12 ส.ค. 2021 เวลา 05:08 • ปรัชญา
"ตั้งใจให้เด็ดเดี่ยว อดทนพากเพียร"
" ... การปฏิบัติต้องช่วยตัวเอง
ครูบาอาจารย์บอกได้แต่ทาง
การเดินทางต้องทำด้วยตัวเอง
ทำเล่นๆ ก็ไม่ได้อะไรดี
ภาวนาอยากพ้นทุกข์
อยากได้มรรคผลนิพพานในชีวิตนี้
ต้องตั้งใจให้เด็ดเดี่ยว
ถ้าทำแบบสมัครเล่น นึกอยากจะทำก็ทำ
ขยันแล้วก็ทำ ขี้เกียจแล้วก็เลิกอะไรอย่างนี้
ไม่ได้กินหรอก
เหมือนพายเรือทวนน้ำ น้ำไม่ใช่น้ำธรรมดา
น้ำเชี่ยว กระแสของกิเลสมันเชี่ยว
เราพายเรือทวนน้ำ เราก็อดทนพายไปเรื่อย ๆ
อย่าหยุด หยุดเมื่อไหร่ก็ถอยหลัง ก็ถูกน้ำพัดพาไป
คนที่ปฏิบัติแล้วก็ได้ผล อิ่มอกอิ่มใจ
พ้นทุกข์ไปเป็นลำดับ ๆ เขาอดทนทั้งนั้น
พวกทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ได้ผลหรอก
จะเป็นพระหรือเป็นโยมก็ต้องใช้หลักอันเดียวกันนี้
คือสู้ไม่เลิก สู้แล้วถอย ๆ ไม่มีวันชนะ
ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นสำคัญมาก
พอเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นแล้วก็พากเพียรภาวนาไป อดทน
มีอุปสรรค ระหว่างทางหลายอย่าง
บางทีก็มีสัตว์ร้ายมาดักอยู่ในแม่น้ำอะไรอย่างนี้
มีจระเข้อะไรอย่างนี้
บางทีก็มีสิ่งสวยๆ งามๆ อยู่ริมตลิ่ง
เราถูกจับเอาไว้ ถูกดักเอาไว้ สู้ไม่ได้ แพ้
ที่สังสารวัฏมันยาว
เพราะว่าเราเดินไปข้างหน้าแล้วก็ถอยหลัง
เดินไปข้างหน้าแล้ว ก็ถอยหลัง
สังสารวัฏถึงยาวไม่รู้จักจบจักสิ้น
ตั้งใจให้เด็ดเดี่ยว
ชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว
เสียสละมันสักชาติหนึ่ง
ตั้งใจไว้เลยว่างานหลักของเรานี้
คืองานยกระดับจิตใจของเราให้พ้นกิเลส ให้พ้นทุกข์ไป
จะพ้นได้แค่ไหนไม่สำคัญหรอก ขอให้สู้
สู้แล้วจะได้ผลสักกี่เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ไม่ต้องสนใจ ให้สู้ให้เต็มฝีมือ
จะแพ้ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้รบก่อน
ถ้ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันทำศึกใหญ่ก็ล้มเหลว
ถ้าเราดูประวัติพระพุทธเจ้า
ประวัติพระสาวกทั้งหลาย
ท่านไม่ได้ทำกันชาติเดียว ท่านทำกันนาน
โดยเฉพาะท่านที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ
อย่างพระเอตทัคคะอย่างนี้
ท่านทำกันแสนมหากัป ทำกันนาน
พระอัครสาวกก็ทำนาน สู้กัน
พระพุทธเจ้านับไม่ถ้วนเลย
ขั้นต่ำ 4 อสงไขยแสนมหากัป
หนึ่งอสงไขยคือ 10 ยกกำลัง 148 ประมาณนั้น
มหากัปหนึ่งคือตั้งแต่จักรวาลเกิด
จนจักรวาลแตกดับไปทีหนึ่ง ใช้เวลา
แต่ถ้าเป็นสาวกทั่วๆ ไป ก็ไม่ถึงขนาดนั้น
อย่างพวกเราอินทรีย์เราอ่อน บุญบารมีเราไม่มาก
เรามาเกิดในยุคกลาง ๆ ของศาสนา
บุญบารมียังพอมีอยู่ แต่ไม่ได้มากมายอะไรนัก
ถ้าอยากได้ดีก็ต้องอดทน พากเพียรภาวนา
ใกล้ฝั่งคือใกล้พระนิพพานเข้าไปทีละน้อย ๆ
ตั้งใจไว้เลย จะปฏิบัตินานกี่ปีก็ช่างมันเถอะ
ขอให้ได้ปฏิบัติให้เต็มที่เท่านั้น
ปฏิบัติแล้วชาตินี้จะตายเปล่า
ไม่ได้มรรคผลก็ไม่เป็นไร
เกิดเป็นนักสู้ มันต้องสู้
สู้แล้วจะแพ้จะชนะไม่สำคัญ
ถ้าเราสู้ ถึงวันนี้เราแพ้
วันข้างหน้าเราก็มีโอกาสชนะ
หลวงพ่อเคยพบครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง
หลวงพ่อกราบไหว้ท่านเต็มไม้เต็มมือเลย
ท่านบอกท่านอยู่กับครูบาอาจารย์ใหญ่
รุ่นเดียวกันนี่เขาพ้นทุกข์ไปหมดแล้ว
ท่านโสดาบันยังไม่ได้เลย ท่านบอก
แต่ท่านไม่เลิก อีก 100 ชาติท่านก็จะปฏิบัติ
อย่างไรท่านก็ไม่ถอย
นี่จิตใจของนักปฏิบัติจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้
เหมือนนักรบ จะแพ้จะชนะยังไม่สำคัญ ต้องสู้
แต่ถ้าเราอ่อนแอ ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง มันก็ได้แค่นี้
แล้วจะมาบอกว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ดีจริง
พูดไม่ได้ ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม
ฉะนั้น เราตั้งอกตั้งใจไว้ก่อน
เมื่อชาตินี้ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว
เราจะขอสู้ให้เต็มฝีมือ
งานหาอยู่หากิน เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว
เป็นงานเพื่อจะอาศัยอยู่กับโลก
ส่วนงานหลักของเรา คืองานภาวนาให้พ้นโลก
เราก็ต้องทำมาหากินเพราะเรายังต้องอยู่กับโลก
มีหน้าที่ทำมาหากินก็ทำไป
แต่ในใจลึก ๆ ต้องรู้ว่านี่เป็นแค่งานรอง
งานหลักคือภาวนา ..."
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
13 มิถุนายน 2564
.
ติดตามการถอดไฟล์ฉบับเต็มจาก :
ขอบคุณรูปภาพจาก : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา