2 พ.ย. 2021 เวลา 01:20 • นิยาย เรื่องสั้น

7.10.ส่งเสียงซ้ายโจมตีขวา

กิมห้วน นักรบตะขาบ - ฮองเย่อิง ปราชญ์หญิงอัจฉริยะ - อุยหลิงฉี ไทเฮาในกรงทอง
ข่าวการศึกกำลังแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแผ่นดิน กษัตริย์โจผีรับฟังคำแนะนำของสมุหนายกสุมาอี้ ระดมกองทัพใหญ่ห้าสาย สายละสิบหมื่นคน เตรียมบุกกระหน่ำดินแดนจ๊กก๊กแล้ว อันมี ห่อปีจากเผ่าเซียนเปย ตีเมืองฮันต๋งทางด้านเหนือสุด โจจิ๋นจากลกเอี๋ยง ตีด่านแฮบังก๋วนทางตะวันออกเฉียงเหนือ เบ้งตัดแห่งซงหยง ตีเมืองหยงอันด้านตะวันออก ลกซุนจากกังตั๋ง เข้าตีเมืองเตียงสาทางตะวันออกเฉียงใต้ เบ้งเฮ็กจากเผ่าม่าน ตีเมืองเกียมเหลงทางใต้ โดยพร้อมเพรียงกัน
ดังนั้น การเคลื่อนทัพของพวกจูล่งกลับสอดรับกับข่าวการศึกพอดี ทำให้เมืองสำคัญรายทางปล่อยผ่านกองทัพอำมหิตที่เพิ่งถล่มชนเผ่าตีมาหมาดๆ ต่างพากันเชื่อมโยงเอาว่า เผ่าตีอาจแปรพักตร์เข้าร่วมเป็นสายที่หก แต่ถูกสองขุนพลสวรรค์ จูล่ง อุยเอี๋ยน สั่งสอนได้ทันท่วงที ยังมี ขุนพลเงาหิมะ ม้าเฉียวและคนสกุลม้าอาจจะร่วมมือทรยศด้วย จึงต้องหลบหนีการไล่ล่าออกนอกด่านไปก่อนแล้วอย่างกระทันหัน
จูล่ง อุยเอี๋ยน กวนหิน เตียวเปา ลอบหัวร่อกันกับข่าวลือที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงได้อย่างมากมายเช่นนี้ จนกระทั่งล่วงเลยมาถึงหน้าประตูเมืองหลวงเซงโต๋ แต่ยังไม่ทันจะสั่งการอันใด ประตูเมืองหลวงก็เปิดขึ้น พร้อมกับแถวทหารเกียรติยศที่วิ่งกรูออกมาต้อนรับกองทัพอย่างสมศักดิ์ศรี สร้างความงงงันให้กับพวกจูล่งทั้งหลาย
ขบวนเกียรติยศค่อยๆทะยอยออกมาด้านนอกเมือง จนถึงตัวประธานในพิธี มิคาดคิด ถึงกับเป็นกษัตริย์เล่าเสี้ยน นั่งรถม้าพระที่นั่ง ออกมาให้การต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยมีขงเบ้ง มหาอุปราช และเสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลวิหคสวรรค์ ยืนกระหนาบข้างอยู่ด้านหลัง ถัดไปยังมี เอียวหงี เลียวฮัว บิฮุย เตงจี๋ และขุนนางมีชื่อทั้งหลาย
จูล่งเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ล่วงรู้ความจริงแล้วว่า เล่าเสี้ยนตัวจริงถูกเผ่าม่านจับตัวไป และกษัตริย์เล่าเสี้ยนที่อยู่เบื้องหน้าคือ เตียวหอง ลูกชายต่างวรรณะของตนเอง ใจหนึ่งจึงคิดจะเปิดโปงความจริง ทำลายความชอบธรรมของฝ่ายตรงข้าม หากแต่ใจหนึ่ง กลับสงสัยว่า นางแอ่นจะมีกลยุทธ์อันใดแฝงเร้นมาอีก จึงย้อนมาร่วมมืออยู่กับขงเบ้งอีกแล้ว
ขงเบ้งคล้ายล่วงรู้ความคิด จึงก้าวออกมาประกาศด้วยเสียงอันดัง “ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยที่ท่านเสียวเอี่ยนจื่อกับขุนพลจูล่ง สองสามีภรรยา ตัดสินใจตามสถานการณ์เร่งด่วน ทางหนึ่ง ส่งข่าวแจ้งเรื่องขบถสกุลม้ามาทางเมืองหลวง เป็นการคุ้มครองภัยภายใน ทางหนึ่ง นำกองทัพไปปราบขบถเผ่าตีได้ทันเวลา เป็นการกำจัดภัยภายนอก แม้ว่า พวกม้าเฉียวจะหนีรอดออกนอกด่านไปได้ แต่คงไม่สามารถก่อการร้ายใดๆได้อีก”
“ม้าเฉียวห้าพี่น้องเป็นลูกผสมระหว่างบิดาชาวฮั่นกับมารดาชาวเกี๋ยงก็จริง แต่ไปเติบโตอยู่ในดินแดนป่าเถื่อน คลุกคลีอยู่กับชนเผ่านอกด่านเสียเนิ่นนาน จนถึงขั้นที่ตนเองมีภรรยาเป็นบุตรีของผู้นำเผ่าอิวจื่อ ความคิดอ่านจึงเหิมเกริมเกินไป ช่างน่าเสียดายนัก” ขงเบ้งกล่าวเสริมพร้อมทอดถอนหายใจ ราวกับเสียดายที่ไว้ใจม้าเฉียวไปจริงๆ
เสียวเอี่ยนจื่อนับถือฝีมือการบิดเบือนข่าวของจูกัดเหลียงยิ่งนัก จึงช่วยออกมาตัดบทเข้าสู่เรื่องราวที่สำคัญกว่า “ท่านจูล่งคงได้ทราบข่าวห้าทัพบุกจ๊กก๊กแล้ว ขอให้ท่านขงเบ้งช่วยชี้แจงแผนงานด้วยเถิดว่า สมควรรับมือเช่นไรดี”
ขงเบ้งโบกพัดขนนกพร้อมอธิบาย “ข่าวห้าทัพนั้นเป็นกลลวงของสุมาอี้ หาได้มีความจริงทั้งหมดไม่ ประการแรก เผ่าเซียนเปยอยู่ถึงนอกด่านฝั่งเหนือ เขตแดนทะเลทรายใหญ่ ยังมีเมืองใหญ่เสเหลียงกางกั้นอยู่เป็นปราการสำคัญ มีหรือจะปล่อยให้คนเถื่อนรุกรานข้ามกำแพงใหญ่เข้ามาได้ง่ายๆ ทัพเหนือจึงเป็นเพียงข่าวโคมลอย ไร้สาระ”
นับจากหมากการเมืองที่โจโฉสั่งการระดมกองทัพชนเผ่า ทัวปาลี่เวยตัวปลอมหรือม้าเท้งเลือกที่จะเป็นตัวแทนการเข้าร่วมทัพ โดยยอมสละตำแหน่งประมุขของเผ่าเซียนเปย ส่งต่อให้กับม่อหยงเว่ย ขุนพลมือดีไปปกครองแทน ทำให้อ๋องแห่งเซียนเปยคนใหม่ กับคนสนิทห่อปีสามารถแผ่ขยายอิทธิพลในดินแดนทุ่งหญ้าและทะเลทรายไปอย่างกว้างขวาง และแม้ว่า สุดท้าย ทัวปาลี่เวยจะถูกประกาศให้หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ขบถปราสาทนกยูง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อเกียรติภูมิของเผ่ามากนัก
ในทางกลับกัน เฒ่าหินผา เซ็กเหียน ผู้นำเผ่าซงหนู แม้จะขึ้นชื่อว่า ได้ผูกสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์ฮั่น แต่สูญเสียขุนพลคู่ใจอย่างผู้เฒ่าเนินทราย ฮูฉูเฉียน ไปในการเกณฑ์ทัพ และภายหลัง ฮูฉูเฉียนยังขึ้นชื่อเป็นผู้ที่ร่วมก่อการขบถปราสาทนกยูงขึ้นมาอีก จนถูกแฮหัวตุ้นสังหารตาย ทำให้เผ่าซงหนูมิิอาจล้างแค้นได้ และยิ่งถูกบั่นทอนบารมีลงไปเรื่อยๆ
ล่าสุด ผู้เฒ่าหินผายังสูญเสียรัชทายาทวัยหนุ่ม เล่าเปา ไปด้วยอีกคนในเหตุการณ์งานเลี้ยงพระราชทานนองเลือด จึงได้แต่ทำใจยอมรับในโชคชะตาของตนเองเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงกระทันหัน ม่อหยงเว่ยป่วยตาย ขุนพลห่อปีได้เป็นผู้นำแทนตามวิถีผู้กล้าประจำเผ่า ถึงกับนำเผ่าเซียนเปยล้อมรอบเผ่าซงหนูที่เคยทรงอิทธิพลทัดเทียมกันไปแล้วทั้งสามด้าน ราวกับจะบีบให้เผ่าซงหนูนับวันถึงจุดจบในไม่ช้าแล้ว
เผ่าเซียนเปยเป็นชนเผ่านักรบดุร้าย รุกคืบชิงดินแดนไปเรื่อยๆจนเป็นเรื่องปกติวิสัย การปล่อยคนพรรค์นี้ให้ข้ามแดนเข้าด่าน จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ เท่าที่่ผ่านมา คงมีแต่เผ่าเกี๋ยง เผ่าตี ที่ได้รับการยกเว้นให้เดินทางข้ามถิ่นไปมาได้บ้างเท่านั้น
นับว่า ข้อแรกมีเหตุผลรับฟังได้แล้ว ขงเบ้งจึงอธิบายต่อ “ประการที่สอง คนวุยก๊กหากมุ่งมั่นโจมตีจริงจัง ย่อมส่งขุนพลมือดีออกมากำกับทัพ โจจิ๋น เบ้งตัด ซึ่งปรากฏชื่่อตามข่าวนั้น ยังห่างไกลจากจุดนี้อีกมากนัก แต่สมควรเป็นระดับขุนพลห้าพยัคฆ์รุ่นสอง อันมี เตียวเลี้ยว ซิหลง เตียวคับ เทียนอู หรือ จูกัดเอี๋ยน และมีกุนซือมากประสบการณ์ตามมาด้วย ดังนั้น สองขุนพลหนุ่มยังคงเป็นเพียงตัวหลอกล่อเท่านั้น มิใช่ตัวจริงแต่อย่างใด”
รับฟังถึงตรงนี้ อุยเอี๋ยนอดใจไม่ไหว จึงทักท้วงขึ้น “รายชื่อแม่ทัพอาจจะเป็นข้อมูลลวง ถึงเวลาเดินทางอาจจะเป็นคนอื่นแอบแฝงมาก็ได้กระมัง”
ขงเบ้งปรายสายตามองขุนพลที่ตนเองชิงชังเป็นที่สุด “หามิได้ เพราะการที่วุยก๊กสั่งการแกมบังคับไปยังง่อก๊ก โดยระบุตัวลกซุนให้เป็นแม่ทัพร่วมบัญชาการ กลับแฝงด้วยความนัย และเล่ห์ร้ายต่างหาก เหอะเหอะ แค่กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพา พิชิตประจิมแบบพื้นๆ”
เสียวเอี่ยนจื่อเริ่มรำคาญจึงแทรกขึ้นบ้าง “วุยก๊กหลอกล่อให้ลกซุนออกจากตำแหน่งสั่งการ เพื่อหวังโจมตีง่อก๊ก มิใช่ จ๊กก๊ก เมืองเกงจิ๋วคือเป้าหมายที่แท้จริงต่างหาก”
จุดยุทธศาสตร์เมืองเกงจิ๋ว เป็นที่หมายปองของสงครามสามก๊ก ยามนี้ หากจ๊กก๊กวุ่นวาย ง่อก๊กเพลี่ยงพล้ำ มีหรือวุยก๊กจะไม่ฉกฉวยโอกาสชิงเมืองสำคัญ เพื่อความได้เปรียบในอนาคต เพราะสามขุนพลพยัคฆ์ล้วนตรึงกำลังอยู่ที่ชายแดนฝั่งนั้นอยู่แล้ว
หากดึงตัวลกซุน ผู้เป็นหัวใจหลักในการรบของฝ่ายกังตั๋ง เคลื่อนทัพลงไปยังสมรภูมิเมืองเตียงสาเสียแล้ว เตียวเลี้ยวที่เมืองอ้วนเซีย เตียวคับที่เมืองหับป๋า จูกัดเอี๋ยนที่เมืองซงหยง ย่อมสามารถเปิดศึกกระหนาบลงตามชายแดนด้านใต้ รุกชิงเมืองเกงจิ๋วและหัวเมืองอื่นๆ ได้ในทันที สะกดความฮึกเหิมของง่อก๊ก นี่ต่างหากคือสมรภูมิที่สุมาอี้วางตำแหน่งสามขุนพลพยัคฆ์เอาไว้ เพียงแต่รอคอยจังหวะที่เหมาะสมเป็นข้ออ้างเท่านั้น
จูล่ง อุยเอี๋ยนมีประสบการณ์การรบ พอเข้าใจตามสถานการณ์ได้ในทันที จึงสอบถามต่อ “หากเป็นเช่นนั้น การศึกสามเส้นทางนี้ ควรจัดการอย่างไรกัน”
ขงเบ้งจึงกล่าวต่อ “ใช้สงครามบุ๋นตั้งรับก็เพียงพอแล้ว หนึ่ง ให้ลิเงียมส่งหนังสือตักเตือนเบ้งตัดสหายเก่าแจ้งให้แสร้งป่วยกระทันหัน สอง ให้เตงจี๋ที่เคยเป็นทูตเจรจาความเมืองกับกังตั๋งมาแล้วครั้งหนึ่ง ให้เข้าไปเปิดโปงแผนชั่วของฝ่ายวุยก๊ก สาม อาศัยบารมีของท่านขุนพลจูล่ง เคลื่อนพลบางส่วนไปประจำการที่เมืองหยงอัน ดูแลชายแดนเหนือกับตะวันออก ประสานกันกับเมืองฮันต๋ง ด่านแฮบังก๋วน และเมืองเตียงสา ร่วมกันกับเตงจี๋ที่ย้อนกลับมาหลังจากเสร็จภารกิจ เพียงแค่นี้ ก็จะทำให้ชายแดนแถบนั้นเป็นปกติสุขแล้ว"
หากประเมินกำลังของจ๊กก๊กในยามนี้ ขุนพลสวรรค์รุ่นแรกที่เลื่องชื่อมานาน หลงเหลือเพียงคนเดียว ก็คือ จูล่ง ขุนพลท่องเมฆา ที่เคยมีวีรกรรมสมรภูมิเตียงปันเป็นที่ร่ำลือทั่วแผ่นดิน หากจะใช้บารมีสยบข้าศึกด้วยผลงานในอดีต ก็เหลือแค่ตัวเลือกเดียวจริงๆแล้ว
ขงเบ้งไม่รอให้คนอื่นสอดแทรก รีบกล่าวปิดท้าย “สุดท้ายแล้ว ศึกห้าทัพจึงเหลือเพียงแค่ทัพเดียวที่ควรจัดการอย่างจริงจัง นั่นคือ กองทัพม่านก๊กแดนใต้ของเบ้งเฮ็ก เท่านั้น พวกเราสมควรจะลงไปทำศึกกับมันให้จบสิ้นในคราวเดียว”
อุยเอี๋ยนตาลุกวาว พอเดาทางได้ว่า ขงเบ้งต้องการใช้ตนเองกับกวนหิน เตียวเปา ในศึกดังกล่าว แต่ขงเบ้งกลับกล่าวหักมุมว่า “ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เราประจำการกำกับดูแลสถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นศูนย์บัญชาการ จึงให้พวกท่านสวมรอยเป็นขงเบ้ง รับหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ เสียวเอี่ยนจื่อ อุยเอี๋ยนเป็นรองแม่ทัพ กวนหิน เตียวเปา เป็นกองหน้า และเอียวหงีเป็นกองเสบียง นำทัพยี่สิบหมื่น ลงไปกวาดล้างพวกม่านให้สิ้นซาก”
พวกจูล่งหมายจะคัดค้าน เพราะตั้งใจมาล้มล้างอำนาจขงเบ้ง มิใช่มารับคำสั่งเช่นนี้ แต่เป็นเสียวเอี่ยนจื่อก้าวออกมาพูดให้พอได้ยินกันแค่สี่ห้าคนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “สถานการณ์พลิกผันซับซ้อนมากขึ้น เบ้งเฮ็กส่งคนมาจับตัวอุยไทเฮา เล่าเสี้ยน เล่าเอ๋ง เล่าลีจากที่ซ่อนตัว และฮองเย่อิง จูกัดเจี๋ยมจากเมืองหลวงไปเป็นตัวประกัน เรื่องนี้ มิอาจแพร่งพรายให้คนทั้งหลายล่วงรู้ และจำต้องร่วมมือกับคนโฉดไปพลางก่อน สองสามวันที่ผ่านมา มันจะช่วยป้ายสีใส่ม้าเฉียวกับพวก หันมาเชิดชูพวกท่านที่กวาดล้างเผ่าตี ”
ช่วงเวลาที่แมงมุมลงมือจับกุมตัวประกันมาจากหมู่บ้านหมื่นเซียนนั้น พวกม่านแทนที่จะร่วมมือตามแผนการกับค้างคาว กลับแยกทางออกมาจับตัวฮองเย่อิงกับจูกัดเจี๋ยมไปด้วยอีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้ขงเบ้งต้องออกโรงเอง
แต่ขงเบ้งกลับเป็นนกรู้ ไม่คิดจะหลงกลเบ้งเฮ็กที่หมายจะล่อเสือออกจากถ้ำ จึงทำข้อตกลงกับเสียวเอี่ยนจื่อเอาไว้ ให้นางรับบทบาทแทน เพื่อคงแผ่นดินจ๊กก๊กให้เป็นของคนแซ่เล่า และแลกกับความปลอดภัยของเตียวหองที่สวมรอยเป็นเล่าเสี้ยนอยู่ กับเตียวกอง ซึ่งถูกส่งมาเป็นองครักษ์เฝ้าระวังให้กัน บุตรชายทั้งสองของจูล่งที่เกิดจากสาวใช้เสี่ยวเจียว นั่นเอง
อุยเอี๋ยนเมื่อฟังว่าอุยหลิงฉี ชู้รักกับบุตรมีภัย จึงยอมโอนอ่อน ส่วนกวนหิน เตียวเปาแค่ฟังถึงเล่าเสี้ยน-อาเต๊าถูกจับก็ยินยอม จึงมีเพียงจูล่งที่คล้ายยังขัดแย้งในใจอยู่บ้าง เสียวเอี่ยนจื่อจึงได้แต่ตักเตือนเพ่ิมเติม “หากต้องการรักษาแผ่นดินจ๊กก๊กให้อยู่ในมือของคนแซ่เล่า ยังต้องมีเชื้อสายที่แท้จริงอยู่ในมือเสียก่อน จึงจะแตกหักกับจูกัดเหลียงได้เต็มที่ ขอเพียงท่านรั้งอยู่ที่เมืองหยงอัน ระวังหลังให้กับพวกเรา ก็น่าจะเพียงพออยู่บ้าง”
อันที่จริง จูล่งตระหนักในภายหลังว่า อาเต๊าตัวจริงตายไปตั้งแต่แรกเกิดแล้ว และอาเต๊าที่ถูกจับตัวไปก็เป็นเพียงลูกของโจโฉกับเตียวเฟิง ส่วนอุยหลิงฉีกับลูกชายก็ดูออกว่า ล้วนเป็นผลงานการคบชู้ของอุยเอี๋ยน ฮองเย่อิงกับบุตรก็ยิ่งมิต้องนับว่ามีความหมายต่อมันเลย จึงเหลือเพียงเตียวหอง เตียวกองที่เป็นบุตรชายต่างหากที่มันรู้สึกห่วงใย
จูล่งเคยผ่านการสูญเสียเตียวหยิม ลูกคนแรกที่เกิดจากนางเจ๋าซือ และความผิดหวังที่เกิดจากเสียวเอี่ยนจื่อครั้งล่าสุด ทำให้เสียดายวันเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้ดูแลผูกพันกับสองพี่น้องเท่าใดนัก เพราะมัวแต่วุ่นวายกับการชิงแผ่นดิน และติดขัดเรื่องวรรณะกำเนิด แต่มันเองเริ่มชราแล้ว การมีทายาทที่ดี อาจจะกลายเป็นภารกิจสุดท้ายของมัน แต่มันไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้จุดอ่อนของมันในเรื่องนี้ด้วย สุดท้าย จึงแสร้งยอมรับแผนการ อ้างว่าเพื่อแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อคนสกุลเล่าเท่านั้น
เรื่องราวภายในใจทั้งหมดนี้ ย่อมเกิดจากผลกระทบของพลังจิตสำนึกมังกร และเหตุการณ์ที่หุบเขาลำธารสวรรค์ที่ทำให้จูล่งเริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม เพราะจูล่งตัดสินใจแล้วที่จะลงมือต่อหน่วยปักษาสวรรค์ และยึดกุมอำนาจทางการเมืองจากขงเบ้ง เพื่อหวังครอบครองหญิงคนรัก เสียวเอี่ยนจื่อ และช่วยเหลือสมาชิกในครอบครัว เตียวหอง เตียวกอง เท่านั้น
ค่ำคืนนั้น เสียวเอี่ยนจื่อตรวจสอบเอกสารราชการ สำรวจความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เพราะยังติดใจที่จู่ๆ ฮองเย่อิงกับจูกัดเจี๋ยมหายตัวไปจากเมืองหลวงเซงโต๋อย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร จนพบว่า มีการเคลื่อนกำลังพลผลัดเปลี่ยนไปเสริมชายแดนด้านใต้ของยงคี โกเตง และจูโพ สามเจ้าเมืองชายแดน อดีตทหารพรานในสังกัดของเสือเฒ่าเงียมหงัน และขุนพลเบ้งตัด ในเวลาต่อมา โดยมันเคยผ่านหูมาก่อนว่า เงียมหงันกับเบ้งตัดสนิทสนมกันอย่างมาก ด้วยอ้างว่า เป็นคนพื้นเพเดียวกัน
อย่างที่ทราบกันแล้ว เงียมหงันกลายร่างเป็นอสูรคางคก แทบจะสังหารเล่าปี่ได้สำเร็จ ซึ่งน่าจะเป็นผลงานความคิดของกุนซือคิ้วขาวม้าเลี้ยง แต่ที่น่าสนใจก็คือ คางคก คือ หนึ่งในสองนักรบเบญจพิษที่หายสาบสูญไปนานแล้ว
ถ้าหากเงียมหงันคือคางคก ก็เป็นไปได้ว่า เบ้งตัดคือกิ้งก่า และด้วยเบ้งตัดเป็นสมาชิกของกองทัพธรรม สายหนึ่งในสำนักหุบเขาปีศาจ แต่กลับใช้เส้นทางการเติบโตอยู่ในสังกัดเล่าเจี้ยงบ้าง เล่าปี่บ้าง จนถึง โจโฉบ้าง กลับคล้ายคลึงกับพฤติกรรมของกิ้งก่าที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยตามสภาพแวดล้อม
ความคิดเชื่อมโยงพลันชัดเจนในทันที ทั้งสองเป็นคนเก่าแก่ของเผ่าม่านที่พยายามแทรกซึมเข้ามาอยู่ใกล้ตัวฮองตง และอาจจะเป็นคนที่ลักพาซากศพของฮองตงไปในครั้งนั้น ซึ่งหนทางที่เป็นไปได้ก็คือ ต้องมีผู้สมรู้่ร่วมคิดด้วย จึงจะปกปิดความลับได้ ดังนั้น เป็นไปได้ว่า พวกยงคีคือตัวการลักพาตัวสองแม่ลูกไปในครั้งนี้
เมื่อคำนวนวันเวลาในการเดินทางของกำลังพลผลัดเปลี่ยนแล้ว ยังอาจพอจะติดตามไปช่วยฮองเย่อิงสองแม่ลูกได้ทันเวลา ดังนั้น เสียวเอี่ยนจื่อจึงไม่รอช้า รีบไปแจ้งกับจูล่ง กวนหิน เตียวเปา ให้รีบใช้ม้าฝีเท้าเร็วล่วงหน้าไปดักสกัดแผนการด้วยกัน ฝากอุยเอี๋ยน เอียวหงี เป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องกองทัพขงเบ้งปลอมให้ไปเจอกันที่ชายแดนทางใต้เลย
ณ จวนที่พักเจ้าเมืองเกียมเหลงยามค่ำถัดมา ยงคี โกเตง จูโพ สุมหัวกันอยู่กับพวกเผ่าม่านจริงๆ คนที่นั่งเป็นประธานคือ นักรบเบญจพิษภายใต้หน้ากากตะขาบ เป็นขุนพลนักรบที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด นามว่า กิมห้วน และภายในห้องรับรองนั้น ยังมี อุยหลิงฉี ฮองเย่อิง นั่งร่วมวงดื่มกินอยู่ด้วยอย่างไม่อาจปฎิเสธขัดขืน
ภารกิจลับของกิมห้วนคือการเป็นกำลังเสริมให้กับค้างคาวและแมงมุมในการโจมตีหมู่บ้านหมื่นเซียน หากแต่พอมาถึงที่เกิดเหตุ แมงมุมกลับออกหน้า แจ้งข่าวการตายของค้างคาวโดยฝีมือของคนทรยศ และเปลี่ยนแผนให้นำพาพวกตัวประกันออกจากสถานที่ไปก่อนที่จะมีกลุ่มยอดฝีมือฝ่ายตรงข้ามตามมาขัดขวาง
เรื่องราวเช่นนี้ย่อมไม่ถูกใจคนหยาบกร้านอย่่างกิมห้วนเท่าใดนัก แมงมุมจึงให้มันแวะพักรอคอยที่นอกเมืองเซงโต๋ เพื่อสร้างผลงานเพิ่มเติม นั่นคือ การลอบจับกุมฮองเย่อิงสองแม่ลูกกลับมาด้วย สร้างความตื่นเต้นยินดีให้กับตะขาบ เพราะรู้ว่า ฮองเย่อิงทำร้ายจิตใจของเบ้งเฮ็กไม่น้อย การจับกุมได้เป็นเชลยเช่นนี้ สมควรเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่
เมื่อทั้งสองนักรบต้องใช้ปะปนกับกองทหารผลัดเปลี่ยนเดินทางลงมาทางใต้ กิมห้วนจึงได้แต่อดทนรอคอยการเฉลิมฉลอง จนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ต้องสั่งการให้พวกยงคีจัดเตรียมอาหารการกินให้เต็มที่ ซึ่งแม้ว่าพวกยงคีใจกล้าห้าวหาญ แต่ไม่อาจไม่ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ในเมื่อต้องรับรองขุนพลอันดับหนึ่งแห่งม่านก๊กจึงขับไล่ทหารประจำการณ์ออกไปให้เหลือเพียงองครักษ์คนสนิทไม่กี่คน และบ่าวไพร่ใกล้ชิดเท่านั้น
เสียงหัวร่อครื้นเครงด้วยความมึนเมาดังจากปากของบุรุษทั้งสี่เป็นระยะ เนื้อหาย่อมไม่พ้นจากเรื่องการเกี้ยวพาราสีเพศที่อ่อนด้อยกว่า แต่หญิงงามชาวฮั่นอย่างอุยหลิงฉีกลับคล้ายยังเป็นรองฮองเย่อิงอยู่บ้างในสายตาพวกคนแดนใต้ กิมห้วนจึงคล้ายให้ความสนใจ หยอกล้อเกินเลยกับฮองเย่อิงเสียบ่อยครั้ง ราวกับคิดจะเด็ดดมดอกไม้รายทางเป็นของแถมตามวิสัยนักรบแดนเถื่อน โดยมีพวกยงคีช่วยส่งเสริมยุยงให้อีกทาง
สุดท้าย กิมห้วนคล้ายสะกดอารมณ์ราคะไม่ไหว อุ้มตัวฮองเย่อิงที่พยายามขัดขืน เดินเข้าสู่ห้องนอนไปแล้ว เสียงหัวร่อของพวกยงคีดังสนั่นทุกครั้งที่เกิดเสียงกรีดร้องออกมาจากห้องนอน ต่างตั้งประเด็นสนทนาว่า ใครจะได้เชยชมเชลยสาวผิวคล้ำเป็นรายต่อไป
เสียงต่อสู้ฆ่าฟันดังขึ้นมาจากภายนอก มองออกไปเห็นเสียวเอี่ยนจื่อ จูล่ง กวนหิน เตียวเปา กำลังสังหารเหล่าองครักษ์ที่มีไม่มากนัก เพื่อเปิดทางเข้ามาด้านใน สามเจ้าเมืองชายแดนต่างหยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมพร้อม ยงคีนำตัวอุยหลิงฉีออกไปด้านหลังก่อน และจูโพ โกเตง เคาะประตูร้องเรียกกิมห้วนด้วยเสียงอันดัง หากแต่ภายในกลับเงียบสงบจนผิดสังเกตเกินไป จึงพากันพังประตูห้องนอนโดยเร็ว แต่ก็ต้องตะลึงงันอยู่แค่หน้าประตู
เห็นกิมห้วนที่เปลือยกายเหงื่อท่วมทั้งร่าง ยืนตัวแข็งจับจ้องอยู่ต่อหน้าเสือดำตัวเขื่องที่พองตัวขู่คำรามเบาๆ แต่ไม่ปรากฏร่างของฮองเย่อิง พอเสือดำเห็นกิมห้วนเสียสมาธิมองคนที่เพิ่มเติมเข้ามา มันจึงกระโจนตะปบเล็บคมเรียวเข้าใส่เหยื่อที่อยู่ตรงหน้าในทันที
ความเร็วและความรุนแรงของการฟาดตะปบกวาดเอาเนื้อช่วงหัวไหล่ของกิมห้วนออกไปก้อนใหญ่ แต่กิมห้วนก็สมกับเป็นนักรบอำมหิต ฉวยโอกาสที่เพลี่ยงพล้ำนั้น ทนความเจ็บปวดคว้ารวบคอของเสือดำเอาไว้ พร้อมทิ้งตัวหักคอมันลงในกระบวนท่าเดียว
เสียงกร๊อบดังขึ้นสดใส เสือดำสิ้นฤทธิ์ล้มลงไปแล้ว แต่พวกเสียวเอี่ยนจื่อบุกเข้ามาถึงห้องรับรองพอดี กวนหิน เตียวเปา ลงมือใส่จูโพ โกเตง ในขณะที่จูล่งตรงเข้าจัดการกับกิมห้วนในห้องนอน เพื่อยุติการต่อสู้โดยเร็ว คงเหลือแต่นางแอ่นที่ตาไว รีบวิ่งติดตามยงคีกับตัวประกันสาวไปทางด้านหลัง
จูล่งกวาดตามองเห็นซากศพของเสือดำ ไม่อาจคาดเดาว่ากิมห้วนบ้าบิ่นอย่างไร จึงต่อสู้กับสัตว์ร้ายด้วยสภาพอันเปลือยเปล่าในห้องนอนเช่นนั้น แต่จากหน้ากากและอุปกรณ์เกราะที่ถูกถอดวางบนโต๊ะทำให้คาดเดาได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามคือ ตะขาบ นักรบที่เก่งกาจที่สุดของม่านก๊ก จึงไม่ยอมออมมือ ลดทอนความได้เปรียบใดๆ
มันประเมินว่าพลังเนตรมังกรอาจจะใช้ได้ไม่ดีนักในยามราตรีที่ห้องนอนมืดสลัวเช่นนี้ จูล่งจึงใช้ขวาหลอกล่อ ซ้ายจู่โจม กวัดแกว่งดาบสยบมังกรไปมา แล้วเร่งพลังสุริยันสะท้านภพฟาดใส่ในทันที กิมห้วนเอาฝ่ามือประกบเข้ากลางอก คล้ายพนมมือ แล้วค่อยแยกปะทะฝ่ามือของจูล่ง ถึงกับรับพลังยุทธ์ไว้ได้ไม่เพลี่ยงพล้ำ พร้อมยังตอบโต้ด้วยกระบวนท่าหมัดมวยที่ประหลาดพิสดาร และมีความรวดเร็วรุนแรงอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเดียว คล้ายกิมห้วนมีเป็นร้อยฝ่ามือฝ่าเท้าสะบัดฟาดเข้าใส่จูล่งมาจากรอบด้าน นี่คงเป็นที่มาของคำว่า ตะขาบ แล้วกระมัง
หากแต่กิมห้วนอาจจะหลงลืมไปว่า ตนเองมิได้สวมเกราะชุด และจูล่งมีดาบสยบมังกรอันคมกล้า จึงเห็นจูล่งไม่ถอยหนีสักก้าว กลับสะอึกเข้าใส่ด้วยคมดาบติดตามฟาดฟันไปในทุกฝ่ามือทุกฝ่าเท้าที่ปรากฏ ดังนั้น จึงกลายเป็นกิมห้วนที่นอนสิ้นลมหายใจทอดร่างจมกองเลือด แขนขาถูกตัดสะบั้น พร้อมริ้วรอยที่ถูกกรีดขาดยับเยินทั่วทั้งร่่างกาย
จูล่งถอนหายใจยาว หากมิใช่ด้วยพลังจิตสำนึกมังกรที่ทำให้จิตใจสงบน่ิงกว่าแต่ก่อน และกิมห้วนมิได้สวมใส่เกราะคุ้มกันร่างแล้ว กระบวนท่าตะขาบพันมือพันเท้าเมื่อครู่ คงฝ่าวงดาบเข้ามาถึงตัวได้ก่อน และคนที่นอนจมกองเลือดอาจจะเป็นตัวมันเองไปแล้ว
มันหันไปมองดูซากศพของเสือดาวอีกครั้ง กลับพบเห็นเป็นร่างของฮองเย่อิงในสภาพเปลือยเปล่าเช่นกัน นอนคอหักตายตาค้างอยู่ในตำแหน่งนั้น ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่เคยได้ยินมา ทำให้มันนึกถึงตำนานวิญญาณเสือร้ายที่แฝงอยู่ในร่างหญิงสาวอันเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่นายพราน ในเมื่อปราชญ์หญิงกำเนิดมาจากดินแดนที่เปี่ยมด้วยเวทมนตร์อาถรรพ์เช่นกัน ก็เป็นไปได้ที่นางจะมีความสามารถเร้นลับเช่นนี้อยู่
ฮองเย่อิงคงถูกกิมห้วนทำร้ายอย่างสาหัส จนกระตุ้นถึงพลังวิญญาณเสือร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ให้ปรากฏออกมา แต่พลังยุทธ์ของกิมห้วนร้ายกาจเกินไป มันจึงหักคอสัตว์ร้ายตาย แทนที่จะถูกตอบโต้ทำร้ายให้สาสมกับความชั่วของมัน
จูล่งไม่ต้องการให้เรื่องมลทินแปดเปื้อนต่อฮองเย่อิงผู้เป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย จึงผลักตะเกียงน้ำมันให้ล้มลงจนไฟลุกเผาผลาญห้องนอนกลบเกลื่อนร่องรอย และสภาพร่างกายของคนทั้งสองไปพร้อมกัน ค่อยก้าวออกจากห้องนอนที่เกิดเหตุร้ายนั้น
ด้านนอก จูโพ โกเตงถูกกวนหิน เตียวเปาสังหารไปแล้ว ส่วนเสียวเอี่ยนจื่อกำลังลากศพของยงคีมากองรวมกัน พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ตัวประกันหายไปหมดสิ้น คงเป็นแมงมุมที่นำตัวพวกมันหลบหนีไปด้วยเส้นทางลับแล้ว”
“มิใช่ทั้งหมด ฮองเย่อิงตายแล้วด้วยน้ำมือของนักรบตะขาบ” จูล่งหันมองดูท้องฟ้าด้านนอก กลบเกลื่อนความรู้สึกสงสารที่มาช่วยเหลือนักปราชญ์หญิงช้าไปเพียงครึ่งชั่วยาม แต่พลันเกิดฉุกคิดว่า มีเรื่องราวอันใดที่คล้ายจะไม่ใคร่ถูกต้องนัก
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา