29 ก.ย. 2021 เวลา 03:14 • ไลฟ์สไตล์
"อยากรู้จักโลก ... ให้เรียนที่ตัวเอง"
" ... เราชาวพุทธ เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
เราไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งแวดล้อม
แต่เราอยู่กับสิ่งแวดล้อมอันนั้นอย่างรู้เท่าทันมัน
วิธีที่เราจะรู้เท่าทันโลกได้อย่างแจ่มแจ้ง
เรียนเข้ามาที่ตัวเอง
ฟังแล้วแปลก อยากรู้จักโลก แต่ให้เรียนที่ตัวเอง
เพราะคนทั้งหลายเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก
เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
แล้วก็มองโลกอยากให้โลกเป็นไปตามใจเรา
อยากให้ทั้งจักรวาลเป็นไปตามใจเรา
มันไม่ได้เป็นอย่างอยาก
ใจมันก็เกิด Conflict ขึ้นมา
มีปฏิปักษ์ เป็นปฏิปักษ์กับโลกกับสิ่งที่แวดล้อมอยู่
ถ้าเราย้อนกลับ โอปนยิโก
ย้อนกลับเข้ามาเรียนรู้ตัวเอง
เรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ
เราก็จะเห็นเลยร่างกายเราก็ไม่คงทน
ไม่นานก็แตกสลายไป
อย่างคนอยากมีแฟน อยากมีคู่อะไรนี้
ถ้าเรารู้ว่าอีกไม่นานก็ต้องพลัดพราก
เขาอาจจะตายหรือเราอาจจะตายอะไรอย่างนี้
ไม่รู้จะไปหามาทำไมไปหาศพมาเข้าบ้าน
ให้มีภาระที่จะต้องเผาให้มากขึ้น
ถ้าภาวนาจะรู้เลยว่าการที่จะไปหาผัวหาเมียมา
คือหาศพมามากขึ้น ที่จะต้องเป็นภาระ
ก่อนจะตายก็ต้องเป็นภาระดูแลกัน
ตายไปแล้วเป็นภาระต้องเอาไปเผาอะไรอย่างนี้
4
แล้วถ้าเราดูจิตดูใจเรา
เราก็จะเห็นเลยทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในใจเรา
ของชั่วคราวทั้งหมดเลย
ที่เราเหน็ดเหนื่อยแทบเป็นแทบตายแต่ละวัน
เพราะเราอยากได้ความสุข
อยากรวยก็เพราะอยากมีความสุข
อยากดังก็เพราะอยากมีความสุข
อยากมีอำนาจก็เพราะอยากมีความสุข
อยากอายุยืนก็เพราะอยากเสพสุขนาน ๆ อะไรอย่างนี้
ถ้ามีสติ มีปัญญาขึ้นมา รู้ว่าไม่ใช่หรอก
ความสุขผ่านเข้ามาประเดี๋ยวประด๋าวก็หายไปแล้ว
ความสุขในโลกเจือด้วยความทุกข์เสมอ
ไม่ว่าเรื่องอะไร
1
ความสุขของโลกจะเจือความทุกข์เข้ามาด้วยเสมอเลย
ถ้าเราภาวนาเราจะเห็นเลย
อย่างเราจะจีบสาวสักคน
เราก็กังวลว่าจะจีบได้ไม่ได้
บางคนคิดชั่วร้าย ไม่ได้คิดดีอะไร จะหลอก
เขาเรียกว่าอะไรนะ หลอกฟัน หลอก ๆ
แค่นั้นแล้วพอใจแล้ว แล้วก็นับแต้ม
ผู้หญิงก็เป็นยุคนี้
นับแต้มว่าล่าผู้ชายได้กี่คนแล้วอะไรอย่างนี้
ชีวิตไม่ได้ต่างกับหมาเลย ลืมความเป็นมนุษย์ไป
ถ้าเราภาวนาเราก็จะเห็นเลยว่าสิ่งที่เราอยากได้
กว่าจะได้มาก็เหน็ดเหนื่อย แล้วก็รักษาไว้ไม่ได้
สิ่งที่เราคิดว่าจะให้ความสุขเรา
มันเจือความทุกข์มาเสมอ
1
อย่างเรารู้สึกว่าเราขึ้นรถสาธารณะไม่สบาย
น่าเบื่อ อึดอัด ต้องรอ เราไปซื้อรถยนต์มา
เก็บสตางค์ไปซื้อหรือไปผ่อน มีเงินผ่อนไปซื้อมา
เอามาก็มีภาระเพิ่ม ค่าใช้จ่ายมันเพิ่มแล้ว
เดินทางสะดวกไหม ก็ไม่เห็นมันจะสะดวกอะไร
รถติดจะตายไป ขึ้นรถไฟฟ้ายังเร็วกว่าเลย
ได้มาก็มีภาระ จะไปจอดที่ไหน
ขโมยจะมางัดล้อไปไหม ฝาครอบล้อ
ขโมยกระทั่งจุกลม มันขโมยได้หมด
ภาระทั้งนั้นเลย
1
ความสุขในโลกนี้มันพ่วงภาระมาหมด
เราซื้อบ้านมาก็มีภาระแล้วต้องดูแล
ต้องรักษา ต้องซ่อมบำรุง
จะไปไหนก็เป็นห่วงกลัวผู้ร้ายมางัดอะไรอย่างนี้
ภาระทั้งนั้นเลย
ฉะนั้นสิ่งที่เราแสวงหามา
จะเป็นวัตถุ หรือจะเป็นบุคคล หรือจะเป็นสัตว์
ให้ความสุขกับเรา ให้ความพอใจกับเรา
แต่มันก็ให้ภาระมาด้วย ภาระก็คือตัวทุกข์นั่นล่ะ
พระพุทธเจ้าถึงสอน
“มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีวัวก็ทุกข์เพราะวัว”
ของเราตอนนี้ไม่มีนา
เรามีบ้าน มีรถ มีโทรทัศน์ ตู้เย็นอะไรอย่างนี้ มีสารพัด
สุดท้ายที่ดิ้นรนแสวงหามาแทบตาย
สุดท้าย ... ว่างเปล่า
เวลาเราไปรดน้ำศพ รู้สึกไหมนอนแอ้งแม้งอยู่
แบมืออยู่ให้เรารดน้ำ
ทำไมมันต้องมาแบมือให้เรารด
มันคือธรรมะที่สอนเราว่า
ไม่สามารถเอาอะไรติดมือไปได้เลย
ถ้าเราเข้าใจโลก
เราก็จะไม่ตะเกียกตะกายหาภาระ
หาความทุกข์มาใส่ตัวเองหรอก
เราอยู่กับโลกอย่างโปร่งเบา
พออยู่พอกินทั้งกายทั้งใจ ... "
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
28 สิงหาคม 2564
ติดตามการถอดไฟล์บรรยายฉบับเต็มจาก :
ขอบคุณรูปภาพจาก : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา