27 ต.ค. 2021 เวลา 23:40 • นิยาย เรื่องสั้น
7.6. มรดกกุนซือปีศาจ
เทียบู เทียหยก พ่อลูกกุนซือเงามืด - เขาเฉียว โหรหลวงฝืนชะตา
ฝ่ายกำเหลงประคองร่างของเซียงเซียงออกจากการต่อสู้ รีบพาไปแก้ไขจนคืนสติแล้ว ค่อยพากลับมาโรงเตี๊ยม หมายจะแนะนำกับท่านหมอฮ่วมอาตามมารยาท เผอิญฮ่วมอานั่งสนทนาอยู่กับคนแปลกหน้าในห้องพัก จับความได้ว่าเป็นศิษย์พี่นามโงโพ้ จึงไม่กล้าเข้าไปแทรกแซง จนเวลาล่วงเลยไปถึงดึกดื่น กลับมีคนมาเพ่ิมอีกคนหนึ่ง เป็นคนคลุมหน้าชุดดำร่างใหญ่ที่เมื่อครู่ลงมือต่อสู้กับพวกมัน ได้ยินคำเรียกหาว่าท่านศิษย์อาเหยี่ยวดำ จึงเข้าใจว่า ทั้งสามมีความสัมพันธ์กันอยู่ จึงแอบฟังบทสนทนาต่อไปอย่างยาวนาน
สรุปใจความว่า ทั้งสามปรึกษาหารือกันเรื่องกุนซือปีศาจ กาเซี่ยง ฉายา กระตั้ว ศิษย์พี่ของเหยี่ยวดำว่า มิใช่เป็นผู้ลงมือทำร้ายหมอฮัวโต๋ ฉายานกฮูก อาจารย์ของโงโพ้ฮ่วมอา แต่คนร้ายที่แท้จริง คือ โจผีเป็นคนเปิดโปง โจโฉเป็นผู้บงการฆ่า กับ จูกัดเอี๋ยน องครักษ์เป็นผู้ลงมือ ทั้งสามจึงตกลงกันจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกาเซี่ยง และสร้างหน่วยปักษาสวรรค์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่เหยี่ยวดำยังขอนำเรื่องไปปรึกษากับนางแอ่น ศิษย์พี่อีกคนหนึ่งที่เสฉวนก่อน เป็นเสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลปักษาสวรรค์ในปัจจุบัน
กำเหลง โจเซียงตาลุกโพลงตลอดเวลา ความลับเรื่องนี้ยิ่งน่าตระหนกกว่าขุมกำลังของจูกัดเอี๋ยนเมื่อครู่เสียอีก เพราะชื่อเสียงของสมาชิกแต่ละคนล้วนโด่งดัง และมีตำแหน่งสำคัญทั้งสิ้น จนนึกกลัวว่า พวกตนจะไม่ปลอดภัย จึงชักชวนกันหลบหนีไปในยามนั้น
วันรุ่งขึ้น เหยี่ยวดำ โงโพ้แยกย้ายไปตามเส้นทางที่กำหนดก่อนแล้ว เหลือเพียงฮ่วมอาที่ตามหาโดยรอบ ยังไม่พบกำเหลง จึงทิ้งเวลารอคอยอีกหนึ่งวัน ค่อยฝากข้อความไว้กับคนดูแลโรงเตี๊ยม แล้วเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงโดยไม่รู้ว่าความลับพวกตนรั่วไหลไปแล้ว
หลังจากที่กำเหลง โจเซียงปรึกษากันแล้ว แทนที่จะประวิงเวลาให้ล่าช้าเกินไป ทั้งสองเห็นพ้องกันตามวิสัยคนใจนักเลง มุ่งมั่นจู่โจมกับพวกสกุลกุย และกาเซี่ยงในงานเลี้ยงพระราชทานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเจ็ดวันข้างหน้าพอดี รีบมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง คิดอาศัยช่องทางสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของเครือข่ายตระกูลซุนปลอมปนเข้าไปจัดการกับศัตรู
ช่องทางที่ว่านั้น ก็คือ เทียหยก หรือเทียลิด น้องชายร่วมสายเลือดของเทียเภา ขุนพลเก่าแก่ฝ่ายง่อก๊กนั่นเอง กำเหลงรับรู้สถานะของเทียหยกจากปากคำของซุนกวน ลกซุนในช่วงเวลาที่รอคอยบนเกาะร้างว่า เทียหยกคือคนสำคัญที่ช่วยจัดการเรื่องเส้นทางการหลบหนีจากวังหลวงในครั้งนั้น และเทียหยกก็คือคนจัดงานเลี้ยงพระราชทานพอดี
แน่นอนว่า เทียหยกย่อมไม่ยินยอมนำมือสังหารเข้าไปในงานเลี้ยง ให้เป็นการเสี่ยงที่จะเปิดเผยสถานะสายลับของมัน ดังนั้น กำเหลงจึงไม่อาจเปิดเผยโฉมหน้าในเบื้องต้น ได้แต่ให้เซียงเซียงนำป้ายสัญลักษณ์กรงเล็บเสือไปแสดง อ้างว่า นางเพียงต้องการปลอมปนเข้าไปเก็บข้อมูลสำคัญภายในงานให้กับลกซุน ผู้เป็นสามีเท่านั้น
เทียหยกจึงจัดแจงให้นางกับองครักษ์เข้าไปในพื้นที่ได้ แต่นึกไม่ถึงว่า พวกนางจะปลอมแปลงเป็นเตียวฮูหยินของตระกูลสุมา จู่โจมเข้าใส่กลางงานเลี้ยงพระราชทานอย่างไม่หวาดกลัวต่อความตาย และเป้าหมายถึงกับเป็นกษัตริย์โจผี และพวกสกุลกุยทั้งสาม อีกทั้ง ยิ่งคาดไม่ถึงว่า บทเรียนของความผิดพลาดในครั้งนี้ คือความตายของตัวมันเอง
แรงกระแทกนั้นมาจากสุมาอี้ คู่ปรับคนสำคัญที่ยืนอยู่ข้างกัน มันถึงได้ซวนเซออกมาด้านหน้า และกลายเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งหินผาขององครักษ์กุยห้วยที่ร่วงหล่นใส่ตัวมัน จนมันได้ยินเสียงกระดูกในร่างกายลั่นหักดังเกรียวกราวก่อนขาดใจตาย
กลับมาสู่เวลาปัจจุบัน โงโพ้ ฮ่วมอา ปลอมตัวปะปนอยู่กับฝูงชน มองดูพิธีศพพระราชทานที่ถูกจัดขึ้นให้กับโจหยิน กาเซี่่ยง เทียหยก และกุยเฮงที่เผอิญป่วยตายพร้อมกันหลังจากงานเลี้ยงพระราชทาน คนทั้งสองมีความรู้ทางการแพทย์มากพอที่จะมองออกในระยะไกลว่า คนทั้งสี่ตายด้วยอาการบาดเจ็บ ไม่ใช่ป่วยไข้อย่างแน่นอน
“ในที่สุด พวกท่านก็กลับมาแล้ว” เสียงทุ้มหนักดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นเสนาบดีการคลังคนใหม่กากุ๋ยวัยห้าสิบปีจูงมือเด็กน้อยกาอุ้นวัยเจ็ดขวบในชุดไว้ทุกข์กล่าวคำทักทายกับคนทั้งสองที่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว “เชิญไปพำนักพูดคุยที่สำนักหอสมุดใต้หล้าเถิด ท่านพ่อฝากเรื่องราวไว้มากมายนัก รวมถึงเรื่องราวการลอบสังหารกลางงานเลี้ยงพระราชทาน พวกเราคงมีเรื่องต้องพูดคุยกันนานสักหน่อยแล้ว”
สองแพทย์หนุ่มใหญ่มองสบตากันประสาคนรู้ใจ คงถึงคราวที่ทายาทกลุ่มปักษาสวรรค์จะมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งแล้วกระมัง
...
ณ ห้องรับรองส่วนตัวในสถานบันเทิงครบวงจรของสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน สุมาล่ง เขาเฉียว รับฟังคำอธิบายขยายความจากสุมาอี้ ถึงเรื่องที่โจเซียงแอบปลอมตัวเข้ามาแทนที่เตียวฮูหยิน ไปจนถึงการตายของกำเหลงและขุนนางใหญ่ทั้งสี่
ที่แท้ หลังจากที่พวกโจเซียงปะปนเข้ามาในงานพิธีการในคราบคนงานในครัวหลวงด้วยความร่วมมือของเทียหยกได้แล้ว กำลังหาทางเข้าใกล้ตัวฮ่องเต้อยู่ เผอิญพบหน้ากับกุนซือสุมาอี้ที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องอาหารและสถานที่โดยบังเอิญ แน่นอนว่า สุมาอี้จดจำอดีตนางสนมโจเซียงได้ แต่พอสุมาอี้รับทราบว่า โจเซียงต้องการลอบสังหารโจผี แก้แค้นให้กับโจสิด จึงคิดแผนการให้นางใส่ผ้าคลุมหน้าปลอมเป็นเตียวชุนฮัว ใช้จังหวะการแนะนำตัวต่อหน้ากษัตริย์ใหม่ในการลงมือจู่โจมอย่างกระทันหัน โดยมันเองก็ไม่ทันล่วงรู้ว่า ขุนพลกำเหลงแอบปะปนอยู่ข้างกายด้วยอีกคนหนึ่ง
พอจบเรื่องราวแล้ว มันก็นัดแนะให้ฮูหยินของมันลอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของ ทำเป็นสลบไสลไม่ได้สติ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เป็นพวกโจเซียงทำร้ายนางเพื่อสับเปลี่ยนตัวกัน จะได้รอดพ้นจากมลทินทั้งปวง
สุมาล่งพยักหน้ารับทราบ ในขณะที่เขาเฉียวชูมือยกย่องแผนการของสุมาอี้อย่างออกนอกหน้า จนทำให้สุมาล่งต้องเอ่ยปากขึ้นบ้าง “ท่านมาในวันนี้ ด้วยฐานะโหรหลวงเขาเฉียว หรือ ซินแสตาทิพย์กวนลอกันแน่ ข้าเร่ิมสงสัยในตัวท่านแล้วสิ”
เขาเฉียวทำหน้าเลิ่กลั่ก ส่งสายตาให้สุมาอี้ช่วยแก้ไข ไม่เข้าใจว่า สุมาล่งกล่าวจริงจังหรือล้อเล่นกันแน่ สุมาล่งไม่ได้รับคำตอบ จึงหันมาจ้องมองเขาเฉียวอย่างดุดัน “กาเซี่ยงได้เป็นพวกเดียวกันกับเรามานานแล้ว เพียงแต่ต้องการขุดรากถอนโคนขบวนการฟ้าดินให้สิ้นซาก จึงยังไม่เปิดเผยสถานะที่แท้จริงต่อผู้ใด เพื่อหวังกำจัดจารชนสองหน้าให้สิ้นซาก มันเคยกล่าวไว้เนิ่นนานแล้วว่า หากมันตายด้วยน้ำมือผู้ใด ให้แน่ใจได้เลยว่า ผู้นั้นคือคนทรยศ นึกไม่ถึงว่า ในที่สุด มันถึงกับตกตายไปด้วยฝีมือของท่านนี่เอง”
เขาเฉียวหน้าซีดขาว ไม่รู้จะกล่าวแก้ตัวอย่างใด สุมาล่งจึงค่อยๆดึงหน้ากากพร้อมผมปลอมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงพร้อมกล่าว “เราเฝ้าดูเจ้ามานานแล้ว เจ้าเป็นจารชนอันยอดเยี่ยมในกังตั๋ง คงจะคิดใช้กลยุทธ์เดิมกับพวกเราอีกกระมัง ช่างโง่เขลานัก”
เขาเฉียวตาเบิกโพลง ไม่เชื่อในสายตาว่า คนที่อยู่ตรงหน้าก็คือสุมาล่งที่มันพยายามค้นหาตัวตนที่แท้จริงมานานแล้ว เห็นสุมาล่งขยับฝ่ามือเล็กน้อย ผงพิษก็ฟุ้งกระจายปกคลุมใบหน้าของเขาเฉียว ทิ้งร่องรอยสีขาวจาง แต่เพียงพอที่ทำให้ชีวิตคนดับสูญ
ณ ห้องรับรองในสำนักหอสมุดใต้หล้า กากุ๋ยพูดคุยกับโงโพ้ ฮ่วมอา เพื่อสอบถามถึงร่องรอยของสมาชิกคนอื่นที่หลงเหลืออยู่ อันที่จริงแล้ว นอกจากกลุ่มศิษย์อาจารย์นกฮูกที่เคยมาเยี่ยมเยียนกาเซี่ยงอย่างเปิดเผย กากุ๋ยแทบจะไม่เคยพบเห็นสมาชิกคนอื่นๆเลย
“พวกเราเพิ่งแยกทางกับท่านอาเหยี่ยวดำเมื่อหลายวันก่อน ฟังว่า ท่านจะเดินทางไปปรึกษาหารือกับท่านอานางแอ่นที่ดินแดนเสฉวน ส่วนท่านอาหัวขวานหายสาบสูญไปสักพักหนึ่งแล้ว หลังจากที่ถูกคนของวุยก๊กตามหามาช่วยสร้างสุสานหลวงครั้งนั้น” ฮ่วมอาศิษย์น้องเป็นคนช่างเจรจามากกว่าโงโพ้ จึงเป็นผู้พูดเสียส่วนใหญ่
“เรามาพักผ่อนอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันก่อนแล้ว” เสียงแหลมเล็กของม้ากิ๋น หัวขวานดังขึ้นจากประตูลับที่กำลังเปิดออกมาจากตู้หนังสือด้านข้าง “เราแวะผ่านมาทางเมืองหลวงนี้ ตั้งใจว่าจะไปสำรวจสุสานหลวงสักครา นึกไม่ถึง กลับได้รับข่าวการตายของพี่ห้า พร้อมกับรหัสเรียกหาสมาชิกปักษากระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง เราจึงตัดสินใจมาเปิดเผยตัวตนกับหลานกุ๋ย และได้รับการเชื้อเชิญให้มาพักอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
โงโพ้ ฮ่วมอา มองดูม้ากิ๋นมีใบหน้าราวกับคนอายุสี่สิบปี ในขณะที่กากุ๋ยอายุถึงห้าสิบกว่าปี และยังคร่ำเคร่งจนแก่กว่าวัยไปอีก จึงอดขันในใจไม่ได้ที่ม้ากิ๋นยังคงเรียกหากากุ๋ยตามลำดับอาวุโสเช่นนั้น
ม้ากิ๋นคร้านที่จะอธิบายความนัยที่แท้จริงให้กับคนยุคโบราณเหล่านี้ ยามนั้นที่กระตั้วเดินทางมาสวมรอยเป็นกาเซี่ยง กากุ๋ยก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วสิบกว่าขวบปี กระตั้วจึงเลี้ยงดูมาเสมือนลูกหลานจริงๆ แต่ไม่เคยบอกเล่าความลับเรื่องหน่วยปักษาสวรรค์ให้มากเกินความจำเป็น จึงตัดบทขึ้น “ในเมื่อคนอื่นยังอยู่ห่างไกล หลานกุ๋ยก็นำจดหมายสั่งเสียมาให้ข้าดูก่อนเถิด จะได้ไม่ทิ้งเวลาให้เนิ่นนานเกินไป”
“ช้าก่อน ข้ามาถึงแล้ว” เหยี่ยวดำลอยตัวผ่านหน้าต่างเข้ามาอย่างง่ายดาย ทั้งหมดทักทายกันเป็นพิธีแล้ว เหยี่ยวดำค่อยมีโอกาสกล่าวต่อ “ข้าได้ยินข่าวการตายของสี่ขุนนางใหญ่วุยก๊ก จึงย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ที่นี่ก่อน พอดีเห็นพวกท่านเดินทางร่วมกัน จึงแอบติดตามมาสักระยะหนึ่งแล้ว พร้อมกับตรวจสอบดูว่า มีใครอื่นสะกดรอยมาหรือไม่”
 
“แล้วมีหรือไม่ น้องเล็ก” ม้ากิ๋นสวนคำตามประสาคนปากไว
“มีสองคน คนแรกโดนรถม้าชนตาย และคนที่สองพลัดตกสะพานตาย ล้วนเป็นอุบัติเหตุสามัญทั้งสิ้น” เหยี่ยวดำตอบกลับอย่างเฉยชา มือสังหารอย่างมัน หากต้องลงมือจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ ย่อมไม่ยากเย็นเกินไป
กากุ๋ยพยักหน้ารับทราบ ไม่ว่ากล่าวกระไรอีก พลางเดินไปกดกลไกตู้หนังสืออีกฝั่งหนึ่ง หยิบเอากล่องโลหะทรงรีสลักเป็นรูปนกอินทรีสยายปีก และนกต่างพันธุ์อีกสิบสองตัวเรียงรายกันอย่างสวยงาม มามอบให้ม้ากิ๋นทีี่มีลำดับอาวุโสกว่า ม้ากิ๋นนึกถึงลูกเหล็กต้นแบบที่นางแอ่นเคยได้รับมาจากเตียวล่อ-หัวขวานในโลกคู่ขนาน คาดเดาว่า หัวขวานผู้นั้นเคยมอบกล่องลับนี้ให้กับกระตั้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ม้ากิ๋นจึงกรีดนิ้วหยดเลือดลงตรงตำแหน่งตัวอักษร BLOOD กลางอกนกอินทรี ฝากล่องดีดเปิดขึ้นในทันที เผยให้เห็นจดหมายสั่งเสียที่กาเซี่ยงบันทึกเอาไว้ก่อนตาย ม้ากิ๋นไม่แน่ใจว่า ใจความอาจส่งผลกระทบต่อคนอื่น จึงขอตัวอ่านเนื้อหาร่วมกับเหยี่ยวดำก่อน
“ชั่วชีวิตของเรากระตั้ว-กาเซี่ยง มีโอกาสอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการดูแลสงครามใหญ่ของแผ่นดิน ไม่ว่าใครต้องการยึดครองประเทศ ล้วนต้องดำเนินการจากเมืองหลวง เราจึงทุ่มเทเวลาให้กับการสืบค้นขุมกำลังลับต่างๆที่เชื่อมโยงกัน หรือขับเคื่ยวกันในทางแจ้งและทางลับ ขุมกำลังลับส่วนใหญ่ล้วนเปิดเผยตัวตนไปแทบหมดสิ้นแล้ว อย่างเช่น สำนักหุบเขาปีศาจของซุนเกี๋ยน ซุนกวนที่โยงใยไปถึงพรรคฟ้าเหลือง เครือข่ายสุมา และกองทัพธรรม ขบวนการฟ้าดินของจูกัดกุ๋ย จูกัดเหลียงที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลังสำนักหุบเขาปีศาจอีกทอดหนึ่ง ต่างก็ผ่านช่วงรุ่งโรจน์สูงสุดไปแล้ว
เราค้นพบว่า ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซ่อนตัวอยู่ในขุมกำลังลับทั้งสอง และมีความสามารถสูงส่งยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เราจึงต้องวางตัวเป็นคนการเมือง พลิกแพลงไปตามสถานการณ์จนกว่าจะค้นพบหน่วยงานดังกล่าว และในที่สุด เราก็ค้นพบแล้ว เป็นสำนักฟ้าประทานของสุมาล่ง คนลึกลับที่ยังไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นใคร
เท่าที่รับทราบมา สำนักฟ้าประทานเป็นเครือข่ายที่แท้จริงของตระกูลสุมา ที่เริ่มต้นมาจากสุมารุ่นพ่อ และส่งผ่านมาถึงสุมาล่ง พี่ใหญ่ของพี่น้องแปดคน โดยที่ สุมาอี้ คนรองออกหน้ารับใช้ขุมกำลังอื่น เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลในทางแจ้ง ในขณะที่สุมาล่งกับน้องอีกหกคนปลอมแปลงตัวตน แอบซ่อนทำการในทางลับ
หากแม้นพวกมันทำสำเร็จดั่งที่พวกเราคาดคิด ก็คงไม่เป็นไรดอก แต่สิ่งที่น่ากังวลใจ ก็คือ แผนการก้าวแรกของสุมาล่งนั้น กลับคบคิดกับชนเผ่าอื่นไม่น้อยกว่าสองเผ่า หวังใช้กองทัพต่างแดนมาบั่นทอนกำลังทัพของแผ่นดินจีนทั้งสามก๊ก ซึ่งนับว่าสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะคนทมิฬดินแดนอื่นจะไว้วางใจได้จริงหรือไม่ ยังไม่อาจตอบได้
ดังนั้น ส่ิงที่พวกเราต้องกระทำต่อไป คือการควบคุม และจัดการให้เหตุการณ์ดำเนินไปในทิศทางที่เหมาะสม การผลัดเปลี่ยนราชวงศ์อาจจะต้องใช้ชีวิตคน และวันเวลาในการผ่องถ่ายอำนาจ แต่ไม่อาจ และไม่ควรจะหักหาญด้วยกำลังพลของชนชาติอื่น
แต่หากจดหมายสั่งเสียนี้มาถึงมือของเจ้า แสดงว่าตัวเราได้เกิดเหตุเภทภัยขึ้นแล้วอย่างกระทันหัน เราฝากวานกากุ๋ยให้ตามหาเหล่าสหายร่วมอุดมการณ์มารับมอบพินัยกรรม ก็เพียงเพื่อบอกกล่าวเรื่องราวเช่นนี้ และหวังว่า หน่วยปักษาสวรรค์จะกลับคืนมาอีกครั้ง เพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่เช่นเดิม - กระตั้ว-กาเซี่ยง
ปล. สุสานหลวงจิ๋นซีนั้นสมควรจะว่างเปล่าแล้ว แต่สุสานหลวงวุยบู๊ (ชื่อกษัตริย์อย่างเป็นทางการของโจโฉ) ต่างหากที่น่าสนใจ”
ทั้งสองอ่านจบแล้วงุนงงสงสัย ข้อความอื่นข้างต้นชัดเจน เข้าใจง่าย แล้วจู่ๆกลับพาดพิงถึงสุสานหลวงของโจโฉ หรือว่า กาเซี่ยงแอบไปซุกซ่อนความลับอะไรไว้ที่นั่นอีก
“สุสานนั้นสร้างขึ้นตามงานออกแบบของข้าเอง หากคิดจะเข้าไปตรวจสอบดูสักคราก็คงไม่ยากเย็นกระไร เพียงแต่จะผ่านด่านรักษาการณ์เข้าไปได้อย่างไร” ม้ากิ๋นกล่าว
“บัณฑิตหนุ่มหุยสิว ผู้ช่วยดูแลการก่อสร้างนั้น สนิทสนมกับท่านพ่อและตัวเราอย่างมาก จนท่านพ่อเคยคิดเชิญชวนมาร่วมอุดมการณ์ลับนี้ด้วยกัน เพียงแต่รีรอให้ได้พูดคุยกับพวกท่านก่อน จีึงยังไม่มีโอกาส บัดนี้ หากพวกท่านเห็นด้วย เราก็จะเชิญชวนให้เป็นกิจจะลักษณะ เชื่อว่า มันจะเป็นกำลังสำคัญให้กับพวกเราได้” กากุ๋ยอธิบายเสริม “และนอกจากจดหมายสั่งเสียนี้แล้ว ท่านพ่อยังเคยฝากข้อความไว้ว่า หากท่านตายไปอย่างกระทันหัน ท่านพ่อได้วางหมากจัดการกับคนที่ลงมือสังหารท่านให้ต้องตกตายตามไปแล้ว ดังนั้น ขุมกำลังนั้นจะเสื่อมโทรมลง พอให้พวกเรามีเวลาเตรียมการต่อไป”
เหยี่ยวดำรับฟังแล้วย่ิงซึมเซาลง ลอบเสียใจที่ไม่ได้ติดต่อกับกระตั้ว ให้โอกาสพี่ห้าได้แก้ตัวเรื่องที่ข้องใจมานาน จนตัวคนตายจากไป
“ถ้างั้น หน่วยปักษาสวรรค์ก็เปิดตัวใหม่ได้แล้ว” ม้ากิ๋นพูดเปลี่ยนบรรยากาศที่เงียบงัน ในขณะที่เหยี่ยวดำได้แต่พยักหน้า โงโพ้ ฮ่วมอา กากุ๋ยล้วนยินดี “พวกเจ้าสมควรมีรหัสลับ กากุ๋ยเป็นกระยาง โงโพ้เป็นกระจิบ ฮ่วมอาเป็นกระจาบ ชื่อเป็นมงคลทั้งสิ้น ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทั้งหมดเป็นคนสายบุ๋น ความรู้กว้างขวาง นิสัยใจคอหนักแน่น จึงไม่ได้ใส่ใจกับรหัสฉายาแปลกหูที่หัวขวาน-ม้ากิ๋นเริ่มออกอาการสติเฟื่องแต่อย่างใด ในขณะที่เหยี่ยวดำรีบสรุปแผนการต่อไป “ที่นี่ไม่สมควรอยู่เนิ่นนานนัก กากุ๋ยจัดการเรื่องความลับในสุสานให้กับม้ากิ๋นไปสืบค้นร่วมกันกับหุยสิว ข้ากับโงโพ้ ฮ่วมอา จะเดินทางไปพบกับพี่เก้าก่อน สถานการณ์ด้านนั้นคล้ายกับไม่ค่อยดีนัก ไม่มีข่าวคราวของพี่เก้ามาสักพักหนึ่งแล้ว และอาจจะแวะเวียนไปเยี่ยมผู้คนในหมู่บ้านหมื่นเซียนด้วยสักรอบหนึ่ง”
“อ้อ แทบลืมไปแล้ว ล่าสุด พี่เก้าส่งจูล่งให้มาตามข้าไปทำค่ายกลระเบิดฟ้าผ่าที่หน้าเมืองเป๊กเต้เสีย ข้ายังไม่เชื่อเลยว่า พี่เก้าพอเป็นเมียมันแล้ว ถึงกับกล้าใช้มันลงมือแทนด้วย พอเสร็จงาน ข้าเลยชิงหลบหนีออกมาก่อน ปล่อยให้มันสงสัยว่า ข้าหายตัวได้อย่างไร” ม้ากิ๋นกระซิบโอ้อวดผลงานกับเหยี่ยวดำ ทำเอามือสังหารต้องขมวดคิ้วสงสัยไปด้วย
ก่อนจากกัน ม้ากิ๋นจึงมอบ “ของวิเศษ” ให้คนสายบุ๋นทั้งสามไว้ใช้ป้องกันตัว เป็นกระบอกปักษาพิฆาตในนาม “ประกาศิตขนนกยูง" อาวุธลับเดียวกันกับที่นกยูงเคยใช้ติดตัว
ข่าวการตายอย่างลึกลับของโหรหลวงเขาเฉียวที่นอกเมือง กลบบังข่าวการตายด้วยอุบัติเหตุของชาวบ้านธรรมดาสองคนไปจนหมดสิ้น กษัตริย์โจผีรู้สึกกังวลใจที่มีเหตุลอบสังหารเกิดขึ้นอีกในเมืองหลวง จึงต้องการให้สืบสวนอย่างละเอียด แต่คนสนิทหลายคนยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ จึงได้แต่ใช้ให้สุมาอี้พ่อลูกเป็นคนรับเรื่องไปแทน
หลังจากการสืบสวนพยานหลักฐานในบริเวณใกล้เคียง มีคนเล่าว่าคนคลุมหน้าชุดดำร่างสูงใหญ่ แบกร่างไร้ชีวิตของเขาเฉียวมาทิ้งไว้ในจุดเกิดเหตุ เผอิญลมกรรโชกแรง เผยให้เห็นเส้นผมสีเขียวสะดุดตา พอได้ยินเช่นนั้น สุมาอี้จึงให้ทหารลองค้นหาหลักฐาน พบเป็นเศษเส้นผมสีเขียวเข้มจริงๆ จึงได้แต่สรุปข้อสงสัยไว้ในรายงานการตายว่า “คนร้ายอาจจะเป็นจูล่่ง ขุนพลท่องเมฆา ลอบเข้ามาแทรกแซงกิจการของวุยก๊ก”
ในเวลาค่ำคืนหนึ่ง เทียบู ทายาทหนุ่มวัยยี่สิบเศษของเทียหยก กุนซือในเงามืด ใช้เวลาปรับตัวผ่านความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียบิดาอย่างกระทันหัน และวุ่นวายกับตำแหน่งงานเสนาบดีงานเมืองหลวงจนเนิ่นนาน บัดนี้ ค่อยมีเวลาว่างพอจะเข้ามาสำรวจห้องหนังสือในจวนขุนนางผู้ใหญ่ที่บิดาเคยใช้ในช่วงบั้นปลายของชีวิต
แม้ว่า ช่วงแรก เทียหยกจะปิดบังตัวตนอยู่ในคราบของพ่อบ้านใหญ่แห่งสกุลโจมาหลายสิบปี แต่ความเป็นอยู่ก็มิใช่เลวร้ายนัก เทียบูจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้เพียงพอต่อการพัฒนาตนเองได้ไม่ยาก แต่การรับมือกับตำแหน่งระดับเสนาบดีอย่างกระทันหันก็สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไม่น้อย ยังดีที่พรรคพวกสกุลโจ แฮหัว รุ่นที่สอง ที่เหมือนเป็นเพื่อนเล่นกันมาในวัยเยาว์ ช่วยสนับสนุนกันอย่างเปิดเผย เรื่องราวจึงราบรื่นขึ้นมาอักโข
เทียบูหยิบเอากุญแจดอกเล็กที่เทียหยกหยิบยื่นให้ก่อนเสียชีวิตมาพิจารณาดู และเดินไปที่หิ้งหนังสือใหญ่ ค้นหาตำแหน่งตามที่ได้รับคำบอกเล่ามา พอเปิดกลไกได้ จึงพบเห็นบันทึกเล่มบางวางอยู่สองสามเล่ม สภาพดูเก่าแก่เหมือนถูกพลิกใช้งานมานานแล้ว
เทียบูงงงันวูบ คาดไม่ถึงว่าสิ่งสำคัญที่บิดาส่งมอบให้ก่อนตาย กลับเป็นเพียงบันทึกตำราเหล่านี้ จึงลองหยิบเล่มแรกสุดออกมาพลิกอ่านทีละหน้า แต่ยิ่งอ่านยิ่งตื่นตระหนก เนื้อหาในบันทึกถึงกับเป็นความลับของบุคคลสำคัญในแผ่นดินที่ถูกรวบรวมเอาไว้อย่างพิสดาร ด้วยแหล่งข่าวสำคัญที่มีแต่กุนซือในเงามืดเท่านั้นที่รับรู้
เรื่องราวที่พอสะดุดตาในทันที เช่น เล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์จอมปลอม ขุมกำลังลับที่มี กาเซี่ยง ฮัวโต๋ เตียวล่อ คอยชักใยร่วมมืออยู่ กุยกี กุยแก คือ จุนกอล (บุคคลผู้ยิ่งใหญ่) จุนแจ (อัจฉริยบุคคล) สองพี่น้องจารชนจากเผ่าโกกุเรียว เป็นต้น ล้วนแล้วแต่น่าตื่นตกใจทั้งสิ้น โดยเฉพาะข้อความในหน้าสุดท้ายที่เขียนไว้ถึงความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างเตียวชุนฮัว ผู้เป็นภรรยาของสุมาอี้ กับขันทีใหญ่เตียวโถ และกษัตริย์โจผี ตลอดจน สุมาสู ที่เป็นทายาทที่แท้จริงของสกุลโจเสียมากกว่าโจยอย ที่น่าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของโจผี
เทียบูอ่านจบ กลับพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ในทันทีว่า คดีลอบสังหารกลางท้องพระโรงนั้น สมควรต้องมีเงื่อนงำอำพรางอันสืบเนื่องมาจากความลับของสุมาอี้ กุนซือเต่าจำศึลอย่างแน่นอน “ท่านพ่อคงคิดจะดำเนินการอันใดต่อสุมาอี้ในงานเลี้ยง หากแต่ผิดพลาดจนเป็นสาเหตุให้ตนเองถึงแก่ความตาย ช่างน่าเสียดายนัก”
เทียบูค่อยพลิกผ่านไปจนท้ายเล่ม กลับพบเห็นแผนที่แผ่นดินฮั่นขนาดใหญ่พับซ้อนเอาไว้ พร้อมตัวหนังสือสะเปะสะปะกำกับชื่อคนสำคัญของแต่ละพื้นที่ คล้ายผู้เขียนบันทึกไว้กันหลงลืม และรอคอยข้อมูลอันใดเพิ่มเติม แม้แต่พวกคนลึกลับที่อยู่นอกวงการการเมืองอย่างเช่น บังเต๊กกง-นิกายแสงจรัส จูกัดกุ๋ย-ขบวนการฟ้าดิน หรือขุมกำลังนอกแผ่นดินอย่าง ซันซัง-โกกุเรียว ฮิมิโกะ-เผ่าวอ เบ้งเฮ็ก-เผ่าม่าน ก็มีชื่ออยู่
พอมันอ่านไล่ดูไปเรื่อยๆ กลับพบเห็นชื่อหนึ่งสะดุดตา เพราะถูกเขียนเอาไว้ด้านนอกแผนที่ฝั่งหนึ่งไว้อย่างจงใจ “สุมาล่ง-สำนักฟ้าประทาน”
“ทำไมไม่เคยได้ยินท่านพ่อนำเรื่องราวเหล่านี้ไปรายงานต่อนายท่านนะ” เทียบูรำพึงขึ้น
“เพราะความจริงก็คือ บิดาเจ้าเป็นจารชนไส้ศึกให้กับพวกกังตั๋งมาโดยตลอด และยังเป็นถึงน้องชายร่วมสายเลือดกับเทียเภา นักรบทวนแกร่งแห่งแดนใต้” เสียงหญิงสาวคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง พอเทียบูเห็นชัดตา มันถึงกับตาเหลือกลาน ไม่นึกว่า อาชญากรสำคัญของแผ่นดินจะมาปรากฏตัวอยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้
เพียงคำพูดสั้นๆของโจเซียง อดีตคุณหนูคนเก่งสกุลโจ ก็สามารถอธิบายทุกเรื่องราวให้เทียบูเข้าใจได้แล้วในฉับพลัน ที่แท้ บิดาก็มีส่วนร่วมในการก่อเหตุลอบสังหารครั้งนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มด้วยนี่เอง โจเซียงจึงได้หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในที่นี้มาตั้งเนิ่นนาน
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา