Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
13 ก.ย. 2021 เวลา 23:53 • นิยาย เรื่องสั้น
6.14. หนทางสายมรณะ
ปิงหยวน ฝนน้ำแข็ง - เทียหยก กุนซือในเงามืด - อองลอง ประมุขสำนักหอสมุดใต้หล้า
ในสายตาของสุมาอี้ กุนซือเต่าจำศึล ผู้นำเครือข่ายสุมา หรือ เหล่าทายาทมังกร ซึ่งรับรู้เพียงนิกายแสงจรัส ยังเข้าใจแค่ว่า เล่าฉวน อดีตผู้นำกองทัพธรรมจบสิ้นแล้ว เล่าหัวกับบ้อกี๋ก็เพียงแค่คนโชคร้ายที่มาอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น แต่กลับมีสายตาของอีกคนหนึ่งที่มองทะลุปรุโปร่งถึงแผนการร้ายที่ซ่อนเงื่อนงำในครั้งนี้ เป็นกุนซือเงาปีศาจ กาเซี่ยง
กาเซี่ยงหรือกระตั้วแห่งหน่วยปักษาสวรรค์ที่กลายเป็นอดีตไปแล้วนั้น แฝงตัวอยู่ในวงการราชการในเมืองหลวงมานานนัก รับฟังข้อมูลสำคัญเรื่องหนึ่งมาจากหัวขวาน-เตียวล่อ จนพบเห็นเบาะแสบางอย่าง แต่ไม่อาจยืนยันชัดเจนจากกุนซือคนสำคัญ ซุนฮก จึงยอมเชื่อมั่นในสัญชาติญาณตนเอง ปล่อยให้สถานการณ์การเมืองพัดพาไป และชักนำเพียงหมอฮัวโต๋-นกฮูก เข้ามาช่วยสืบค้นความจริง หวังพบเบาะแสชัดเจนแล้ว ค่อยคิดบอกกล่าวกับพวกพ้องเพิ่มเติมในภายหลัง
เหตุที่กระตั้วจำต้องบอกต่อนกฮูก เพราะซุนฮกที่เป็นกุญแจเชื่อมโยงสู่องค์กรลับนั้น มีปัญหาด้านประสาท คล้ายอาการความทรงจำผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงเป็นครั้งคราว พอนกฮูกได้ตรวจสอบ จึงค้นพบว่า อาการของซุนฮกเกิดจากการใช้วิชาสะกดจิตต่อคนที่มีวิชาทางจิตเช่นกัน ซึ่งภายหลังค่อยรู้ว่า คือเฒ่ากระเรียนแห่งหน่วยปักษานั่นเอง
สิ่งที่คู่หูสายบุ๋น กาเซี่ยง-ฮัวโต๋ พบพานในครั้งนั้น คือ โครงสร้างของนิกายแสงจรัส ที่มี เฒ่ากระเรียน ในนาม บังเต๊กกง จัดตั้งขึ้น และยังมีอ้วนเสี้ยว-กระสา มาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยอีกคน ยิ่งทำให้ทั้งสองเก็บงำความลับเอาไว้เพียงสองคน ยังไม่กล้าบอกเล่าให้คนอื่นๆฟัง เพราะเกรงว่าคนอื่นจะทำเสียแผน ทำความลับรั่วไหล และยังตั้งเป้าหมายต้องการค้นหาให้พบหัวหน้าผู้บงการตัวจริงด้วย
และแล้ว ระหว่างเส้นทางการสืบค้นอันวกวน ทั้งกระเรียน และกระสา กลับเริ่มเข่นฆ่าพวกเดียวกันเอง ยิ่งทำให้คนทั้งสองที่เป็นสายบุ๋น ไม่กล้ากระดิกตัวมากนัก พยายามประคับประคองตนเอง ผ่านเหตุการณ์สำคัญต่างๆของยุคสมัย จนยิ่งมายิ่งชัดเจนว่า โครงสร้างของขุมกำลังลับนี้ ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน มันคือสำนักหุบเขาปีศาจแห่งตระกูลซุน ที่มีใครบางคนและซุนฮก ควบคุมอยู่เบื้องหลัง เหนือขึ้นไปกว่าระดับชั้นของบังเต๊กกงเสียอีก และยังมีขุนนางนายทหารระดับสำคัญในขุมกำลังต่างๆโยงใยกันไปมา
ช่วงเวลาที่อินทรีกับพวกสมาชิกกลุ่มใหม่เข้ามาเสริมเติมมากขึ้นก็จริง แต่กระตั้ว นกฮูก และหัวขวาน-เตียวล่อ กลับต้องเลือกที่จะปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน เพราะกระเรียนเคยหลุดปากว่ายังมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มใหม่นี้ด้วยอีกคน ทำให้ไม่อาจไว้วางใจใครได้
แต่แล้ว ซุนฮกเริ่มมีความสงสัยต่อพวกตนและหน่วยปักษาขึ้นมาบ้าง พวกตนจึงฉวยโอกาสที่เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกสกุลม้ากับซุนฮก ชิงยืมมือม้าเฉียวสังหารซุนฮกไป ตัดตอนห่วงโซ่ประสาน บีบเค้นให้ตัวการใหญ่ต้องเปิดเผยตัวตนออกมาแก้ไขสถานการณ์ก่อนทุกอย่างจะล่มสลาย
จังหวะนั้น นับว่า การสืบค้นประสพผลสำเร็จอย่างมาก กระเรียน-บังเต๊กกง และเตียวเหียน เตียวเจียว คู่แฝดดาวนักปราชญ์ ยอมเปิดเผยตัวตนมากขึ้น โครงสร้างคู่ขนานที่เป็นนิกายเงาอสูรถูกมันพบเห็นมาบ้างแล้วอีกกลุ่มหนึ่ง
แต่กระตั้วยังคิดว่า เบื้องหลังยังมีอยู่มากไปกว่านี้ จึงยังรั้งรอดูต่อไปก่อน โดยเฉพาะท่าทีภายในวังหลวงที่มีกองกำลังซ่อนเร้นให้เห็นประปราย และบ่อยครั้งคล้ายมีนัยยะสำคัญ ซึ่งในเวลานั้น พวกมันสามคนเปิดรับผู้สมรู้ร่วมคิดมาเพิ่มอีกหนึ่งคน นั่นคือ นกยูง-หวดเจ้ง เพื่อช่วยกันจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนสกุลเล่าแห่งเสฉวนด้วยอีกทางหนึ่ง
ใช่แล้ว สิ่งที่คนสายบุ๋นทั้งสี่ค้นพบ ถึงกับเป็นเบาะแสของขันทีเตียวโถแห่งขบวนการฟ้าดินที่ดำเนินการซ้อนแผนของสำนักหุบเขาปีศาจนั่นเอง ตอนแรก พวกมันเข้าใจว่า เตียวโถเป็นเพียงพวกเศษเดนพรรคฟ้าเหลือง แต่แล้ว ยิ่งมายิ่งไม่ใช่ จึงตั้งสมมุติฐานใหม่ว่า ยังมีอีกหนึ่งองค์กรลับซ่อนตัวในเงามืด จับจ้องมองการกระทำของสำนักหุบเขาปีศาจ และรอเวลาเปิดเผยตัวตนออกมากินรวบทั้งกระดาน
จนมาถึงการชุมนุมใหญ่ที่วัดป่าน้อยที่สอง จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กาเซี่ยงรู้จักบุคคลระดับผู้นำในนิกายแสงจรัสอย่างชัดเจน แต่เฒ่ากระเรียน-บังเต๊กกงที่สูญเสียทายาท หมายลงมือสังหารหมู่ต่อพวกปักษาสวรรค์ที่เหลือ กาเซี่ยงจึงได้แต่นัดหมายกับฮัวโต๋ หวดเจ้ง วางแผนตอบโต้ไว้ล่วงหน้า จนสามารถกำจัดคนทรยศได้สำเร็จ
เมื่อซุนฮก กระเรียน ล้วนลาลับไปหมดสิ้น นายเหนือของสองดาวแฝดจึงค่อยโผล่ออกมา เป็นเมธีพิณสังหาร ทวนแกร่ง โลกทิพย์ ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับพวกสกุลซุน ทั้งสายกังตั๋งของซุนกวน และเครือข่ายใต้ดินของซุนแจ้ง
พอสำนักหุบเขาปีศาจออกโรง ผู้คนทางด้านวังหลวงก็เริ่มเตรียมก่อการเช่นกัน กระตั้ว-กาเซี่ยง จึงมาถึงในจุดนี้ได้ในที่สุด การก้าวเดินบนเส้นทางสายมรณะ ยอมหักหลังโจโฉผู้เป็นเจ้านาย ปิดบังหน่วยปักษาด้วยกันเอง ตีสองหน้าใส่พวกสำนักหุบเขาปีศาจ เพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฟ้าดิน ที่มี ขันทีเตียวโถ กับ องครักษ์จูกัดเอี๋ยน กำลังควบคุมหมากที่คนอื่นคิดว่าตายไปนานแล้ว เป็น กษัตริย์เหี้ยนเต้ ที่เปลือกนอกอ่อนแอ แต่มีความคิดลึกซึ้งไม่น้อย เพียงแต่รอคอยผู้ช่วยที่เข้มแข็งมากพอเท่านั้น
พวกเตียวโถจึงดำเนินการอย่างอิสระภายในวังหลวง คล้ายช่วยเหลือฮ่องเต้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือทรราชย์ โดยมีจูกัดเอี๋ยน กุยฮวย กุยเฮง เป็นสำคัญ แต่กาเซี่ยงยังไม่เชื่อสนิทใจ คิดว่า ต้องมีเบื้องหลังอีกไม่น้อยที่ค้ำจุนอยู่ในเงามืด
จากเหตุการณ์หลั่งเลือดอารามหลวง กาเซี่ยงค้นพบชิ้นส่วนที่ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งก็คือ เล่าหัว เชื้อพระวงศ์ที่ถูกทำร้ายสาหัสจากฮ่องเต้ในอดีต ทำให้มันย้อนนึกถึงบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ที่เคยกล่าวถึงวีรกรรมอันเลื่องลือของสี่วิญญูชน อัจฉริยะด้านพู่กัน ดนตรี หมากล้อม และพยากรณ์ อันได้แก่ เล่าหัว เตียวโถ จูกัดกุ๋ย และเขาเฉียว
การตายของนกยูงเกี่ยวข้องกับคนร้ายที่ใช้หมากล้อมเป็นอาวุธลับ และสกุลจูกัดทั้งสี่ที่กำลังมีตำแหน่งสำคัญอยู่ในก๊กทั้งสาม รวมทั้งสหพันธ์การค้ามังกรซ่อน บ่งชี้ไปยังจูกัดกุ๋ย กองทัพธรรมตามวัดพุทธทั้งหลาย รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ทั้งสามที่จงรักภักดีต่อเล่าหัว ขุมกำลังวังหลวงทั้งขันที นางรำ และองครักษ์ จัดตั้งมาจากเตียวโถ และเงื่อนงำสุดท้าย ซินแสโลกทิพย์ที่อยู่เคียงข้างเมธีพิณสังหาร สมควรจะมีความสัมพันธ์กับเขาเฉียว และผู้นำสำนักหุบเขาปีศาจคนปัจจุบัน ซุนเกี๋ยน นั่นเอง
บัดนี้ กระตั้ว-กาเซี่ยงมีความมั่นใจในภาพร่างใหญ่ของสององค์กรลับที่ซ้อนทับกันอย่างแนบแน่น ถึงแปดเก้าส่วนแล้ว เพียงแต่ยังสงสัยว่า ผู้ทีึ่มีอำนาจสูงสุดในขบวนการ กลับกลายเป็นคนที่สาม จูกัดกุ๋ย แทนที่จะเป็นพี่ใหญ่เล่าหัวได้อย่างไรกัน แต่ก็น่าเสียดายนักที่ไม่อาจบอกเล่าให้กับสมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่ได้แล้ว เพราะหลังจากที่นกฮูกตายไปในปราสาทนกยูง มันก็ขาดการติดต่อไปจากพวกพ้องเสียแล้ว
หัวขวาน เหยี่ยวดำ สมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์หายสาบสูญไป เว้นแต่คนคนหนึ่ง นางแอ่นที่ใช้ชื่อ เสียวเอียนจื่อ กุนซือวิหคสวรรค์ที่ฉายแสงเจิดจ้าอยู่ในดินแดนเสฉวนเท่านั้น แต่การปรากฏกายเช่นนี้ ช่างท้าทายหน้าประวัติศาสตร์ยิ่งนัก หรือว่า สถานการณ์ภายในด้านเสฉวนก็กำลังคับขันอยู่เช่นเดียวกัน
…
เสียงอื้ออึงดังมาจากภายนอกห้องนอนชั่วคราวของกาเซี่ยง ปกติ ภายในสำนักหอสมุดใต้หล้าไม่สมควรมีเสียงอึกทึกเช่นนี้ นอกจากเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นแล้ว
กาเซี่ยงมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นควันไฟกำลังพวยพุ่งขึ้นโดยรอบ คืนนี้ มันเองมาพักผ่อนค้างคืนอยู่ในสำนักหอสมุดใต้หล้า คลังแห่งความรู้ของคนทั้งแผ่นดินที่ตนเองอุตส่าห์ทุ่มเทปลุกปั้นมาทั้งชีวิต นึกไม่ถึง กลับนำตัวเองเข้าสู่ภัยร้ายไม่ทันตั้งตัว
แว่วเสียงฆ่าฟันดังขึ้นเป็นระยะๆ บัณฑิตมีชื่อหลายคนที่พำนักอาศัยอยู่ในห้องข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็น ซุยเป๋ง เบงคงอุย โจ๊ะกงหงวน สามปราชญ์สายเต๋า และเหล่าบัณฑิตแห่งเจี้ยนอันที่หลงเหลืออยู่ อันได้แก่ อ้วนยู เคาก้าน และ อิ๋นฉาง กำลังถูกไล่สังหารด้วยฝีมือของกลุ่มทหารองครักษ์ปิดหน้า แต่บ่งบอกสังกัดสกุลโจชัดเจนเพียงเจ็ดแปดคน
ทหารองครักษ์ไล่เข่นฆ่ามาถึงห้องนอนของกาเซี่ยงแล้ว กาเซี่ยงได้แต่ล้วงมือหยิบเอากระบอกปักษาพิฆาตขึ้นมาเตรียมพร้อม สิ่งประดิษฐ์นี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่หัวขวานส่งมอบให้ก่อนหายสาบสูญ หวังว่าจะพอช่วยต่ออายุมันได้หากจำเป็นต้องลงมือ
เสียงสั่งการห้ามดังขึ้น ก่อนที่มือสังหารสองคนจะก้าวเข้ามาในห้องพัก กาเซี่ยงมองตามเสียงผู้สั่งการ เห็นแววตาที่คุ้นเคยภายใต้ผ้าคลุมหน้า ถึงกับเป็นจูกัดเอี๋ยน องครักษ์ประจำตัวคนปัจจุบันของโจโฉ
“ท่านกาเซี่ยงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน โชคดีที่ข้าออกมาตรวจตราทางนี้ จึงหยุดยั้งไว้ได้ทันท่วงที” จูกัดเอี๋ยนส่งเสียงอย่างเร่งร้อน พร้อมลากตัวกุนซือสูงวัยออกไปพร้อมกัน
เสียงเข่นฆ่าลดน้อยลง ที่จริง ภายในหอสมุดเอง ก็มีคนพักค้างคืนไม่มากนัก การสังหารหมู่จึงจบสิ้นอย่างรวดเร็ว หัวหน้าหน่วยสังหารกำลังนับจำนวนคน และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นคนในหลากหลายอาชีพ พอหันมาพบจูกัดเอี๋ยนทั้งสอง จึงกล่าวรายงาน เป็นจูกัดจิ๋น ผู้นำสหพันธ์มังกรซ่อน และประมุขหุบเขาในชื่อเดียวกัน “ปิ่งหยวนถูกฟันแขนขาดหมดสติ ถูกนำไปปล่อยทิ้งไว้ในห้องอาบน้ำตามแผนการแล้ว อีกสักพัก สมควรถูกไอความร้อนปลุกให้รู้ตัว และฝ่าเปลวไฟออกมาเป็นพยานปากเอกได้ไม่ยาก”
จูกัดเอี๋ยนพยักหน้า ชักชวนจูกัดจิ๋นและคนอื่น รวมทั้งกาเซี่ยง ให้วิ่งออกไปทางด้านหลังสำนัก แล้วแยกย้ายปะปนกับผู้คน บางคนหวนกลับมายืนดูเหตุการณ์ไฟไหม้ด้านนอกสำนักหอสมุด บางคนตรงกลับไปยังที่พัก “ท่านมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ สมควรมาชมดูสักครา งานนี้ พวกเรากองกำลังมังกรซ่อนเพียงต้องการตัดทอนคนสายวิชาการ กล่าวหาใส่ร้ายต่อสกุลโจเท่านั้น ขออำลา” กล่าวจบ ก็ปะปนกับผู้คนหายไปลับสายตา ทิ้งให้กาเซี่ยงยืนร่ำไห้อาลัยคนที่ตายจากไปด้วยความจริงใจ
คิดไม่ถึง ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ยังไม่มอดดับ ถึงกับมีมนุษย์ไฟพุ่งผ่านประตูใหญ่ออกมา พวกบัณฑิต และชาวบ้านที่กำลังช่วยกันดับไฟ รีบเข้าไปตรวจสอบ แล้วบัณฑิตคนหนึ่งพลันตะโกนขึ้น พร้อมชูเศษผ้าสีดำขึ้นให้เห็นทั่วๆกัน “ท่านปิ่งหยวนสิ้นใจตายแล้ว ในมือกำหลักฐานสำคัญ เป็นฝีมืออำมหิตของคนสกุลโจ”
…
ข่าวร้ายทำงานรวดเร็วยิ่งนัก เพียงชั่วข้ามคืน ทุกคนล้วนรับทราบเรื่องราวที่คนสกุลโจสั่งการให้ทหารองครักษ์ไปเผาสำนักหอสมุด สังหารบัณฑิตมีชื่อ เพราะสงสัยในความภักดีของเหล่าบัณฑิตที่เคยเป็นสหายของขงเบ้ง และชักนำไปสู่เหตุการณ์วัดม้าขาว แน่นอนว่า ผู้ต้องสงสัยคือ จอมทรราชย์โจโฉเอง หรือ จอมอำมหิตโจผี คนใดคนหนึ่ง
โชคดีของกาเซี่ยงที่ปิ่งหยวนทนพิษบาดแผลไฟลวกไม่ไหว สุดท้าย ยังคงตายไปด้วยอีกคนหนึ่ง จึงไม่มีพยานระบุได้ว่า ที่จริงแล้ว กาเซี่ยงก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยในวันเกิดเหตุ
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลต่อวงการการศึกษาเป็นยิ่งนัก เมื่อผนวกกับข่าววัดม้าขาวที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนัก จึงทำให้คนมีการศึกษา เคยได้รับบุญคุณจากสำนักหอสมุด และคนที่นับถือศาสนาลัทธิต่างๆ รวมตัวกันตามร้านค้า จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การกระทำอันโหดเหี้ยมของโจโฉไม่หยุดหย่อน จนภายในเมืองหลวง คุกรุ่นไปด้วยบรรยากาศที่หวาดระแวงต่อกัน เหล่าขุนนางนายทหารเริ่มไม่มั่นใจต่อความปลอดภัยของตนเอง เพราะมีข่าวกระทบกระทั่งกันขึ้นประปราย เหมือนมีการท้าทายต่ออำนาจรัฐบาลเสียแล้ว
ศึกสงครามต่างเมืองมาใกล้ ยังไม่วุ่นวายใจเท่ากับศึกภายในจากประชาชนด้วยกันเอง โจโฉที่สูงวัยต้องปวดหัวหนักขึ้นตามแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ ออกประกาศสอบสวนปากคำให้การรอบด้าน แต่ไม่มีพยานหลักฐานให้สืบสาวได้เลย
กุนซือกาเซี่ยงได้แต่เสนอให้สั่งการก่อสร้างสำนักหอสมุดใต้หล้าขึ้นใหม่โดยเร็ว ผลักดันให้อองลอง บัณฑิตเจี้ยนอานคนสุดท้าย ประสานงานกับเมธีสัจธรรมที่เหลือ คือ ซุนต่ำ ฮัวหิม กากุ๋ย สร้างทายาทรุ่นใหม่สืบต่อปณิธานเข้ามาร่วมทำงานในสำนักต่อไป โดยให้โจสิดเข้ามารับหน้าที่สำคัญอย่างใกล้ชิด แต่กลับกลายว่า โจสิดต้องดำรงตำแหน่งประมุขไปโดยปริยาย เพราะอองลอง ประมุขตัวจริงคล้ายแก่ชราจนป่วยไข้เรื้อรัง จำต้องปรับให้กากุ๋ยเป็นเจ้าเมืองฮูโต๋แทนไปแล้ว
ทางด้านจงฮิว ขุนคลัง กลับมีความคิดแหวกแนวตามวิสัยพ่อค้าเก่า ถึงกับเสนอธุรกิจแบบสัมปทานผูกขาด นำเอาการพนันข้างทาง ร้านอาหาร โรงเตี๊ยม และหอคณิกามาผนวกกัน เปิดเป็นสถานบันเทิงครบวงจร แหล่งเริงรมย์ในรูปแบบใหม่ที่มีการจัดสรรสถานที่เป็นสัดส่วนอย่างดี แล้วใช้ทางลับกำจัดคู่แข่งทางธุรกิจรายอื่นๆออกไป ถึงกับปลุกกระแสการเงินสะพัด และเบี่ยงเบนความสนใจผู้คนจากข่าวลือต่างๆจนหมดสิ้น
งานนี้ ทั้งวุยก๋งโจผี และกุนซือสุมาอี้ก็ให้ความสนใจอย่างมาก และขอเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย เพื่อช่วยค้ำยันฐานะของกิจการสัมปทานรูปแบบใหม่ นับว่า เป็นย่างก้าวแรกที่สุมาอี้เปิดตัวเข้าสู่วงการการค้าอย่างเปิดเผย ทั้งที่แต่เดิม ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสหพันธ์การค้าหมาป่าเงินมาโดยตลอด
ทั้งนี้ เพราะกุนซือสุมาอี้เป็นอาจารย์ของโจผีอยู่แล้ว จึงต้องการหาทางออกให้ภาพพจน์ของโจผีดูดีขึ้น หวังอาศัยภาพลักษณ์การค้ามาผ่อนคลายเรื่องเลวร้ายที่ผ่านเข้ามา ถึงกับจัดเตรียมสมุดบัญชีเล่มพิเศษให้กับเหล่าขุนนางนายทหาร และบุคคลที่มีฐานะชื่อเสียง สามารถเข้ารับบริการในสถานที่เริงรมย์แห่งนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการซื้อใจคนสำคัญได้อีกทางหนึ่ง ราวกับจงใจปูทางเพื่อเป้าหมายสำคัญอันใด
...
ค่ำคืนที่เรือนพักผ่อนส่วนตัว โจโฉ นั่งปรึกษาข้อราชการอยู่กับกุนซือใหญ่ กาเซี่ยง สุมาอี้ จนได้เวลาอันสมควร สองกุนซือคนสำคัญจึงขอตัวอำลากลับที่พักไป พ่อบ้านใหญ่ร่างสูงโปร่ง นาม เทียลิด ค่อยนำเสนอน้ำแกงร้อนมาให้ผู้เป็นเจ้านาย
เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน ท่าทีของวุยอ๋อง โจโฉที่มีต่อพ่อบ้านใหญ่กลับแปรเปลี่ยน คล้ายให้เกียรติต่อบุคคลตรงหน้ายิ่งนัก โดยเฉพาะทุกครั้งที่มานำเสนอน้ำแกงร้อน อันเป็นสัญญลักษณ์แสดงว่า กำลังจะมีเรื่องราวสำคัญมานำเสนอให้รับฟัง “ท่านกุนซือในเงามืด คงต้องการชี้แนะเรื่องใดกระมัง”
เทียลิดรีบโบกมือห้ามไว้ “นายท่านไม่ต้องมีมารยาทให้เป็นที่ผิดสังเกตไป ถึงแม้จะเป็นบ้านเรือนตนเอง ก็อาจจะมีคนร้าย หรือไส้ศึกแอบแฝงอยู่ ข้าน้อยสู้อุตส่าห์ปกปิดฐานะของตนเองเพื่อหลบหลีกเภทภัยมาเนิ่นนานนัก อย่าปล่อยให้สูญเปล่าไปเลย นายท่าน”
โจโฉคุ้นเคยท่าทีอันเด็ดขาดของกุนซือลับผู้นี้ จึงปรับเปลี่ยนกิริยา คล้ายเจ้านายว่ากล่าวกับบ่าวไพร่แทน “ท่านยอมลดตัวปลอมเป็นพ่อบ้านใหญ่ เพื่อสอดส่องมองสถานการณ์จากมุมมองด้านข้าง และให้คำแนะนำดีๆแก่เราโดยไม่หวังเกียรติยศชื่อเสียง ยิ่งช่วงหลังมานี้ ท่านยังช่วยปรับเปลี่ยนระบบองครักษ์รักษาการณ์ให้อีกด้วย ที่จริงแล้ว สมควรต้องยกย่องท่านให้ขึ้นเป็นขุนนางใหญ่ เทียบเท่ากาเซี่ยง สุมาอี้ ชดเชยความจงรักภักดี และความทุ่มเทที่มีให้กับข้ามาตลอดทั้งชีวิตแล้ว”
พ่อบ้านใหญ่รีบค้อมกายกล่าว “ขอเพียงนายท่านทำงานใหญ่ได้สำเร็จ ข้าน้อยจะเป็นเช่นไรก็ไม่เป็นไรดอก รอบกายท่านมีกุนซือที่ยอดเยี่ยมเพียงพออยู่แล้ว ตั้งแต่ซุนฮก กุยแก กาเซี่ยง ตันกุ๋ย สุมาอี้ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าน้อยเทียหยกไปเบียดบังอีกคนเลย ข้าน้อยจึงขออยู่รับใช้ท่านในเงามืด เพื่อรักษาความแจ่มใสทางจิตใจและการเมือง ส่งมอบคำแนะนำให้รับฟังจากด้านข้าง จึงจะมีประโยชน์ในภาพรวมมากกว่า”
โจโฉอดแย้มยิ้มมิได้ “เทียหยกเอย เทียหยก ท่านนี่ช่างระแวดระวังได้ไม่เสื่อมคลายจริงๆ จนตัวข้าพลอยติดนิสัยหวาดระแวงมาจากเจ้าไม่น้อยเลย ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเถิด มีเรื่องอันใด จงว่ากล่าวออกมา”
“นายท่านพร้อมจะเสี่ยงพนันครั้งสุดท้าย เพื่อจบสิ้นปัญหาขบถเล่าปี่ ซุนกวน หรือไม่” เทียลิด หรือ ชื่อจริงเทียหยก กล่าวอย่างระมัดระวัง “บัดนี้ ปัจจัยแห่งความสำเร็จถึงพร้อมแล้ว ขอเพียงนายท่านยินยอมลงมือตามแผนการที่ข้าน้อยจะเล่าให้ฟังเท่านั้น”
โจโฉรับฟังแผนลับอย่างตั้งใจจนจบ ค่อยถอนหายใจยาวๆ “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงยังไม่เห็นด้วย แต่ในเมื่อตัวข้าก็คล้ายไม้ใกล้ฝั่งเต็มที ครั้งนี้ คงมิอาจไม่ลองเสี่ยงดูสักครา”
…
กุนซือลับ “เทียหยก” อยู่เคียงข้างมัน โดยแอบให้คำปรึกษาในยามค่ำคืนปลอดผู้คน ปล่อยให้คนอื่นคิดว่า เป็นความคิดอันแยบยลของโจโฉเอง เช่น อุบายพูดถึงบ๊วยดับกระหายน้ำ อุบายตัดผมเซ่นโทษเหยียบต้นข้าว หรือ อุบายโกงข้าวยืดอายุเสบียง ก็ล้วนเป็นมันที่นำเสนอ ทำให้โจโฉให้ความไว้วางใจอยู่ไม่น้อย และปกปิดความลับนี้ไว้ แม้แต่บุตรภรรยา หรือ กุนซือกาเซี่ยง ที่ตนเองเชื่อถือมากที่สุด ก็ไม่เคยล่วงรู้เรื่องราวเช่นนี้
ผลงานการปกปิดฐานะตัวตนของมัน ทำให้เทียหยกสามารถระบุยืนยันได้ว่า หมอดังฮัวโต๋มีปัญหา กุนซือค้างคาวซุนฮกเป็นสายลับสองหน้า เปียนสีกับโจเจียงที่อยู่ข้างกายมานานคือเศษเดนพรรคฟ้าเหลือง และแฮหัวตุ้นแอบหวังชิงอำนาจทางการเมือง รวมทั้งข้อมูลสำคัญมากมาย เพียงรอวันที่จะปิดบัญชีนรกเมื่อถึงเวลาอันควร
จริงอยู่ว่า คนอย่างโจโฉมากระแวง ยากจะเชื่อถือกุนซือลับเช่นนี้อย่างสนิทใจ หลังจากมาอยู่อาศัยด้วยกันหลายปี และเหตุการณ์สำคัญได้เกิดขึ้นแล้ว “เทียหยก” จึงยอมบอกความลับเรื่องหนึ่งให้โจโฉทราบ เพื่อทลายกำแพงความคิดที่คลางแคลงใจ
ที่จริงแล้ว ตัวมันกับกุยแก กุนซืออมโรค รู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี และชักชวนเข้ามาอยู่กับโจโฉพร้อมๆกัน แต่ตัวมันพบเห็นเบาะแสความผิดปกติภายในวงการการเมือง จนเชื่อมั่นว่า จารชนกำลังแทรกซึมอยู่ทั่วทุกแห่งหน รวมทั้งคนข้างกายของโจโฉ ดังนั้น มันจึงตัดสินใจเสนอให้กุยแกสมัครเป็นกุนซือ ดำเนินแผนการขุดบ่อล่อเหยื่อในที่แจ้ง ส่วนตัวเองใช้นามแฝงเทียลิด สมัครเป็นพ่อบ้านใหญ่ เพื่อหลบซ่อนภัยการเมือง และเก็บเกี่ยวข้อมูลคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในที่ลับ กลายเป็นหนึ่งแจ้งหนึ่งลับ ส่งเสริมช่วยเหลือกัน
ความคิดของมันถูกต้องจริงๆ เพียงไม่กี่ปีที่กุยแกยังมีชีวิตในเมืองหลวงอยู่ ถึงกับพบปะจารชนสายลับมากมาย แต่ที่มีผลกระทบที่สุดคือ การถูกฮัวโต๋ จารชนที่ปลอมเป็นหมอชื่อดัง ตีสนิทให้เชื่อใจ แลัวหักหลังจนชื่อเสียงเสื่อมเสีย แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสองจะเปิดโปงฐานะที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม กุยแกก็ถูกสังหารตายไปอย่างงมงายในเมืองหลวง มันจึงยอมซ่อนกายอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด เพื่อรักษาชีวิต และได้ทำงานที่ถนัดจากจุดที่ปลอดภัยกว่า จนล้างแค้นให้กับกุยแกได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง
…
วันรุ่งขึ้น โจโฉจึงเรียกหากุนซือสุมาอี้ ขุนคลังจงฮิว และขุนพลรองเตงงาย เข้ามาพบเป็นการส่วนตัว มอบหมายภารกิจลับไปให้จัดการ โดยไม่ให้บอกกล่าวต่อผู้ใด และให้ออกเดินทางไปในทันที ทั้งสามจึงจัดขบวนเดินทาง และหายหน้าไปจากเมืองหลวงไปทำภารกิจได้อย่างเงียบเชียบ และไม่เป็นที่สังเกตของสายข่าวที่แทรกซึมอยู่เต็มทั้งเมือง
สาเหตุที่ต้องเป็นสามคนนี้ เทียหยกกล่าวไว้ว่า “คนในแวดวงการค้า ล้วนมีความสัมพันธ์ในทางลับต่อกัน นอกเหนือไปจากมิติการเมือง ชนชั้นผู้นำของสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน ไม่ว่าจะเป็นกุนซือเต่าสมถะ สุมาอี้ หรือ ขุนคลังจงฮิว ย่อมสามารถโน้มน้าวจิตใจของกุนซือมังกรซ่อน ขงเบ้งที่เป็นผู้นำตัวจริงของสหพันธ์การค้ามังกรซ่อนเช่นกัน ส่วนนายท่านกับเล่าปี่ก็มีพันธะสัญญาเชื่อมโยงกันอยู่ตั้งแต่ครั้งกระโน้น ดังนั้น แผนลับสุดยอดจึงสมควรจะได้รับความสำเร็จสักแปดเก้าส่วนแล้ว”
เทียหยกเคยนำเสนอหมากสำคัญตัวหนึ่งไว้บนกระดานให้กับเจ้านายเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน จนบัดนี้ มันค้นพบเบาะแสเพิ่มเติม และคาดหวังว่า หมากตัวนั้นจะทำงานสำคัญชิ้นสุดท้าย เพื่อจบสิ้นปัญหาการเมืองให้กับแผ่นดินที่มีมายาวนานเสียที
ส่วนโจโฉในวัยชรา ต้องการปิดฉากชีิวิตให้สวยงาม จึงมิอาจจะไม่ลงขันเสี่ยงพนันครั้งสุดท้ายเช่นกัน เค้าลางความตายคงต้องมาเยือนนครหลวงในไม่ช้านี้แล้ว
…
เรือโดยสารสองลำที่ลอยเคียงคู่กันบนแม่น้ำฮวงโหนอกเมืองหลวง ภายในท้องเรือที่ปิดมิดชิด เห็นอองลอง ฮัวหิม ซุนต่ำกำลังดื่มสุราอำลาผู้คนกลุ่มหนึ่ง เป็นอ้วนยู เคาก้าน อิ๋นฉาง แห่งเจ็ดบัณฑิตเจี้ยนอาน และซุยเป๋ง เบงคงอุย โจ๊ะกงหงวน แห่งเจ็ดเมธีสัจธรรม
“คลื่นลมในเมืองหลวงรุนแรงยิ่งนัก ดีที่ท่านกาเซี่ยงนำความมาบอกกล่าวและยังมาถ่วงเวลาแยกสมาธิด้วยตนเอง พวกท่านจึงแสร้งตาย รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เพียงแต่เสียดายที่ต้องมีคนหนึ่งเสียสละชีวิตสังเวยแผนการ เอาเถิด ในเมื่อพวกท่านต้องการปลีกตัวลี้ภัยไปแดนพยัคฆ์ทักษิณ คงได้แต่น้อมส่งให้อยู่รอดปลอดภัย ลาก่อน” ผู้นำอองลองกล่าวอย่างกระชับรวบรัดก่อนนำฮัวหิม ซุนต่ำข้ามเรือแยกทางจากไป
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 6 - พญายมถล่มแดนดิน
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย