4 ส.ค. 2021 เวลา 05:59 • นิยาย เรื่องสั้น
5.21. เจาะลึกตำนานอเวจี
กวนลอ ซุนเกี๋ยน เทียเภา จอมบงการตัวจริง
สำนักหุบเขาปีศาจ ถูกก่อตั้งขึ้นในยุคสมัยเลียดก๊กโดยบุคคลลึกลับในนาม ซินแสหุบเขาปีศาจ แต่น้อยคนจะล่วงรู้ว่า ที่จริงแล้ว ซินแสลึกลับ ก็คือ ซุนวูหรือซุนจื้อนักกลยุทธ์ผู้โด่งดังที่ปลีกวิเวกเร้นกายในหุบเขา เพื่อหลุดพ้นจากเจ้านครสังกัดเดิม และเพาะสร้างขุมกำลังใหม่ตามปณิธานการสร้างความสงบสุขให้กับประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน
ซุนจื้อใช้เวลายาวนานพอสมควรในการสร้างทายาทอัจฉริยะกลุ่มแรกขึ้นมาสี่คน ได้แก่ ผังจวน โซจิ๋น เตียวหงี และ ซุนปิน มุ่งหวังให้ช่วยกันคัดเลือกเจ้านครที่เหมาะสม และรวบรวมแผ่นดินเข้าด้วยกันให้เป็นปีกแผ่น แต่เพราะซุนจื้อเริ่มต้นภารกิจในยามสูงวัย สิ้นอายุขัยไปก่อนเวลาอันควร
ซุนปินอายุน้อยด้อยบารมี ต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างกระทันหัน ไม่อาจควบคุมทิศทางของสำนักได้ ลูกศิษย์แต่ละคนกลับมีความเห็นแตกแยก ชื่นชมเจ้านครไม่ตรงกัน จึงกลายเป็นทำลายล้างกันเอง จนแผนการใหญ่ล้มเหลว สุดท้าย เหลือเพียงซุนปินผู้พิการยังคงเหลือรอด แต่ต้องโยกย้ายสำนักลี้ภัยการเมือง เสียเวลาไปอีกเนิ่นนานหลายสิบปี ค่อยกำเนิดลูกศิษย์สำคัญอีกสองคน นามว่า ลิปุดอุย และเว่ยเหลียว
จอมวางแผนทั้งสองคนช่วยกันทุ่มเทเค้าพนันไปกับอ๋องเจิ้งแห่งรัฐจิ๋นด้วยความร่วมแรงร่วมใจอย่างลับๆของคนสำนักหุบเขาปีศาจ จนในที่สุด สามารถยุติยุคสมัยเลียดก๊กชุนชิว รวบรวมแผ่นดิน ก่อกำเนิดเป็นราชวงศ์จิ๋นได้สำเร็จ
ภายหลัง ลิปุดอุยยอมพลีชีพให้กับอ๋องเจิ้ง เพื่อให้แผนการสำเร็จสมบูรณ์ เว่ยเหลียวที่จิตใจอ่อนล้า ชืดชาชื่อเสียงลาภยศ จึงลาออกจากราชการ กลับมาช่วยดูแลสำนักหุบเขาปีศาจ ร่วมกับทายาทตระกูลซุน และคอยเฝ้าดูความเป็นไปของแผ่นดิน เช่นเดียวกันกับที่ ซุนจื้อ ซุนปิน ผู้เป็นปรมาจารย์เจ้าสำนัก เคยทำเป็นตัวอย่าง
ความล่มสลายของราชวงจิ๋นเคลื่อนไปสู่การเข้ามาใหม่ของราชวงศ์​ฮั่น อยู่ในสายตาของคนตระกูลซุน และสำนักหุบเขาปีศาจมาโดยตลอด ยุทธศาสตร์การทำงานของสำนักปรับเปลี่ยนไปตามผู้นำแต่ละรุ่น ยกระดับจากสำนักป่าเขาอันลึกลับ ขึ้นมาแทรกซึมกลมกลืนเข้ากับเครือข่ายธุรกิจเป็นขบวนการใต้ดินที่มีโครงข่ายแข็งแกร่ง เครือข่ายข่าวสารฉับไว จนผู้คนลืมเลือนชื่อเสียงของสำนักหุบเขาปีศาจไปเนิ่นนานแล้ว
แต่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลครั้งสำคัญ จะมีทายาทสำนักเข้าไปช่วยเหลือ และสร้างชื่อให้ปรากฎอยู่เสมอมา นอกจาก สี่ศิษย์รุ่นแรก และลิปุดอุย เว่ยเหลียว แล้ว ยังมี เตียวเหลียง กุนซือสร้างชาติ กับ นางลิเฮา มเหสีจอมโหด ในยุคกษัตริย์ฮั่นโกโจ เว่ยชิง ขุนพลผู้ปราบซงหนู กับ สุมาเฉียน ปราชญ์ผู้สร้างพงศาวดาร ในยุคกษัตริย์ฮั่นบู๊เต้อันเกรียงไกร และ ม้าอ้วน ขุนพลคู่ใจ กับ เตงอู ขุนนางปราบขบถอองมัง ในยุคกษัตริย์ฮั่นกองบู๊ เป็นต้น ที่ล้วนแต่เป็นผลผลิตทางลับของสำนักหุบเขาปีศาจแห่งนี้
เป็นที่สังเกตได้ว่า สำนักหุบเขาปีศาจมักจะส่งทายาทออกมาเป็นคู่กัน หนึ่งบู๊ หนึ่งบุ๋น คนหนึ่งออกหน้าจัดการ คนหนึ่งสนับสนุนชักจูง เพื่อให้ช่วยเหลือรับมือต่อสถานการณ์ได้ทันท่วงที นับว่า ตระกูลซุน และสำนักหุบเขาปีศาจ ทำตัวเป็นผู้ตรวจการณ์แผ่นดินเบื้องหลังราชวงศ์ต่างๆ มาอย่างยาวนาน
จนกระทั่งถึงยุคของผู้นำตระกูลที่ชื่อ ซุนเฉียง ในสมัยกษัตริย์เลนเต้ที่เป็นจุดเริ่มต้นความเสื่อมโทรมของราชวงศ์ฮั่น ในช่วงเวลาที่เพิ่งส่ง ซุนเกี๋ยน น้องชายฝาแฝด กับ ซุนฮก ญาติผู้น้อง ออกไปทำหน้าที่ค้ำจุนแผ่นดินตามปกติ กลับมีคนวงนอกผู้หนึ่งที่ก้าวเข้ามาปั่นป่วนความราบรื่นในการทำงานของขบวนการลึกลับนี้ เป็นซินแสหมอดูหนุ่มน้อยจากแดนใต้ นามว่า กวนลอ
นักพยากรณ์ลึกลับ กวนลอ นำเสนอแนวความคิดใหม่ที่สำนักหุบเขาปีศาจไม่เคยคิดถึงมาก่อนให้กับซุนเกี๋ยน ซุนฮก แทนที่จะเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงผ่านน้ำมือผู้อื่น ไยไม่ควบคุมแผ่นดินด้วยตนเองเสียเลยเล่า
ย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนที่กระเรียนหนุ่มสูญเสียความเชื่อมั่น ใกล้ถึงความตาย ล้มหมดสติอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ที่จริงเป็นซุนเกี๋ยนกับซุนฮกที่ได้รับคำทำนายประหลาดจากกวนลอ ที่ใช้สมญานาม ซินแสโลกทิพย์ ให้เฝ้าติดตามชายขี้เมาปริศนามาโดยตลอด ตามคำทำนายของกวนลอ คนเมาผู้นี้จะเป็นดาวนำโชค ผู้ช่วยสร้างแผ่นดินให้พวกมันถึงกึ่งหนึ่งทีเดียว
ซุนเกี๋ยน ซุนฮกตรงเข้าประคองตัวกระเรียน และให้การช่วยเหลือเอาไว้ ซึ่งครั้งนั้น กระเรียนติดสุรา จนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เริ่มมีอาการทางประสาท กลับนึกคิดไปว่า คนทั้งสองคือเทวทูตมาช่วยเหลือตนเองในฐานะของผู้ที่ถูกเลือก หรือผู้รู้แจ้ง
ซุนฮก กุนซือค้างคาวผู้มีความรอบรู้ในศาสตร์ต่างๆมาบ้าง สังเกตพบความบกพร่องทางจิตของกระเรียน จึงอาศัยจุดอ่อนดังกล่าว คล้อยตามความนึกคิด สกัดจุดกดเส้นประสาทซ้ำเติมตามวิชาการโบราณแบบชมพูทวีป ทำให้กระเรียนยิ่งฟั่นเฟือนเลอะเลือน มองเห็นการเคลื่อนไหวของคนทั้งสองเป็นดั่งนิมิตของเทวทูตมาคอยชี้แนะหนทาง กลับกลายเป็นหุ่นเชิดให้กับคนทั้งสองมาโดยตลอด
ที่จริงแล้ว หลังจากที่มาร่วมขบวนการกัน ซุนเกี๋ยน ซุนฮก ก็ใช้เวลาสอบทานประวัติความเป็นมาของชายขี้เมานามว่า กระเรียนอยู่ไม่น้อย แต่ช่วงเวลานั้น บังเอิญที่หน่วยปักษาสวรรค์วางแผนให้กระเรียนทำงานตามลำพัง จึงไม่มีเค้ามูลให้สืบสาว พอวันเวลาผ่านไปหลายปีที่หน่วยปักษาเริ่มทะยอยปรากฏ ซุนเกี๋ยน ซุนฮก ก็ผ่อนคลายความกังวล ไม่ได้ใส่ใจสืบสวนต่อแล้ว จึงไม่ได้พบเห็นความลับของหน่วยปักษาสวรรค์ที่กระเรียนสังกัดอยู่
ส่วนกระเรียนเข้าใจไปเองว่า ตนเองสร้างนิกายแสงจรัสขึ้นมา แต่ที่จริง โครงสร้างดังกล่าว กลับเป็นซุนเกี๋ยน ซุนฮก ปรับเปลี่ยนโยกย้ายสำนักหุบเขาปีศาจที่มีอยู่ก่อนแล้วส่วนหนึ่ง ให้เข้าสวมทับนิกายแสงจรัสตามความคิดของกระเรียนเท่านั้น สร้างตัวตนของบังเต๊กกงให้เป็นผู้นำนิกายแสงจรัส โดยสร้างกลไก “แบ่งแยกและปกครอง” ไม่ให้แต่ละขุมกำลังรู้จักซึ่งกันและกัน ตามวิธีการบริหารที่ซุนฮกกำหนดขึ้นเอง
เตียวก๊กแห่งพรรคฟ้าเหลือง สุมาเต๊กโชแห่งเครือข่ายสุมา สองลูกศิษย์ของกระเรียน ที่แท้ก็เคยมีความสัมพันธ์ในเบื้องลึกกับสำนักหุบเขาปีศาจอยู่ก่อนแล้ว จึงเข้าร่วมในโครงสร้างใหม่ไม่ยากนัก ส่วนเล่าเปียวทั้งสามเชื้อพระวงศ์มีปัญหาส่วนตัวอยู่กับเล่าหลิงโดยตรง ภายใต้ข้อตกลงพิเศษร่วมกันกับสำนักหุบเขาฯ ทั้งสามจึงยินยอมพัฒนาแนวคิดกองทัพธรรมตามโครงสร้างนิกายแสงจรัสในที่สุด
ต่อมา ซุนเกี๋ยน ซุนฮก จึงค่อยๆพัฒนาขุมกำลังสายใหม่ ภายใต้ชื่อ นิกายเงาอสูร นอกเหนือไปจากนิกายแสงจรัส ที่จะเป็นรากฐานเพิ่มเติมให้กับตระกูล โดยให้ซุนเกี๋ยนแยกตัวออกไปบุกเบิกดินแดนทักษิณเอาไว้เป็นที่มั่นสำคัญด้วยความช่วยเหลือจากเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว และเตียวสิ้วแห่งอ้วนเซีย ส่วนซุนฮกที่เมืองหลวง เชื่อมประสานกับกองกำลังเสเหลียงของตระกูลม้า ทายาทสายม้าอ้วน และยังสร้างเครือข่ายใต้ดินตามโรงเตี๊ยม ร้านอาหาร โรงตลาด และแหล่งการค้าต่างๆของสำนักหุบเขาปีศาจเอง
จังหวะนั้น สองกุนซือฝาแฝด ผู้ปิดทองหลังพระ เตียวเหียน เตียวเจียว ที่ปกปิดร่องรอย ใช้ชื่อดาวนักปราชญ์ร่วมกัน เข้ามาเสริมเติม ช่วยสร้างสำนักหุบเขาปีศาจยุคใหม่ให้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้น โดยแยกออกเป็นสองสายหลัก สายแรก นิกายแสงจรัส เน้นเรื่องกองกำลัง เป็น กุนซือเตียวเหียน ควบคุมดูแลพรรคฟ้าเหลือง กองทัพธรรม และเครือข่ายสุมา สายที่สอง นิกายเงาอสูร เน้นด้านเศรษฐกิจ เป็น กุนซือเตียวเจียว ควบคุมดูแลแดนกังตั๋ง พันธมิตรเสเหลียง และเครือข่ายใต้ดินของพวกตระกูลซุน
แนวทางของนิกายแสงจรัสคือ ก่อกวนและทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่นิกายเงาอสูรจะสร้างชื่อเสียง และยึดครองแผ่นดินในที่สุด ดุจดั่งการขับเคลื่อนของวงจรหยิน-หยาง สุดท้ายของหยางแกร่งกร้าว จะก่อกำเนิดเป็นหยินหยุ่นเหนียว
พัฒนาการของสองนิกายหกขุมกำลังเติบโตก้าวหน้าเป็นลำดับ จนเกิดเรื่องกระทบกระทั่งภายในกันกับซุนเฉียง ผู้นำตระกูลซุน และเจ้าสำนักหุบเขาปีศาจตัวจริง ที่ดูแลกิจการการค้าของสกุลซุน ณ ขณะนั้น
ในเมื่อทิศทางการดำรงอยู่ของสำนักที่มีรากฐานยาวนาน มีความขัดแย้งแตกต่างกันกับโครงสร้างใหม่ การยึดอำนาจภายในตระกูลจึงถูกดำเนินการขึ้น ซุนเฉียงถูกส่งไปตายอย่างไร้เงื่อนงำ กลายเป็นซุนเกี๋ยนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าสำนักเสียเองในนามคนเล่นพิณ และซุนแจ้งถูกผลักดันให้ก้าวขึ้นมารับช่วงต่อในส่วนของเครือข่ายใต้ดินที่เป็นกิจการธุรกิจการค้า และเชื่อมโยงทิศทางของกิจการเข้ากับแผนการของซุนฮกได้เป็นอย่างดี พัฒนาจนกลับกลายเป็นสหพันธ์การค้าฟากเหนือ ขุมกำลังฝั่งเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
แต่แล้ว ทิศทางของสำนักหุบเขาปีศาจ ก็มิได้ราบรื่นอย่างที่คาดคิด เพราะระหว่างที่กำลังช่วงชิงอำนาจกันระหว่างเหล่าขุนศึกเจ้านครทั้งหลายตามแผนการก่อกวนที่ถูกจัดวางไว้ กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
1
คนแรกคือ เตียวหุย คนทรยศที่ทำให้เตียวก๊กสามพี่น้องทะยอยกันตาย พรรคฟ้าเหลืองแทบแตกสลาย ยังดีที่เตียวเหียน ซึ่งปลอมเป็นเตียวเจียวนั้น ขยับสร้างขุมกำลังสัตตดาราสำรองเอาไว้ จึงให้เตียวหยุน-เตียวจูล่ง เป็นผู้นำได้ต่อไป โดยมีเตียวเฟิง บุตรสาวที่แท้จริงของเตียวก๊กคอยประสานอยู่อีกแรงหนึ่ง จนยังพอจะสามารถปั่นป่วนรัฐบาลฮั่นได้ต่อเนื่อง
ท่ามกลางกระแสการเมืองที่เปลี่ยนมือเปลี่ยนคนไปมาหลายครั้ง เลนเต้-โฮจิ๋น ตั๋งโต๊ะ-ลิโป้ อ้องอุ้น-ลิโป้ ลิฉุย-กุยกี ทะยอยหมดสิ้นวาสนา ความพยายามของขุมกำลังสัตตดารายังเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายครั้ง รวมทั้งสามารถดึงเอาตัวลิโป้เข้ามาร่วมในสังกัดได้ แต่ดูเหมือนดวงชะตาของโจโฉ ผู้มาใหม่ กล้าแข็งเกินไป สามารถก้าวผ่านความยากลำบากขึ้นมาตั้งตัวได้ในเมืองหลวง ลดทอนบทบาทของกษัตริย์เหี้ยนเต้ และทำให้กองกำลังของขุมกำลังสัตตดาราต้องล่มสลายไปในที่สุด (ภาค 1 - มัจฉากลางวารี)
คนต่อมา คือ นายน้อยซุนเซ็กแห่งกองกำลังกังตั๋งที่กำลังรุ่งโรจน์ พบว่าตนเองเป็นโรคร้ายทางสมอง อาจจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ กลับปกปิดไว้เป็นความลับ ซ้ำยังใจร้อนวู่วาม เชื่อมั่นตัวเองเกินไป ตัดสินใจปล่อยข่าวให้ กุนซือตันก๋ง หรือ ตันกุ๋นตามชื่อที่โจโฉตั้งขึ้นใหม่ ล่อลวงโจโฉ มาติดกับดัก เพื่อใช้โอกาสสุดท้ายก่อนตาย สังหารศัตรูคนสำคัญเป็นของกำนัลให้บิดา แต่เกิดความผิดพลาดระหว่างการต่อสู้ อาการทางสมองของซุนเซ็กกำเริบขึ้นกระทันหัน ทำให้พลาดพลั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส
พอซุนเซ็กรู้ตัวว่าไม่รอดชีวิตแน่นอนแล้ว จึงหลบหนีลงเขามาแบบจนตรอก จึงยอมให้อุยกายสังหาร ปกปิดความลับการตายของตนเอง และสร้างความชอบให้กับสายลับฝ่ายตนเองต่อไป ทำให้กองกำลังกังตั๋งเปลี่ยนผู้นำมาเป็นซุนกวน แทน ซึ่งความเข้มแข็งในการรบของซุนกวน ถึงแม้จะด้อยกว่ามาก แต่มีความหนักแน่นลึกซึ้ง และความชำนาญทางด้านเศรษฐกิจมากกว่า จึงกลับกลายเป็นเรื่องดีโดยบังเอิญ เพราะทำให้กังตั๋งได้มีเวลาพักฟื้นจากการทำสงครามอย่างยาวนาน
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ม้าเท้งแห่งพันธมิตรเสเหลียง กับซุนฮก มือขวาคนสำคัญของซุนเกี๋ยน และผู้ประสานงานกองกำลังเสเหลียง ก็ถูกสังหารไปด้วยฝีมือของโจโฉ รวมทั้ง สุมาเต๊กโชแห่งเครือข่ายสุมา ก็โดนสังหารตายอย่างลึกลับไปอีกคน ทำให้ช่วงนั้น กลับเป็นยุคสมัยที่โครงสร้างภายในสำนักหุบเขาปีศาจปั่นป่วนที่สุด ตอกย้ำความเป็นดาวข่มดวงชะตา จนซุนเกี๋ยนที่ซ่อนกายอยู่ที่กังตั๋ง แทบจะยอมเปิดตัวออกมาจัดการสะสางเรื่องราวเสียเอง แต่ถูกกวนลอ ซินแสโลกทิพย์ยับยั้งให้รอดูความเปลี่ยนแปลงไว้อีกครั้งหนึ่ง
ยังดีที่เป็นช่วงเวลาผู้วิเศษกระเรียน หรือ บังเต๊กกง เสนอแผนแสร้งตายมาถูกจังหวะ ทำให้ “บังเต๊กกง” สามารถกลับมาควบคุมนิกายแสงจรัสได้อย่างเต็มที่ และกองกำลังหลักอย่าง เล่าเปียว เล่าเจี้ยง และเล่าฉวน สามพี่น้องเชื้อพระวงศ์ กำลังเข้มแข็งขึ้นมาอย่างมาก สวนทางกับโจโฉที่กำลังวุ่นวายปวดหัวกับยุทธภูมิกัวต๋อครั้งสำคัญอยู่กับอ้วนเสี้ยวทางดินแดนเหนือ จนเส้นทางชีวิตมืดมนยิ่งนัก
น่าเสียดายที่โชคชะตากลั่นแกล้ง เล่าเปียว ตัวหลักสำคัญของแผนการ อาจจะทำงานตรากตรำมากเกินไป กลับป่วยไข้เรื้อรัง ถึงขั้นเป็นอัมพาต จนตายไปอย่างกระทันหัน ทำให้ห่วงโซ่สัมพันธ์แตกสลาย ไม่อาจเดินทัพช่วงชิงอำนาจมาจากโจโฉได้ทันเวลา ปล่อยให้โจโฉเอาชนะอ้วนเสี้ยว และสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับรัฐบาลฮั่นไปได้อีกครั้ง (ภาค 2 - ปักษีครองอุดร)
จากนั้น กองกำลังต่างๆของสำนักหุบเขาปีศาจกลับตกเป็นฝ่ายตั้งรับ พันธมิตรเสเหลียงตัดขาดความสัมพันธ์ไปอย่างสิ้นเชิง เกงจิ๋วถูกโจโฉยึดครอง กังตั๋งที่เป็นรากฐานสำคัญที่สุด กำลังจะถูกโจมตีด้วยกองทัพร้อยหมื่น และฮันต๋ง เสฉวน ยังเป็นเป้าหมายถัดไป เล่าปี่ที่มีขุนพลกุนซือมากฝีมือ กลับกลายเป็นตัวแปรใหม่ที่เข้ามามีบทบาทถ่วงดุลย์อำนาจกับโจโฉอีกคนหนึ่ง ทำให้สมรภูมิเซ็กเพ็ก ระหว่าง โจโฉ กับพันธมิตร ซุนกวน - เล่าปี่ เกิดขึ้น และทำให้กังตั๋งรอดพ้นจากภัยสงครามได้ แต่ก็มิอาจรอดพันภัยพิบัติจากอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ สุดท้าย เสียเกงจิ๋วไปให้กับเล่าปี่ และแม้แต่จิวยี่ก็ลาจากไปอีกคนด้วยฝีมือกลุ่มมือสังหารของ “โจโฉ” จากปากคำของลกซุน พยานคนสำคัญในเหตุการณ์ (ภาค 3 - มังกรจ้าวบูรพา)
เค้ารางความยุ่งเหยิงไม่ยอมหมดสิ้น ม้าเท้งที่ทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว กลับมาใหม่ด้วยฝีมืออันร้ายกาจ ถึงกับใช้ความพลิกแพลง ปลอมแปลงเป็นโจโฉ ยึดครองอำนาจจากศูนย์กลางไปแทน และดันกวาดล้างศัตรูรอบข้างของโจโฉที่มันสวมรอยแทน ไปอย่างโหดเหี้ยมไร้น้ำใจ ทำให้ ซุนฮิว ฮกอ้วน และพวก ซึ่งเป็นสายลับฝ่ายวังหลวงในเครือข่ายใต้ดินตระกูลซุน พลอยถูกสังหารไปหมดสิ้น ทิ้งให้ทายาทที่เหลือรอด ฮกเหอ ฮกเสียว ต้องกัดฟันสะกดความแค้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในครั้งนั้น
จากนั้น โจโฉตัวปลอม ยังเคลื่อนพลบุกยึดเสเหลียง ฮันต๋งด้านบน และเล่าปี่บุกยึดเสฉวนด้านล่าง สงครามฝั่งตะวันตกเหล่านี้ทำให้เตียวล่อแห่งฮันต๋งตาย และเล่าเจี้ยงแห่งเสฉวนสูญเสียฐานที่มั่น รวมทั้ง บังทอง กุนซือหงส์ผงาดก็พลอยตายไปกระทันหันระหว่างทางไปเสฉวน จนทำให้บังเต๊กกงเกิดคลุ้มคลั่ง ปรากฏอาการทางประสาทขึ้นมาอีกครั้ง เพราะที่จริงแล้ว บังทอง และบังเต๊ก ล้วนแต่เป็นลูกชายแท้ๆของผู้วิเศษกระเรียนเอง (ภาค 4 - อาชาตะวันตก)
ที่จริงแล้ว บังเต๊กกง-กระเรียนมีอาการทางสมอง ควบคุมได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ครั้งที่ ซุนฮก ตายจากไปทำให้ซุนเกี๋ยน เจ้าสำนักหุบเขาปีศาจตัวจริงที่เป็นเสมือนนิมิตเทวทูตในสายตาของกระเรียน เกิดความกังวล และพยายามหาทางแก้ไข ซึ่งกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจที่เข้ามาเป็นพรรคพวกในโครงสร้างของซุนฮกตั้งแต่ศึกอ้วนเซีย ได้เสนอชื่อบุคคลคนหนึ่งผ่านกุนซือเตียวเหียนขึ้นมา เป็นหมอฮัวโต๋ แพทย์ผู้เลื่องชื่อ
หมอฮัวโต๋จึงถูกนัดหมายในสถานที่ลับเฉพาะเพื่อทำการรักษาบังเต๊กกงด้วยการฝังเข็มสะกดอาการประสาทอยู่หลายครั้ง และถือเป็นคนสำคัญในสังกัดของกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจ สายลับในวังหลวงอีกคนหนึ่ง แต่เตียวเหียนเองก็มิได้ไว้วางใจมากไปกว่าขุมกำลังอื่นๆ ทำให้หลายปีที่ผ่านมา กาเซี่ยงกับฮัวโต๋ก็ยังไม่อาจเข้าถึงโครงสร้างทั้งหมดของสำนักหุบเขาปีศาจแต่อย่างใด
ความตายของบังทอง ลูกชาย ดูจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อบังเต๊กกง ถึงกับสั่งการระดมพลของกองทัพธรรมออกมาเคลื่อนไหวด้วยแผนการครั้งใหญ่ แต่ซุนเกี๋ยนเห็นว่า ใกล้ถึงเวลาสุกงอม แผนการอาจจะสุ่มเสี่ยงบ้าง แต่ก็ยินยอมเสียสละได้สักคราหนึ่ง เพราะกำลังพลฝั่งของนิกายเงาอสูรก็แข็งแกร่งมากขึ้นตามลำดับตามทิศทางที่กำหนดไว้แล้ว จึงได้ยอมอนุญาตให้ดำเนินการ
จุดอ่อนที่แท้จริงของผู้วิเศษกระเรียน คือ สุราและนารี ทั้งๆที่ภาพลักษณ์ของนักพรตผู้ทรงศีลกลับขัดแย้งกับสองสิ่งนี้เป็นที่สุด กระเรียนที่ผ่านประสบการณ์ย้อนยุคมายาวนาน เดินทางไปทั่วทั้งแผ่นดิน มีโอกาสพบพานผู้คนมากมาย ความโดดเดี่ยวอ้างว้างนับสิบๆปีทำให้มันเริ่มผิดเพี้ยนหลุดกรอบกำหนด สุดท้าย จึงพลาดพลั้งก่อเรื่องผิดศีลธรรมขึ้นเป็นครั้งคราวด้วยความเมามาย
แต่ต้องนับว่า บังทองเป็นพยานแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ของมัน สาวผู้อาภัพรักแต่จิตใจเด็ดเดี่ยว เป็นหญิงงามเมืองจากโรงเตี๊ยมสุขสำราญแห่งเมืองหลวงลกเอี๋ยง น้อมส่งห่อผ้าถึงหน้าประตูที่พัก พร้อมทั้งเชือดคอตาย ณ ตรงนั้น มันเปิดห่อผ้าออก เห็นเป็นตัวเด็กแรกเกิด ถูกตั้งชื่อไว้ตามชื่อสกุลเดิมของบิดาบังเกิดเกล้า เป็นคำว่า บังทอง
มันตกใจในการตายของหญิงสาวยังพอทำเนาอยู่ แต่พอพบเห็นว่า บังทองที่อนาคตจะกลับกลายเป็นกุนซือหงส์ผงาด ถึงกับเป็นบุตรชายของมันเอง และที่สำคัญคือ หน่วยปักษาสวรรค์ระลอกต่อไป จะต้องสังหารบังทองตัวจริง เพื่อสวมรอยเป็นบังทองแทน ถึงกับปวดประสาท ไม่อาจทนทานรับความเป็นจริงที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้
หลังจากคลี่คลายคดีความเฉพาะหน้าได้เรียบร้อย มันได้แต่ออกไปร่ำดื่มสุราอย่างหนัก เพื่อหวังให้ลืมเลือนความกลัดกลุ้ม แต่แล้ว กลับเมามายออกไปพบกับเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งทำร้ายโจวจู๋ จนตัวเองเตลิดหนีออกไปไกลถึงดินแดนนอกด่านเสเหลียงในครั้งนั้น
หมายเหตุ สังเกตได้ว่า คำบอกเล่าของกระเรียนในประเด็นเหล่านี้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็นเพราะกระเรียนย่อมไม่บอกเล่าเรื่องเลวร้ายของตน จึงเบี่ยงเบนประเด็นให้เข้าข้างตัวเอง และไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้ศัตรูได้รับรู้ อีกทั้ง ข้อมูลบางส่วน เกิดจากอาการทางประสาท ทำให้ความทรงจำฟั่นเฟือนและผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
ความวุ่นวายยังไม่จบสิ้น ณ ดินแดนเสเหลียง มันก็เคยมีความสัมพันธ์อยู่กับสาวชนเผ่าเกี๋ยงด้วยผู้หนึ่ง การเดินทางมาในครั้งนี้ กลับพบว่า นางก็เพิ่งกำเนิดทารกตัวน้อยให้กับมันอีกคนหนึ่ง ครั้งนี้ ทารกน้อยมีชื่อ บังเต๊ก เป็น บังเต๊ก ผู้ที่จะกลายเป็นขุนพลเลื่องชื่ออีกคนหนึ่ง
เรื่องราวที่ผิดพลาดตอกย้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ความเคร่งเครียดกดดัน ผนวกกับความสำนึกผิดชอบ ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของกระเรียน นักเดินทางย้อนอดีตที่อุตส่าห์มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับหน่วยปักษาสวรรค์มาเนิ่นนาน จนจิตใจของมันพังทลาย ถึงกับต้องการเดินทางไกลออกนอกด่าน หวังให้ความตายกลบเกลื่อนความผิดพลาดให้หมดสิ้น แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์รู้แจ้งขึ้นในทะเลทรายอันกว้างใหญ่
กระเรียนจึงเกิดความมานะพยายามขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับนามสมมุติ “บังเต๊กกง - บิดาของบังเต๊ก” ก่อสร้างนิกายแสงจรัสขึ้นมา พร้อมกับการเลี้ยงดูทารกทั้งสอง บังทอง บังเต๊ก ให้เติบโตขึ้นมาตามเค้าโครงเดิมที่บันทึกไว้ในพงศาวดาร เพื่อไม่ให้พวกปักษาสวรรค์ที่ตามมาทีหลัง ล่วงรู้ความผิดปกติของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่มันพลาดพลั้งก่อขึ้นมาด้วยตัวเอง
นิกายแสงจรัสสามารถเติบโตแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่คาดฝันด้วยความดีความชอบของ ”เตียวเจียว-เตียวเหียน” ผู้ก้าวขึ้นมาประสานงานในรายละเอียดให้มาหลายสิบปี มันสู้อุตส่าห์ซ่อนตัวหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับหน่วยปักษาสวรรค์มานาน โกงความตายให้กับบังทอง แอบร่วมมือกับเป็ดน้ำ สังหารเพื่อนร่วมโครงการไปหลายคน สุดท้าย ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายของบังทองในเส้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่จนได้ แต่มันจะไม่ยอมให้บังเต๊ก ลูกชายอีกคนต้องเป็นอะไรไปอีกคน
มันจึงตัดสินใจเดินหมากครั้งใหญ่ ใช้กองทัพธรรม ขุมกำลังส่วนที่เหลืออยู่ของนิกาย สร้างฉากหมายจับตัวประกันโจโฉ แต่อีกทางหนึ่ง มันก็มุ่งหวังจะกำจัดคนในหน่วยปักษาให้สิ้นซากไปพร้อมกัน ตัวมันเองจะได้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเสียที ไม่ต้องหวาดกลัวต่อนิมิตฝัน และอินทรี พี่ใหญ่แห่งหน่วยปักษาสวรรค์อีกต่อไป
แผนการณ์อาจจะไม่ถูกต้องตรงกันกับที่มันคาดคิดไปเสียทุกอย่าง แต่การบุกเดี่ยวเข้าหุบเขาละทิ้งอดีต เพื่อสกัดจับพวกปักษาสวรรค์ ก็ยังถือว่า ใช้ได้ และตรงตามที่คาดคิด เพียงแต่ มันกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ถูกฆ่าตายไปเสียเอง เพราะคนที่มันคิดว่าวางใจได้
นกฮูก-หมอฮัวโต๋ คนไร้วิทยายุทธ์ที่กระเรียนไม่ทันล่วงรู้มาก่อนเลยว่า ได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยปักษาสวรรค์คนใหม่มาสักระยะหนึ่งแล้ว
กาเซี่ยงเปิดอ่านข้อความที่ผูกมากับนกพิราบสื่อสารด้วยความนิ่งสงบ พลางลูบหนวดเคราตามความเคยชิน แล้วค่อยส่งเข้าเตาไฟทำลายหลักฐานทิ้ง ข้อความมีเพียง “ต้มกระเรียนเผาพิณ ชำระใจลาโง่ - สี่”
“ห่วงโซ่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งของนิกายแสงจรัสถูกทำลายลงไปแล้ว ขบวนการใต้ดินนี้จะเชื่อมโยงไปถึงที่ใดหนอ” กาเซี่ยงได้แต่ครุ่นคิด และรอคอยต่อไป เตียวเจียว น่าจะเป็นเบาะแสคนต่อไปของมันแล้ว
หมายเหตุ เผาพิณต้มกระเรียน เป็นสำนวนจีน หมายถึง การใช้สิ่งของนั้นอย่างไม่รู้คุณค่า ส่วนลาโง่หัวล้าน(เท็กลื้อ) นั้นเป็นคำเปรียบเปรยเพื่อด่าหลวงจีน ผู้เขียนจงใจให้นกฮูกเขียนสำนวนให้ผิดเพี้ยนไป เพื่อส่งรหัสบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกระตั้ว-กาเซี่ยง ให้รู้กันเพียงแค่สองคนเท่านั้น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา