4 พ.ย. 2021 เวลา 01:07 • นิยาย เรื่องสั้น
7.12. เฉือนคมโค่นจอมทัพ
เตียวเลี้ยว พี่ใหญ่ขุนพลพยัคฆ์ - เตงงาย ลูกศิษย์คิดล้างครู - เตงจี๋​ ราชทูตงำประกาย
สถานการณ์ฝั่งวุยก๊กดูคึกคักสดใส แผนส่งเสียงซ้ายจู่โจมขวาของสุมาอี้เริ่มต้นแล้ว โจจิ๋นนำกองทัพจากเมืองลกเอี๋ยงไปยังเมืองเตียงอัน และเบ้งตัดแห่งซงหยง ลกซุนแห่งง่อก๊ก เบ้งเฮ็กแห่งม่านก๊ก มีความเคลื่อนไหวเป็นไปตามแผน ล้วนนำกองกำลังเดินทางไปตั้งประชิดถึงชายแดนจ๊กก๊กแล้ว มีแต่ห่อปีแห่งเซียนเปยที่แสร้งปล่อยข่าวมุ่งหน้าสู่เมืองเสเหลียง แต่สุดท้าย แยกขึ้นไปทางเหนือ ที่จริง เป้าหมายคือ ดินแดนชาวเกี๋ยงนอกด่าน
สองกองทัพฝั่งวุยก๊กเป็นเพียงกองทัพลวงตา ให้โจต้ายปลอมเป็นโจจิ๋น นำทหารสิบหมื่นคนไปเมืองเตียงอันก็จริง แต่เพื่อผลัดเปลี่ยนกองพลให้กับขุนพลซิหลงที่ประจำการอยู่ ส่วนเบ้งตัด ขุนพลรอง นำกองทัพเรือล่องทวนแม่น้ำไต้กังด้วยจำนวนแท้จริงเพียงหนึ่งหมื่นนายเท่านั้น ตามแผนการคือ เพียงทำท่าทีเหมือนจะยกไปรบ แล้วให้ตรึงกำลังทัพไว้ที่ปากน้ำเมืองส้างหยง ประสานกำลังตั้งรับความเปลี่ยนแปลงแถบชายแดน
ดังนั้น สามกองทัพที่แท้จริง จึงเป็นคล้ายดั่งที่จูกัดเหลียงกล่าวถึง สามขุนพลพยัคฆ์ เตรียมกองทัพพร้อมบุกง่อก๊กเป็นสามสายสามระลอก กองทัพจูกัดเอี๋ยนจากเมืองซงหยงสิบห้าหมื่นคน ที่เสริมด้วย แฮหัวป๋า แฮหัวหลิม เป็นทัพซ้าย ยกพลไปทางบกกดดันเมืองเกงจิ๋ว และกองทัพเรือเตียวคับจากเมืองหับป๋าสิบหมื่นคน และโจจิ๋น โจฮิวจากเมืองแห้ฝือห้าหมื่นคน เป็นทัพขวา ล่องเรือมาสมทบกันไปตีเมืองหลวงต๋องง่อ หวังให้ง่อก๊กระดมทัพบกทัพเรือออกไปรับมือ แต่สมรภูมิหลักกลับเป็น กองทัพเรือเตียวเลี้ยวจากเมืองอ้วนเซียยี่สิบหมื่นคน ที่เสริมด้วย กษัตริย์โจผี สุมาอี้ กุยห้วย เตงงาย เป็นทัพหลวง ล่องตามแม่น้ำไต้กังโจมตีฐานทัพเรือเมืองชีสอง ทำลายป้อมปราการสำคัญที่เป็นหัวใจของง่อก๊ก
แผนการศึกยุทธนาวีครั้งนี้ ได้ถูกเตรียมการมาแล้วยาวนานนับตั้งแต่รัฐบาลฮั่นยอมถอยทัพในศึกเซ็กเพ็ก เพราะพันธะสัญญาที่ให้กับนางไต้เกี้ยว บุคคลสำคัญอย่าง โจโฉ กาเซี่ยง สุมาอี้ จึงแอบสั่งการให้โจหยิน เตียวเลี้ยว เตียวคับ วางแผนสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ และฝึกฝนกำลังพลให้ชำนาญศึกทางน้ำเพิ่มเติม หวังใช้สงครามในอดีตเป็นบทเรียน ทำลายล้างดินแดนง่อก๊กให้ได้ในคราวเดียว ซึ่งหากเมืองฐานทัพใหญ่ชีสองพินาศ เมืองต๋องง่อกับเมืองเกงจิ๋วก็ไม่อาจทนทานได้ยาวนานนัก
งานนี้ ต้องสำเร็จให้จงได้ เพราะเปรียบเสมือนงานชิ้นสำคัญที่พวกบรรพชนรุ่นก่อนฝากทิ้งเอาไว้ โจผี สุมาอี้ จึงนำมาพัฒนาวางแผนซับซ้อนแยบยล หลอกล่อให้จูกัดเหลียง ผู้นำตัวจริงแห่งจ๊กก๊กวุ่นวายกับการตั้งรับศึกลวงห้าสาย และลกซุน เสนาบดีบู๊แห่งง่อก๊ก ติดพันการศึกอยู่ที่ชายแดน เป็นการสร้างความได้เปรียบอีกชั้นหนึ่ง
พวกกษัตริย์โจผีลอบเดินทางไปเมืองอ้วนเซียแล้ว เตียวเฟิง-เตียวฮูหยินคนใหม่จึงค่อยมีโอกาสได้พบปะกันกับเตียวโถ ขันทีใหญ่ที่ลอบเข้ามาพบถึงจวนที่พักของสุมาอี้ในยามวิกาล ยามนี้ เตียวโถจึงได้รับรู้ความจริงแล้วว่า เตียวชุนฮัว หลานสาว ถูกสุมาอี้วางยาทำร้ายอย่างสาหัส จนเพิ่งสิ้นใจตายไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเตียวเฟิงก็ฉลาดพอที่จะไม่ลงรายละเอียดว่า นางเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สุมาอี้ปล่อยให้เตียวชุยฮัวตายเร็วขึ้น
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า เตียวโถจะดำรงตำแหน่งสูงส่งในขบวนการฟ้าดิน เป็นระดับผู้ก่อตั้ง แต่ยิ่งชรายิ่งกลัวตาย พอพี่น้องร่วมสาบานในกลุ่มสี่สุดยอด อันได้แก่ เล่าหัว จูกัดกุ๋ย เขาเฉียว ล้วนสูญสิ้นไปหมดแล้วทั้งสามคน ทำให้มันเริ่มหวาดระแวงว่า เป็นการวางแผนลับหลังของใคร และมันก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่รอการเก็บกินด้วยหรือไม่
ในเมื่อมันเองก็มีกลุ่มก้อนพรรคพวกอยู่บ้าง ตั้งแต่ สองดาวแฝด เตียวเหียน เตียวเจียว ฮัวหิม-ซินผี และสามดารา เตียวเลี้ยว เตียวคับ เตียวเฟิง รวมทั้ง บรรดาลูกศิษย์ที่ไว้วางใจได้ อันได้แก่ กุยห้วย กุยฮวย และหลานศิษย์คนล่าสุด เตงงาย มันจึงไม่คิดจะยอมรอคอยให้ถูกเชือดทิ้งไปเสียเปล่าๆ หวังเกาะกุมหนทางมั่นคงให้ตัวเอง
ในอดีต หากมิใช่มันขัดแย้งกับเตียวเหยียง อับอายที่พี่ชายยอมตอนเป็นขันที เพื่อเป็นสายให้กับพรรคฟ้าเหลือง จนไม่ยอมรับความสัมพันธ์ร่วมสายเลือดมาตั้งแต่แรกเริ่มเข้าเมืองหลวง และเมื่อถูกลงอาญาให้เป็นขันทีเหมือนพี่ชาย ก็ยังคงปฏิเสธการเข้ากลุ่มสิบขันทีด้วยความละอายใจ มันจึงยอมลดทอนบทบาทตนเอง เป็นเพียงขันทีฝ่ายการบันเทิงเท่านั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานบริหารงานวังหลวงที่มีอำนาจบารมีสูงส่ง
ภายหลัง คราบเงาฉาวโฉ่ของขันทีจางหาย กษัตริย์เหี้ยนเต้ไว้วางใจให้มันก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าขันที เพาะสร้างอิทธิพลในวังหลวง จนเกิดเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ใหม่ มันจึงคิดปรับเปลี่ยนกระดาน กำจัดโจผี และส่งเสริมโจยอยให้เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดแทน
โจยอยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะยังเยาว์วัยด้อยประสบการณ์ ย่อมควบคุมได้ง่ายกว่าโจผีที่ผ่านการสู้รบมานาน และสนิทสนมคุ้นเคยกับสุมาอี้เกินไป อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ โจยอยมีความลับอ่อนไหวที่ไม่อาจให้ผู้คนล่วงรู้ โจยอยที่มิใช่เชื้อสายสกุลโจ แต่กลับเป็นลูกติดท้องของนางเอียนซีกับอ้วนฮีเสียด้วย
“เราคิดจะกำจัดโจผี สังหารสุมาอี้ในช่วงที่มันกำลังทำศึกยุทธนาวี กุยห้วย เตงงาย กับเตียวเลี้ยวสมควรหาโอกาสในเวลาคับขันชุลมุนได้ไม่ยาก จากนั้น ไม่ว่าผู้ใดในยามนี้ ย่อมสนับสนุนโจยอยขึ้นเป็นกษัตริย์แทน” เตียวโถสรุปแผนการให้กับเตียวเฟิงได้รับฟัง
เตียวเฟิงทบทวนความคิด ก่อนเฉลยให้ผู้ที่มีศักดิ์เป็นญาติรุ่นอาวุโสได้ทราบ “การสังหารสุมาอี้อาจจะยากกว่าที่คาดคิดอยู่บ้าง เพราะมันมีกลุ่มคนลึกลับคอยหนุนหลัง ข้าเองก็ถูกส่งให้มาประกบตัวมันอย่างใกล้ชิด เพราะคนคนหนึ่งต้องการให้จับตาดูความผิดปกติในเรื่องนี้ เป็นเสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลกุนซือสาวแห่งจ๊กก๊ก”
เตียวโถหรี่ตาขบคิด “วิหคสวรรค์ต้องการรับรู้สิ่งใดหรือ จึงต้องเสี่ยงลงมือเช่นนี้”
กองทัพแรก จูกัดเอี๋ยน แฮหัวป๋า แฮหัวหลิม จากเมืองซงหยง ประชิดพรมแดนเมืองเกงจิ๋วแล้ว ฝ่ายง่อก๊กมี จูเหียนเป็นแม่ทัพรักษาเมือง และยังมี จูกัดกิ๋น ชีเซ่ง เตงฮอง คอยช่วยเหลือเต็มกำลัง ทั้งสองฝ่ายเปิดศึกหยั่งเชิงกันตามปกติ ทำให้แฮหัวหลิม และชีเซ่ง ดวลปะทะกันจนได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ และกำลังพลยุทโธปกรณ์ก็ลดทอนร่อยหรอไปไม่น้อยเช่นกัน การข่าวร่ำลือว่า ทัพเรือจากเมืองอ้วนเซีย นำโดยเตียวเลี้ยว กำลังจะมาเสริมเติมอีกแรง ทำให้จูเหียนต้องร้องขอกำลังเสริมจากส่วนกลางแล้ว
ง่ออ๋อง-ซุนกวนที่ขาดลกซุนเป็นคู่คิดที่ปรึกษา ได้แต่รับฟังคำแนะนำของซุนลอง สั่งให้ เล่งทอง ซุนเกียว น้องซุนเกา นำทัพเรือสิบห้าหมื่น ออกจากเมืองชีสอง ไปช่วยเสริมทัพที่เมืองเกงจิ๋วโดยด่วน และประกาศแต่งตั้งคนวัยหนุ่มอย่างกลุ่มห้าพยัคฆ์น้อย อันมี จูกัดเก๊ก ตันเปียว โกะถำ เตียวฮิว ให้เป็นขุนพลรอง เพื่อให้มีอำนาจในการควบคุมกองทัพได้ พร้อมสั่งการให้ลกซุนยกกองทัพกลับจากชายแดนโดยเร็ว ซึ่งคงต้องกินเวลาเดินทางไม่น้อยกว่าเจ็ดแปดวัน
ยามนี้ ดูคล้ายพวกกังตั๋งจะพลาดพลั้งเสียรู้ให้กับวุยก๊กเสียแล้ว ขุนพลเลื่องชื่อที่พอใช้งานได้ ก็ลดน้อยลง จนเรียกได้ว่า เหลือเพียงซุนลองเป็นเสาหลักสุดท้ายในส่วนกลาง ทำให้ซุนกวนต้องตัดสินใจส่งสัญญาณฉุกเฉินพิเศษ พลุไฟพยัคฆ์หยกถูกระดมยิงขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี เป็นการเรียกกองทัพเสริมฉุกเฉินของสำนักหุบเขาปีศาจ
ค่ำคืนเพิ่งผ่านไป และแล้ว ฝันร้ายก็ปรากฏขึ้นจากฝั่งทะเล เมืองหลวงต๋องง่อที่ตั้งใกล้ริมชายทะเลปากน้ำกำลังถูกจู่โจมด้วยกองทัพเรือเมืองหับป๋าที่มีปืนใหญ่หลายรูปแบบ ระดมยิงก้อนหิน ทุ่นเพลิง และไหดินระเบิด มาจากเรือสำเภาขนาดใหญ่จำนวนมากมายหลายร้อยลำเรือ ไม่มีใครคาดคิดว่าวุยก๊กจะกล้าใช้เรือสำเภาการค้าที่ปกติใช้เดินทะเลค้าขาย มาเป็นยานพาหนะนำกองทัพปืนใหญ่มาใช้เช่นนี้
กองทัพเรือสายที่สองนี้ นำโดย เตียวคับ โจจิ๋น โจฮิว จงใจข่มขวัญศัตรู ถึงกับทำลายอนุสาวรีย์จิวยี่-เสียวเกี้ยว และหอส่องสมุทรไปแล้ว กว่าซุนลองจะนำกองทัพเรือรักษาการณ์ออกไปต้านทาน แม้แต่ปราสาทของง่ออ๋อง-ซุนกวนและคลังเสบียงยังเสียหายไปไม่น้อย จนเตียวเจียว โกะหยง ต้องร่ำร้องให้ซุนกวนรีบเปลี่ยนคำสั่งเรียกกองทัพเรือเล่งทองให้หันหัวเรือล่องตามลำน้ำไต้กังกลับมาโดยด่วน
เล่งทอง ซุนเกียว เพิ่งออกคำสั่งถอยทัพกลับไปไม่ทันพ้นครึ่งวัน กองทัพเรือของฝ่ายวุยก๊กอีกหลายร้อยลำก็แล่นตามกระแสน้ำมาทันกันที่ตำแหน่งสมรภูมิเซ็กเพ็กพอดี เป็นเตียวเลี้ยว เตงงาย แห่งเมืองอ้วนเซีย เปลี่ยนเส้นทางล่องเรือเลยมาทำศึกทางน้ำกับพวกกังตั๋งแทน และกองทัพเรือรุ่นใหม่ของวุยก๊กก็มีอาวุธลูกเล่นทัดเทียมกันกับพวกกังตั๋งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรือหัวเหล็ก ปืนใหญ่ทันสมัย หรือเกาทัณฑ์ระยะไกล แถมพกด้วยเรือเร็วพลีชีพที่นำดินระเบิดพุ่งเข้าใส่เรือใหญ่ข้าศึกให้ระเบิดไปพร้อมกัน ทำเอาลำน้ำไต้กังปั่นป่วน เลือดเนื้อซากศพและเศษซากเรือยุทโธปกรณ์กระจัดกระจายเต็มผืนน้ำ
กองทัพอีกจำนวนมากของ กษัตริย์โจผี สุมาอี้ กุยห้วย ปรับเปลี่ยนแผนกระทันหัน แยกตัวจากกองทัพเรือของเตียวเลี้ยว เตงงาย เพื่อซุ่มดูยุทธนาวีครั้งสำคัญจากมุมสูงอยู่บนแนวเขาใกล้เมืองแฮเค้า มองเห็นแม่น้ำไต้กังกว้างไกลถึงเมืองชีสอง แผนการสามประสานครั้งนี้ คงใกล้จะสำเร็จลุล่วงด้วยดี ในไม่ช้า ง่อก๊กแดนกังตั๋งก็จะถูกปิดฉากลงแล้ว โจผีอดหัวร่อด้วยความภาคภูมิใจไม่ได้ คงมีเพียงมันที่สามารถกำจัดฮั่นก๊ก ง่อก๊กได้ภายในเวลาไล่เลี่ยกันเช่นนี้
แต่แล้ว สุมาอี้กลับมีใบหน้าเปลี่ยนสี ร่ำร้องว่า “แย่แล้ว” พร้อมชี้มือไปยังกลางลำน้ำเลือด “นั่นคือหลุมพราง พวกเราถูกหลอกเสียแล้ว"
ยุทธนาวีทางฝั่งทะเลเมืองต๋องง่อของฝ่ายง่อก๊กเบื้องต้นยังดูเสียเปรียบ กองทัพเรือสำเภารบที่ด้อยประสิทธิภาพทางการรบของเตียวคับ โจจิ๋น โจฮิว นั้นมีจำนวนมากกว่ากองทัพเรือรบประจำการณ์ของง่อก๊กหลายเท่า ทำให้เรือรบฝ่ายซุนลองคล้ายดั่งพยัคฆ์ร้ายในฝูงจิ้งจอก ถึงจะเข้มแข็งกว่า แต่ก็ถูกรุมกระหน่ำมาจากรอบด้านจนอ่อนแรง และเริ่มมีควันไฟคละคลุ้งในลำเรือมากมาย หากเป็นผู้อื่นคงตัดใจล่าถอยไปนานแล้ว
และแล้ว เสียงโห่ร้องแบบชาวเรือก้องดังมาจากทะเลใต้ เป็นทหารเรือของชนเผ่าเย่ที่นำมาโดยผู้นำอิ้วตู้ กองหนึ่ง และทางฝั่งตะวันออก ยังมีกองเรือรบลึกลับใช้ธงรูปภูเขาหน้าปีศาจ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แล่นมาเต็มท้องน้ำอีกกองหนึ่ง โอบล้อมกองทัพวุยก๊กไว้อีกชั้นหนึ่ง คงเป็นการตอบรับกับพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
อันที่จริง เผ่าเย่ไม่ได้มีชื่อเสียงด้านการรบทางน้ำ แต่การระดมทัพมาเช่นนี้ ก็ปิดบังกีดขวางเส้นทางเดินเรือได้มาก สร้างความกังวลใจได้ไม่น้อย กลับเป็นกลุ่มเรือลึกลับที่ชำนาญการรบมากกว่า และสร้างความบอบช้ำในกองทัพเรือวุยก๊กอย่างกระทันหัน
สุดท้าย ปากแม่น้ำไต้กัง ยังมีกองทัพเรือเร็วพุ่งทะยานออกมาไม่หยุดยั้ง ชูธงแม่ทัพชีเซ่งแห่งง่อก๊ก ที่แท้ ข่าวการบาดเจ็บของชีเซ่งที่แพร่สะพัดก็เป็นข่าวลวง เปิดทางให้ขุนพลมีชื่อได้บรรจบกับทัพหนุนของเจ้าเมืองห้อยเข ศิษย์เอกของกำเหลง นามโฮกี๋ ช่วยเหลือเมืองต๋องง่ออีกกลุ่ม กลายเป็นกองทัพเรือวุยก๊กโดนตีกระหนาบจากสามทัพสามทิศทาง
สายข่าวแจ้งเหตุไม่คาดฝันว่า เตียวคับ โจจิ๋นพลาดพลั้ง ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว โจฮิวในฐานะนายทัพอาวุโสที่พร้อมสั่งการได้ จึงยกธงสัญญาณสั่งการให้ถอยทัพเสียก่อน เพราะกองทัพเรือสำเภาไม่พร้อมรับมือกับการโจมตีอย่างดุดันของเหล่าโจรสลัดหรือกองทัพหนุนของฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้
อย่างน้อย แผนการฝั่งทะเลตะวันออกนี้ ก็เป็นเพียงสมรภูมิลวง มิใช่เป้าหมายหลักในการโจมตีเอาชนะ โจฮิวจึงไม่คิดสุ่มเสี่ยงต่อการตอบโต้ให้ยาวนานเกินไป หวังว่า การยื้อเวลาสร้างความปั่นป่วนนี้จะเพียงพอต่อแผนการที่แท้จริงของสมรภูมิที่เหลือ
สถานการณ์เมืองเกงจิ๋วมีความเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน จูกัดเอี๋ยน แฮหัวป๋าที่ตั้งค่ายกดดันอยู่นอกเมืองด้วยกำลังพลสิบห้าหมื่นนั้น กลับถูกจูเหียน จูกัดกิ๋น และสามพยัคฆ์น้อย จูกัดเก๊ก โกะถำ เตียวฮิว ผลัดกันตีกระหนาบ และเปิดเส้นทางเรือให้เตงฮอง ตันเปียว ล่องทัพเรือออกไปได้ ที่จริง กำลังพลควรลดน้อยถอยลง แต่ยังมีกำลังพลเพิ่มเติมมาจากทางใต้ กลับเป็นกองทหารชายแดนที่เบื้องแรกคาดการณ์ว่าถูกลกซุนเรียกระดมพลไปรบกับจ๊กก๊กที่เมืองเตียงสา แต่กลับลอบย้อนมาเสริมทัพเกงจิ๋วอีกร่วมห้าหมื่นนาย
แม้ว่ากองกำลังทั้งสองฝ่ายจะใกล้เคียงกันอยู่ แต่ยังมีข่าวทหารเพิ่มเติมว่า เบ้งตัดที่ไปตั้งทัพอยู่ที่เมืองส้างหยง กลับเดินทางย้อนมาทางเมืองซงหยงโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด ตามจุดยุทธศาสตร์การรบ หากแม้นวุยก๊กสูญเสียเมืองซงหยง ก็เท่ากับหมดหนทางล่าถอย กลายเป็นถูกโอบล้อมจากข้าศึกรอบด้าน แม้แต่องค์กษัตริย์ที่ชายแดนก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้น พอประเมินรอบด้านแล้ว จูกัดเอี๋ยนจึงได้แต่สั่งการให้ล่าทัพกลับมารักษาเมืองซงหยงก่อนโดยเร็ว แต่ก็ทำให้สูญเสียกองทหารไปเสียมากมาย
สุดท้าย เบ้งตัดนำกำลังพลกลับมาเพราะหนังสือปลอมที่ออกมาจากทางส่วนกลาง เนื้อความคือ ให้ถอยกลับมาช่วยตั้งรับที่เมืองซงหยง ทำให้เชื่อได้ว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในแผนการที่ง่อก๊กแทรกซึมวงใน หลอกลวงทำให้วุยก๊กกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปทุกสมรภูมิ เพียงหนังสือปลอมฉบับเดียว ก็สร้างความปั่นป่วนให้แก่ขุนพลวุยก๊กจนหัวหมุนเสียแล้ว
ภาพที่โจผี สุมาอี้มองเห็นจากมุมสูงแนวหน้าผา คือ กองทัพเรือของฝ่ายกังตั๋งมิได้เกิดความสับสนอย่างแท้จริง รูปขบวนของทัพเรือง่อก๊กเป็นเหมือนอสรพิษใหญ่เหยียดตัวไปตามลำน้ำที่คดเคี้ยว ดังนั้น การโจมตีของทัพเตียวเลี้ยวจึงเป็นการโจมตีเข้าใส่เพียงส่วนปลายหางแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่สภาพการรบมองไม่เห็นได้ไกล จึงรู้สึกคล้ายสร้างความเสียหายให้กับกองทัพศัตรูได้อย่างใหญ่หลวง จนเกิดความย่ามใจเกินจริง
สถานการณ์ที่แท้จริงจึงกลายเป็นอสรพิษใหญ่กำลังฉุดลากเอากองทัพเรือวุยก๊กไล่ตามถลำล้ำเข้าไปในแนวรบสมรภูมิที่ต้องการ ค่ายกลขวากโซ่ขนาดใหญ่ที่ขึงตรึงอยู่ใต้สายน้ำทำงานอีกครั้ง กระแทกลำเรือของวุยก๊กทีละลำสองลำ จนเริ่มปั่นป่วนเสียขบวน
กระเช้าลอยฟ้าสี่ลำที่ปราชญ์อ้วนยูลอกเลียนมาจากต้นแบบจ๊กก๊ก ลอยตามกระแสลมพร้อมทิ้งทุ่นดินระเบิดทำลายที่กลางขบวนซ้ำอีกชุดใหญ่ พร้อมกันกับที่กองทัพเรือของกังตั๋งหันกลับมาร่วมลงมือด้วย ทำลายกองทัพเรือวุยก๊กครึ่งส่วนด้านหน้าแทบหมดสิ้น
เตียวเลี้ยว เตงงาย ได้แต่นำพากองทัพเรือส่วนหลังล่าถอย แต่ก็ยังเผชิญซ้ำกับกองทัพเรือของเตงฮอง ตันเปียว ที่ปล่อยค่ายกลระเบิดฟ้าผ่ามาตามกระแสน้ำ จากทุ่นระเบิดกระเบื้องเคลือบที่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่พวกง่อก๊กเคยเผชิญ กลับกลายเป็นกระทงกลีบดอกไม้ผูกโยงเป็นสาย และอัดแน่นด้วยดินระเบิดให้มีจำนวนมากพอจะสร้างความเสียหายที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม และถูกปล่อยให้ลอยกระจายเต็มลำน้ำคล้ายบุปผาสวรรค์อันงดงาม บานสะพรั่งเต็มลำน้ำ แต่เป็นกับดักที่ปิดบังเส้นทางหลบหนีให้ยากลำบากยิ่งขึ้น
เสียงตูมตามดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมเรือรบที่แตกสลาย และจมลงช้าๆ ทหารที่รอดพ้นจากกับดักระเบิด ก็ยังถูกทหารเรือฝ่ายตรงข้ามยิงซ้ำด้วยเกาทัณฑ์ระยะไกล และปืนใหญ่ทำลายล้าง นับว่า ง่อก๊กเตรียมการมาอย่างดี ลอกเลียนอุปกรณ์พิสดาร จนทำลายทัพเรือเมืองอ้วนเซียที่อุตส่าห์เตรียมการมานาน จนแทบหมดสิ้นในคราวเดียว
เตงงาย ได้รับคำสั่งฉุกเฉินให้ย้ายเรือมาประจำการณ์อยู่ที่เรือใหญ่แม่ทัพ ทหารข่าวแจ้งว่า เตียวเลี้ยวพลาดพลั้ง ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดระหว่างการสั่งงานทัพ เตงงายพบเห็นเตียวเลี้ยวได้รับบาดเจ็บที่ช่วงขา เคลื่อนไหวไม่สะดวก จึงดำเนินการยืนกรานตามคำสั่งเดิม ให้ถอยทัพโดยเร็ว ฝ่าค่ายกลระเบิดฟ้าผ่าไปให้จงได้
มันมองเห็นฝ่ายตรงข้ามขึ้นธงแม่ทัพเตงฮอง ตันเปียว ตระหนักว่าพี่ชายส่งสัญญาณให้รู้กัน จึงสั่งการให้ติดธงแม่ทัพเตงงายขึ้นแทนที่เตียวเลี้ยว หวังให้พี่ชายผ่อนปรนสถานการณ์ลงบ้าง มิฉะนั้น วุยก๊กอาจจะหมดสิ้นอยู่ในลำน้ำกันทั้งขบวน
เตงฮองพบเห็นสัญญาณลับ แสร้งสั่งการให้หยุดปล่อยกระทงเพิ่มเติม หันมาระดมยิงเกาทัณฑ์ และรุกโจมตีระยะประชิด เพื่อจำกัดวงความเสียหายลง ทำให้ทหารเมืองเกงจิ๋วกระโจนช่วงชิงเรือรบไปได้บางส่วน แต่ก็เปิดช่องพอให้บางลำเล็ดรอดกลับไปได้
เตียวเลี้ยวนอนหลับตาพักผ่อนอยู่ในห้องสั่งการแม่ทัพจากอาการบาดเจ็บผิวกาย สะเก็ดระเบิดถูกถอนออกพร้อมทำแผลให้แล้วอย่างลวกๆ มีเพียงทหารองครักษ์คนสนิทไม่กี่คนเฝ้าระวังให้กลุ่มหนึ่ง ภายนอกมันยังสงบนิ่งไว้เชิง แต่ในใจสับสนวุ่นวายไม่น้อย ตอนแรก การทัพครั้งนี้ พวกตนสมควรได้รับชัยชนะเหนือพวกง่อก๊กอย่างง่ายดาย และตนเองยังมีวาระการลอบสังหารกษัตริย์โจผี สุมาอี้ ป้ายสีให้กับพวกง่อก๊กเสียด้วยซ้ำ
แต่แล้ว ทุกอย่างกลับผิดเพี้ยนไปจากแผนการจนหมดสิ้น สุมาอี้กลับคล้ายมีความเคลื่อนไหวพิสดาร ชิงนำพาโจผี กุยห้วยยกกองทัพบกออกจากเมืองอ้วนเซียไปเส้นทางอื่นเสียอย่างกระทันหัน มันเองพอคาดเดาได้ว่า สุมาอี้ไม่ไว้วางใจกองทัพเรือ แต่คงนึกไม่ถึงว่า กุยห้วยก็เป็นฝ่ายเดียวกันกับตนเอง จะหลบหนีป้องกันเช่นไรก็ไม่พ้นเงื้อมมือแผนลอบสังหารได้ เพียงแต่เสียดายที่ไม่ใช่เป็นผลงานของมันโดยตรง
ในเมื่อมันอ่อนเพลียเกินไป เพราะภาระหน้าที่ตกอยู่กับศิษย์เอกเตงงายไปแล้ว จึงคิดฟุ้งซ่าน ย้อนรำลึกถึงวันเวลาที่ผ่านเลยไป บางทีมันก็นึกเสียดายพันธมิตร โลซก กวนอู เตียวเลี้ยว ที่เกือบจะสร้างชื่อหลุดพ้นวงจรอุบาทว์ได้บ้าง บางทีก็กังวลต่อชะตากรรมที่ผันเปลี่ยนเจ้านายจากพรรคฟ้าเหลืองเป็นขบวนการฟ้าดิน หรือผู้มากบารมีสกุลโจ
เสียงพึ่บดังขึ้นหลายครั้งพร้อมความเจ็บปวดคล้ายยุงกัดที่ต้นคอและจุดต่างๆตามร่างกาย มันรีบลุกขึ้นกวาดตามองไปโดยรอบ พลันพบว่า ทหารองครักษ์กลับเป็นผู้คนที่ไม่คุ้นหน้าทั้งสิ้น ในมือล้วนถือลูกดอกเป่าของชนเผ่าทางเหนือ เตียวเลี้ยวรีบยื่นมือคว้าอาวุธ แต่มือไม้ไร้เรี่ยวแรง ตาพร่ามัว สติเลอะเลือน ดั่งอาการคนที่ถูกยาสลบ
ทันใดนั้น เตงงายพรวดพราดเข้ามาในห้องพัก ทำให้เตียวเลี้ยวพอใจชื้นขึ้นบ้าง อย่างน้อย ลูกศิษย์ของมันสมควรช่วยเหลือมันได้บ้าง หากแต่ต้องตื่นตะลึง เมื่อได้ยินเตงงายกล่าวกับเหล่าองครักษ์ทรยศว่า “ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว พวกเจ้าค่อยๆล่าถอยกลับไป ด้านนอกกำลังวุ่นวายกับศึกทางน้ำ ไม่ทันมีใครสนใจกันดอก”
เหล่าองครักษ์รับคำพลางทะยอยเดินตรงไปที่ประตู พลันเห็นเตงงายกับองครักษ์อีกคนหนึ่งกลับลงมือฆ่าฟันคนทั้งหลายในทันที ค่อยเห็นเตงงายหยิบเอาเกาทัณฑ์ออกมายิงใส่เตียวเลี้ยวสามสี่ดอกในระยะประชิด ขุนพลพยัคฆ์อันดับหนึ่งถูกยาสลบอย่างแรงสะกดไว้ อีกทั้งมีอาการบาดเจ็บ มิอาจเคลื่อนไหวสะดวก ถึงกับถูกสังหารตายโดยกระทันหัน สิ้นลายพยัคฆ์ร้ายอันดับหนึ่งแห่งวุยก๊กไปเช่นนี้
“พี่รองได้รับผลงานใหญ่หลวง สมควรได้เลื่อนยศขึ้นเป็นขุนพลเอกในเร็ววัน” เตงงายชี้ไปยังตัวเกาทัณฑ์ที่สลักชื่อเตงฮองแห่งง่อก๊กเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ “ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ที่ชี้แนะวางแผนห้าวหาญในครั้งนี้แล้ว”
พี่ใหญ่รับคำ “ต้องนับว่า เตียวเลี้ยวถึงคราวเคราะห์จริงๆที่ตกเข้ามาในกับดักของพวกเราสกุลเตงโดยบังเอิญ พวกเราเพียงมุ่งหวังจัดการขุนพลมีชื่อสักคนสองคนให้กับน้องรอง หวังให้มีชื่อเสียงขึ้นทัดเทียมจูเหียนที่มีเส้นสายใหญ่โต แต่กลับจับได้ปลาตัวโตเกินคาดหมาย เดี๋ยวพวกเราแสร้งประคองตัวมันออกไปให้อยู่ในตำแหน่งคล้ายกำลังหลบหนีลงเรือเล็ก แล้วกลับโดนยิงตายด้วยฝีมือของน้องรองกันเถอะ”
พี่ใหญ่ยังกล่าวต่อ “พอเตียวเลี้ยวจบสิ้นเช่นนี้ ตำแหน่งหน้าที่การงานของเจ้าเองก็จะก้าวกระโดดขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน นับเป็นการยิงธนูครั้งเดียว ได้นกสองตัวจริงๆ”
เตงงายหัวร่อ ประสานมือขอบคุณต่อพี่ใหญ่ แสงสว่างภายในห้องจับที่ใบหน้า ถึงกับเป็นเตงจี๋ ราชทูตจากจ๊กก๊ก ที่ลอบมาจัดฉากสร้างเรื่องราวให้ขุนพลพยัคฆ์อันดับหนึ่งแห่งวุยก๊กถูกยิงตายด้วยฝีมือของขุนพลง่อก๊กนามว่า เตงฮอง
สามพี่น้องสกุลเตง ตัวละครที่ไม่สำคัญ กลับกำลังก่อการลับ บ่อนทำลายความแข็งแกร่งของก๊กต่างๆเพียงเพื่อแผ้วถางเส้นทางสร้างอนาคตให้กับพวกพ้องของตนเอง และล้างแค้นให้กับบรรพชนของพวกมัน โดยส่งผลกระทบต่อขุมกำลังลับอื่นๆอย่างบังเอิญ
อ๋องซุนกวนปลอม-ซุนลู่ปัน เตียวเจียว โกะหยง และเหล่าขุนนาง เปิดเมืองต๋องง่อ ต้อนรับการกลับมาของท่านอาซุนลอง ขุนพลชีเซ่ง ผู้นำเผ่าเย่ และหัวหน้ากองเรือลึกลับ ที่ทะยอยกันเทียบท่าชายฝั่ง เพื่อเป็นการให้เกียรติกับวีรบุรุษผู้กอบกู้แผ่นดิน หากแต่ดูอ๋องซุนกวนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ คล้ายมีความนัยซ่อนเร้นอยู่
กองเรือของชนเผ่าเย่กลับชิงแทรกตัวเข้ามาถึงท่าเรือได้เป็นกลุ่มแรก กองเกียรติยศดูกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง แต่ไม่อาจล่าถอยให้เสียมารยาท ซุนกวนพร้อมเตียวเจียว โกะหยง จึงก้าวออกมาข้างหน้า เพื่อทักทายกันตามธรรมเนียมการศึก
อิ้วตู้ ผู้นำเผ่าพร้อมองครักษ์ แย้มยิ้มเดินตรงเข้ามาในระยะประชิด คล้ายไม่รู้จักธรรมเนียมการทูตของชาวฮั่น แล้วกลับกระทำการอุกอาจ ถึงกับใช้อาวุธชิงเอาตัวซุนกวนไปเป็นตัวประกัน และนำลงเรือออกไปด้วยในทันที โดยที่เหล่าขุนนางนายทหารได้แต่ตื่นตะลึง นึกไม่ถึงว่า ผู้นำเผ่าเย่จะใจกล้าหน้าด้านถึงปานนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา