกจึงเอ่ยคำพิพากษาในฐานะผู้นำหน่วยคนปัจจุบัน “รักษาชีวิตเอาไว้ยังพอได้ แต่ความทรงจำ และพลังวิทยายุทธ์คงจะสิ้นสูญไปหมด ดังนั้น ข้าจะถือโอกาสนี้ สะกดจิตเปลี่ยนถ่ายความทรงจำให้ใหม่จนหมดสิ้น เสริมส่งให้มันเป็นศิษย์ตถาคตที่ดีคนหนึ่งขึ้นมาแทน”
สาเหตุที่นกฮูกตัดสินใจเช่นนี้ เพราะพื้นฐานของมัน คือ แพทย์ผู้รักษาชีวิตคน ไม่ใช่ทหารนักรบมืออาชีพ จึงยอมสิ้นเปลืองเรี่ยวแรง ทรัพยากรไปมากมายกับคนคนหนึ่งเช่นนี้ ซึ่งหากเปลี่ยนเป็นอินทรี หรือ คนอื่นเป็นผู้นำหน่วย อาจจะตัดสินใจไปแบบอื่นแทน ดังนั้น เภาเจ๋ง-เล่าฉวน จึงรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิดที่สุด
“เอ๊ะ แล้วลกซุนหายไปที่ใดแล้ว” หัวขวานถามขึ้น สร้างความตกใจให้กับนกฮูก-ฮัวโต๋อีกครั้งหนึ่ง ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนอง ฟื้นขึ้น และแอบหลบหนีไปพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่ควรรับรู้มากมายนัก ภายภาคหน้า ลกซุนเองอาจจะกลายเป็นวิกฤตต่อประวัติศาสตร์ยุคสามก๊กอย่างใหญ่หลวงอีกรูปแบบหนึ่งก็เป็นไปได้
คดีบังเต๊กกงเพิ่งจบสิ้นไปหมาดๆ คดีลกซุนกลับเริ่มก่อกำเนิดขึ้นมาอีก และยังมีสาวกคนอื่นๆในนิกายแสงจรัสด้วยเล่า นกฮูกสีหน้าหมองคล้ำลงด้วยความกังวลใจ
ห่างไกลออกไป ลกซุน ฝืนทนอาการบาดเจ็บ รีบเร่งฝีเท้าไปให้พ้นจากกระท่อมเกิดเหตุให้เร็วที่สุด แม้จะรู้ว่า คงไม่มีผู้ใดไล่ล่าตามมา มันเดาชะตากรรมได้ว่า หากมันยังรั้งรออยู่ที่เดิมต่อไป คงจะโดนสะกดจิตลบล้างความทรงจำเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา พอหมอฮัวโต๋พูดถึงคำนั้นขึ้นมา มันจึงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันที สาเหตุที่มันจดจำเรื่องราวบางช่วงบางตอนที่เกิดขึ้น ระหว่างที่อยู่กับท่านอาและพวก ไม่ได้เป็นระยะๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็เพราะมันโดนลบล้างความทรงจำไปนี่เอง
ครั้งนี้ มันจึงยอมทรมานร่างกาย ไม่อยู่รับการรักษาอาการบาดเจ็บ แต่เลือกที่จะเก็บความทรงจำเหล่านี้เอาไว้ กลุ่มคนลึกลับที่มีความสามารถพิเศษพิสดารกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ต่างๆของบ้านเมือง มีตั้งแต่ ท่านอาเหยี่ยวดำมือสังหาร หมอเทวดาฮัวโต๋ ม้ากิ๋นนักประดิษฐ์ และเตียวหุย ขุนพลฟ้าคำราม ที่บางครั้งกลับกลายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม และน่าจะมีคนอื่นๆอีกที่มันยังไม่รู้ แฝงกายอยู่กับขุมกำลังต่างๆ
บังเต๊กกง ผู้นำแห่งนิกายแสงจรัสเอง หรือเฒ่ากระเรียน ก็เคยเป็นพวกขององค์กรลับนี้ แต่กลับสร้างขุมกำลังขึ้นมาเอง และพยายามจะกำจัดพวกเดียวกันไปทีละคนๆ จนมาถึงครั้งนี้ ความพยายามที่จะสังหารหมู่ศัตรู กลับผิดพลาด จนตัวเองตายไปอย่างเหลือเชื่อ
แต่มันยังเชื่อว่า โครงสร้างที่ยิ่งใหญ่ของนิกายแสงจรัสยังคงอยู่ เพราะลำพัง บังเต๊กกงเพียงคนเดียว คงไม่อาจเชื่อมโยงขุมกำลังต่างๆมาได้จนนิกายใหญ่โตแข็งแรงเช่นนี้ และในที่สุด ตัวนิกายอาจจะเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้นำไปสู่ทายาทคนใหม่ หลังจากที่ตัวหัวหน้าใหญ่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้
ที่สำคัญ คือ พรรคฟ้าเหลือง เครือข่ายสุมา กองทัพธรรม และขุมกำลังลับอื่นๆ ยังคงอยู่ ดังนั้น ใครก็ตามที่สามารถช่วงชิงอำนาจนั้นมาสืบทอดได้ จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ เหนือกว่าสามผู้นำ โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน ที่ยังครอบครองแผ่นดินเป็นสามส่วนเสียด้วยซ้ำ
แล้วตัวมันที่อยู่ในฐานะของหนึ่งในทายาทมังกรแห่งเครือข่ายสุมา ผู้ช่วยคนสนิทของซุนกวน ผู้นำแห่งกังตั๋งและสหพันธ์พยัคฆ์หยก อีกทั้ง ยังเป็นสายสืบ และหลานบุญธรรมของเหยี่ยวดำ คนสำคัญขององค์กรลับนี้ สมควรจะถือหางฝ่ายใดกัน ความคิดของลกซุน พยัคฆ์คะนองสับสนวุ่นวายไปตลอดการเดินทาง ไม่รู้ว่า ภายภาคหน้า สมควรจะกระทำตัวเช่นไรแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา