12 พ.ย. 2021 เวลา 00:11 • นิยาย เรื่องสั้น
7.19. หมากกลแฝงการเมือง
จกหยง นักรบแมงมุม - เบ้งเจียด จอมคทาประกาศิต - เบ้งฮิว นักรบผึ้งพิษ
ทันทีที่โจผีได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย แฮหัวป๋าทั้งสามพลันทำหน้าที่ค้ำจุนบัลลังก์ รีบนำตัวกลับสู่พระราชวังโดยเร็ว แต่โจผีไม่อาจทนพิษบาดแผล ก่อนสิ้นลมหายใจ ได้แต่ชี้มือมายังกุยฮวยฮองเฮาที่อุ้มทารกวัยสี่เดือนโจหลิน คล้ายจะส่งมอบตำแหน่งต่อทายาทตัวน้อยให้ครองอำนาจแทน
พวกแฮหัวป๋าทั้งสามนึกขัดแย้งในใจอยู่บ้าง แต่เมื่อองค์กษัตริย์มีพระประสงค์เช่นนั้น คงมิอาจปฏิเสธ หากแต่ ฮัวหิม เตียวโถ พลันมีข้อเสนอลับก่อนแพร่งพรายพระประสงค์ออกไป “พวกเราช่วยกันปกปิดเรื่องราว ให้โจยอยครองราชย์ไปก่อนจนกว่าโจหลินจะเติบใหญ่ แล้วค่อยเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในภายหลัง”
ที่แท้ เมื่อครู่ เตียวโถคิดทบทวนมาก่อนแล้ว การให้ทารกโจหลินครองราชย์ในทันที รังแต่ทำให้แผ่นดินยุ่งเหยิงมากยิ่งขึ้น ศึกนอกศึกในไม่สงบราบคาบ สกุลโจ-แฮหัวยังมีคนเก่งมีความสามารถ อาจเกิดการยึดอำนาจชิงปฏิวัติกันเอง จึงคิดเอาโจยอยให้เป็นประมุขหุ่นเชิด ประสานเสาหลักเดิม ประคองวุยก๊กเอาไว้ก่อน รอคอยทายาทของกุยฮวยเติบใหญ่มาเป็นตัวแปรสำคัญต่อไป
สุมาอี้ ซิหลง รีบยกกองทัพกลับในทันทีที่รับทราบข่าว นำพา สี่คุณชายนครหลวงรุ่นใหม่ โจยอย โจซอง สุมาสู สุมาเจียว กลับถึงเมืองหลวง ฝากให้เตียวคับ และบุนขิม บู๊ขิวเขียม อยู่ดูแลสะสางเรื่องราวที่เมืองชายฝั่งปักไฮ แต่ก็ผ่านไปอีกหลายวันแล้ว
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทายาทโจโฉที่โดดเด่นในรุ่นเดียวกัน อันได้แก่ โจเปียววัยสามสิบเอ็ดปีที่รับราชการอยู่ต่างเมือง และโจฮูที่อายุเพิ่งสิบห้าปีก็ถูกประกบคุมตัวเข้ามาสู่วังหลวงเช่นกัน ตามคำสั่งของแฮหัวป๋า ผู้อาวุโสที่สุดในชนรุ่นหลัง ซึ่งช่วงหลังนี้ ทำหน้าที่แทนโจหอง ผู้นำตระกูลของสกุลโจและแฮหัวในนาม ที่เป็นอัมพาต มาโดยตลอด
เมื่อบุคคลทั้งสามมาอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ยังคงเป็นแฮหัวป๋าที่ออกหน้า ว่ากล่าวตามข้อความที่ได้รับถ่ายทอดออกมาจากฮัวหิมอีกทอดหนึ่ง “ก่อนฮ่องเต้สิ้นลมได้สั่งการไว้ชัดเจน ให้โจยอยเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ภายในได้มอบหมายให้สมุหราชเลขาโจจิ๋นและสมุหนายกสุมาอี้ ช่วยกันค้ำจุน ภายนอกให้สมุหกลาโหมซิหลง เตียวคับ แฮหัวป๋า ดูแลจัดการ บุคคลอื่นๆให้คงไว้ตามตำแหน่งงานเดิม”
ยามนี้ อิทธิพลของพี่ใหญ่แฮหัวป๋าย่อมมีน้ำหนักที่สุด เมื่อร่วมกันว่ากล่าวเช่นนี้ โจเปียว โจฮู ยังอ่อนอาวุโสกว่า จึงไม่ว่ากล่าวอันใด รีบคุกเข่าคารวะต่อโจยอยที่บัดนี้ ถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปแล้ว
โจยอยมองดูกระบี่ฟ้าสังหารในมือ ตระหนักได้่ว่า เป็นเพียงของปลอมที่โจผีส่งมอบ หมายให้เกิดเภทภัยต่อตนเอง เพื่อเปิดทางให้ลูกรักคนใหม่ แต่แล้ว กระบี่เล่มจริงกลับชิงทำหน้าที่อาถรรพ์เช่นเดิม นั่นคือการสังหารองค์กษัตริย์อีกครั้งหนึ่ง
โจยอยจึงคิดขึ้นในใจ “เราจะชุบชีวิตของเจ้ากลับคืน เหมือนดั่งที่โจผีเคยทำ แล้วกระบี่อาถรรพ์เล่มนี้ จะล้างผลาญสกุลโจให้ย่อยยับ เพื่อล้างแค้นให้กับสกุลอ้วนผู้ล่วงลับ”
นัยยะแฝงเร้นทางการเมืองมิใช่มีเพียงแค่ที่วุยก๊ก หากแต่จ๊กก๊กและง่อก๊กก็กำลังเกิดขึ้นเฉกเช่นกัน ราวกับเป็นชะตากรรมของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินให้ต้องเดือดร้อนในการทำสงครามการเมืองต่อไปอีกหลายสิบปี
หลังจากทำศึกยุทธนาวีกับวุยก๊กเสร็จสิ้น เมืองต๋องง่ออยู่ในสภาพยับเยิน ซากสลักหักพังปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลทางใจลึกซึ้งต่อชาวเมือง แม้ว่าจะเรียกว่ากองทัพเรือกังตั๋งแสดงแสนยานุภาพเกรียงไหร ได้ชัยชนะต่อข้าศึกอย่างเด็ดขาดก็จริง แต่ความสูญเสียจากสงครามตั้งรับก็ยากจะตัดใจได้โดยง่าย
ลกซุน เสนาบดีฝ่ายบู๊ นำทัพพิสดาร เปิดตัวกระเช้าลอยฟ้าที่ได้ปราชญ์สร้างสรรค์ อ้วนยู มาช่วยถอดเลียนแบบมาจากกองทัพพายุคลั่ง ได้รับชัยชนะที่สมรภูมิลำน้ำเลือด กลับคืนสู่เมืองหลวงง่อก๊ก รับรู้เหตุการณ์ที่อิ้วตู้ลอบจับกุม “ซุนกวน” ไปเป็นตัวประกัน จนกระทั่งกลุ่มเตียวอุ๋น จิวซุนตามไปช่วยได้สำเร็จ และนำพากลับไปรักษาตัวที่เกาะอี้จิ๋ว
ลกซุนย่อมตระหนักในทันทีว่า พวกสำนักหุบเขาปีศาจที่เกาะอี้จิ๋วคงต้องรับรู้ความนัยเกี่ยวกับซุนกวนจากปากคำของซุนลู่ปันไปแล้ว จึงได้แต่เลยตามเลย เข้าพบกับซุนลอง ซุนเกียวเพื่อขอให้ช่วยประสานความเข้าใจกับคนสกุลซุน อ้างเป็นคำสั่งการของซุนกวนที่ต้องการให้ซุนลู่ปันรับภาระแทนซุนเต๋งไปก่อน และขอให้พวกอี้จิ๋วช่วยปิดบังเรื่องราวต่อเหล่านายทหารขุนนางในแดนกังตั๋งต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
พวกอี้จิ๋วโดยขุนพลเฒ่าฮันต๋งยอมรับฟังคำอธิบาย และแจ้งข่าวว่า ซุนลู่ปันได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างหนักจากเหตุการณ์บนเรือเผ่าเย่ จำเป็นต้องพักรักษาจิตใจสักระยะหนึ่ง จึงเสนอให้ช่วงเวลาที่ “ซุนกวน” พักรักษาตัว ให้ซุนลองในฐานะน้องชาย ขึ้นรั้งตำแหน่งสมุหนายกง่อก๊กเป็นคนแรก ทำหน้าที่รักษาการเจ้านครไปพลางก่อน โดยปรับเปลี่ยนให้จูกัดกิ๋นไปช่วยดูแลฐานทัพเรือชีสองร่วมกับซุนเกียวแทน ซุนลองจึงสั่งการให้ช่วยกันฟื้นฟูเมืองต๋องง่อกลับคืนสู่สภาพเดิม
แต่แล้วไม่นาน คำสั่งจากอี้จิ๋วกลับมีเพิ่มเติม คือการอาศัยจังหวะนี้ สร้างเมืองหลวงใหม่ในตำแหน่งซึ่งลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ แทนที่เมืองหลวงต๋องง่อซึ่งจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นฐานทัพเรือแห่งที่สองแทน ต่อไปภายหน้า จะได้ไม่เกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ได้อีก ซึ่งก็นับว่า สมเหตุสมผลอยู่ โกะหยง อดีตดาวเด่นอัจฉริยะ ซึ่งช่วงหลัง คล้ายพึงพอใจกับการทำงานภาคสนามต่างเมือง มากกว่าต้องประจำอยู่ในห้องประชุม หรือจมอยู่กับรายงานข้อมูล จึงรับอาสาเป็นพ่องานให้ในทันที
เมืองหลวงเกี๋ยนเงียบจึงถูกสร้างขึ้นแทนที่เมืองม่อหลิงริมแม่น้ำไต้กัง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงเดิม และเชื่อมต่อกับเมืองฐานทัพเรือชีสองด้วย นับเป็นเมืองหลวงแห่งที่สามของขุมกำลังกังตั๋ง ถัดจากเมืองต๋องง่อและเมืองห้อยเขตามลำดับ และทำให้บทบาททางการทหารต่อขุมกำลังอื่นๆของง่อก๊กจึงเบาบางไปบ้างในช่วงเวลานี้
หากแต่กลการเมืองภายในขุมกำลังกังตั๋งกลับต้องซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากกองกำลังอี้จิ๋ว หรือรากฐานดั้งเดิมของสำนักหุบเขาปีศาจ เริ่มเข้ามาเกาะกุมอำนาจการบริหารบ้านเมืองมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะยังรักษาท่าที ซ่อนกายอยู่ในเกาะร้างห่างไกลเช่นเดิมก็ตาม แต่คล้ายทำการตรวจสอบออกนโยบายสั่งการผ่านซุนลองมาเนืองๆ
ฮันต๋ง ลิห้อม เหยียมจุ้น เรียกตัวเองเป็นสามผู้เฒ่าอี้จิ๋ว กำลังพยายามควบคุมการปกครองดินแดนกังตั๋งแทนที่เตียวเจียว ลกซุน สองเสนาบดีบุ๋นบู๊ ซึ่งถูกประเมินว่า ทำงานไม่รอบคอบ สุ่มเสี่ยงจนเป็นเหตุให้ผู้นำซุนกวนตายก่อนวัยอันควร และคุณหนูซุนต้องตกอยู่ในอันตราย และปูทางผลักดันให้คนรุ่นใหม่อย่างเตียวอุ๋น จิวซุน และคนวัยหนุ่มคนอื่นๆทะยอยออกมามีบทบาทมากขึ้น
แน่นอนว่า การกระทำของสามเฒ่าอี้จิ๋วสร้างความไม่พอใจต่อลกซุน เตียวเจียว และกลุ่มขุนนางเก่าที่ทำงานราชการมาเนิ่นนาน ทำให้เริ่มเกิดรอยแยกแตกความสามัคคีขึ้นในกองกำลังกังตั๋งระหว่างกลุ่มกังตั๋งและกลุ่มอี้จิ๋วให้เห็นบ้างแล้ว
จีหรง ซึ่งแฝงตัวเป็นจารชนอยู่ในกลุ่มขุนนางผู้ใหญ่ เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงภายในขุมกำลังพยัคฆ์หยกด้วยความสนใจ คาดการณ์ว่า รากฐานอันยาวนานของสำนักหุบเขาปีศาจคงใกล้จะถึงกาลล่มสลาย เห็นสมควรให้คนของมันควรจะเริ่มเข้าแทรกซึมมายังแดนใต้ได้บ้างแล้ว นั่นจึงเป็นสาเหตุให้มันผลักดันจูกัดกิ๋นไปไกลถึงเมืองชีสอง
ทางด้านจ๊กก๊กเองก็มีสภาพการเมืองที่วุ่นวายไม่แพ้กัน หลังจาที่พวกเสียวเอี่ยนจื่อเอาชนะศึกชนเผ่าม่านได้แล้ว ไม่ยินยอมกลับสู่เมืองหลวงเซงโต๋ นำส่งทรัพย์สินเชลยศึกส่งคืนคลังหลวงตามที่ควรจะเป็น กลับแยกทัพปักหลักอยู่โดยรอบ เสียวเอี่ยนจื่ออยู่เมืองลองจิ๋ว อุยเอี๋ยนยึดเมืองเกียมเหลง
เสียวเอี่ยนจื่ออ้างภารกิจลับที่ว่า ใช้เวลาเสาะหาเล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยมที่ยังหายสาบสูญ แต่ก็ไม่ยอมส่งมอบตัวอุยไทเฮาและทายาทเล่าเอ๋ง เล่าลี กลับคืนด้วยเช่นกัน ทำให้ขงเบ้งได้แต่จัดฉากให้ตนเองเดินทางล่วงหน้ากลับคืนสู่เมืองหลวงก่อนตามลำพัง เพื่อให้เคลื่อนไหวสั่งการกับผู้คนได้สะดวกมากขึ้น
ยามนี้ หากประเมินกองกำลังที่ภักดีต่อเล่าปี่ รวมจูล่งที่เฝ้ารักษาอยู่ที่เมืองหยงอัน ลิเงียม อองเป๋งที่เมืองฮันต๋ง งออี้ เตียวเอ๊กที่ด่านแฮบังก๋วน นับว่า เมืองหลวงเซงโต๋ถูกรุมล้อมเป็นไข่แดงตรงกลาง ไม่มีกำลังทหารใดๆต่อต้านพวกเสียวเอี่ยนจื่อได้เลย
พอพวกสกุลม้าตีจากอย่างกระทันหัน กองกำลังสกุลจูกัดพลันลดเหลือเพียงเลียวฮัว บิฮุย ส่วนตันจิ๋น-เตียวเหียน เจียวอ้วน เตงจี๋ ตันเซ็ก ล้วนถูกคุมตัวกระจายไปตามเมืองหลักต่างๆ หากจะหลงเหลือความได้เปรียบก็แค่ยังมีเล่าเสี้ยนปลอม-เตียวหองกับองครักษ์เตียวกอง สองตัวประกันสำคัญเท่านั้น
สถานการณ์ตั้งยันกันระหว่างสองขุมกำลังยังไม่ทันคลี่คลาย คนเผ่าม่านพลันส่งข่าว ราชันย์เบ้งเจียดยังไม่สบายใจต่อสงครามแดนใต้ และการตายของฮองเย่อิง ภรรยาของขงเบ้ง ถึงกับจัดขบวนเครื่องบรรณาการเดินทางมุ่งสู่เมืองหลวงเซงโต๋ด้วยตนเอง เพื่อขออภัยโทษต่อกษัตริย์เล่าเสี้ยน ขงเบ้งโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง
ขงเบ้ง เสียวเอี่ยนจื่อ ย่อมมิอาจหักหาญน้ำใจราชันย์คนใหม่ จำต้องร่วมกันจัดงานฉลองรับรองขึ้นที่ท้องพระโรง โดยฝั่งของขุนพลวิหคสวรรค์นำพาอุยเอี๋ยน จูล่ง เข้ามาร่วมงาน หวังใช้โอกาสที่ได้พบปะใกล้ชิด ยึดกุมอำนาจบริหารกลับมาจากจูกัดเหลียง
เป็นครั้งแรกที่อุยหลิงฉีไทเฮาและบุตรทั้งสองได้กลับคืนสู่เมืองหลวง พบพานกับกษัตริย์เล่าเสี้ยนตัวปลอมกลางท้องพระโรง ต่างฝ่ายต่างตะขิดตะขวงใจ มิอาจเล่นละครใส่กันดั่งพวกคนการเมือง จึงคารวะตามธรรมเนียมอย่างห่างเหิน แล้วแยกย้ายกันนั่งตามที่อันสมควร โดยมีพวกขงเบ้ง เสียวเอี่ยนจื่อแยกฝั่งกันกระหนาบข้างองค์ฮ่องเต้อย่างชัดเจน
เมื่อเข้าสู่พิธีการสำคัญ เบ้งเจียดเดินนำหน้าขบวนบรรณาการเข้ามาอย่างเรียบง่าย พร้อมแสดงเครื่องบรรณาการมีค่าให้ประจักษ์ และส่งต่อให้กลุ่มนักแสดงหุ่นกระบอกคนเชิดที่จัดเตรียมมาได้สร้างความบันเทิงตามสมควร สุราอาหารถูกแจกจ่ายอย่างครึกครื้นรื่นเริง ทำให้อุยไทเฮาเห็นเป็นจังหวะเหมาะ ลุกขึ้นพาสองลูกน้อย ประคองมอบสุราให้กับจูกัดเหลียง ผู้ที่สูญเสียภรรยาไปในเหตุการณ์ลักพาตัวประกัน ด้วยตนเอง
นางแอ่นคล้ายรู้สึกไม่ถูกต้องอันใด จึงเหลียวมองดูยังที่นั่งของอุยไทเฮาอีกครั้งหนึ่ง พลันตะโกนทักท้วง “ช้าก่อน พัดขนนกที่วางอยู่ตรงนั้น ใช่เป็นขนนกเจิ้นเหนี่ยวหรือไม่”
นกเจิ้นเหนี่ยวคือนกประหลาดในแดนม่าน ขนสีเขียวเข้ม กินงูพิษเป็นอาหาร จึงมีพิษร้ายแรง เพียงใช้ขนจุ่มลงในสุรา ก็จะกลายเป็นยาพิษที่ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้ทางรักษา แต่เดิม นางแอ่นเคยสนทนากับนกฮูก-ฮัวโต๋ จึงพอรับรู้เรื่องราวนี้มาก่อน
อุยหลิงฉีใบหน้าถอดสี รับรู้ว่าแผนการล้มเหลว ยามฉุกละหุก จึงได้แต่สาดสุราพิษเข้าใส่เสียวเอี่ยนจื่อตรงหน้า ส่งผลให้พิษร้ายกัดกินกุนซือหญิงจนต้องล้มหงายลงกับพื้น พร้อมสะบัดเข็มอาบยาพิษที่ซุกซ่อนเอาไว้ในชายเสื้ออีกหลายสิบเล่มไปในทิศทางที่กษัตริย์เล่าเสี้ยน เตียวกอง และจูกัดเหลียงนั่งห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว
ต้องรับรู้ว่า เตียวหอง-เล่าเสี้ยน แม้จะเป็นตัวปลอมใส่หน้ากาก แต่ถูกอุปโลกน์สวมรอยมาระยะหนึ่ง จนผู้คนเชื่อถือจริงจังแล้ว หากถูกสังหารตายกลางที่ประชุม บัลลังก์ย่อมตกทอดไปสู่ทายาทลำดับถัดไป ซึ่งก็คือ เล่าเอ๋ง เล่าลี ลูกเล่าปี่ที่เกิดกับนางอยู่ดี แสดงว่า อุยหลิงฉีหวังผลยอมสละชีพ เพื่อส่งมอบตำแหน่งให้กับบุตรชายตัวเอง
ขณะเดียวกัน ขบวนหุ่นกระบอกคนเชิดพลันเคลื่อนไหว เบ้งเฮ็ก เบ้งฮิว บกลก ลุดตัดกุดที่คาดว่าตกตายไปแล้ว พลันตั้งวงคุ้มครองเบ้งเจียด เปิดทางให้ใช้คทาวิเศษจัดการลงมือกับบุคคลสำคัญได้ตั้งหลายคน เช่น เลียวฮัว บิฮุย เป็นต้น
ที่แท้ ครั้งนั้น เมื่อคนสกุลม้าทำลายพิธีเรียกฝน เบ้งเฮ็กไม่อยากให้ตายเปล่ากลางสมรภูมิ จึงเดินแผนลอบสังหารแทน ให้นายทัพทั้งหมดแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้สงคราม หวังเปิดทางเข้าใกล้ศัตรูตัวจริง โดยอาศัย อุยหลิงฉี หรือนักรบแมงมุม จัดฉากวางยาสังหารขงเบ้ง เพียงแต่รอบแรกไม่พบขงเบ้ง จึงต้องมาพยายามซ้ำอีกรอบถึงเมืองหลวงเซงโต๋
แต่ทั้งหมดยังประเมินพลังมังกรคืนสภาพต่ำเกินไป ตัวแปรจึงเป็นเสียวเอื่ยนจื่อที่หงายร่างล้มลงไปเป็นคนแรก กลับดีดตัวลอยไปขวางรับกลุ่มเข็มพิษแทนพวกเล่าเสี้ยนทั้งสาม แม้ว่า พลังมังกรจักรวาลอื่นๆไม่อาจทนทานต่อพิษร้าย หากแต่เฉพาะพลังคืนสภาพที่นางแอ่นได้รับมานั้น กลับสะกดข่มพิษเอาไว้ได้ พิษขนนกร้ายแรงจึงไม่อาจทำกระไรต่อกุนซือหญิง นอกจากบั่นทอนพละกำลังและจังหวะเวลาไปบ้างชั่วขณะหนึ่ง
ด้านจูกัดเหลียงก็มิใช่กุนซืออ่อนแอเหมือนแต่ก่อน พอรับรู้เรื่องราว พลันรวบรวมลมปราณลอยตัวพ้นเข็มเล็กที่หลุดรอดมาได้บ้าง และใช้พลังดรรชนียิงใส่อุยหลิงฉีทันที จึงเห็นร่างของไทเฮาสะดุ้งสุดตัว โลหิตพุ่งเป็นสาย ล้มลงไปกองกับพื้นท้องพระโรง
เสียงเรียกน้องสาว เมียรักดังลั่น อุยเอี๋ยนกับเบ้งเฮ็กที่กำลังต่อสู้กัน พลันหยุดมือ เบ้งเฮ็กอยู่ใกล้กว่า หันมาประคองร่างอุยหลิงฉีได้ก่อน อุยเอี๋ยนตื่นตะลึง มองหน้าน้องสาวบุญธรรม ซึ่งที่จริงก็คือชู้รัก คาดไม่ถึงว่า นางกลับกลายเป็นจกหยง นักรบแมงมุม เมียคนใหม่ของเบ้งเฮ็กได้ตั้งแต่เมื่อไร จึงได้แต่กล่าวคำ “ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ได้"
อุยหลิงฉีรวบรวมลมปราณเฮือกสุดท้าย เอ่ยปากเฉลยความนัย “เป็นเงียมหงันพ่อลูก มีเพียงพวกมันที่มิได้คิดว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ เราจึงแอบฝากตัวเป็นศิษย์อสูรคางคก เรียนรู้วิชาอาวุธลับ และการใช้พิษร้าย หวังมีจังหวะได้สังหารเล่าปี่เล่าเสี้ยน ยกบัลลังก์ให้เล่าเอ๋ง แสดงผลงานให้ท่านเห็น แต่พอยิ่งนานยิ่งผิดพลาด ถูกพาไปพบกับเบ้งเฮ็ก จนถูกย่ำยีเสียตัว มิอาจถอนตัวกลับคืน ได้แต่.. ได้แต่...”
อุยหลิงฉีหายใจหนักหน่วง สร้างความหวั่นวิตกกับอุยเอี๋ยน เบ้งเฮ็ก จนต่างขยับตัวเข้าใกล้ นางแมงมุมจึงฉวยโอกาสสุดท้ายปักเข็มพิษลงที่กลางแขนของจ้าวแห่งเวทย์มนตร์ พร้อมเฉลย “...ใช้ความตายล้างแค้นที่ถูกคนร้ายหลอกลวง”
เบ้งเฮ็กพลาดท่าเสียที ถูกเข็มพิษฝังลึก กลับไม่แสดงสีหน้าโกรธแค้น เพียงแต่หลั่งน้ำตาร่ำไห้พร้อมกล่าว “จกหยง ความรักของเราที่มีต่อท่าน มีแต่ความจริงใจ น่าเสียดายนักที่เจ้าไม่เคยรับฟังคำพูดของเราบ้าง” พลันพิษร้ายคล้ายรุนแรงเกินไป เบ้งเฮ็กจึงมีใบหน้าดำคล้ำ เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ขาดใจตายไปก่อน
คาดไม่ถึง เบ้งเฮ็ก จูกัดเหลียง คู่แค้นที่ไม่เคยเห็นหน้าตา ต่างฝ่ายต่างผลักดันตนเองให้แข็งแกร่งก้าวหน้า เพื่อป้องกันและกำจัดฝ่ายตรงข้ามมานานหลายปี สุดท้าย เพิ่งได้มีโอกาสพบปะกันจริงจัง ฝ่ายหนึ่งกลับตกตายไปตรงหน้าอย่างกระทันหันเช่นนี้
อุยหลิงฉี นางฟ้าตกสวรรค์ พลันพบว่า ตัวเองผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก แทนที่จะได้รักแท้จริงใจ แต่กลับทำลายลงไปกับมือ จึงกระอักเลือดซ้ำขึ้นมาอีกรอบ บาดแผลดรรชนีที่จริงสาหัสอยู่ก่อนแล้ว แต่นางยังปักเข็มพิษเล่มเดียวกันนั้นเข้าที่ท้องแขนตัวเองอีกแผล พร้อมโอบกอดผู้ตาย “ข้าชดใช้คืนให้กับท่านแล้ว เบ้งเฮ็ก ที่จริง ข้าก็มิได้เสียใจเลย”
อุยเอี๋ยนยิ่งรับฟังยิ่งคับแค้นใจ แต่ไม่อาจทำกระไรได้แล้ว จึงหันมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า นักรบแดนใต้ล้วนถูกสังหารตายสิ้น เว้นแต่เบ้งเจียด เบ้งฮิวที่ชิงล่องหนหนีไปอีกเช่นเคย ยามนี้ จึงเหลือเพียงเสียวเอี่ยนจื่อกับขงเบ้งที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากันในระยะประชิด
เห็นขงเบ้งแย้มยิ้มเยือกเย็น ทำท่าชี้มือไปที่ตะเกียงตั้งโต๊ะและกลางท้องแขน พวกเสียวเอี่ยนจื่อทั้งสามตรวจสอบดู ทั้งหมดล้วนมีจุดแต้มสีแดงขึ้นอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ที่แท้ กลับถูกควันพิษ ลูกเล่นใหม่ของขงเบ้งสะกดไว้เสียแล้ว
คาดไม่ถึง พวกมันมัวแต่ระวังจัดการกับชนเผ่าม่าน กลับถูกจูกัดเหลียงลอบแว้งกัดเข้าใส่คำโต มิน่า จอมเจ้าเล่ห์จึงยินยอมให้เกิดงานเลี้ยงนี้ขึ้นในทันที เช่นนี้ ย่อมต้องจบสิ้นสงครามเย็นระหว่างสองขั้วการเมือง ขงเบ้ง-จูกัดเหลียงพลิกกุมชัยชนะไปจนได้
ณ จวนสกุลแฮหัวประจำเมืองหลวง แฮหัวป๋า พี่ใหญ่แห่งกลุ่มห้าเทพบุตร และรักษาการผู้นำตระกูล นั่งเป็นประธาน พร้อมด้วย โจจิ๋น โจฮิว แฮหัวหลิม โจต้าย นับว่า ทายาทรุ่นลูกของสี่เทวะกลับมารวมตัวกันเป็นครั้งแรก เพื่อเข้าร่วมพิธีครองราชย์ยุวกษัตริย์ หลังจากที่แยกย้ายกันไปประจำหน้าที่ตามหัวเมืองชายแดนมาตลอด
ยังมี โจเปียว โจฮู ซึ่งเป็นทายาทตัวเลือก โฮอั๋น ทายาทรุ่นหลานของโฮจิ๋น ซึ่งโจโฉรับมาอุปการะในช่วงบั้นปลายชีวิต และบุคคลที่ไม่ได้ร่วมแซ่ เพียง เทียบู ทายาทของอดีตพ่อบ้านเทียลิดเท่านั้น จึงนับเป็นคนสนิทคุ้นเคยที่เติบโตมาด้วยกันในตระกูลทั้งสิ้น
เป็นโจจิ๋นกล่าว “ยามนี้ พวกคนวิชาการยุติการก่อกวนตามท้องถนน คล้ายเปลี่ยนแนวรบ หมายยึดกุมกองทัพแทน เฒ่าอองลองได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐบุรุษอาวุโส ถึงกับส่งเสริมให้อองหลิง อองกิ๋น ลูกเลี้ยง อองเซ็ก ลูกจริง เติบโตในสายทหาร ส่วนสุมาอี้ที่สนิทสนมกับพวกขุนพลพยัคฆ์อยู่แล้ว ก็อาศัยสหพันธ์การค้าสร้างบารมีเสริมเติม แต่พวกเรายังคงต้องพึ่งพาพวกมัน มิอาจหักหาญกวาดล้างกันเองจนอาณาจักรเสื่อมถอย”
โจจิ๋นหยุดหายใจค่อยกล่าวต่อ “ดังนั้น ทิศทางของพวกเราจึงต้องชัดเจน อาศัยพี่ใหญ่ น้องฮิว น้องหลิม รับมือด้านการทหาร น้องต้าย น้องเปียว รับมือสายปกครอง และตัวเรากับ น้องอั๋น น้องบูจะคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงไว้เองคนภักดีต่อสกุลโจยังมีอีกมาก หากแต่การเมืองแปรเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ พวกเราได้แต่อาศัยโจยอยเป็นหุ่นเชิดไปก่อน แม้ว่ามันจะมิใช่ทายาทที่แท้จริงของพี่ผีก็ตาม แต่ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม จนกว่าหลินน้อยจะพร้อมรับมือแทน”
การเมืองเมืองหลวงยุ่งเหยิงนัก ไม่เพียงแค่ขบวนการฟ้าดิน สำนักหอสมุดใต้หล้า และสำนักฟ้าประทานจะเดินหมากกระดาน แต่คนรุ่นใหม่ของสกุลโจเอง รวมทั้งโจยอยก็มีความคิดอ่าน วางตัวเตรียมพร้อมเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างพัวพันยื้อแย่งบุคคลสำคัญที่มีตำแหน่งราชการเข้ามาเป็นพวก และกำจัดฝ่ายตรงข้ามทันทีที่มีโอกาสเช่นกัน
ข่าวการตายครั้งที่สองของเอียวตันย่อมสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับแม่ม่ายซินเหียนเอ๋งอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน เอียวตันแสร้งทำเป็นฆ่าตัวตาย ทำลายโฉมหน้าศพ เพื่อกลบเกลื่อนตัวตน หวังลงใต้ดิน ร่วมมือกับคนในราชสำนัก บ่อนทำลายสกุลโจ หากแต่ภารกิจไม่ทันสำเร็จ กษัตริย์เหี้ยนเต้กลับถูกปลงพระชนม์ โจผีชิงเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ ทำให้ขุมกำลังลับปั่นป่วน บางคนยังคงยึดมั่นตามแผนการ บางคนเริ่มแปรเปลี่ยนท่าที แต่เอียวตันเป็นคนตาย ย่อมมิอาจหวนคืนขึ้นบนดินเหมือนแต่ก่อน
รอบที่สอง เงื่อนงำก็คือ เอียวตันไม่สมควรเผยโฉมหน้าที่แท้จริง นอกจากมีใครบางคนในขบวนการหักหลังกันเอง หวังสร้างประเด็นทางการเมืองขึ้นมา ซึ่งเป้าหมายโจมตีย่อมหนีไม่พ้นฮัวหิม-ซินผี ผู้เป็นบิดา ยังดีที่ผู้เฒ่าอองลอง เตียวโถ ออกหน้าไกล่เกลี่ยต่อโจจิ๋น สุมาอี้ จึงพ้นความผิดพัวพัน แตกต่างจากครอบครัวหัวขบถคนอื่นๆ
ประเด็นนี้ทำให้ซินเหียนเอ๋งกลับเห็นคล้อยตามข่าวลือที่ว่า ฮัวหิมเองคือตัวการวางแผนตัดตอน สังหารบุตรเขย เพื่อล้มล้างอิทธิพลขุนนางเก่าให้สิ้นซาก และผลักดันอองลองไปสู่จุดสูงสุด กลับกลายเป็นรัฐบุรุษอาวุโสจากสกุลดังเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเหลือรอด
บิดาเคยบอกเล่าว่า ที่จริง อองลองกับอ้องอุ้นก็เป็นพี่น้องต่างมารดากัน หากแต่อองลองเกิดจากภรรยาน้อย จึงถูกด้อยค่าลดฐานะ ส่งไปเติบโตที่แดนไกล ไต่เต้าเข้ารับราชการตามมีตามเกิด แทบไม่ต่างจากกรณีบาดหมางของอ้วนเสี้ยว อ้วนสุดเท่าไรนัก
เพียงแต่บ้านสกุลนี้ อ้องอุ้นผู้พี่ อาศัยชื่อเสียงดั้งเดิม สร้างความโดดเด่นในวงราชการ ทะยานขึ้นถึงจุดสูงสุด โดยยังไม่ทันได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เป็นที่ประจักษ์ อองเอี๋ยน อดีตเจ้าเมืองห้อยเข อองลอง ปราชญ์ปัญญาแห่งกลุ่มเจี้ยนอาน หรืออองซาน ผู้นำแห่งลัทธิขงจื้อ คนสามชื่อจึงหลุดรอดร่างแหมาได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลาโลดแล่นในวงการการเมือง ค่อยๆสั่งสมบารมีกลับคืนท่ามกลางมรสุมทางการเมืองรุนแรง
ต่อมา เมื่อได้ยินข่าวการแต่งตั้งทายาทสกุลอองไปตามหน่วยงานต่างๆ หญิงมากปัญญายิ่งเชื่อมั่นว่า อองลองวางแผนระยะยาว สืบต่อปณิธานฮกอ้วน ขงหยง เพาะบ่มคนสายวิชาการ แล้วขับเคลื่อนเกาะกุมกองทัพ เก็บกินหมากเบี้ยฝ่ายตรงข้ามยามเสื่อมโทรมอ่อนแอ และเอียวตัน ผู้เป็นสามี ก็เป็นหมากที่จำต้องเสียสละเพื่อการก้าวเดินต่อไป
เพียงแต่หมากกลการเมืองมิได้มีผู้เล่นแค่สองฝ่าย สุดท้ายแล้ว ใครจะเป็นผู้ได้ชัย ย่อมยากที่จะคาดเดาได้ล่วงหน้า จะเป็นสกุลโจ สกุลออง หรือสกุลใด และนางย่อมคาดไม่ถึงว่า เด็กน้อยตรงหน้า อองโยย กลับมีผลกระทบโดยตรงต่อชัยชนะสุดท้ายด้วย
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา