Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
22 ต.ค. 2021 เวลา 23:47 • นิยาย เรื่องสั้น
7.2. แหกคุกเกาะโจรสลัด
โกอี จอมทัพผู้พิชิต - โซโก กูซู สองราชันย์แห่งแพกเจ
ขบวนเรือของกังตั๋ง ฝ่าด่านสกัดรอดออกสู่ทะเลใหญ่มาได้เพียงแค่สองลำ พวกซุนกวนรู้สึกหดหู่ตึงเครียด คาดไม่ถึงว่า กับดักของศัตรูจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ จนเสียงคนเรือตะโกนรายงาน “ด้านหลังมีเรือโจรสลัดตามมาสองลำ เป็นพวกหัวกระโหลกโลหิตขอรับ”
พวกซุนกวนนึกกังวลใจในทันใด กิตติศัพท์ของโจรสลัดกลุ่มนี้เลื่องลือมีชื่อเสียงไปทั่วทะเลใหญ่มาเนิ่นนานแล้ว เส้นทางการเดินเรือไปค้าขายต่างแดนของพวกมันมักจะพบความยุ่งยากจากโจรสลัดกลุ่มนี้บ่อยครั้ง เพียงแต่เท่าที่ผ่านมา โจรสลัดมุ่งปล้นชิงที่เรือเดินทะเลทั่วไป ไม่กล้าตอแยกับคนในแผ่นดิน จนเพิ่งมาสิบปีให้หลังนี้ที่เริ่มจะเหิมเกริมรุกรานหัวเมืองชายทะเลบ้าง คล้ายได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มใดส่งเสริมอยู่เบื้องหลัง
หากพิจารณาระดับความเร็วเรือแล้ว เรือโดยสารติดกลไกพิเศษ ยังไม่อาจเทียบได้กับเรือใบโจรสลัดขนาดใหญ่ได้เลย ไม่ช้าก็เร็ว พวกโจรสลัดย่อมตามมาทัน ดังนั้น พวกซุนกวนได้แต่ต้องหาทางรับมือกับภยันอันตรายในรูปแบบนี้โดยเร็ว
…
หากประเมินศักยภาพการรบแล้ว กองทหารในเรือประธานและเรือคุ้มกันรวมกันมีจำนวนร้อยกว่าคน ในขณะที่เรือโจรสลัดขนาดใหญ่สองลำ สมควรมีคนมากถึงสามร้อยคน หากต้องเกิดการปะทะกัน ฝ่ายกังตั๋งยังคงเสียเปรียบในเรื่องจำนวนคนอยู่หลายเท่า
แต่แล้ว ซุนกวนกลับใช้นิ้วแตะปาก เงี่ยฟังไปทางทิศตะวันออก แล้วค่อยชี้มือ “ทางนั้น น่าจะมีเกาะใหญ่ เสียงผู้คนอื้ออึงด้วยภาษาต่างแดนคล้ายกับสำเนียงโกกุเรียว เป็นไปได้ว่า มีขบวนเรือสินค้าต่างถิ่นพักแรมกันอยู่ที่นั่น ถ้าเราหลบหนีไปทิศทางนั้น อาจจะได้ผู้คุ้มกันเรือมาเพิ่มอีกสักร้อยสองร้อยคน พอจะต้านทานพวกโจรสลัดได้บ้าง”
กำเหลงรีบทักท้วง “หากแต่ถ้าเป็นรังใหญ่ของพวกโจรสลัดเท่ากับเราวิ่งเข้าหาประตูนรกอเวจีเสียเอง สู้เสี่ยงเลียบเข้าชายฝั่งทางทิศตะวันตก หวังให้มีเรือทหาร เรือสินค้าอื่นใดผ่านทางมาช่วยเรา อาจจะดีกว่าหรือไม่”
ลกซุนมองเห็นแต่น้ำทะเลรายรอบ แต่พอประเมินได้ว่า ยังคงอยู่ในเขตแดนฝ่ายรัฐบาล หากหวังพึ่งพาเรือทหาร ก็อาจจะเข้าสู่เงื้อมมือของพวกสกุลโจอีก ทำให้ลังเลใจ ซุนกวนจึงลองพยายามเงี่ยหูฟังอีกครั้ง จนในที่สุด ค่อยปรากฏรอยยิ้มขึ้น “ที่จริง บนเกาะแห่งนั้นมีทหารของกังตั๋งอยู่ด้วย เป็นหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งออกมาตามหาพวกเรานี่เอง”
ทุกคนมีสีหน้าสดชื่นขึ้น ทหารกังตั๋งออกมาตามหาพวกตนเอง ย่อมใช้แผนดาวกระจายในการค้นหา แสดงว่า อาจจะมีกองกำลังขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกลนัก น่าจะพอรับมือกับฝ่ายตรงข้ามได้ เสียดายที่มีพลุสัญญาณพยัคฆ์หยกติดตัวมาไม่มากนัก หากสุ่มเสี่ยงใช้ไปในระยะไกลเกินกว่าที่มองเห็นจนหมดสิ้น ก็จะเป็นการสูญเปล่า กำเหลงจึงสั่งคนเรือให้มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หวังว่าจะได้พบกับพวกเดียวกันโดยเร็ว
…
เจ้าชายโกอี พระอนุชาแห่งกษัตริย์โซโก อดีตจักรพรรดิ์ของอาณาจักรแพกเจ กำลังส่งสัญญาณให้เหล่าทหารใต้ท้องเรือรอคอยจังหวะด้วยความเงียบสงบ ขบวนเรือรบในคราบของเรือสินค้าเพิ่งเดินทางมาถึงฐานทัพลับบนเกาะร้างทัมราเพื่อตรวจความพร้อมของกองกำลังตามปกติ กลับมีเรือทหารกังตั๋งจากหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งลำหนึ่งตรงเข้ามาจอดเทียบท่าด้วยจุดประสงค์อันใดไม่รู้ อาจจะเป็นความบังเอิญ หรือ เป็นการตรวจสอบสถานะของพ่อค้าต่างถิ่นตามกระบวนการของทหารชายฝั่งทั่วไป
แต่ปัญหาสำคัญก็คือ เกาะทัมราเป็นฐานทัพลับของพวกมัน ดังนั้น มันย่อมปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลออกไปไม่ได้ เพียงผ่านพ้นหาดทรายลึกเข้าไปในตัวเกาะรกร้างนั้น แนวชายป่าที่เงียบสงบร่มรื่นจะเต็มไปด้วยกับดักหลุมพรางมากมายเป็นแนวขวางกั้นซ่อนอยู่ เพื่อซุกซ่อนค่ายทหารลับของพวกมันเอาไว้ หากชาวประมงหรือพ่อค้าพลัดหลงเข้ามา ย่อมเสียชีวิตไปอย่างงมงาย แต่หากเป็นกองทหารสูญหายไปเช่นนี้ อาจจะเกิดเรื่องราวไปถึงต้นสังกัดให้เข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม และฐานทัพลับก็จะถูกเปิดเผยจนได้
เจ้าชายโกอีในคราบของพ่อค้าใหญ่กับทหารบางส่วนที่ปลอมแปลงเป็นพ่อค้าลูกหาบ จึงจับกลุ่มรอดูท่าทีอยู่ที่หัวเรือ สั่งการด้วยภาษาโกกุเรียวให้ล่ามเตรียมพร้อมรับมือกับพวกทหารแปลกถิ่นที่ทะยอยกันลงจากเรือลาดตระเวน
ทันใดนั้น ในทะเลใหญ่ ปรากฏเรือโดยสารขึ้นสองลำ รูปร่างลักษณะตรงตามที่กำลังค้นหา คล้ายหลบหนีการติดตามของเรือโจรสลัดขนาดใหญ่อีกสองลำทางด้านหลัง หัวหน้าหน่วยทหารจึงสั่งการให้ทั้งหมดกลับขึ้นเรืออย่างเร่งด่วน คงจะรีบออกไปช่วยเหลือเหยื่อของโจรสลัด เจ้าชายโกอีกลับโบกมือสั่งการโดยทันที “รีบบุกสังหารทหารเรือลำนี้ อย่าให้ไปทำร้ายพวกพ้องของเราได้”
…
“เกิดเสียงฆ่าฟันดังขึ้นที่ชายหาด ทหารของเราคงปะทะกับศัตรูอยู่บนเกาะ ดูท่าว่า เราจะเลือกเดินมาผิดเส้นทางเสียแล้ว” ซุนกวนใช้จุดได้เปรียบช่วยประเมินสถานการณ์ “เรือลาดตระเวนลำหนึ่งสมควรมีทหารราวสักหนึ่งกองร้อย อาจจะรับมือได้ไม่นานนัก”
ลกซุนรีบวิเคราะห์ทางเลือก ตอนนี้ มันไม่อาจหลบหนีจากเรือโจรสลัดได้แล้ว ทหารโลกันต์หนึ่งร้อยกว่าคนกำลังจะต้องรับมือกับโจรสลัดสามร้อยกว่าคนทางด้านหลัง และทหารเรือหนึ่งกองร้อยที่กำลังต่อสู้กับกองกำลังไม่ทราบจำนวนอีกกลุ่มบนเกาะใหญ่เบื้องหน้า “รีบนำเรือเข้าฝั่ง ร่วมรบลดจำนวนศัตรูบนเกาะโดยเร็ว”
เรือประธาน และเรือคุ้มกันลำสุดท้ายรีบนำพวกซุนกวนตรงเข้าสู่ชายฝั่งที่มีขบวนเรือสินค้าต่างถิ่นและเรือทหารลาดตระเวนจอดอยู่ พบเห็นการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างทหารเรือกังตั๋งหลายสิบนายกับพวกพ่อค้าลูกหาบต่างถิ่นนับร้อย แถมยังมีผู้คนในชุดโจรสลัดปะปนอยู่ด้วย ทำให้พอเดาได้ว่า ต้องเป็นพวกเดียวกันกับฝ่ายโจรแล้วแน่นอน
ขุนพลกำเหลงไม่รอช้า รีบกระโดดลงจากเรือ กู่ร้องปลุกขวัญกำลังใจกับพวกทหารที่เหลือบนฝั่ง พร้อมใช้กรงเล็บมีดดาบเปิดเส้นทางสายโลหิตเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เล่งทองจึงสั่งการให้กองทหารโลกันต์ทั้งสองลำ เร่งลงจากเรือไปร่วมเข่นฆ่าโจรสลัดให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พวกโจรที่อยู่ด้านหลัง จะช่วยเหลือได้ทัน หลงเหลือเพียงลกซุนที่ยืนอยู่เคียงข้างกับเจ้านครซุนกวน พร้อมกับทหารที่คัดมาเป็นองครักษ์ชั่วคราวอีกสิบกว่าคน
แผนการฉุกเฉินของลกซุนนับว่าใช้ได้ เพียงชั่วอึดใจ จำนวนของฝ่ายตรงข้ามบนหาดทรายก็หดหายไปแทบครึ่งหนึ่ง กว่าพวกโจรอีกสองลำด้านหลังมาถึง ผู้คนบนชายหาดก็บาดเจ็บล้มตายแทบหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น จึงกลายเป็นกองทหารผสมฝ่ายกังตั๋งเกือบสองร้อยนาย เตรียมพร้อมรอรับมือกับสมุนโจรสลัดสามร้อยเศษที่มาใหม่
เรือโจรสลัดทั้งสองลำจอดนิ่งห่างชายหาดไปเล็กน้อย สมุนโจรที่ยืนถือเกาทัณฑ์หน้าไม้เรียงรายกันสลอน คล้ายเตรียมพร้อมจะจู่โจมด้วยอาวุธระยะไกล ทั้งหมดถึงกับเป็นผู้หญิงท่าทางองอาจห้าวหาญ
พวกซุนกวนเพิ่งสังเกตเห็นว่า ธงหัวกระโหลกโลหิตของสองลำเรือนี้ เป็นหัวกระโหลกที่มีจุกผมสีแดงม้วนอยู่ด้านบน แสดงว่า เป็นกองเรือนางโจรอย่างแน่นอน ทำให้ลกซุนกังวลใจอยู่บ้าง แต่เหลือบตาไปเห็นกำเหลงมีสีหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด พร้อมพูดให้พอได้ยินถนัดหู “นาคีผมแดง เป็นมารดาของเสียวเหลงยี่ หัวหน้าโจรสลัดกลุ่มหัวกระโหลกโลหิตอีกทอดหนึ่ง นางมีชื่อเสียงเลื่องลือมานานหลายสิบปีแล้ว ที่จริง โจรกลุ่มนี้แข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็เพราะนางมารคนแม่นี่เอง”
แต่เดิมกำเหลงไต่เต้าจากการเป็นสมุนโจรแถบน่านน้ำฮวงโห จนเติบใหญ่ค่อยออกสู่ทะเลกว้าง กลายเป็นโจรสลัดหนุ่มที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่แล้ว ร่ำลือกันว่า เกิดเหตุขัดแย้งทางผลประโยชน์กันภายในหมู่โจร ทำให้รังโจรของกำเหลงถูกทำลายลงด้วยฝีมือของกลุ่มหัวกระโหลกโลหิต และกำเหลงจึงหนีมาเข้าพวกอยู่กับเงียมแปะฮอ
จนเมื่อซุนเซ็กแผ่ขยายอำนาจการปกครอง รับคนเก่งมีฝีมือแบบไม่เลือกพื้นเพในอดีต ทำให้โจรหนุ่มกำเหลงได้เข้ามาร่วมทัพกังตั๋ง และไม่เคยพูดถึงเรื่องราวเก่าก่อนให้ทราบชัดเจน แม้ว่า จิวท่ายที่เคยเป็นโจรสลัดมาเช่นกัน ก็พลอยเกรงใจ แม้ว่าล่วงรู้ความนัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าพูดถึงอดีตอันเลวร้ายของสหายร่วมเส้นทางไปด้วย ในขณะที่ช่วงเวลาต่อมา พวกโจรกลุ่มหัวกระโหลกโลหิตก็เติบโตกล้าแข็งขึ้น กลายเป็นขุมโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในน่านน้ำทะเลฝั่งตะวันออก
การที่กำเหลงล่วงรู้รายละเอียดของธงสัญลักษณ์จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากแต่การที่ขุนพลผู้ห้าวหาญมีสีหน้าผิดปกติ แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ลกซุนจึงส่งสัญญาณให้ซุนกวนเตรียมรับมือกับเรื่องราวไม่คาดฝัน ในขณะที่ซุนกวนเงี่ยหูฟัง แล้วรีบร้องเตือน “ภายในขบวนเรือยังมีกลุ่มคนซ่อนตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งเสียงกูลีกูลูกัน อ้อ ยังมีเสียงกองทัพใหญ่กำลังเคลื่อนพลออกมาจากด้านในของเกาะอีกด้วย”
ไม่ทันขาดคำ ตลอดทั้งแนวเนินผา ชายป่า และหาดทราย ก็เต็มไปด้วยกองทัพโจรสลัดหลายร้อยคนในชุดหลากหลายสีสัน บางกลุ่มง้างเกาทัณฑ์หน้าไม้ บางกลุ่มควบคุมขบวนรถฟ้าลั่น แสดงถึงศักยภาพไม่แตกต่างไปจากกองทหารแผ่นดินใหญ่สักเท่าไหร่ ทำให้ฝ่ายซุนกวนตกอยู่ในวงล้อมศัตรูด้วยจำนวนคนที่น้อยนิดไปโดยปริยาย
และแล้ว เจ้าชายโกอีในชุดพ่อค้าใหญ่ค่อยก้าวออกมายืนสั่งการบนหัวเรือ โบก ธงสัญญาณโจมตี หวังแก้แค้นให้กับผู้ตายเมื่อครู่ ห่าฝนเกาทัณฑ์ ก้อนหิน และลูกไฟจากเครื่องยิงปลิวว่อนเต็มท้องฟ้ามาจากด้านในของเกาะ สาดเข้าใส่กองทัพเดนตายของซุนกวนแบบไม่ยั้งมือ
เพียงรอบแรกของการโจมตีระยะไกล กองทัพกังตั๋งก็สูญเสียไปกว่าครึ่ง รวมทั้งลกซุนที่สละชีพใช้ร่างกายคุ้มกันให้กับเจ้านครซุนกวน จึงถูกยิงใส่เต็มตัวล้มลงไปแล้ว ส่วนกำเหลง เล่งทองเองก็ได้รับบาดแผลตามตัวไม่น้อยเช่นกัน จนซุนกวนเงยหน้ามองท้องฟ้า เปล่งเสียงร่ำไห้ “หรือว่า นี่คือจุดจบของเราซุนกวนแล้ว”
การโจมตีระลอกสองเริ่มขึ้นอีกแล้ว พวกทหารยังคงล้มตายไปแบบไม่มีหนทางตอบโต้ กำเหลงหดหู่เสียใจ แต่ไม่ยอมเป็นเป้านิ่งให้ตายเปล่า จึงกู่ร้องขึ้นและโดดเข้าใส่เรือของนางโจรสลัดที่ยังคงจอดนิ่ง ไม่มีการจู่โจมใดๆจากฟากนี้จนน่าแปลกใจอยู่บ้าง
เสียงตวาดหยุดมือดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ แสดงถึงพลังภายในที่เต็มเปี่ยม ทำให้การโจมตีทั้งหมดหยุดยั้งลงทันที ร่างของนางโจรสาวสวยวัยสี่ห้าสิบปีที่ควรจะเป็นนาคีผมแดงลอยขึ้นใช้ดาบเรียวยาวฟันปะทะกับกรงเล็บมีดดาบของกำเหลงถี่ยิบ จนร่างของคนทั้งสองตกลงบนพื้นน้ำตื้นริมทะเล แต่การต่อสู้ของทั้งสองยังไม่หยุดยั้ง ทั้งอาวุธทั้งฝ่ามือยังกระแทกกันต่อเนื่องด้วยพลังยุทธ์ที่ก้ำกึ่งกันอย่างเห็นได้ชัดเจน เรียกเสียงโห่ร้องจากพวกโจรดังสนั่น เพราะไม่ได้เห็นนายหญิงออกโรงแสดงฝีมือมาเนิ่นนานแล้ว
เพียงแต่เจ้าชายโกอีไม่ได้มีอารมณ์สนุกสนานไปด้วย เพราะมันเพิ่งสูญเสียคนไปจำนวนมากมาย และยังเห็นผู้นำฝ่ายโจรสลัดสั่งให้หยุดมือ เพียงเพื่อได้แสดงฝีมือยุทธ์กับฝ่ายตรงข้าม จึงคว้าเอาเกาทัณฑ์ประจำตัวขึ้นมา เล็งเข้าใส่กำเหลง พอเห็นมีจังหวะ ก็ปล่อยลูกเกาทัณฑ์ใส่ทันที เหมือนไม่กลัวเกรงจะพลาดพลั้งไปถูกคนฝ่ายเดียวกัน
เสียงดังสวบ ลูกเกาทัณฑ์ปักทะลุเข้ากลางหลังของกำเหลง ทำให้กระบวนท่าหยุดชะงักลงกลางคัน นางโจรยั้งมือไม่ทัน จึงตวัดดาบผ่านใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามเปิดแผลเป็นทางยาว และฟาดฝ่ามือต่อเนื่องเข้าใส่ที่หน้าอกอีกหนึ่งครั้ง จนร่างของกำเหลงลอยคว้างไปตกห่างจากจุดต่อสู้หลายก้าว นอนแน่นิ่งไม่อาจลุกขึ้นเองแล้ว
พอพบเห็นความผิดปกติของคู่ต่อสู้ นาคีผมแดงโกรธจัด ถลึงตาใส่พันธมิตรต่างชาติ แต่ยังไม่กล้าตอบโต้กับเจ้าชายโดยตรง จึงลากตัวกำเหลงขึ้นมาจากน้ำทะเล โยนให้ลูกน้องพาไปรักษาอาการบาดเจ็บ และก้าวเดินไปสำรวจฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด จนสังเกตพบซุนกวน เล่งทอง ที่ถูกองครักษ์รายล้อมอยู่ “เจ้าคือซุนกวน เจ้านครกังตั๋ง?”
ซุนกวนไม่อาจแสดงความอ่อนแอ จึงยืดอกรับคำ ทำให้ท่าทีของเจ้าชายโกอีที่ยืนสังเกตอยู่ในระยะไกล เปลี่ยนแปลงไปทันที เสียงล่ามโกกุเรียวรีบส่งคำสั่งเข้ามา “เจ้าชายเราต้องการพบซุนกวนเป็นการส่วนตัว ขอให้ท่านหญิงจับกุมฝ่ายตรงข้ามเป็นเชลยไว้ก่อน”
“ท่านหญิง” ย่อมหมายถึงนาคีผมแดง หรือว่า กองโจรกลุ่มนี้ได้สวามิภักดิ์ต่อพวกต่างชาติแพกเจไปแล้ว หรือว่า นี่คือกองทหารลับของพวกมันกระมัง
กลุ่มโจรทะยอยกันกลับสู่รังลับด้านในเกาะ นำพาซุนกวน กำเหลง แยกออกไปคนละเส้นทาง เล่งทองและทหารที่หลงเหลือก็ถูกจับกุมในฐานะเชลยลัดเลาะไปอีกเส้นทางหนึ่ง ส่วนซากศพคนตาย รวมทั้งลกซุน ถูกโยนกองรวมกัน รอการเผาทำลายในภายหลัง
…
ซุนกวนได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าชายโกอีในค่ายใหญ่ของรังโจรสลัด และทำความเข้าใจกับสถานการณ์บนเกาะร้างทัมราผ่านล่าม ดังนี้ เปลือกนอก เกาะทะเลเพลิงแห่งนี้ คือ รังใหญ่ของโจรสลัดกลุ่มหัวกระโหลกโลหิต แต่อีกนัยหนึ่ง ก็คือ ฐานทัพลับของเจ้าชายโกอีแห่งอาณาจักรแพกเจด้วยเช่นกัน
เมื่อสักสิบปีก่อน กลุ่มหัวกระโหลกโลหิตได้รับการติดต่อจากเจ้าชายโกอีให้ร่วมมือกันพัฒนาเป็นกองทัพโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในท้องทะเลทางเหนือ เพื่อรวบรวมไพร่พล และฝึกซ้อมฝีมือรบไปพลางก่อน แล้วเมื่อถึงเวลาอันควร กองทัพโจรสลัดจะกลายเป็นกองกำลังกู้ชาติให้กับอาณาจักรแพกเจ ดังนั้น นางมารจึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นท่านหญิง เทียบเท่าขุนพลเอก และเสียวเหลงยี่บุตรชาย ก็เติบใหญ่ขึ้น จนได้ตำแหน่งเป็นขุนพลรองในภายหลัง เป็นการรับประกันตำแหน่งไว้ล่วงหน้าก่อน
สถานะของอาณาจักรแพกเจนั้นยังไม่มั่นคงนัก มักถูกกดดันจากอาณาจักรโกกุเรียวและอาณาจักรซิลลา แทบไม่แตกต่างไปจากแผ่นดินฮั่นเลย แม้ว่าในช่วงที่อดีตกษัตริย์โซโกครองราชย์นั้น ได้แสดงความสามารถทางการรบเอาไว้อย่างน่าเกรงขาม แต่พอผ่านราชสมบัติมายังกษัตริย์กูซูผู้บุตร กลับเปลี่ยนแนวทางมาใช้การทูตสันติวิธี ทำให้เจ้าชายโกอีไม่พอใจ และเริ่ีมสร้างฐานทัพลับในรูปแบบต่างๆขึ้นมาเอง เช่น กองทัพโจรสลัด กองทัพโจรภูเขา เป็นต้น หวังว่า สักวันหนึ่ง จะรวบรวมไพร่พลหลายฝ่ายกลับไปชิงบัลลังก์ให้กับตนเอง และดำเนินการปกครองอาณาจักรแพกเจในรูปแบบที่คาดหวัง
โครงสร้างของสังคมภายในเกาะทะเลเพลิงทัมราในช่วงหลังนี้ จึงคล้ายคลึงกับความเป็นอยู่ของกองทหารรับจ้างพลัดถิ่น ซึ่งประกอบไปด้วยกองโจรกลุ่มหัวกระโหลกโลหิตเป็นแกนนำ และกองโจรขนาดใหญ่น้อยกลุ่มอื่นๆมาสมัครเป็นพวกพ้อง แยกกันอยู่ไปตามป้อมค่ายต่างๆ ทำให้จำนวนคนของกองทัพโจรสลัดดังกล่าวขยายตัวขึ้นถึงระดับหลายพันคน อีกทั้งยังมีไพร่เชลยชายหญิงที่ถูกกวาดต้อนมาอีกจำนวนมาก ที่ทำหน้าที่รับใช้งานจิปาถะ และรองรับอารมณ์เปลี่ยวจากเหล่าโจรด้วยความจำยอม
เจ้าชายโกอีมักนำขบวนเรือรบพร้อมกองทัพส่วนตัวมาเยี่ยมเยียนตรวจความพร้อมเป็นครั้งคราว บางครั้ง ก็อาจนัดหมายจารชนสายข่าวเข้ามาพูดคุยสอบถามกัน โดยครั้งนี้ ที่จริง โกอีมุ่งมั่นจะนำกองกำลังกู้ชาติไปจู่โจมชิงบัลลังก์จากหลานชายแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับพบความยุ่งเหยิงของขุมโจรสลัดที่นำกำลังพลออกไปต่อสู้กับพวกวุยก๊กโดยพลการ จึงมีความไม่พอใจเป็นทุนเดิมก่อนแล้ว เพราะเกรงจะเกิดความสูญเสียโดยไม่จำเป็น
พอเจ้าชายโกอีทราบว่า ศัตรูที่ตนเองต่อสู้อยู่ด้วยนั้น ก็คือ เจ้านครซุนกวนแห่งกังตั๋ง จึงตกใจ และเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหวังว่า เรื่องราวจะคลี่คลายไปในทางที่ดี และแสดงความจริงใจ โดยการสั่งปล่อยตัวเล่งทองและทหารที่เหลือ และจัดพื้นที่ให้พำนักอาศัยในป้อมค่ายให้เป็นอิสระต่างหาก แต่ยังมีสมุนโจรรักษาการณ์ล้อมรอบอย่างแน่นหนา ยังไม่บอกกล่าวในรายละเอียดก็พอเดาได้ว่า เจ้าชายแดนแพกเจต้องการจะได้ซุนกวนและดินแดนกังตั๋งเป็นพันธมิตรในระยะยาว จึงได้ยอมอ่อนข้อเช่นนี้
ซุนกวนรับฟังเรื่องราว แต่ขอประวิงเวลาให้ตนเองได้กลับเมืองของตนเองก่อน จึงจะรับปากให้คำมั่นสัญญา สุดท้าย ซุนกวน เล่งทอง จึงได้พบหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง แต่ยังขาดกำเหลงไปอีกคน ซึ่งนางโจรสาวอ้างว่า กำลังรักษาอาการให้ในค่ายของนางเอง
…
ในเหตุการณ์ต่อสู้ที่ชายหาดวันก่อนนั้น ทางพวกสมุนโจรสลัดเองย่อมสังเกตเห็นได้ว่า พวกแพกเจมีกองกำลังในลำเรือจำนวนมากพอที่จะจัดการกับพวกกังตั๋งได้ไม่ยากนัก แต่กลับหดหัวซ่อนตัว เอาแต่สั่งการให้ฝ่ายโจรสลัดออกโรงทำศึกจนเกิดความสูญเสียไปไม่น้อย แสดงว่า พวกต่างถิ่นให้ความสำคัญต่อคนกันเองมากกว่าชีวิตพวกโจร และเมื่อมีกองทหารแพกเจมาพักอาศัยร่วมกันอีกกลุ่มใหญ่ ใช้สอยเบียดเบียนเสบียงอาหาร ที่พักอาศัย และไพร่เชลยรับใช้ กองโจรกลุ่มต่างๆจึงเริ่มมีท่่าทีขุ่นเคืองใส่กันอยู่บ้าง
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรือลำสุดท้ายที่หลุดรอดมาจากสมรภูมิแม่น้ำฮวงโห กลับมาแจ้งเรื่องการตายของเสียวเหลงยี่ พร้อมกับความสูญเสียของเรือรบอีกหลายลำ ทำให้นางมารบันดาลโทสะ ต้องการจะไปถล่มเมืองปักไฮอีกครั้งหนึ่ง แต่เจ้าชายโกอีคัดค้าน และให้เตรียมตัวเพื่อไปรบชิงอาณาจักรแพกเจแทน ทำให้บรรยากาศของกองทหารและพวกโจรสลัดยิ่งมึนตึงขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
ทางด้านซุนกวนดูนิ่งเงียบกว่าปกติ จนเล่งทองสงสัยใจ สุดท้าย เมื่อพวกเล่งทองแข็งแรงขึ้นแล้ว ซุนกวนจึงยอมเฉลยว่า ตนเองได้ใช้พลังหูทิพย์ตรวจสอบแล้ว กำเหลงฟื้นคืนสภาพร่างกายได้หลายส่วน แต่ยังแสร้งบาดเจ็บเลอะเลือนอยู่เช่นกัน แถมตนเองยังค้นพบความลับอันยอดเยื่ยมอีกประการหนึ่ง เสนาบดีบู๊ ลกซุน ผู้เป็นหลานเขยยังไม่ตาย
เบื้องแรกนั้น ซุนกวนได้ยินเสียงเคาะก้อนหินเป็นทำนองบทเพลงกว่างหลิงส่านซึ่งไม่น่าจะได้ยินจากพวกโจรสลัด จึงใช้พลังหูทิพย์ของตนเองไปตรวจสอบ ปรากฏว่า ผู้ที่เคาะสัญญาณ ก็คือ ลกซุน กุนซือพยัคฆ์คะนองที่สามารถคืนชีพมาได้อีกครั้งหนึ่งด้วยพลังวิเศษของหมอกควันมังกร นัดแนะให้ใช้การปิดพรางไฟตะเกียงตอบรับข่าวสารกัน
ลกซุนปลอมตัวปะปนอยู่ในพวกโจรสลัดอยู่ภายนอก คิดหาหนทางการหลบหนี และใช้การสื่อสารทางเดียวแจ้งข่าว เพื่อไม่ให้พวกยามรักษาการณ์ผิดสังเกต เมื่อแน่ใจว่า ซุนกวนผู้มีหูทิพย์รับรู้การคงอยู่ของตนเองแล้ว จึงส่งเสียงอธิบายแผนการหลบหนีไปจากเกาะนรก โดยนัดหมายกับกำเหลงไว้แล้วในค่ำคืนเดือนเพ็ญ ซึ่งก็คือ อีกเจ็ดวันข้างหน้านี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่จอมโจรหญิงมักจะปลีกตัวเข้าสมาธิในถ้ำลับด้านหลังเกาะ
…
ในที่สุด ค่ำคืนที่รอคอยก็มาถึง กองทัพโจรสลัดอ่อนด้อยไปเล็กน้อย เพราะมีกองกำลังบางส่วนออกไปหาเสบียงกรัง และกวาดต้อนผู้คนมาเป็นไพร่เชลยเพิ่มเติม ยังคงมีเรือรบโจรสลัด จอดนิ่งอยู่ราวยี่สิบสามสิบลำ ปะปนอยู่กับขบวนเรือรบแพกเจ และเรือสินค้ากังตั๋ง สมุนโจรส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหลับไหล ไม่ก็มึนเมาไม่ได้สติตามประสากองโจร คงมีแต่พวกยามรักษาการณ์ที่ยังเฝ้าระวังตามจุดสำคัญอย่างแข็งขัน
ลกซุนที่เบื้องแรกมีเพียงลำพังตัวคนเดียวที่รอดชีวิต แต่บัดนี้ กลับมากับพวกโจรสลัดหญิงชายจำนวนหนึ่ง และไพร่เชลยหลายสิบคนติดตามมาด้วย ที่แท้ ลกซุนโชคดียิ่งนัก ในวันที่ตนเองถูกยิงตาย กองรวมอยู่กับซากศพทหารและโจรนั้น ได้พบกับ เซียงเซียง จอมยุทธ์สาวที่ปลอมตัวเข้ามาเป็นนางโจร เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ถูกจับตัวมาจากแผ่นดินใหญ่พอดี ในเมื่อทั้งสองมีเป้าหมายสอดคล้องต้องกัน จึงทำให้ภารกิจของลกซุนง่ายดายขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือกำเหลงออกจากค่ายโจรนาคี
ลกซุนสั่งการให้ไพร่เชลยแยกย้ายกันจุดไฟเผาป่าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วทั้งเกาะรอบนอกก่อน ในขณะที่เซียงเซียงที่มีสถานะสูงพอในการเข้าออกค่ายโจร แอบทำลายที่คุมขัง ชิงตัวกำเหลงออกมาช่วยรบ ใช้ความเป็นผู้นำทัพที่มีประสบการณ์ นำพวกโจรสลัดกลับใจให้ย้อนกลับไปบุกเข้าคลังอาวุธ ใช้รถฟ้าลั่นระดมยิงใส่พวกแพกเจและโจรสลัด ก่อกวนให้สองฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ก่อน เริ่มลงมือเข้าใส่กันเองด้วยความเข้าใจผิด
หลังจากที่ก่อกวนให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ซุนกวน เล่งทองกับกองทหารกังตั๋งที่เหลือ ก็ฉวยโอกาสบุกออกจากค่ายที่ถูกกักกันเอาไว้ สังหารยามรักษาการณ์ตามเส้นทาง และยามประจำชายฝั่งจนหมดสิ้น แล้วรีบมาหลบซ่อนอยู่ในเรือรบใหญ่แพกเจลำที่เจ้าชายโกอีใช้ ซึ่งน่าจะมีประสิทธิภาพความเร็วดีที่สุด รอคอยให้พวกลกซุน กำเหลง เซียงเซียงทะยอยนำพวกโจรกลับใจและไพร่เชลยขึ้นมาบนเรือพร้อมกัน ค่อยออกเดินทาง
…
เจ้าชายโกอีประเมินสถานการณ์เบื้องหน้าแล้ว เห็นว่า ขุมกำลังลับแห่งนี้เสียหายเกินเยียวยา จึงสั่งการให้ทหารในสังกัดเปิดเส้นทางเพื่อหลบหนีลงเรือไปก่อน แต่แล้ว กลับพบว่า เรือรบของตนลอยออกนอกทะเลใหญ่ไปแล้ว จึงสั่งการให้ใช้เรือรบแพกเจที่เหลือแทน และทำลายหางเสือเรือรบลำอื่นๆไม่ให้ติดตามตนเองได้ทันในเวลาอันใกล้
ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างในคืนเดือนเพ็ญ เจ้าชายโกอีมองเห็นเรือรบประจำตัวหายลับขอบฟ้าไปทางทิศใต้แล้ว ส่วนเรือรบที่ตนเองใช้ล่าถอย ก็ปรับเส้นทางมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือ แต่แล้ว บนขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกไกลๆ กลับปรากฏขบวนเรือรบต่างถิ่นขนาดใหญ่กว่าของตนเองถึงสองสามเท่าจำนวนมากมายกำลังเคลื่อนที่เข้ามา ดูจากทิศทางแล้ว น่าจะมุ่งหน้าสู่เกาะทัมราที่กำลังเกิดไฟลุกไหม้สว่างไปทั่วทั้งบริเวณจนมองเห็นได้ง่ายจากระยะไกล จึงรีบเร่งให้ขบวนเรือของตนหลีกเลี่ยงให้พ้นระยะสายตาโดยเร็ว
“หรือว่า เป็นเรือทหารข้ามทะเลจากดินแดนใด ต้องการสร้างผลงานชื่อเสียง ถือว่าเป็นโชคดีของมันแล้วล่ะ ถ้าผ่านด่านของนางมารร้ายได้” เจ้่าชายโกอีแห่งอาณาจักรแพกเจ สำนึกเสียใจที่ขาดทุนย่อยยับ เสียทั้งขุมกำลังลับโจรสลัด และไม่ได้ความร่วมมือจากคนกังตั๋ง จึงได้แต่คิดหาหนทางอื่นในการชิงบัลลังก์ให้กับตนเองต่อไป
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย