13 พ.ย. 2021 เวลา 01:16 • นิยาย เรื่องสั้น

7.20. ลบลายจอมหลอกลวง

ทัวปาลี่เวย ความหวังใหม่เผ่าอูหวน - บูตูเกน คู่แข่งการเมืองเผ่าเซียนเปย - เซ็กเหียน จอมหลอกลวงเผ่าซงหนู
สถานการณ์ชายแดนในช่วงเวลาที่ผ่านมายังคงคุกรุ่นไม่เสื่อมคลาย แม้ว่า กองทัพอสูรโพ้นทะเลของขุนพลจินซึ่งเป็นพันธมิตรต่อกัน จะล่มสลายไปแล้ว และขุนพลปลิดวิญญาณ เทียนอู พยัคฆ์เหนือในกลุ่มขุนพลพยัคฆ์รุ่นสอง ซึ่งเป็นแม่ทัพชายแดนแถบเหนือ จะตั้งธงพักรบสิบห้าวัน เพื่อไว้อาลัยต่อกษัตริย์โจผีก็ตาม แต่ทัวปาลี่เวย ผู้นำของเผ่าอูหวนใหม่และอดีตผู้นำเผ่าเซียนเปย ไม่อาจรอช้าให้สูญเสียความได้เปรียบ
ทัวปาเฒ่าต้องการชิงรุกในยามปลอดแรงกดดันจากทางใต้ นัดหมายสหายเก่าเซ็กเหียนแห่งเผ่าซงหนูรุมกระหน่ำบูตูเกน หลานชายอดีตผู้นำคนดังอย่างหนัก หวังทำลายฐานที่มั่นทางตะวันออกของเผ่าเซียนเปยให้ได้ก่อนที่ห่อปี ผู้นำสูงสุดจะนำทัพกลับมาสมทบ
ทางด้านบูตูเกน ที่จริงมิได้กังวลใจต่อการรบ แต่ปล่อยข่าวลวงล่อให้ห่อปีทิ้งทัพใหญ่ ใช้ทัพน้อยมาช่วย เพื่อจะสังหารผู้นำฮุบอำนาจไว้เอง จึงเลือกที่จะนำทัพเผชิญหน้ากับเฒ่าหินผาซึ่งขึ้นชื่อว่า มีความอ่อนแอขลาดเขลา ไม่เก่งกาจเหมือนเฒ่าเนินทราย ฮูฉูเฉียน ที่เคยถูกยกย่องให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งมาแล้วในยุคสมัยหนึ่ง หากขู่ขวัญสำเร็จตาเฒ่าได้สำเร็จ อาจสามารถลดทอนกำลังพลของศัตรูไปได้กึ่งหนึ่ง
ร่วมสิบกว่าปีที่ผ่านมา เผ่าเซียนเปยถือว่ารุ่งเรืองสุดขีด นับจากยุคขุนพลม่อหยงเว่ยส่งต่อมาถึงห่อปีจอมทมิฬ เซียนเปยสามารถสร้างกองกำลังที่เข้มแข็ง นำกองทัพปราบปรามขยายอาณาเขตไปได้มากมาย เจิดจ้าดุจดั่งอินทรีทะเลทราย ในขณะที่เผ่าซงหนูของเฒ่าหินผาเสื่อมโทรมอิทธิพลลงเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อเกิดข่าวการตายของเฒ่าเนินทรายคู่หูไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ยิ่งคล้ายดั่งอาทิตย์อับแสง มีแต่ความมืดมิดรอคอยอยู่เบื้องหน้า
บูตูเกนประเมินแล้ว จึงออกจดหมายกำหนดสถานที่สมรภูมิเป็นเนินทรายกว้างทางใต้ เพียงแต่ทิ้งลูกเล่นเวลานัดให้เหลื่อมล้ำกันระหว่างเผ่าซงหนูกับอูหวนใหม่ จงใจทิ้งห่างกันสองชั่วยาม หวังใจว่าจะเผด็จศึกนอกสองเผ่าให้จบสิ้นโดยเร็วก่อน แล้วค่อยกินรวบสังหารห่อปี ยึดอำนาจเหนือเผ่าเซียนเปยสองฟากฝั่ง
สองทัพเผชิญหน้า หากแต่เผ่าซงหนูวันนี้กลับดูห้าวหาญเกินกว่าเหตุ การประจัญบานกลางสมรภูมิทุ่งหญ้าทะเลทรายระหว่างเผ่านักรบกล้าตายจึงเกิดขึ้นอย่างดุเดือดท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุ สู้รบกันอยู่ครึ่งค่อนวัน ทหารตายเกลื่อนกลาดทั้งสองฝ่ายทัดเทียมกัน ซึ่งนับว่า เกินความคาดหมายยิ่งนัก และกลับไม่เห็นเงาของกองทัพเสริมของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเผ่าอูหวนใหม่ของทัวปาลี่เวย หรือ เผ่าเซียนเปยฝั่งตะวันตกของห่อปี ทั้งที่สมควรปรากฏตัวมากว่าชั่วยามแล้ว
สงครามเริ่มต้นแล้วไม่อาจล่าถอย ผู้นำทัพทั้งสองฝ่ายได้แต่รุกไปข้างหน้า หวังเอาชัยรอบแรกให้ได้ แต่กองทัพสองฝ่ายย่ิงมายิ่งอ่อนล้าอิดโรย คงเป็นเวลาที่ผู้นำจำต้องแสดงท่าทีบ้างแล้ว จึงเห็นบูตูเกนส่งสัญญาณพร้อมประกาศก้อง “เราบูตูเกน ทายาทตันซิห้วยแห่งเซียนเปย ขอท้าดวลกับผู้นำทัพซงหนู เพื่อยุติศึกสงครามทั้งสองฝ่าย”
ทางผู้นำกองทัพฝ่ายตรงข้ามซึ่งหลบตัวอยู่ในกระโจมนักรบตั้งแต่เริ่มต้น ก้าวออกมาเช่นกัน แต่แทนที่จะเป็นคนแก่สูงวัย กลับเป็นชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน “ข้าคือเล่าเปา ทายาทเฒ่าหินผาแห่งเผ่าซงหนู เป็นผู้นำกองทัพ ขอรับคำท้าจากท่านแล้ว”
ที่แท้ ผู้เฒ่าหินผาหายไปตั้งแต่เมื่อใด อย่างไร หรือเพียงนำธงรบประจำตัวมาสร้างความสับสนเท่านั้น ก็ไม่มีใครทราบ แต่รัชทายาทเล่าเปาที่เคยเป็นข่าวว่า ถูกลอบสังหารในงานเลี้ยงกลางเมืองหลวงหลายปีก่อน กลับยังมีชีวิตอยู่ และนำกองทัพซงหนูมาด้วยตนเอง เป็นไปได้ก็คือ ผู้นำเผ่าซงหนูหลอกลวงผู้คนเผ่าอื่น แอบใช้เวลาตระเตรียมงานสำคัญจนพึงพอใจ จึงค่อยเปิดตัวเล่าเปาอีกครั้ง หวังสร้างชื่อให้กับเผ่าแล้ว ดังนั้น หลังคำประกาศก้อง คนเผ่าซงหนูกลับไม่มีท่าทีตื่นตกใจอันใด
ก่อนตาย รัชทายาทเล่าเปาเคยมีชื่อเสียงโด่งดังเหนือกว่าเหล่าผู้นำวัยหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันของทุ่งหญ้าทะเลทราย อันดับหนึ่งก็คือ เล่าเปาแห่งซงหนู ตามมาด้วย บูตูเกนแห่งเซียนเปย นี่เอง นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เกิดการลอบสังหารครั้งนั้น เพราะใครๆก็ล้วนเป็นกังวล ดังนั้น เหตุการณ์จึงกลับพลิกผัน การต่อสู้ของสองผู้นำทัพน่าจะสูสีกันอย่างยิ่ง ทำให้เหล่านักรบต่างๆเริ่มหยุดมือ รอคอยการต่อสู้สะท้านแผ่นดินด้วยตาของตนเอง
เห็นบูตูเกน เล่าเปา เดินเท้าออกมากลางสนามรบ ต่างฝ่ายต่างใช้ดาบโค้งวงจันทร์ อาวุธประจำท้องถิ่นมาตัดสินชีวิตกันตามประสานักรบ เสียงดาบปะทะกันถี่ยิบ สองฝ่ายทุ่มเทพละกำลังฟาดฟันอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเหล่าทหารนับพันนาย
และแล้ว เล่าเปาคล้ายเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ถอยหลังกลับไปสามก้าวพร้อมพลิกดาบสะท้อนแสงแดดให้รบกวนสายตาคู่ต่อสู้ พลางพุ่งตัวเลียดพื้นกราดดาบโค้งเข้าใส่บูตูเกนอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในกระบวนท่าที่สร้างชื่อให้กับเฒ่าเนินทราย ฮูฉูเฉียน นั่นเอง
แต่บูตูเกนยังรักษาท่าทีปกติ เพียงเบี่ยงหน้าหลบแสงกระทบ แล้วพลิกตัวตามสภาวะไปตามพื้นดิน รับมือกับดาบที่กราดใส่เข้ามาอย่างง่ายดาย พร้อมสะบัดดาบโค้งตอบโต้ได้อีกหลายครั้งเช่นกัน พลันแสร้งสาดมือเข้าใส่เล่าเปาเป็นการเลียนแบบท่า “ลมพายุทะเลทราย” กระบวนท่าต่อมาของเฒ่าเนินทรายเช่นกัน
เห็นเล่าเปาคล้ายไม่ทันสังเกตเลศนัย จึงสะบัดหน้าหลบหลีกกลลวง ทำให้เปิดช่องว่างใหญ่ บูตูเกนฉวยจังหวะลอยตัวพุ่งเข้าใส่โดยตรง หวังฟันร่างให้ขาดเป็นสองท่อน แต่แล้ว เล่าเปาที่อยู่ตรงหน้า กลับหายวับไปกับตาอย่างกระทันหัน
บูตูเกนพลันตระหนักว่า ถูกหลอกซ้ำซ้อน รีบสะบัดดาบโค้งคลุมทั่วร่างกาย พร้อมเคลื่อนตัวไปทางขวาเป็นการหลบหลีกเอาตัวรอดเฉพาะหน้า จริงดั่งคาด ดาบโค้งของศัตรูถูกเหวี่ยงเป็นวงกว้างในกระบวนท่า “วงเดือนประกายโลหิต” หมุนวนเข้าปะทะดาบโค้งของตนเอง จนร่วงหล่นไปกับพื้นดินแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า กระบวนท่าไม้ตายของฮูฉูเฉียนก็มีเพียงเท่านี้เอง ข้า...” บูตูเกนแค่นเสียงเย้ยหยัน พลันนึกขึ้นได้ว่า ตนเองยังไม่เห็นเงาร่างของเล่าเปา จึงเงยหน้าขึ้นมองด้านบนตามสัญชาตญาณ พอดีกับมีดสั้นของเล่าเปาปักลงที่กลางหน้าผาก สิ้นชีวิตในทันที
“เราคือเล่าเปา มิใช่ฮูฉูเฉียน ใครว่า เราไม่มีกระบวนท่าของตนเองเล่า จงรับรู้ถึงกระบวนท่าดาวตกจากท้องฟ้าเป็นคนแรกเถอะ” เล่าเปาประกาศพร้อมชัยชนะ
เสียงโห่ร้องของทหารซงหนูดังกึกก้อง ในขณะที่ทหารเซียนเปยรับรู้ความพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี ได้แต่ลุกขึ้นพร้อมชักอาวุธขึ้นหมายเชือดคอตายตามเจ้านาย
แต่แล้ว เล่าเปากลับประกาศซ้ำ “ตายกลางสนามรบเป็นเรื่องปกติวิสัย ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าตายตามไปโดยใช่เหตุ เราเล่าเปาขอประกาศยกเลิกธรรมเนียมการฆ่าตัวตายตามเจ้านาย ไม่ต้องถือปฏิบัติอีกต่อไป เพื่อรักษาชีิวิตผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
เล่าเปาก้าวออกไปตัดหัวบูตูเกน ผู้นำทัพเซียนเปยฝั่งตะวันออก แล้วชูไปรอบๆ สั่งการให้เปิดทางปล่อยทหารเซียนเปยกลับไปได้ เพื่อมุ่งหวังให้ข่าวใหญ่กระจายไปทั่วทุ่งหญ้าทะเลทรายในการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของเผ่าซงหนู แต่มีทหารเร่ร่อนบางส่วนซึ่งไม่ใช่คนเซียนเปย ถึงกับยอมสวามิภักดิ์ย้ายข้างมาสู่ผู้นำที่เก่งกาจคนใหม่แทน
อีกฟากฝั่งหนึ่งของทุ่งหญ้าทะเลทราย ฐานที่มั่นตะวันออกของเผ่าเซียนเปยเพิ่งโดนโจมตีจากเผ่าอูหวนใหม่จนพ่ายแพ้ไปแล้วเช่นกัน ที่แท้ ทัวปาลี่เวยที่หายหน้าไม่มาร่วมรบกับเผ่าซงหนูตามนัดหมายนั้น เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง กลับใช้กองกำลังที่มี ตรงเข้ายึดครองฐานที่มั่นฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ก่อน หวังใช้ข้ออ้างว่า ต้องการกดดันข้าศึกจากแนวหลัง สร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์
แผนการเป็นไปด้วยดี ทหารที่เหลือเฝ้าฐานที่มั่นมีไม่มากนัก จึงไม่อาจต้านทานกองกำลัง เริ่มแตกพ่ายหลบหนี ทำให้ชนเผ่าอูหวนใหม่เกิดความพึงพอใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังรู้สึกไม่สมศักดิ์ศรีนักรบที่หักหลังพรรคพวกเดียวกันปล่อยให้รับศึกหนักฝ่ายเดียว ทัวปาลี่เวยจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อยึดครองที่มั่นได้แล้ว ควรรีบยกไปร่วมสมรภูมิรบได้ทันเวลากันพอดี และจะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการเข้าร่วมรบโดยตรง
หากแต่ข่าวการดวลเดี่ยวที่เล่าเปาสังหารบูตูเกนมาถึงก่อนจะมีการเคลื่อนพล จึงส่งผลให้ชนเผ่านักรบชื่นชมยินดีต่อความเก่งกาจของเล่าเปาที่มีเหนือกว่าการเอาชนะด้วยเล่ห์กลแบบที่ทัวปาลี่เวยนำมาใช้เอาชนะต่อชนเผ่าดั้งเดิมของตนเองเสียอีก
ทัวปาลี่เวย อดีตชาวเซียนเปย ยังผิดคาด ไม่คิดว่า เผ่าซงหนูจะสามารถยุติศึกได้เร็วปานนี้ ตัวมันจึงถูกทิ้งให้อ้างว้างคนเดียวภายในกระโจมใหญ่ รับรู้ถึงศรัทธาที่เสื่อมถอย ชัยชนะที่เผ่าอูหวนใหม่กำลังได้รับนั้น มันกลับไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก หรือว่า คนทุ่งหญ้าทะเลทรายมีปัญหาเรื่องความคิดอ่าน ไม่เหมือนกับชนชาติฮั่นแต่อย่างใด
แผนการเกินความคาดหมายของชนเผ่าซงหนูยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เฒ่าหินผา เซ็กเหียน ที่หายหน้าไปจากสนามรบนั้น พลันปรากฏตัว ชูธงนำกองทัพบุกเข้าสู่ฐานที่มั่นของเผ่าอูหวนใหม่ที่ว่างเปล่า ไร้กองกำลังป้องกัน อาณาจักรที่เพิ่งสร้างตัวขึ้นมาใหม่จึงถูกเก็บกวาดทำลายอีกครั้งจากกลุ่มชนเผ่าที่นึกว่า เป็นพันธมิตรต่อกัน
ที่แท้ เซ็กเหียนกับเล่าเปาติดตามข่าวคราวรอบด้าน เมื่อทราบว่า พันธมิตรหลักของเผ่าอูหวนใหม่ อันได้แก่ ขุนพลโพ้นทะเลที่รุ่งโรจน์ กลับพ่ายแพ้ต่อวุยก๊กอย่างต่อเนื่องจนจบสิ้นไปแล้ว เผ่าซงหนูก็ไม่ควรก่อเหตุวุ่นวายให้วุยก๊กขุ่นเคืองใจ จึงคิดร่วมมือกับเผ่าเซียนเปยจัดการกับเผ่าอูหวนใหม่ให้สิ้นซากแทนแผนการดั้งเดิม
การติดต่อกันทางลับระหว่างสองผู้นำ ห่อปีกับเซ็กเหียน จึงเกิดขึ้น เบื้องแรก เซ็กเหียนยังเข้าใจว่า จะเป็นการร่วมรบของสองเผ่า เซียนเปย ซงหนู กับเผ่าใหม่ อูหวน แต่ห่อปีกลับคิดเห็นแตกต่าง หวังใช้จังหวะนี้สยบปัญหาการเมืองภายในเผ่าเซียนเปยเองด้วย
นับจากม่อหยงเว่ยป่วยตาย ห่อปีครองอำนาจสืบต่อ การเมืองภายในเผ่ากลับยุ่งเหยิงปั่นป่วนจนแตกออกเป็นฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก โดยบูตูเกนคือผู้นำฝ่ายตรงข้าม ทำให้ห่อปีที่แผ่ขยายอาณาเขตไปมากมาย แต่ที่จริงกลับถูกบั่นทอนอิทธิพลจากคนภายในเผ่ากันเองด้วยพร้อมกัน และอีกไม่นาน บูตูเกนคงนำพวกพ้องประกาศตนเป็นเอกเทศขึ้นมา
ดังนั้น แผนการของห่อปี คือ ต้องการให้เผ่าซงหนูหลอกล่อเซียนเปยฝั่งตะวันออก สยบบูตูเกน สามารถฆ่าฟันหรือละเว้นเชลยศึกตามสมควร และตัวมันจะเข้าไปจัดการกับทัวปาลี่เวยด้วยตนเอง ซึ่งมันก็เชื่อมั่นว่า ทัวปาเฒ่าและเผ่าอูหวนใหม่ด้อยศักยภาพการรบ คงเพียงฉวยจังหวะเข้ายึดครองฐานที่มั่น แทนที่จะมาเผชิญศึกร่วมกับเผ่าซงหนู
บทสรุปสุดท้ายก็คือ ห่อปีได้ประโยชน์ในการปราบปรามขั้วการเมืองภายในเผ่า ครองอำนาจเด็ดขาดทั้งอาณาเขตเซียนเปย เซ็กเหียนได้ครอบครองอาณาเขตของอูหวนใหม่เป็นการตอบแทน ส่วนวุยก๊กไม่ได้ลงมือลงแรงอันใด จึงสมควรยินดีที่ไม่เกิดปัญหาชายแดนแต่อย่างใด เพราะพันธมิตรสามเส้าจะกลับสู่สมดุลย์เดิมอีกครั้งหนึ่ง
ทุกอย่างเป็นไปตามคาดหมาย ทัวปาลี่เวยสูญเสียฐานที่มั่นเดิม และเสื่อมความนิยมไปหมดสิ้นแล้ว ชนเผ่าอูหวนใหม่กลายเป็นกองกำลังไร้รากฐาน โดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางเขตแดนศัตรู กองทัพของห่อปีและเล่าเปาจึงค่อยเคลื่อนทัพรุกคืบเข้าสู่ฐานที่มั่นเซียนเปยฝั่งตะวันออกที่ถูกพวกอูหวนใหม่ยึกครองในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้นเอง
ข่าวการศึกทะยอยรายงานเข้ามาไม่หยุดยั้ง ทัวปาลี่เวย ผู้นำเผ่าอูหวนใหม่ พลันตระหนักว่า ตนเองกลับตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกเสียแล้ว ถูกพวกเซียนเปยกับซงหนูบีบกดดันมาจากสองทิศทาง และฐานที่มั่นเดิมก็ถูกยึดครองไปแล้วด้วย
เมื่อกองทัพสองเผ่ามาถึง จึงเกิดการตะลุมบอนชุลมุนกันขึ้น ชนเผ่าอูหวนใหม่ไม่มีทางถอย จึงได้แต่รับฟังคำสั่งผู้นำที่ต้องการให้ต่อสู้จนสุดฤทธิ์ หากแต่หมากกลของเฒ่าทัวปากลับมิได้หมดสิ้นเพียงแค่นี้ดอก เพราะพันธมิตรลับอีกคนหนึ่งกำลังเคลื่อนพลเข้ามาแล้ว เป็นกองทัพเมืองเปงจิ๋วจากแดนใต้นำโดยเตาจี๋มุ่งหน้ามาช่วยเหลือ ด้วยศักยภาพของกองทัพม้าเหล็ก อีกเพียงครึ่งชั่วยาม สมควรมาถึงที่นี่
มันสืบทราบว่า เตาจี๋เป็นคนอูหวนที่มีชนักติดหลัง เคยเขียนแผนที่ทางทหาร นำพาพวกฮั่นทำลายล้างเผ่าพันธุ์ตนเอง มันจึงแอบติดต่อ กระตุ้นเตือนให้มันรู้สึกผิดต่อบรรพชน หาทางช่วยเหลือเผ่าอูหวนใหม่ด้วยการยกทัพเมืองเปงจิ๋วมาสมทบ เป็นการลบล้างความผิดเก่าก่อนที่ค้างคาใจมานานหลายสิบปี ซึ่งที่จริง อาจจะเป็นการก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างชนเผ่านอกด่านกับวุยก๊กไปด้วยอีกทางหนึ่ง
สิ่งที่ผิดเพี้ยนไปก็คือ ตอนแรก มันคิดจะใช้เตาจี๋ เพื่อช่วยกันสยบห่อปีคนเดียว เพราะไม่เคยเห็นพวกซงหนูอยู่ในสายตา แต่ยามนี้ กลับมีทั้งห่อปีกับเล่าเปาอยู่เบื้องหน้าพร้อมกันเสียแล้ว ซ้ำยังมีเซ็กเหียน จอมวางแผน ที่อาจจะตามมาร่วมวงด้วยอีกหนึ่งกองทัพ
เตาจี๋กำลังนำกองทัพเคลื่อนพลหมายเข้าสู่สมรภูมิรบเบื้องหน้า ห่างออกไปไม่กี่ลี้ พลันด้านหลังเกิดความเคลื่อนไหว ทหารข่าวม้าเร็วก้าวเข้ามารายงานคำสั่งของเทียนอู ผู้นำกองทัพชายแดนด้านเหนือ สั่งห้ามกองทัพวุยก๊กเข้าร่วมในการต่อสู้โดยเด็ดขาด
เฒ่าเตาจี๋รู้สึกสับสนในใจยิ่งนัก หากมันไม่ช่วยเหลือพวกพ้อง เห็นที เผ่าอูหวนใหม่ต้องจบสิ้นแน่นอน แต่หากมันลงมือต่อไป วุยก๊กก็ต้องแปดเปื้อนโคลน ไม่อาจล้างมลทินได้จริงๆ แม้แต่เทียนอู รุ่นน้องที่เป็นอดีตเพื่อนรัก ก็อาจติดร่างแหประหารชีวิตไปด้วยในโทษฐานเคลื่อนพลโดยพละการ ก่อให้เกิดความบาดหมางใจระหว่างชนเผ่า
“เอาเถิด พวกเจ้าจงนำกองทัพกลับเมืองเปงจิ๋วกันเอง ปล่อยให้เราผู้เฒ่าเข้าสู่สนามรบตามลำพังเถอะ ข้าต้องชดใช้ความผิดที่เคยก่อเอาไว้” เตาจี๋กล่าวพร้อมหยิบจดหมายที่เตรียมเอาไว้มอบให้กับทหารม้าเร็วที่มาแจ้งข่าว “นี่คือจดหมายฝากฝังก่อนตาย หวังให้เทียนอูช่วยรับเลี้ยงดูเตาอี้หลานเราให้ด้วย”
ม้าเร็วขยับตัวลุกขึ้นประสานมือ “ข้าน้อย บุนขิม ขุนพลรองในสังกัดเมืองหลวง เพิ่งถูกย้ายมาช่วยราชการกับท่านเทียนอู ขออภัยที่ต้องหลอกลวง และขอคารวะต่อท่านผู้เฒ่าด้วยความจริงใจ”
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นขุนพลหนุ่มปลอมตัวมาด้วยตนเอง หากเราขัดขืนคำสั่ง ท่านคงต้องลงมือต่อเราแล้วสินะ” เตาจี๋ลูบหนวดชมเชยคนรุ่นเยาว์ตรงหน้า “เราฝากกองทัพต่อท่านแล้ว”
เจ้าเมืองเปงจิ๋ว เตาจี๋ควบม้าเข้าสู่สมรภูมิรบเป็นช่วงเวลาสุดท้าย ทัวปาลี่เวยกำลังเผชิญหน้ากับห่อปี เล่าเปา และเซ็กเหียนที่ตามมาสมทบพอดี เป็นเซ็กเหียนที่มองสำรวจทัวปาเฒ่าในระยะประชิด พลันกล่าว “ที่แท้ เจ้าเป็นใคร ใยจึงปลอมแปลงมาเป็นทัวปาเฒ่า”
เห็นทัวปาลี่เวยเงยหน้าหัวร่อร่า พลันกระชากหน้ากากหนังมนุษย์ออก “ในที่สุด ก็มีคนคุ้นเคยจับไต๋ได้ เป็นเราเอง ตันฮก กุนซือกิเลนพิสดาร”
ที่แท้ เป็นตันฮกที่หลบหนีจากเหตุการณ์ที่ร่วมกับเล่าฮองดักฆ่าเล่าปี่ แต่ไม่สำเร็จ จนสูญเสียกองกำลังกังแฮ ถึงกับหลบหนีขึ้นเหนือมาปลอมตัวเป็นทัวปาลี่เวย สวมรอยปั่นหัวเผ่าอูหวนใหม่ หมายใช้สร้างปัญหาความวุ่นวายให้แผ่นดินวุยก๊กนั่นเอง
ในเมื่อเป็นคนฮั่นปลอมแปลงมาก่อกวน ชนเผ่าอูหวนใหม่ที่หลงเหลือจึงพากันวางอาวุธยอมรับความพ่ายแพ้ มีเพียงเตาจี๋ที่ควบม้าวิ่งเหยาะๆผ่านเข้ามาสู่จุดศูนย์กลาง ทุกคนต่างเปิดทางให้ ไม่แน่ใจว่า ขุนพลวุยก๊กที่่คุ้นหน้าคุ้นตากัน ต้องการสิ่งไรกันแน่
เตาจี๋ผ่านเข้ามาจนถึงเบื้องหน้าตันฮก รับรู้ว่า คนตรงหน้าคือผู้ร้ายคดีอุกฉกรรจ์ที่สร้างความยุ่งเหยิงมาหลายครั้งหลายหน ซ้ำยังทำให้เผ่าอูหวนใหม่ก้าวมาถึงขั้นล่มสลาย จึงชักกระบี่ชี้หน้าด่าทอ “เจ้าคนชั่วช้าแห่งแผ่นดินฮั่น ถึงกับมาสร้างปัญหากับชนเผ่านอกด่าน จนผู้คนล้มตายนับพันนับหมื่น จงรับความตายให้กับเราชาวอูหวนเดี๋ยวนี้”
เตาจี๋ไม่รอช้า ควบม้าหมายสังหารฝ่ายตรงข้ามในกระบี่เดียว หากแต่ตันฮกกลับลอยพลิ้วขึ้นจากพื้นดิน คว้าสายบังเหียนหมุนพันลำคอของเฒ่าเตาจี๋บิดดังกร๊อบ แล้วทิ้งร่างนั่งแทนที่ ปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณของขุนพลเฒ่าร่วงลงไปจากม้า
ทุกคนที่รุมล้อมไม่ทันคาดคิดว่า กุนซือที่ไม่เคยแสดงฝีมือ ถึงกับมีวิทยายุทธ์สูงส่งปานนี้ ถึงกับสามารถโค่นขุนพลที่มากประสบการณ์ได้ในกระบวนท่าเดียว จึงแตกตื่นตกใจไม่น้อย เห็นตันฮกไม่รอช้า กระตุกม้าตรงไปทางเซ็กเหียน ซึ่งรายล้อมด้วยเหล่าทหารซงหนู แต่แทบไม่น่าเชื่อที่มันตัดผ่านร่างของทหารองครักษ์ได้อย่างง่ายดาย ใกล้ถึงตัวเฒ่าหินผาที่ยืนนิ่งตัวสั่นเทาอยู่กับพื้นดินไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหน คงหวังยึดเอาเป็นตัวประกัน
เล่าเปาซึ่งอยู่ห่างไกลเกินไป ได้แต่ส่งเสียงร้องเรียกบิดา เห็นตันฮกปล่อยม้าเฉียดผ่านร่างเฒ่าหินผา ตัวเองทิ้งร่างลงกับพื้่นพร้อมกดกระบี่ลงที่ลำคอผู้เฒ่า หมายควบคุมตัวจริงๆ แต่แล้วเพียงพริบตา กลับเป็นตันฮกที่ถูกด้ามกระบี่กระแทกกลางอกจนล้มลง
ห่อปี เล่าเปามองเห็นชัดเจน เฒ่าหินผานิ่งเฉยจนกระบี่เกือบถึงลำคอ พลันเบี่ยงตัวยกมือประกบสันกระบี่ และผลักกลับเข้าหาคนถือ เป็นวิชา “ยืมอาวุธสนองคืน” ที่เคยสร้างชื่อให้กับเซ็กเหียนในอดีต แต่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาหลายสิบปีแล้ว
ครั้งหนึ่ง สองเฒ่าทะเลทรายแห่งเผ่าซงหนูเคยโด่งดังเกรียงไกร ที่จริง เซ็กเหียนย่อมมีฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าฮูฉูเฉียนมากนัก หากแต่มันซ่อนคมปิดบังฝีมือยุทธ์จนผู้คนประมาทลืมเลือน เพียงลงมือ ถึงกับปราบกุนซือจอมเจ้าเล่ห์ได้ในพริบตา
พลันเซ็กเหียนกระอักโลหิต ล้มฟุบลงกับพื้นดินเช่นกัน เล่าเปาจึงรีบควบม้าเข้ามาตรวจสอบอาการ ในขณะที่เหล่าองครักษ์ข้างกายผู้นำเฒ่ารีบแก้ตัว รุมสังหารตันฮกหรือทัวปาลี่เวยตัวปลอมจนร่างกายแหลกเหลว ไม่เหลือชิ้นส่วนสมบูรณ์ในพริบตา
สถานการณ์สงครามสามเส้าของชนเผ่าทุ่งหญ้าทะเลทรายคลี่คลายลง ห่อปี ผู้นำเซียนเปย ที่จริง สามารถหยิบยกเรื่องบูตูเกนถูกสังหาร กองทหารฝั่งตะวันออกล้มตาย อ้างเป็นเหตุโจมตีซ้ำเติมต่อเผ่าซงหนูเสียเลยก็ได้ เพราะข้อตกลงมิได้เปิดเผยต่อคนภายนอก เพียงรับรู้กันแค่ผู้นำของทั้งสองฝ่าย
หากแต่เห็นแก่การสูญเสียผู้นำเฒ่าเซ็กเหียนอย่างสะเทือนใจกลางสนามรบ จอมทมิฬห่อปีจึงเกิดทางออกในการละเว้นความแค้นเคืองที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถือว่าเป็นเหตุร้ายจากฝีมือก่อกวนของตันฮกหรือทัวปาลี่เวยตัวปลอมไปหมดสิ้น ยอมยึดตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเผ่าซงหนู ทำให้เล่าเปา ผู้นำคนใหม่ได้ครอบครองพื้นที่ของเผ่าอูหวนใหม่ไปแล้ว
ภายในกระโจมผู้นำ เล่าเปายังคงยืนคารวะต่อผู้เฒ่าเซ็กเหียนที่นั่งหน้าตาเบิกบาน มิได้มีท่าทีว่าเป็นคนตายเลยสักนิด เห็นเฒ่าหินผากล่าวต่อทายาทว่า “ยังดีที่เราพบเห็นท่าทีของห่อปี คิดหมายหักหลังพวกเรากลางสมรภูมิ เราจึงคิดแผนแสร้งตายขึ้นมากระทันหัน ดึงเจ้าออกจากจุดตายได้ทันเวลาพอดี แต่มันคงไม่ละเว้นพวกเราไว้เนิ่นนาน ต่อไป คงต้องให้เจ้าออกหน้าจัดการเรื่องราวภายในเผ่า ส่วนเราในเงามืดอาจส่งเสริมเจ้าได้ยิ่งกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ เผ่าซงหนูไม่จำเป็นต้องมีผู้นำสองคนในเวลาเดียวกันดอก”
เล่าเปารับคำ เยินยอบิดาที่สามารถหลอกลวงผู้คนทั้งแผ่นดินได้อีกครั้งหนึ่ง สอดคล้องกับหลักการ “การศึกไม่หน่ายเล่ห์กล” สมเป็นจอมหลอกลวงตัวจริง ทำให้อี้้ฟูเหลาปลาบปลื้มใจ เปิดเผยแผนการต่อไปให้รับทราบ “ยามนี้ เผ่าซงหนูกลับมายืนหยัดเกรียงไกรอีกครั้งหนึ่ง สมควรหาทางล้มล้างเผ่าเซียนเปยให้สำเร็จ จึงจะวางใจได้บ้าง หากแต่ห่อปียังเข้มแข็งเกินไป เราจึงต้องสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่านี้”
“วุยก๊กเพิ่งเปลี่ยนรัชสมัยกระทันหัน ฮ่องเต้ใหม่อ่อนเยาว์เกินไป ยังไม่มีบารมีมากพอ เห็นที การเมืองภายในจะเกิดความวุ่นวาย ไม่เสื่อมถอยแตกแยกก็อาจจะถึงขั้นสูญเสียแผ่นดิน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคุณต่อการที่เราจะลงมือก่อการณ์ใหญ่ขึ้นบ้าง” เล่าเปาประเมินท่าที
“หากแต่เผ่าซงหนูเพิ่งแจ้งเกิด ไม่ควรตอแยมากความ คงมีแต่ต้องผลักดันศิษย์น้อง กองซุนเอี๋ยน ที่ลอบมาฝีกฝนวรยุทธ์อยู่กับพวกเรา ให้เป็นใหญ่ทดแทนกองซุนก๋งผู้เป็นอา แล้วชักจูงให้แข็งขืนต่อพวกวุยก๊ก หลอกล่อให้มันตกเป็นเป้าใหญ่ เพื่อเปิดทางให้เราได้ฉกฉวยโอกาสตลบหลังเผ่าเซียนเปยเมื่อพร้อม”
“ถูกต้อง มันถือเป็นตัวเลือกที่ดี ในอดีต สกุลกองซุน สกุลอ้วน มีอิทธิพลบารมีสูงส่งในแถบเหนือ น่าจะเป็นต้นทุนเพียงพอให้มันสร้างฐานอำนาจใหม่ได้ไม่ยาก และดึงความสนใจไปจากพวกเราได้สักระยะหนึ่ง จงให้การสนับสนุนอย่างลับๆ อย่าออกนอกหน้าจนเกินไป และไม่ต้องแพร่งพรายความสัมพันธ์ระหว่างตัวมันกับพวกเรา” ผู้เฒ่าหินผา ยามนิ่งเฉย ก็แล้วไป แต่เมื่อเคลื่อนไหว มักปั่นป่วนผู้คนได้ทั้งแผ่นดินทุกครั้งคราว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา