6 พ.ย. 2021 เวลา 01:33 • นิยาย เรื่องสั้น
7.14. ตะลุยแดนสารพัดพิษ
เบ้งเฮ็ก จ้าวแห่งเวทมนตร์ - สุนา นักรบอสรพิษ - ห้วยหลำ นักรบแมงป่อง
หลังจากจบเรื่องราวสะเทือนใจในจวนเจ้าเมืองเกียมเหลงที่ชายแดนระหว่างจ๊กก๊กกับม่านก๊ก จูล่งไม่อาจรั้งรอแม้แต่พักค้างคืน รีบเร่งกลับไปประจำพื้นที่ฝั่งตะวันออกดังเดิม คงเหลือแต่เสียวเอี่ยนจื่อ กวนหิน เตียวเปา รอคอยสะสางงานต่อ จนกระทั่ง อุยเอี๋ยน เอียวหงี นำกองทัพยี่สิบหมื่นนาย ชูธงขงเบ้ง-จูกัดเหลียงมาถึง
เนื่องจากเรื่องตัวประกันไม่อาจแพร่งพราย และขงเบ้งตัวจริงมิได้มาด้วยกันจริง อุยเอี๋ยนจึงได้แต่จัดทำเป็นหุ่นกระดาษเท่าตัวคนนั่งบนเก้าอี้ล้อหมุน อันเป็นรูปลักษณ์เดิมของขงเบ้งตั้งไว้ในกระโจมแม่ทัพใหญ่ ปล่อยข่าวว่า มหาอุปราชไม่คุ้นเคยกับภูมิอากาศร้อนชื้น จึงล้มป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ยังใจสู้ไม่ยอมหวนกลับ มอบหมายให้สองขุนพลสวรรค์ เสียวเอี่ยนจื่อ อุยเอี๋ยน รองแม่ทัพช่วยกันรักษาการแทนไปพลางๆก่อน
สายข่าวยืนยันว่า แมงมุม หนึ่งในนักรบเบญจพิษ นำตัวประกันข้ามผ่านชายแดนไปยังอาณาจักรเพงายใหม่ และกองทัพม่านก๊กชุดแรก นำโดยสองนักรบ อสรพิษ แมงป่อง ก็ยกทัพมาต้านรับแถบลุ่มน้ำลกซุย (แม่น้ำสาละวิน) แล้ว
หลายปีที่ผ่านมา สามนักรบเบญจพิษรุ่นแรก สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ไว้มากมาย กิมห้วน-ตะขาบ สู้รบกล้าแกร่ง สุนา-อสรพิษ เชี่ยวชาญกลศึก ห้วยหลำ-แมงป่อง เก่งกาจเวทมนตร์ ขาดหายไปคือ คางคก ลี้ลับพิสดาร และ กิ้งก่า มากเล่ห์เพทุบาย
ร่ำลือกันว่า สองนักรบรุ่นใหม่ที่เพิ่มเติมมาภายหลังคือ เงียมเตียง-ค้างคาว บุตรชายเงียมหงัน อสูรคางคกที่ถูกเปิดเผยไปแล้วนั้น โหดเหี้ยมอำมหิต และ แมงมุม ลึกลับซับซ้อน ที่ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่า คือใครกันแน่
หากราชันย์เบ้งเฮ็กดำเนินแผนการได้ถึงที่สุด กลุ่มนักรบเบญจพิษบรรลุภารกิจได้ลุล่วง มาผนวกกันกับแผนการจับตัวประกัน เห็นที จ๊กก๊กและจูกัดเหลียงเห็นทีจะตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน แต่นับว่า โชคดีของฝ่ายจ๊กก๊กที่สามารถกำจัดคางคก ค้างคาว และตะขาบไปได้แล้วตามลำดับ ทำให้พลังทำลายของฝ่ายม่านก๊กลดทอนลงไปอย่างมาก
อันที่จริง ทัพหน้าของม่านก๊ก สมควรจะเป็น กิมห้วน สุนา ห้วยหลำ สามนักรบเบญจพิษรุ่นดั้งเดิม ซึ่งจะมีความสมดุลย์ทั้งการสู้รบ การวางแผน และเวทมนตร์ แต่เมื่อกิมห้วนที่เก่งกาจด้านการต่อสู้ถูกฆ่าตายไปอย่างกระทันหัน กลับกลายเป็นช่องว่างที่จ๊กก๊กน่าจะฉวยโอกาสเอาไว้ ก่อนที่เบ้งเฮ็กจะแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา
เสียวเอี่ยนจื่อจึงสั่งการให้กองทัพยกประชิดชายแดนในทันที เป้าหมายคือสมรภูมิลุ่มน้ำลกซุย (สาละวิน) กองหน้า อุยเอี๋ยน กวนหิน เพิ่งไปถึง กองทหารกลุ่มแรกยังไม่ทันเผชิญกับผู้คน กลับถูกโจมตีด้วยฝูงสัตว์พิษนานาชนิด ตั้งแต่ ตะขาบ อสรพิษ แมงป่อง คางคก และกิ้งก่า พื้นที่ชื้นแฉะท่ามกลางภูมิประเทศแบบป่าเขาทำให้กองทัพสัตว์สารพัดพิษบุกจู่โจมเข้ามาได้อย่างกระทันหัน ทำให้ทหารจ๊กก๊กล้มตายไปไม่น้อย ไม่ต้องบอกก็คาดเดาได้ว่า เป็นฝีมืออันร้ายกาจของสุนา จอมวางแผนของพวกม่าน
อุยเอี๋ยนผ่านประสบการณ์สงครามมามากมาย ไม่เคยเผชิญกับการโจมตีของสัตว์ร้ายเช่นนี้ ได้แต่ล่าถอยมาก่อนชั่วคราว เพื่อปรึกษาหารือกันกับเสียวเอี่ยนจื่อและพวกในค่ายทหาร ฮ่วมอาที่แฝงตัวเป็นหมอประจำตัวของนางแอ่น จึงแนะนำให้ใช้พืชสมุนไพรกลิ่นแรงในป่าเขาท้องถิ่นหลายชนิดมาผสมเป็นตัวยา ส่วนหนึ่งใช้ถูทาตามร่างกาย ส่วนหนึ่งใช้สาดใส่สร้างพื้นที่ปลอดภัย ก็สามารถขับไล่กองทัพสัตว์พิษได้ พอมีจังหวะ ค่อยใช้น้ำมันไขสัตว์สาดใส่ แล้วค่อยใช้ไฟเผาทำลายให้หมดสิ้น
กวนหิน เตียวเปา เอียวหงี จึงรับอาสาขับไล่กองทัพสัตว์ร้ายไปยังพื้นที่คับขัน แล้วค่อยใช้ไฟเผาตามแผนจนสำเร็จ นำพากองทัพเฉพาะกิจไปตั้งค่ายกันที่ฟากฝั่งแม่น้ำลกซุยได้แล้ว และเร่ิมระดมก่อสร้างแพใหญ่ข้ามลำน้ำไปพลาง
พอพวกเสียวเอี่ยนจื่อมาถึง ยังไม่ทันได้พักผ่อน ทหารข่าวก็เข้ามารายงานว่า กลุ่มทหารที่ก่อสร้างแพใหญ่พากันล้มตายเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ฮ่วมอาจึงออกไปสืบค้นเบาะแสจากคนในท้องถิ่น เทียบกับตำราที่เคยได้รับมาจากอาจารย์ จนทราบว่า ที่แท้ แม่น้ำลกซุยเป็นแม่น้ำที่มีพิษเย็นสะสม อันน่าจะเกิดจากพืชพันธุ์ไม้ที่มีพิษแถบต้นน้ำที่อยู่ในดินแดนลี้ลับชางชุงบนเทือกเขาหิมะพัันปีตังลา
ความอาถรรพ์หรือความผิดพลาดอันใดของดินแดนดังกล่าว ทำให้ลุ่มน้ำเกิดพิษร้ายที่มีฤทธิ์เย็นจัด กลางวันดื่มกินทำให้หลอดเลือดแข็งตัวอุดตัน พอโดนแดดร้อนเข้า ผู้คนจึงกระอักเลือดตาย ต้องเป็นเวลากลางคืนถึงจะนำมาใช้ได้ จึงนำความไปบอกเล่าให้สองรองแม่ทัพรับทราบ และออกคำสั่งห้ามกินห้ามใช้ในยามฟ้าแจ้งแก่ผู้คนทั่วไปได้รับรู้กัน
เสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลวิหคสวรรค์ ตระหนักถึงภัยอันตรายจากดินแดนสารพัดพิษเช่นนี้ จึงแจ้งให้ทุกคนระมัดระวังตัวกันมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดว่ายังไม่ทันออกรบ ทหารก็ล้มตายไปนับพันคนไปแล้ว นับว่าทำลายขวัญกำลังใจแก่กองทัพเป็นอย่างมาก จึงออกอุบายสั่งการให้ปล่อยโคมไฟกระทงลอยไปตามลำน้ำลกซุยเป็นจำนวนมาก เสมือนหนึ่งถวายบูชาดวงประทีปต่อเจ้าแม่คงคา เป็นการแก้เคล็ดลางอาถรรพ์ทั้งปวง และเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาอีกครั้ง ค่อยลงแพข้ามฟากกันในยามค่ำคืนนั้นเลย
ฝ่ายสุนา ห้วยหลำ แอบสอดแนมความเคลื่อนไหว จึงรู้ว่า คนจ๊กก๊กหาญกล้าข้ามลำน้ำลกซุยในยามกลางคืน จึงได้เตรียมการตอบโต้ ปล่อยให้กองทัพเสียวเอี่ยนจื่อข้ามฝั่งมาจนได้เกือบกึ่งหนึ่ง ค่อยส่งกองทัพพิเศษไปสกัดทำลายที่ชายฝั่ง แต่ด้วยความที่พื้นที่สว่างไสวด้วยโคมไฟกระทงลอยน้ำ และแสงจันทร์วันเพ็ญ ทำให้ทัพหน้า กวนหิน เตียวเปา พร้อมรับมือได้เช่นกัน
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เห็นกองทัพฝ่ายตรงข้ามมีเพียงไม่กี่ร้อย แต่ฝีมือห้าวหาญดุดัน ไม่กลัวความตาย และถึงกับไม่มีคนตายเลยเสียด้วย สร้างความแตกตื่นเสียขวัญแก่กองทัพจ๊กก๊กเป็นยิ่งนัก แม้ว่า กวนหิน เตียวเปา ลงมือเอง ยังทำอะไรไม่ได้เลย
เสียวเอี่ยนจื่อที่ยืนบนแพใหญ่ พลันสังเกตเห็นว่า คนเผ่าม่านที่มาในครานี้ มีบ้างฟันแทงไม่เข้า มีบ้างล้มตายแล้วลุกฟื้นขึ้นมาใหม่ เมื่อพิจารณาให้ถี่ถ้วน กลับพบว่า ทหารฝ่ายตรงข้ามล้วนมีใบหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายแข็งทื่อ ดูคล้ายผีดิบเดินได้มากกว่าจะเป็นทหารปกติทั่วไป ทำให้นึกขึ้นได้ว่า แมงป่อง-ห้วยหลำคงใช้อิทธิฤทธิ์คุณไสย เรียกภูตผีปีศาจออกมาช่วยสู้รบในยามค่ำคืนเช่นนี้
เมื่อนึกทบทวนด้วยความรู้ทางประวัติศาสตร์ นางแอ่นจึงตะโกนสั่งความให้สองขุนพลหนุ่มใช้คบไฟ เกาทัณฑ์เพลิง และดินระเบิด โจมตีแทนอาวุธ ค่อยพอประทังเวลาได้ระยะหนึ่ง แล้วให้นำเอาเลือดไก่ดำหมูดำจากกองครัวเสบียงมาสาดใส่กองทัพปีศาจ
พอกองทัพผีดิบโดนเลือดไก่ดำหมูดำ พลันเกิดเป็นควันขาวพลุ่งขึ้นตามร่างกาย แล้วล้มพับลงกับพื้นดิน กลายเป็นเพียงหุ่นฟางหญ้าแพรกผูกผ้ายันต์สายสิญจ์ร่วงเกลื่อนกลาด เปิดทางให้เห็นจอมขมังเวทย์ ห้วยหลำ ในชุดลายพร้อยคล้ายพ่อมดหมอผี แอบยืนร่ายคาถากำกับอยู่ด้านหลัง เสียวเอี่ยนจื่อหัวไว จึงคว้าเอาลูกเกาทัณฑ์จุ่มเลือดของดำส่งต่อให้กับอุยเอี๋ยนที่ยืนอยู่ข้างกาย ขุนพลพายุคลั่งไม่รอช้า ยิงใส่เป้าหมายในทันที
ไม่เสียทีที่เป็นศิษย์เอกของสุดยอดนักเกาทัณฑ์แห่งยุค ฮองตง ลูกเกาทัณฑ์ของอุยเอี๋ยนปักทะลุกลางหน้าผากของแมงป่อง-ห้วยหลำได้อย่างแม่นยำ ห้วยหลำที่ประมาท คิดว่าตัวเองมีวิชาคุณไสย คงกระพันหนังเหนียว กลับถูกอาวุธที่ผ่านการแก้เคล็ดคุณไสย สังหารตายไปอย่างง่ายดายอีกคน และแล้ว กองทหารปีศาจที่ขาดมนตร์ควบคุม จึงล้มลงคืนสภาพเป็นหุ่นฟางไปหมดสิ้น
กองทัพของกวนหิน เตียวเปา เปิดทางให้กองทัพด้านหลังทะยอยข้ามฟากกันมาเพิ่มเติมจนหมดสิ้น พอดีทันกันกับเวลาฟ้าสางรับอรุณ แม่น้ำลกซุยที่สีแดงฉานด้วยโลหิต พลันกลายสภาพเป็นแม่น้ำพิษร้ายไปอีกครั้งหนึ่ง
แต่กองทัพหน้าของจ๊กก๊กก็ไม่รอช้า รีบรุกคืบไปยังค่ายทหารของฝ่ายตรงข้ามต่อไป เพื่อไม่ให้ทันตั้งตัว แต่กลับพบเห็นค่ายทหารม่านก๊กที่ตั้งอิิงเชิงหน้าผา เหลือเพียงความว่างเปล่า กวนหินเตียวเปา ฉุกใจคิด รีบสั่งการให้ทหารล่าถอยกลับออกมา แต่ไม่ทันการเสียแล้ว กองทัพของอสรพิษ-สุนาพลันลุกขึ้นตามซอกหลืบแนวผา ระดมยิงเกาทัณฑ์เพลิงเข้าใส่ในค่ายทหารและหลุมพรางที่วางไว้ จุดชนวนดินระเบิดภายในให้ประทุขึ้น กลายเป็นหุบผาระเบิดเพลิงที่ทำลายล้าง และเผาทหารกองหน้าวอดวายไปอีกมากมาย
กวนหิน เตียวเปา เคียดแค้นในใจที่เสียรู้ให้กับพวกม่านครั้งแล้วครั้งเล่า จึงพุ่งตัววิ่งไต่ไปตามเชิงผา หมายจะบุกสังหารสุนาที่ยืนเด่นด้วยชุดนักปราชญ์มีสีสัน อยู่บนด้านบน แต่ไม่วายจะถูกอาวุธฝ่ายตรงข้ามสกัดขัดขวางเอาไว้ไม่อาจรุกคืบไปได้เลย นับเป็นการวางแผนที่รัดกุมเยี่ยมยอดของจ้าวอสรพิษจริงๆ
พลันเห็นอุยเอี๋ยนใช้ตัวเองแทนกระสุน ยิงออกจากเครื่องยิงก้อนหินให้ล่องลอยขึ้นที่สูง แล้วค่อยกางปีกพิเศษร่อนลอยตามกระแสลม พุ่งข้ามหัวกองทหารฝ่ายตรงข้ามที่ยืนขวางกั้น ตรงเข้าใกล้สุนาจากมุมสูง และใช้เกาทัณฑ์ในแขนเสื้อยิงสังหารลงมาจากฟากฟ้าเลยในทันที ปิดฉากกองทัพสองนักรบเบญจพิษได้สำเร็จ
เสียงโห่ร้องมีชัยของฝ่ายจ๊กก๊ก ทำลายขวัญกำลังใจคนม่านให้รีบหลบหนีล่าถอย ในที่สุด กองทัพเสียวเอี่ยนจื่อก็เอาชนะเหล่านักรบเบญจพิษอันเกรียงไกรของอาณาจักรแดนใต้ได้แล้ว นับเป็นก้าวแรกของสงครามใหญ่ในอาณาจักรของชนเผ่าแดนใต้
ขุนพลพายุคลั่ง-อุยเอี๋ยน ลงมือสังหารสองนักรบเบญจพิษด้วยฝีมือยิงเกาทัณฑ์ แต่เป็นความคิดพลิกแพลงของขุนพลวิหคสวรรค์-เสียวเอี่ยนจื่อที่แนะนำวิธีการให้ทั้งสิ้น ทั้งสองจึงรู้สึกได้ถึงความสอดคล้องลงตัวกันอย่างยิ่ง ทั้งเรื่องปัญญาและการต่อสู้
กองทัพจ๊กก๊กชูธงขงเบ้ง-จูกัดเหลียงหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของหุบเขาลึกลับ มณฑลหนานจง ซึ่งเป็นชายแดนดั้งเดิมระหว่างแผ่นดินฮั่นกับพวกม่านก๊กในอดีต สายข่าวบอกว่า หากใช้เส้นทางผ่านหุบเขาจะตรงเข้าถึงเมืองหลวงหนงเส(หนองแส)ได้ภายในห้าวันเจ็ดวัน แต่หากใช้เส้นทางใหญ่อ้อมเทือกเขา จะต้องใช้เวลาร่วมเดือนเลยทีเดียว
ครั้งก่อน จูกัดเหลียงนำพาฮองเย่อิงหลบหนีออกจากเผ่าโบราณ ได้สร้างค่ายกลพิสดารกักตัวพวกม่านเอาไว้ไม่ให้ติดตามออกมาได้ทัน จนภายหลัง เป็นฮองเสงหงัน ผู้พ่อ ได้ทำลายค่ายกลดังกล่าว เพื่อติดตามออกไปด้วย จึงเป็นการเปิดทางให้สองอสูรนักรบ คางคก กิ้งก่า เดินทางเข้าไปแทรกแซงแผ่นดินสามก๊กได้ในภายหลัง และสุดท้าย พวกม่านก๊กจึงสามารถขยายอาณาเขตออกไปจนครอบคลุมถึงลำน้ำพิษร้ายลกซุย
เสียวเอี่ยนจื่อเคยสอบถามเรื่องราวของชนเผ่าม่านก๊กจากจ้าวอินทรีพลังจิตไว้เป็นข้อมูล ทำให้พอทราบว่าภายในหุบเขาที่เคยเป็นสถานที่ตั้งของชนเผ่าโบราณนั้น จะมีทั้งเถาวัลย์ไม้เลื้อยพิษ สัตว์แมลงพิษ และค่ายกลกับดักธรรมชาติมากมาย ยากแก่การที่กองทัพใหญ่จะเดินฝ่าเข้าไปได้ และพวกชนเผ่าทั้งหมดได้โยกย้ายไปอยู่กันที่เมืองหลวงหนงเสแล้ว แต่ตนเองกลับสังหรณ์ใจว่า ภายในยังพอมีเบาะแสร่องรอยสำคัญให้ค้นหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องราวของสมาชิกรุ่นบุกเบิกขององค์กรย้อนเวลา
เมื่อพิจารณาจากสถานที่ตั้งหุบเขาลึกลับดังกล่าว ดูคล้ายจะมีความเชื่อมโยงไปถึงเทือกเขาหิมะพันปีตังลาซึ่งเป็นที่ตั้งของดินแดนโบราณชางชุง ทำให้นางแอ่นคาดเดาต่อไปว่า เมืองศัมภลา (Shangri-La - ดินแดนอันบริสุทธิ์) อาจจะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอันลี้ลับก่อนที่จะกลายสภาพเป็นประเทศทิเบตในอนาคต และจะเกี่ยวข้องกับพวกสมาชิกบางคนขององค์กรที่เป็นต้นสังกัดของพวกตนเอง
การที่สมาชิกของหน่วยงานส่วนหนึ่งแยกออกมาตั้งเป็นชนเผ่าโบราณม่านก๊ก จนเกิดมหากาพย์สงครามกับจ๊กก๊กเช่นนี้ อาจจะไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญทางประวัติศาสตร์ หรือความขัดแย้งกันเรื่องชู้สาว ระหว่างจูกัดเหลียงกับเบ้งเฮ็ก แต่เป็นการวางแผนระยะยาวของหน่วยงาน เพื่อสร้างความสมดุลย์ให้กับประวัติศาสตร์ชาติจีน-ทิเบต และเมืองศัมภลาหรืออาณาจักรชางชุงอาจจะเป็นผลงานยุคแรกเริ่มขององค์กรย้อนอดีตเลยทีเดียว
ทหารข่าวเข้ามารายงานขัดจังหวะความคิดของนางแอ่น-เสียวเอี่ยนจื่อ แจ้งว่า ภายในหุบเขา คล้ายมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนสำคัญของเผ่าม่าน นางแอ่นขบคิดแล้วจึงตัดสินใจเรียกเฉพาะอุยเอี๋ยน กวนหิน เตียวเปา และฮ่วมอา พร้อมทหารองครักษ์หน่วยพิราบขาวฝีมือดีอีกเพียงสิบคน เดินทางบุกหุบเขาลึกลับ เพื่อทำภารกิจลับพิเศษร่วมกัน
พวกเสียวเอี่ยนจื่อใส่ชุดพรางตา เดินทางเข้าไปในหุบเขาลึกลับอย่างระมัดระวัง ผ่านจุดที่มีเถาวัลย์ไม้เลี้ือยมีพิษ สัตว์แมลงพิษ และกับดักต่างๆไปได้อย่างปลอดภัย จนเข้าใกล้ที่ตั้งหมู่บ้านชนเผ่าในอดีต มองเห็นโครงสร้างอาคารในระยะสายตาแล้ว
เพียงเพิ่งคลายความกังวลใจลง ยางน้ำสีขาวขุ่นพลันสาดใส่เข้ามาเบื้องหน้า ทหารองครักษ์สองสามคนหลบไม่ทัน ถูกพิษร้ายของเถาวัลย์ที่เป็นราวกับน้ำกรดกร่อนผิวกายถึงกระดูกในทันที คนลงมือเป็นคนแปลกหน้าใส่ชุดรัดกุมสีดำสิบกว่าคนตรงหน้า
พวกเสียวเอี่ยนจื่อทั้งหลายแยกย้ายกันรับมือพวกนักฆ่าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นาน ลูกน้องก็ถูกฆ่าตายหมดสิ้น เหลือเพียงสองคนชุดดำที่มีฝีมือเหนือกว่าคนอื่น กำลังต่อสู้อยู่กับเสียวเอี่ยนจื่อ และอุยเอี๋ยน
เห็นคนร่างเล็กกว่า ขยับโบกมือส่งสัญญาณ พลันฝูงผึ้งสีแปลกตาพุ่งเข้ากัดต่อยกลุ่มของเสียวเอี่ยนจื่ออย่างประสงค์ร้าย เสียงโอดโอยพร้อมบาดแผลที่บวมโตอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงพิษร้ายที่มีในเหล็กไนของแมลงตัวเล็ก ผึ้งตัวหนึ่งบินตรงเข้าใส่เตียวเปา หนึ่งในเป้าหมายสังหาร
นางแอ่นนึกถึงประสบการณ์ที่พบกับพวกฝูงค้าวคาว สามารถใช้พลังเสียงราชสีห์คำรามสยบสัตว์ร้ายเหล่านี้ แต่อาการบาดเจ็บในลำคอยังไม่หายดีนัก ทำให้นางแอ่นต้องรีบโดดเข้าขวางทางเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณของมารดา
เสียงกระทบดังขึ้นเบาๆ ฤทธ์ผึ้งพิษบวมเป่ง แต่ร่างกายของนางแอ่นมีพลังมังกรคืนสภาพ ต่อต้านเอาไว้ จึงเห็นก้อนนูนบวมขึ้นยุบลงเป็นภาพที่แปลกตา แต่นางแอ่นกับอุยเอี๋ยนไม่รอช้า ต่างตรงเข้าสยบฝ่ายตรงข้ามในทันที ในขณะที่ฮ่วมอาล้วงเอายาสมุนไพรกล่ินแรงในร่วมยาออกมาขยี้บด แล้วโปรยใส่ร่างของพวกตนเองโดยเร็ว
กลิ่นยาสมุนไพรสามารถขับไล่ฝูงผึ้งพิษได้จริง เห็นแมลงทั้งหลายบินหนีจากไปจากพื้นที่ ทำให้เหลือเพียงคนต่อสู้กันอยู่สองคู่ตรงหน้า หมดสิ้นจากฝูงผึ้งพิษ ก็คล้ายเพียงเป็นยอดฝีมือของม่านก๊กทั่วไป อุยเอี๋ยนใช้ไม่กี่กระบวนท่าก็สยบศัตรูร่างเล็กได้แล้ว หากแต่กลับเป็นเสียวเอี่ยนจื่อที่ต้องใช้กระบวนท่าวิหคสวรรค์ถึงครึ่งค่อนชุด จึงจับตัวฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ได้ ทำให้คาดเดาว่า คนสูงใหญ่กว่าผู้นี้ควรเป็นหัวหน้าของกลุ่ม
หลังจากใส่ยาปิดบรรเทาบาดแผลเรียบร้อย นางแอ่นจึงฝากให้กวนหิน และองครักษ์ที่เหลืออยู่ รีดเค้นเรื่องราวจากเชลยศึกทั้งสองไปก่อน ส่วนตนเอง อุยเอี๋ยน และเตียวเปา ฮ่วมอา จะแยกเข้าไปสำรวจสถานที่ของชนเผ่า เพื่อไม่ให้มืดค่ำจนเกินไป
ทั้งหมดแยกย้ายกันสำรวจอาคารบ้านเรือนที่ว่างเปล่า แต่คล้ายไม่หลงเหลือสิ่งใดไว้ให้สืบค้นจริงๆ แต่สุดท้าย นางแอ่นกลับพบเห็นเสาหินบูชาที่แกะสลักเป็นลวดลายประหลาดกลางหมู่บ้านดึงดูดสายตาตนเองเอาไว้ แน่นอนว่าคนชนเผ่าไม่อาจเคลื่อนย้ายไปจากที่นี่ เพราะขนาดของก้อนหิน และน้ำหนักอันมหาศาลของมัน
นางแอ่นลูบคลำเสาหินพักใหญ่ พลันพบเห็นตำแหน่งผิดปกติ จึงทดลองกดบิด แต่ไม่ได้ผลอันใด จึงฉุกคิดขึ้นได้ ลองใช้มีดกรีดมือให้เกิดหยดเลือดไหลซึมลงตำแหน่งดังกล่าว เพียงพริบตา แผ่นหินนั้นพลันยุบตัวและเปิดออกเป็นโพรง ภายในมีม้วนจดหมายไม้ไผ่เพียงม้วนเดียว นางจึงหยิบออกมากางอ่านก่อนที่จะมีคนอื่นมาพบเห็นความลับนี้ด้วย
สายตาของนางเบิกโพลงด้วยความตกใจ นับเป็นเรื่องราวเกี่ยวกันพวกมันจริงๆ จึงรีบเก็บซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อ แสร้งกลบเกลื่อนร่องรอยไม่ให้คนอื่นล่วงรู้ แล้วรอคอยพรรคพวกให้กลับมาพร้อมหน้ากัน ค่อยล่าถอยออกมาจากหมู่บ้าน
แต่แล้ว กลับพบเห็นกวนหินและเหล่าองครักษ์ล้มกลิ้งหมดสติ ไม่มีร่องรอยของคนชุดดำทั้งสอง ฮ่วมอารีบแก้ไขให้คืนสติ กวนหินจึงรีบรายงาน “มันคือ เบ้งเฮ็ก เบ้งฮิว แฝงตัวมา เพื่อหยั่งเชิงประลองฝีมือกับพวกท่าน พอรับรู้ว่า เป้าหมายที่แท้จริง จูกัดเหลียงมิได้เข้ามาสำรวจด้วยตนเอง จึงต้องการเพียงแค่สั่งสอนให้รู้สำนึก แต่ในใจไม่ได้คิดอาฆาตมาดร้ายอันใด จึงยินยอมจากไปโดยดี และนัดหมายให้ไปทำศึกใหญ่กันที่เมืองหนงเสภายในสองเดือนข้างหน้า โดยใช้การประลองศึกสามรอบเป็นเดิมพัน”
พวกเสียวเอี่ยนจื่อคาดไม่ถึงว่า เบ้งเฮ็กจะหาญกล้ามาลุยพื้นที่ด้วยตนเองเช่นนี้ ถึงกับงงงันวูบ ลอบขบคิด หากมันมิใช่คนจริงใจนักเลง เห็นที กวนหินกับเหล่าองครักษ์คงไม่เหลือรอดแล้วสักคน เมื่อครู่ แสดงว่า ยังมิใช่ฝีมือที่แท้จริงของมันด้วยซ้ำ
กองทัพจ๊กก๊กจึงเดินทางอ้อมเทือกเขาลึกลับ มุ่งหน้าไปยังเมืองหนงเสตามนัดหมาย เบ้งเฮ็กถึงกับยกธงปิดป้ายประกาศถึงแม่ทัพขงเบ้งให้พักรบก่อนเจ็ดวัน เพื่อให้คนทั้งหลายได้พักผ่อนฟื้นพลังอย่างเต็มที่ ค่อยออกมาดวลกันอย่างเปิดเผยสามรอบ
ฝ่ายม่านก๊กมีท่าทีเป็นมิตรเกินความคาดหมาย ผ่อนปรนให้กองทัพจ๊กก๊กจัดหาอาหารพื้นเมืองท้องถิ่น และชี้แนะแหล่งน้ำให้ดื่มกินได้ตามสะดวก กลับทำให้กษัตริย์ม่านดูดีขึ้นมากในสายตาคนจ๊กก๊กแล้ว จนมาถึงวันประลอง สองกองทัพยกออกมาประจันหน้ากันที่หน้าเมืองหลวงหนงเสอย่างเปิดเผยไว้เกียรติทหารกล้าทั้งสองฝ่าย ลมพัดรุนแรงกว่าปกติ กลับทำให้ฝุ่นผงจากดินเหลืองคละคลุ้งบดบังสายตาบ้างเล็กน้อย
ราชันย์เบ้งเฮ็กขี่กระบือขาวโพลนหุ้มเกราะหนังสีแดงฉาน สองมือถือขวานด้ามสั้น และโล่ทรงกลม ออกมาเจรจาความ “ปกติ ม่านก๊ก จ๊กก๊ก ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน หากแต่จูกัดเหลียงสร้างปัญหาร้าวฉานกับเผ่าเรา ไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้อื้อฉาว จึงต้องใช้กำลังจับกุมตัวประกันมาเป็นเงื่อนไข มิคิดว่า จูกัดเหลียงกลับขลาดกลัว ไม่กล้ามาด้วยตนเอง เราจึงได้แต่เสนอเดิมพันใหม่เช่นนี้ โปรดจงแสดงตัวผู้เข้าประลองเถิด”
เสียวเอี่ยนจื่อมิอาจปกปิดความลับเรื่องขงเบ้งต่อไป ได้แต่คาดเดาว่า ฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องวางตัว เบ้งเฮ็ก เบ้งฮิว และแมงมุม นักรบเบญจพิษคนสุดท้าย จึงประเมินกำลังฝ่ายตน คงต้องเลือกใช้ ตนเอง อุยเอี๋ยน และกวนหิน หรือ เตียวเปา คนใดคนหนึ่ง ซึ่่งการเอาชนะสองในสามรอบ น่าจะไม่ยากนัก จึงเอ่ยปากตัดสินใจให้เตียวเปาเป็นนักสู้คนแรกก่อน เตียวเปาจึงก้าวเดินออกมาด้านหน้าพร้อมทวนอสรพิษของบิดา
บรรดาสหายน้อยรุ่นถัดมา อันมี เล่าเสี้ยน กวนหิน เตียวเปา และจูกัดเจี๋ยม ล้วนได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่าสยบมังกรที่กวนอูพัฒนาขึ้นใหม่ จากตันเตาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งต้องนับว่า กวนหินเก่งกาจชำนาญในกระบวนท่าดังกล่าวเป็นที่สุด หากแต่ที่จริงแล้ว เตียวเปากลับมีฝีมือยุทธ์โดดเด่นเหนือกว่า เพราะนางแอ่นได้ลอบสั่งให้ศิษย์เอกถ่ายทอดวิชาวิหคสวรรค์เพิ่มเติมด้วยอีกชุดหนึ่ง
“ประเสริฐนัก นักรบภายใต้อำนาจคุณไสย จงปรากฏตัว” เห็นเบ้งเฮ็กร่ายมนตร์คาถา พร้อมใช้ขวานเคาะโล่เป็นสัญญาณสามครั้ง ถึงกับเป็นกวนหินที่ยืนอยู่ฝั่งจ๊กก๊ก กลับกระชากม้าออกมา และเหวี่ยงง้าวเสี้ยวจันทร์ฟาดไปทางด้านหลังของเตียวเปาที่กำลังเดินเข้าสู่ลานประลอง สร้างความแตกตื่นให้กับคนทั้งหลาย
ยังดีที่เตียวเปาคล่องแคล่วว่องไว ทันทีที่ได้ยินเสียงควบม้ามาจากด้านหลังก็เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว จึงหันมาใช้ทวนรับอาวุธฝ่ายตรงข้ามได้ทัน และยังตวัดดึงบังเหียนม้าให้ขาด กระชากร่างกวนหินให้ต้องทิ้งม้าลงสู่พื้นดินด้วยกัน พอมองในระยะใกล้ พลันเห็นนัยน์ตาของกวนหินสีเขียวปัด คล้ายถูกอาคมอันใดควบคุมไว้
นางแอ่นรีบตะโกนร้องเตือน “กวนหินคงโดนคุณไสยของพวกมันทำร้ายที่หุบเขารกร้าง รอเพียงถูกกระตุ้นเตือนให้ลงมือทำร้ายผู้คน เจ้าจงอย่าได้ออมมือต่อมัน”
ช่วงแรก สองขุนพลรอง กวนหิน เตียวเปาปะทะกันด้วยกระบวนท่าสยบมังกรที่คุ้นเคยก่อน จึงเห็นว่า กวนหินเหนือกว่าบ้าง แต่พอเตียวเปาหันมาใช้กระบวนท่าลับ กลับพลิกเปลี่ยนทำให้ทวนอสรพิษล่วงผ่านด้ามง้าวเสี้ยวจันทร์ และงัดอาวุธกระเด็นหลุดมือไปทั้งคู่ แล้วทั้งสองรีบเดินพลังใช้ฝ่ามือกระแทกใส่คู่ต่อสู้ในทันที
ยามฝ่ามือทั้งสี่กระแทกกัน พลังต้านจากเตียวเปามีเพียงแค่สามส่วน ทำให้กวนหินงงงันวูบหนึ่ง และแล้ว เตียวเปาค่อยเร่งเร้าพลังที่เหลือตามมาอีกระลอกหนึ่งในยามที่กวนหินหยุดยั้งสิ้นแรง จึงเห็นกวนหินก้าวเสียหลักไปสามสี่ก้าว พร้อมกระอักโลหิตออกมา
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา