Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
12 ก.ย. 2021 เวลา 23:24 • นิยาย เรื่องสั้น
6.13. หลั่งเลือดอารามหลวง
บ้อกี๋ เจ้าอาวาสวัดม้าขาว - เล่าหัว สุดยอดพู่กัน - เภาก้วย หลวงจีนซ่อนกาย
เช้าวันถัดมา ขงเบ้งถึงได้รับทราบแผนสกัดจุดมือสังหารของกุนซือวิหคสวรรค์ นั่นคือ การเก็บตัวบุคคลสำคัญฝ่ายใน ตั้งแต่อุยฮูหยิน เล่าเสี้ยน เล่าเอ๋ง กวนหิน เตียวเปา จูกัดเจี๋ยม และ ฮองเย่อิง ไปซ่อนตัวในสถานที่ปลอดภัย ภายใต้การดูแลอารักขาของตันเตา หัวหน้าองครักษ์คนใหม่
นอกจากนั้น บ้านเรือนของพวกขุนนางนายทหารคนอื่นๆ ก็จะได้รับความคุ้มครองจากเหล่าทหารองครักษ์จากหน่วยพิราบขาว ซึ่งย้ายมาขึ้นกับกุนซือหน้าใหม่แทน เพื่อยกระดับความปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม และป้องกันให้รอดพ้นจากการลอบสังหารที่กำลังระบาดไปทั่วแคว้นเสฉวน โดยมีหวดเจ้ง ฮองตง เป็นกรณีตัวอย่าง
แผนการดังกล่าว ดูผิวเผิน ย่อมมีความเข้มงวดรัดกุมต่อแผ่นดิน หากแต่สำหรับฝ่ายขงเบ้งแล้ว ถือว่าเป็นการจับกุมตัวประกันไว้อย่างแยบยล ทำให้ไม่อาจก่อการเคลื่อนไหวใดๆในช่วงนี้ นอกจากพยายามทำหน้าที่ตามตำแหน่งต่อไปให้ดีที่สุด อย่างน้อย ก็จนกว่าจะสืบทราบได้ว่า ฮองเย่อิงกับจูกัดเจี๋ยม ถูกควบคุมตัวไปอยู่ที่แห่งใด เพราะขงเบ้งไม่พร้อมที่จะสูญเสียทายาทไปในช่วงเวลานี้
…
ในเมื่อไม่สะดวกที่จะแก่งแย่งอำนาจกันทางตรง ขงเบ้งจึงได้แต่ขับเคลื่อนหมากตัวอื่น เพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองไว้ก่อน เป้าหมายที่ถูกตั้งไว้ จึงเป็นฝ่ายโจโฉอีกครั้ง
นับแต่สถานการณ์พิษมฤตยูผ่านพ้นไป วุยอ๋องโจโฉสูญเสียโจชงไปอย่างกระทันหันด้วยโรคร้าย คล้ายดวงใจแตกสลาย ปล่อยให้งานบริหารจัดการส่วนใหญ่ ตกอยู่กับวุยก๋งโจผี กาเซี่ยง และสุมาอี้ที่เมืองหลวง ส่วนตัวเองยังคงพักผ่อนอยู่ที่ปราสาทนกยูงทองแดง ร่วมกันกับโจสิด โจยอย อองลอง และกลุ่มบัณฑิตแห่งสำนักหอสมุดใต้หล้า สร้างสรรค์ผลงานการประพันธ์ และแวะเวียนไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับโจชงที่วัดม้าขาวที่ยังคงเป็นพระอารามหลวงอยู่เนืองๆ
จังหวะนั้น โจสิด จอมกวี แวะเวียนเข้าออกวัดพุทธอยู่บ่อยครั้ง ถึงกับเกิดไหวพริบฉับพลัน สร้างสรรค์บทสวดมนต์จากภาษาบาลีดั้งเดิมให้เป็นภาษาฮั่น อีกทั้งยังให้มีจังหวะทำนองไพเราะเสนาะหู และจดจำได้ง่ายขึ้นกว่าบทสวดมนต์ทั่วไป
อองลอง ประมุขสำนักหอสมุด และเหล่าบัณฑิตมองเห็นเป็นผลงานชิ้นเอก ถึงกับนำไปเผยแพร่ตามวัดพุทธผ่านเครือข่ายสำนักหอสมุดไปทั่วแว่นแคว้น เพื่อลดทอนอคติที่มีต่อรัฐบาลในคดีสังหารหลวงจีนตามวัดต่างๆที่เชื่อมโยงกับวัดม้าขาวคราก่อนนั้นลงบ้าง
จุดประสงค์ของขงเบ้งจึงต้องการโจมตีในจุดเปราะบางตรงนี้ โดยการทำลายศรัทธาความน่าเชื่อถือในตัวของโจโฉ ศัตรูที่เป็นจอมอหังการ์อันดับหนึ่งของแผ่นดิน
…
หากกล่าวว่า ผู้คนทางแดนใต้ส่วนมากเชื่อถือภูตผีปีศาจ และไสยศาสตร์ลี้ลับเป็นที่พึ่งสำคัญทางจิตใจ ผู้คนทางแดนเหนือก็ยึดมั่นศรัทธาต่อคำสั่งสอนในเชิงศาสนา ปรัชญาเป็นที่ตั้งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สถานที่สำคัญทั้งสายเต๋า ขงจื้อ และพุทธ จึงเป็นเครื่องยึดเหนีั่ยวจิตใจประชาชนทั่วไปด้านเหนือตลอดมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณแล้ว
ชื่อเสียงของโจโฉเคยมัวหมองในประเด็นอ่อนไหวมาหลายครั้ง ตั้งแต่การลอบสังหารขงหยง ผู้นำสายขงจื้อ และสุมาเต๊กโช ผู้นำสายเต๋า จนคนทั้งสองสายลัทธิไม่กล้าเปิดเผยตัวตน แต่ภายหลัง ก็ได้อาศัยผลงานของกาเซี่ยง กุนซือเงาปีศาจที่เห็นแก่อนาคตการศึกษา ผลักดันให้ก่อกำเนิดสำนักหอสมุดใต้หล้า โดยไม่แบ่งแยกลัทธิตามแบบโบราณอีกต่อไป ทำให้ผู้นำอย่างโจโฉกลับมาดูดีขึ้นในสายตาของบัณฑิตนักศึกษาทั้งหลาย
ภายหลัง เมื่อมีคดีลอบสังหารหลวงจีนตามวัดพุทธมากมายเกิดขึ้น ในช่วงที่โจโฉหายสาบสูญไปด้วยฝีมือของหลวงจีนเภาเจ๋งแห่งวัดป่าน้อยที่สอง โจผีจึงเป็นถูกสงสัยในฐานะผู้บงการเบื้องหลังอีกครั้งหนึ่ง จนก่อเกิดวิกฤตศรัทธาต่อพวกสกุลโจในแง่มุมนี้อยู่ โจโฉอาจจะสัมผัสถึงความอ่อนไหวในประเด็นนี้ และกำลังใช้เวลาช่วงนี้ในการกอบกู้ศรัทธากลับคืนมาด้วยตนเอง นับเป็นสงครามจิตวิทยาที่ไม่อาจละเลยไปได้
…
ข่าวลือจึงแพร่สะพัดขึ้นกล่าวหาว่า จุดประสงค์ที่โจสิดเข้าออกวัดม้าขาวบ่อยครั้งนั้น แท้ที่จริงก็เพื่อพบปะกับนางเอียนซีที่พ้นโทษบวชชีสามปีแล้ว แต่ยังคงสมณะเพศต่อในวัดแห่งนี้ เพื่อส่งผลบุญให้กับโจชง เนื้อข่าวย่ิงพูดต่อยิ่งอื้อฉาว จนถึงขั้น จอมกวีเมาเหล้าลอบเข้าวัด เพื่อสานสัมพันธ์ลับกับนางชีในอารามไปแล้ว
ข่าวร้ายย่อมกระทบต่อความรู้สึกของคนหลายคน นักกวีโจสิดไม่กล้าไปวัดม้าขาวเหมือนก่อน นางชีเอียนซีเก็บตัวเงียบในห้องหับส่วนตัว โจผีเริ่มหวั่นไหวอีกครั้งเพราะเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นจริง สุดท้ายคือ โจโฉและเด็กน้อยโจยอยที่เศร้าสะเทือนใจต่อพฤติกรรมเหลวแหลกภายในครอบครัวตนเอง
สุดท้าย อองลอง ผู้นำสำนักหอสมุดที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับโจสิดอย่างมาก จึงช่วยหาทางออกร่วมกันกับหลวงจีนบ้อกี๋ เจ้าอาวาสวัดม้าขาว ส่งจดหมายเชื้อเชิญโจโฉ โจผี โจสิด พร้อมกับบุคคลสำคัญสายบู๊บุ๋นทั้งหลาย เช่น กาเซี่ยง สุมาอี้ เตียวคับ เป็นอาทิ ให้มาทำบุญปีใหม่พร้อมรับฟังบทสวดมนต์ทำนองเพลง ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของโจสิด และเยี่ยมชมสถานที่ภายในวัด เพื่อให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของหลวงจีน และนางชีให้เห็นกับตาว่า ระบบวัดมีความรัดกุมเข้มงวดเพียงไร หวังสยบข่าวลือที่อื้อฉาว
การทำบุญ รับฟังบทสวดมนต์ และการเยี่ยมชมสถานที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย องครักษ์จูกัดเอี๋ยนก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม จนกระทั่ง คนทั้งหลายมาถึงจุดหมายสำคัญของวันนี้ เป็นเขตหวงห้ามของฝ่ายสงฆ์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนางชีเอียนซีนั่นเอง
เขตหวงห้ามในส่วนนี้เป็นการริเริ่มจากนางเต็งสี เมียหลวงของโจโฉ เมื่อครั้งแตกหักในเรื่องการตายของโจงั่ง แล้วหนีมาบวชชีที่วัดจนป่วยตายไปแล้ว โดยรอบสงบเงียบสมถะ บรรยากาศร่มรื่น เรือนพักอาศรมจำนวนหนึ่งตั้งอยู่กระจายห่างกันพอประมาณ กินเนื้อที่กว้างไกล มีเพียงหลวงจีนอาวุโสและนางชีที่มีสิทธิ์มาพักอาศัยใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ โดยมีกลุ่มหลวงจีนพิทักษ์กฏคอยดูแลอยู่อย่างใกล้ชิด เมื่อพบเห็นเช่นนี้ จึงสร้างความพึงพอใจให้กับคนที่มาเยี่ยมชม และเชื่อมั่นว่า ข่าวลือไม่มีเค้ามูลความเป็นจริงไปได้
ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ หลวงจีนเฒ่าและนางชีที่อาศัยในพื้นที่สำคัญ ต่างมายืนเข้าแถวรายงานตัวต่ออาคันตุกะทางด้านหน้า แต่กลับขาดไปเพียงคนเดียวเท่านั้น คือนางเอียนซี เจ้าอาวาสบ้อกี๋จึงสั่งการให้ไปตามตัวถึงเรือนที่พัก และแล้ว ข่าวร้ายก็มาถึง นางชีเอียนซีผูกคอตายอยู่ในห้องพักเสียแล้ว
โจสิดได้ฟังแล้ว ถึงกับระงับอารมณ์ไว้ไม่ได้ รีบวิ่งล่วงหน้าไปก่อน ทั้งหมดจึงชวนกันเข้าไปสำรวจที่เกิดเหตุ เห็นเป็นศพของนางชีแปลกหน้าถูกนำร่างมาวางนอนอยู่ที่พื้นแล้ว แต่ไม่น่าจะใช่นางเอียนซี โจสิดรู้ตัวว่า เมื่อครู่เสียกิริยาไปมาก จึงเสแสร้งตรวจสอบ พร้อมกล่าว “นางคือสหายทางธรรมของพี่สะใภ้จากวัดป่าน้อย นานๆครั้งจะเข้ามาพักค้างคืนด้วยกัน นางคงมารับเคราะห์แทนพี่สะใภ้เสียแล้ว”
เสียงกุกกักดังมาจากตู้ใหญ่ด้านข้างเตียงนอน โจสิดรีบลุกขึ้นไปเปิดดู เห็นเป็นนางชีเอียนซีถูกจับมัดไพล่หลังปิดปากเอาไว้ พอนางเห็นคนรู้จักมาช่วย ก็โผเข้าสู่อ้อมอกด้วยความยินดีตามประสาสาวชนเผ่าที่เปิดเผยบริสุทธิ์ใจ จนลืมเลือนสถานะของตนเอง แต่กลับต้องนิ่งอึ้งด้วยสายตาแปลกพิกลที่คนทั้งหลายจ้องมองมา โดยเฉพาะสายตาของโจผี ผู้เป็นสามี และโจยอย ผู้เป็นบุตรชาย
ทั้งโจสิด และโจยอย ช่วยแก้มัดให้นางชีเอียนซี นางค่อยก้าวมาคารวะต่อวุยอ๋อง โจโฉ ผู้เป็นพ่อสามี และบอกเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง สรุปใจความว่า คนร้ายลอบเข้ามาตอนเช้ามืด ลงมือสังหารเพื่อนร่วมห้อง และแขวนคอให้ดูคล้ายคนผูกคอตาย โดยเพียงจับนางมัดซ่อนไว้ในตู้เท่านั้น แสดงว่า น่าจะตั้งใจก่อกวนมากกว่าประสงค์ร้ายจริงๆ
สุมาอี้รับฟังเรื่องราวจบ รีบเสนอความเห็นต่อโจโฉ “วัดม้าขาวโดยรอบติดหน้าผาสูงชัน เข้าออกได้เพียงเส้นทางเดียว แสดงว่า คนร้ายยังคงซ่อนตัวอยู่แถวนี้ เพราะพวกเราก็เข้ามากันตั้งแต่เช้ามืดเช่นกัน ไม่น่าจะมีผู้ใดเล็ดรอดออกไปได้”
โจโฉพยักหน้าสั่งการให้ขุนพลเตียวคับไปตรวจค้นโดยรอบ กลับพบพานเรือนด้านข้างยังมีคนอยู่ภายใน จึงถามต่อเจ้าอาวาส “เป็นผู้ใดพักอาศัยอยู่ที่เรือนอาศรมด้านข้าง”
เจ้าอาวาสบ้อกี๋นิ่งอึ้งไปวูบหนึ่ง ค่อยกล่าวตอบ “เรือนอาศรมนั้นคืออดีตรองเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าน้อยทั้งสองสาขา และล่าสุดคล้ายถูกทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำหนหลังไปหมดสิ้น เราจึงได้ให้ท่านมาพำนักอยู่ที่นี่ เพื่อดูแลรักษาตัว ท่านผู้นี้มีศักดิ์เป็นศิษย์อาของอาตมาเอง นามว่า เภาเจ๋ง”
คนทั้งหลายตาลุกวาว ต่างจดจำเหตุการณ์นองเลือดที่อลัชชีนามเภาเจ๋งเคยก่อเหตุเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโจโฉ ผู้ที่เคยเป็นเป้าหมายการโจมตี โจโฉจึงเชื่อมั่นว่า เภาเจ๋งต้องมีส่วนรู้เห็นในฆาตกรรมครั้งนี้ และไม่อาจรอช้าให้ทันตั้งตัว จึงสั่งการให้โจผี เตียวคับ นำกำลังไปล้อมจับกุมหลวงจีนชั่วช้าในทันที
…
ทุกคนล้วนทราบแก่ใจอยู่ว่า หลวงจีนเภาเจ๋งนั้นมีฝีมือสูงส่งเกินไป หากลงมืออย่างเปิดเผย เกรงว่า ทั้งหมดในที่นี้จะยังไม่ใช่คู่มือ ดังนั้น โจโฉนึกถึงประสบการณ์เก่าก่อนที่เมืองอ้วนเซีย จึงสั่งการให้นำน้ำมันเชื้อเพลิงไปราดรอบๆอาศรมเป้าหมาย และจุดไฟเผาขึ้นพร้อมกันทั้งสี่ด้าน หมายลดทอนความเข้มแข็งของฝ่ายตรงข้ามไว้ก่อน โดยไม่สนใจไยดีต่อคำทัดทานของเจ้าอาวาสบ้อกี๋อีกต่อไป
แสงไฟถูกจุดขึ้นพร้อมกันเป็นวงกว้างล้อมรอบอาศรมไปอีกหลายวา ลุกลามตามแนวน้ำมันตรงเข้าสู่เรือนอาศรมเป้าหมายพร้อมควันไฟหนาทึบเป็นแนวยาว เสียงประตูหน้าต่างถูกผลักดันมาจากด้านในอย่างเร่งร้อน แต่เปิดออกไม่ได้เพราะถูกผูกยึดโยงเอาไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างแน่นหนา
เนิ่นนานจนเปลวเพลิงโหมไหม้เรือนอาศรมผุกร่อนไปบางส่วนแล้ว คนภายในจึงสามารถฝ่าทะลุแผ่นผนังออกมาได้ ถึงกับเป็นนักบวชชราแดนชมพูทวีปสามคน พอผ่านพ้นออกมาได้ ก็ล้มตัวลงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าเนื้อตัวใบหน้าล้วนถูกเผาไหม้พุพองจนดูน่ากลัว คล้ายทนพิษบาดแผลความร้อนไม่ไหว ขาดใจตายไปแล้ว
สุดท้าย ยังมีเงาร่างหนึ่งพุ่งทะลุขึ้นไปยืนพักบนหลังคา คล้ายลังเลที่จะกระโจนข้ามทะเลเพลิงที่รายล้อมรอบด้านอยู่ โจผีรีบตวัดมือสั่งให้พลเกาทัณฑ์ยิงใส่ไม่ยั้ง เกาทัณฑ์เป็นสายพุ่งปักเงาร่างปริศนาราวกับขนเม่น จนโงนเงนร่วงหล่นลงมาทางด้านหน้าอาศรม
เหล่าทหารจึงเข้าไปใช้อาวุธยาวเขี่ยลากซากศพออกมา เห็นเป็นเภาเจ๋งที่กำลังโอบอุ้มหลวงจีนอาวุโสร่างผอมเล็กอีกรูปหนึ่งไว้ในอ้อมอก เจ้าอาวาสบ้อกี๋เบิ่งตาแทบฉีกขาด ร่ำร้องเพิ่มเติม “อาจารย์ ศิษย์อา พวกท่านตายอย่างน่าอนาถยิ่งนักแล้ว โฮโฮ”
โจโฉก้าวเข้าไปสำรวจใกล้ๆ เพื่อดูให้แน่ใจด้วยตนเองอีกครั้ง ทหารองครักษ์ช่วยจับใบหน้าหันมาให้เห็นถนัดตา ยืนยันได้ว่า เป็นซากศพของอลัชชีเภาเจ๋งอย่างแน่นอน แม้ว่า ฝีมือความร้ายกาจจะลดทอนไปเกินความคาดหมายก็ตาม
ทันใดนั้น ซากศพของเภาเจ๋งกลับพุ่งเข้าใส่โจโฉอย่างรวดเร็ว แต่ยังเร็วไม่เท่าจูกัดเอี๋ยน องครักษ์มือใหม่ที่ขวางทาง พร้อมฟันกระบี่เข้าใส่ จนร่างหลวงจีนเภาเจ๋งขาดสะบั้นเป็นสองท่อน โลหิตกระจัดกระจายทั่วบริเวณ
แต่พอท่อนบนของเภาเจ๋งตกวูบ พ้นจากรัศมีอาวุธของจูกัดเอี๋ยนไปแล้ว กลับกระดอนเข้าหาโจโฉอีกครั้งหนึ่ง ร่างเล็กๆที่เภาเจ๋งโอบอุ้มนั้นค่อยแยกออกมาให้เห็นชัดตา ที่แท้เป็นหลวงจีนชราร่างผอมเล็กที่ซ่อนอยู่ด้านหลังซากศพของเภาเจ๋งเป็นผู้ควบคุมบังคับร่างอยู่ และกำลังยื่นฝ่ามือตะกุยใส่ใบหน้าของโจโฉแล้ว
เสียงตะโกนห้ามดังลั่น เป็นโจยอยหัวไว เอาร่างตนเองหนุนดันปู่ของตนให้รอดพ้นการโจมตีไปก่อน ทำให้ฝ่ามือของหลวงจีนชราฟาดใส่บนบ่าของโจยอยแทน เสียงกร๊อบสดใสดังขึ้นในทันที ในขณะเดียวกัน โจผีที่ถือกระบี่รออยู่ ก็แทงสวนเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ออมมือ แรงกระบี่ปักทะลุอกของหลวงจีนชราอย่างง่ายดายเกินความคาดหมาย จูกัดเอี๋ยนช่วยซ้ำอีกหนึ่งกระบี่ปักตรึงหลวงจีนร่างเล็กตรึงอยู่กับพื้นดินให้แน่ใจ
โจโฉรู้สึกคุ้นตากับกระบี่ในมือของโจผี จึงเอ่ยปากถามไถ่ โจผีไม่กล้าปกปิด รีบรายงาน “เป็นเศษกระบี่ฟ้าสังหารที่ค้นพบในบ่อน้ำที่ปราสาทนกยูง ข้าพเจ้านึกเสียดาย จึงนำส่งให้ช่างตีเหล็กจัดการแก้ไขให้ใช้งานได้อีกครั้งหนึ่งขอรับ”
…
ผ่านพ้นเหตุการณ์สะเทือนขวัญแล้ว ผู้คนค่อยคลายความตระหนกตกใจลงได้ โจโฉสั่งการให้คนมาทำแผลให้โจยอย และดับไฟในที่เกิดเหตุ แล้วเรียกตัวคนทัั้งหมดมาสอบสวนรายละเอียดที่ห้องรับรองในพระอารามหลวงอีกครั้งหนึ่ง เจ้าอาวาสบ้อกี๋ที่ดูเหมือนควบคุมสติคืนมาแล้ว ค่อยๆบอกเล่าความเป็นมาของเหล่าหลวงจีนลึกลับที่มาตายกลางทะเลเพลิง และคมอาวุธอย่างน่าอนาถใจ
หลวงจีนลึกลับเหล่านั้น ประกอบด้วย อาจารย์เภาก้วย อดีตเจ้าอาวาสวัดม้าขาว ศิษย์อาเภาเจ๋ง และศิษย์อานักบวชจากต่างแดนอีกสามท่าน จึงเป็นคนพิเศษที่หลุดพ้นไปจากสารบบบัญชีแล้ว ปกติ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ ทั้งหมดก็ไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวอีก ครั้งนี้ การต้อนรับอาคันตุกะมีความสำคัญก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเหตุให้ต้องเชื้อเชิญให้มาร่วมแถวต้อนรับ จึงไม่ได้เรียกขานว่า ขาดหายไปในตอนแรก
อาศรมที่เกิดเหตุเป็นเรือนพักรับรองคนป่วย ซึ่งก็คือเภาก้วยที่พิการแขนขา และเคยได้รับอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาต ไม่อาจเคลื่อนไหวหรือสื่อสารใดๆได้ และเภาเจ๋งซึ่งสูญเสียความทรงจำ และหมดสิ้นพลังฝีมือ แม้ผ่านมาหลายปี แต่บ้อกี๋ไม่ลดละความพยายาม จนสามารถติดต่อสามนักบวชแดนชมพูทวีปที่มีชื่อด้านการแพทย์ให้มาช่วยรักษาอาการ
ดังนั้น คาดว่า ตอนที่โจโฉสั่งการให้ทหารราดน้ำมันเชื้อเพลิง และผูกยึดประตูหน้าต่างนั้น สามนักบวชต่างแดนทั้งไม่เข้าใจภาษาทั้งไม่คาดคิดจะมีคนลงมือเผาผลาญ จึงไม่มีใครออกมาแสดงตัว จนเกิดไฟไหม้ลุกลาม และทำให้บาดเจ็บล้มตายไปก่อน
ส่วนที่ร่างของเภาเจ๋งโผขึ้นสู่หลังคานั้น น่าจะเป็นฝีมือของอาจารย์ของตน ซึ่งได้รับการรักษาจนฟื้นคืนสภาพแล้ว แต่เพราะเคยถูกลงทัณฑ์ตัดเส้นเอ็นมือเท้า จึงเดินเหินด้วยตนเองไม่สะดวก ได้แต่ควบคุมร่างกายของเภาเจ๋งให้เป็นเหมือนหุ่นกระบอกเคลื่อนไหวแทนตนเอง จนทำให้ฝ่ายโจโฉเข้าใจผิด ลงมือยิงเภาเจ๋งตายตั้งแต่ตอนนั้น
อาจารย์คงเพิ่งคืนสติฟื้นพลังยุทธ์กลับมา พลันเคืองแค้นต่อเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ไม่อาจพูดคุยสื่อสาร จึงลงมือต่อโจโฉ ผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ด้วยแรงโทสะล้วนๆ
…
พอโจโฉได้รับฟังเรื่องราวที่เจ้าอาวาสกล่าวออกมา จึงค่อยคิดตามทีละเรื่อง ยอมรับว่า เป็นการบอกเล่าที่มีเหตุผล แต่กลับกลายเป็นฝ่ายตนเองที่ใจร้อนด่วนตัดสิน มุ่งหมายเอาชีวิตเภาเจ๋งก่อน จนก่อเหตุบานปลายขึ้นมา ทำให้รู้สึกผิดต่อเจ้าอาวาสเป็นยิ่งนัก จึงตัดสินใจลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเจ้าอาวาส แล้วประสานมือคารวะ “ข้าตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ถึงกับลงมือผิดพลาดต่ออาจารย์ของท่านแล้ว”
เจ้าอาวาสน้ำตาหลั่งไหลนองหน้า ค่อยๆเอื้อมมือไปกุมบนหลังมือของโจโฉ พลันบิดวูบ หักข้อมือทั้งสองของโจโฉดังกร๊อบ แล้วจับมือไขว้หลังกดตัวลงให้คุกเข่าอยู่ตรงหน้า โจผี โจสิด กับพวกต่างตะลึงงัน ไม่เคยล่วงรู้ว่าเจ้าอาวาสวัดม้าขาวมีพลังฝีมือสูงส่ง
จังหวะนี้ เหล่าหลวงจีนราวสิบกว่ารูปที่อยู่ในพระอารามมาตั้งแต่แรก ถึงกับก้าวเดินออกมาปลดอาวุธจากมือของเหล่าทหารมีฝีมือทั้งหลายอย่างชำนาญ ราวกับเป็นทหารที่มีประสบการณ์ ในขณะที่เหล่าหลวงจีนบางส่วนทรุดตัวลงขัดสมาธิ สวดมนต์พึมพำเบาๆ คล้ายขออโหสิต่อการกระทำที่อาจจะลุกล้ำล่วงเกินต่อพระอารามหลวง แสดงให้เห็นความแตกต่างของหลวงจีนทั้งสองกลุ่มอย่างชัดเจน
เจ้าอาวาสบ้อกี๋ยังคงมีน้ำตารินไหล แค้นเคืองต่อโจโฉกับพวกยิ่งนัก โดยเฉพาะโจผี ผู้ที่สังหารอาจารย์ของตน จึงคว้าเอากระบี่ฟ้าสังหารเดินมาตรงหน้า พร้อมเฉลยความจริงที่ซุกซ่อนมานาน “เจ้าคงไม่รู้ว่า ได้ทำอะไรลงไป อาจารย์ของเราที่ถูกเจ้าฆ่าตายนั้น มีชื่อในทางโลกคือ เล่าหัว และศิษย์อา เภาเจ๋ง ก็คือ เล่าฉวน ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ฮั่นรุ่นอาวุโส พวกท่านพักรักษาตัวมานาน เพิ่งจะมีโอกาสฟื้นคืนร่างกาย แต่ถึงกับถูกพวกเจ้าฆ่าตายอย่างงมงายยิ่งนัก”
น่าตระหนกใจยิ่งนัก บ้อกี๋กล่าวเช่นนี้ แสดงว่า เล่าหัวที่ถูกทำร้ายอย่างงมงายคราก่อน กำลังจะได้รับการฟื้นฟูร่างกายกลับคืน หากแต่กลับถูกฆ่าตายเสียก่อน และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กระบี่ฟ้าสังหาร กระบี่มากอาถรรพ์ที่กลับมาลิ้มรสเลือดของเชื้อพระวงศ์ฮั่น
“นี่คือโทษทัณฑ์ที่เจ้าสมควรได้รับ” เจ้าอาวาสบ้อกี๋ไม่รีรอ พูดพลาง ทิ่มแทงพลาง ถึงกับแทงใส่หัวไหล่ซ้ายขวาของโจผีจนเลือดไหลชุ่มโชก แต่ยังไม่มุ่งหวังชีวิต และนับว่าโจผีก็ใจเด็ด ไม่ปริปากร่ำร้อง กลับเป็นโจสิดที่ยืนติดกัน กระชากเสียงด่าทอให้แทน
ผู้โชคร้ายคนต่อมา จึงเป็นโจสิด บ้อกี๋คำรามใส่เป็นการตอบโต้ “เราท่านชอบพอกันมานาน แต่เพราะเรื่องอื้อฉาวของท่านชักนำเภทภัยมาสู่ที่นี่ จงรับโทษทัณฑ์เช่นกัน” บ้อกี๋เสือกกระบี่ฟ้าสังหารไปเบื้องหน้า แต่เป้าหมายกลับเปลี่ยนเป็นนางชีเอียนซีที่อยู่ถัดไปที่กระแทกให้โจสิดเซล้มไปด้านข้าง แต่ตัวเองกลับถูกกระบี่ปักเข้าที่ไหล่ซ้ายแทน
บ้อกี๋บวชร่ำเรียนพระธรรมคำสอนมานาน เมื่อเห็นตัวเองพลาดพลั้งทำร้ายสตรีเข้า จึงเสียสมาธิไปชั่ววูบ โจโฉเห็นเป็นโอกาส จึงฝืนความเจ็บปวดหงายมือที่หักอยู่ กระตุ้นกลไกลับในแขนเสื้อทันที เห็นเข็มเล็กๆจำนวนมากพุ่งเข้าใส่บ้อกี๋ในระยะกระชั้นชิด ปักเข้าที่ดวงตา ใบหน้าและทรวงอกทันที จนบ้อกี๋ร่ำร้องดังสนั่น
เตียวคับ จูกัดเอี๋ยน พร้อมกับเหล่าทหารองครักษ์ รีบลงมือแก้ไขสถานการณ์ทันที กาเซี่ยง สุมาอี้ ตรงเข้าคุ้มกันโจโฉ ในขณะที่ โจยอย โจสิด แยกย้ายกันดูแลอาการของโจผี และนางเอียนซี ตามลำดับ จวบจนสถานการณ์คลี่คลาย บ้อกี๋ถึงกับถูกดาบกระบี่ทำร้ายซ้ำตายไปเสียแล้ว พร้อมกับพวกสมุนหลวงจีนทั้งหมด ยังดีที่โจโฉสั่งห้ามไม่ให้ทำร้ายหลวงจีนกลุ่มที่สวดมนต์ แต่ก็โดนลูกหลงบาดเจ็บล้มตายไปบ้างแล้วเช่นกัน
เหตุการณ์หลั่งเลือดกลางอาราม จึงกลายเป็นการตอกย้ำกันต่อไปว่า พวกสกุลโจโหดเหี้ยมอำมหิต ถึงกับมาลงมือฆ่าฟันหลวงจีนถึงในวัด เพื่อปกปิดข่าวอื้อฉาวของโจสิดกับนางชีเอียนซี งานนี้ แม้ว่า โจโฉ โจผี และโจยอย จะหัวเสีย แต่ก็เห็นอยู่ว่า นางชีเอียนซีเลือกที่จะลงมือช่วยเหลือโจสิด ละเลยโจผี ผู้เป็นสามีจริงๆ จึงได้แต่แอบรำคาญใจ
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โจโฉจึงได้แต่ถอนตัวคนทั้งหลายกลับเมืองหลวงให้หมดสิ้น สั่งการย้ายนางเอียนซีให้กลับไปอยู่ในกับโจผี โจยอยดังเดิม ไม่ต้องเป็นนางชีให้มัวหมองอีกต่อไป ส่วนโจสิดก็ให้กลับทำงานด้านการประพันธ์ในสำนักหอสมุดใต้หล้า ทิ้งความทรงจำอันเลวร้ายในปราสาทนกยูงทองแดง และวัดม้าขาวเอาไว้
…
แผนการละเลงเลือดครั้งนี้ ย่อมเป็นแผนการอันแยบยลของจูกัดเหลียง กุนซือมังกรซ่อน เพื่อยึดกุมอำนาจของขบวนการฟ้าดินเอาไว้ในมือคนสกุลจูกัด
เมื่อจูกัดกุ๋ยกลับมาแล้ว ย่อมรีบตรวจสอบเรื่องราวของเภาเจ๋ง-เล่าฉวน กับเภาก้วย-เล่าหัว จนสืบทราบได้ว่า ทั้งสองกำลังได้รับการรักษาจากคนต่างแดนทั้งสาม ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้จูกัดพ่อลูกไม่ใคร่สบายใจนัก เพราะเกรงว่า เมื่อเล่าหัวถูกรักษาจนหาย อาจควบคุมเล่าฉวนผู้ไร้เทียมทาน และย้อนกลับมาล้างแค้นกับตนเองด้วย
ยิ่งเมื่อตอนนี้ เล่าฮองอ้างตัวว่าเป็นทายาทของเล่าฉวน พยายามเกาะกุมขุมกำลังกองทัพธรรมไปดูแล โดยมีศิษย์พี่รอง ตันฮก ที่ก้าวข้ามสายไปเป็นกุนซือให้อีกทอดหนึ่ง หากปล่อยให้พวกสกุลเล่าทั้งสามกลับไปร่วมมือกัน จะทำให้พวกมันยุ่งยากแล้ว
ดังนั้น มันได้แต่เสี่ยงให้ถึงที่สุด ตัดใจยืมมือจอมโฉดโจโฉทำลายล้างเล่าหัว เล่าฉวน และบ้อกี๋อย่างกระทันหันไปก่อน จุดชนวนแค้นให้เล่าฮอง ตันฮก หมดสิ้นทางเลือกอื่น พอได้รับการทาบทามจากตันเซ็กซ้ำอีกครั้ง ก็จะต้องเข้าร่วมกับตนเอง
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ คนปล่อยข่าวลืออื้อฉาวตามตลาดร้านค้า คนร้ายที่จับนางชีเอียนซี ผูกคอสหายทางธรรม คนที่สังหารเภาเจ๋ง เภาก้วย และบ้อกี๋ ปิดปากในดาบสุดท้าย ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของ จูกัดกุ๋ย จูกัดจิ๋น กับจูกัดเอี๋ยน ทั้งสิ้น
…
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย