Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
15 พ.ย. 2021 เวลา 00:40 • นิยาย เรื่องสั้น
7.21. พบพานฟ้าประทาน
สุมาล่ง พี่ใหญ่สกุลสุมา - สุมาฝู สุมาปอง ท่านสาม พ่อลูกสายจอมยุทธ
กระแสข่าวฮ่องเต้โฉดแห่งวุยก๊กสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน และปรากฏการณ์มุทราประกาศิตต่อเนื่องทั้งสามแห่ง ส่งผลกระทบสะท้านสะเทือนแผ่นดินเกินไป สะกดผู้คนทั้งสามฝ่ายสงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวก่อกวนอันใดระหว่างกันเป็นการชั่วคราว และพลอยกลบข่าวการตายของคนดังอย่าง โจเซียง ซุนต่ำ กับกวานหนิงไปจนหมดสิ้น คล้ายเหตุการณ์วุ่นวายในสุสานหลวงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
บ่ายวันหนึ่งในรัชสมัยใหม่ เทียบูจึงเดินทางมาเคารพศพโจเซียง ผู้ตาย ซึ่งได้รับการให้อภัยโทษให้ได้รับการฝังศพร่วมกับกษัตริย์เหี้ยนเต้ และโจเจี๋ย โจหัวที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่เหตุผลแอบแฝงก็เพียงกลบเกลื่อนข่าวอื้อฉาวให้เบาบางไปบ้างเท่านั้น
“ต้องขออภัยต่อท่านด้วย หากเราไม่เปิดเผยแผนการ ยอมตัดตอนละทิ้งตัวท่านและซุนต่ำ ทำลายความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสำนักหอสมุดกับขุมกำลังกังตั๋ง เราเองย่อมยากที่จะรักษาตำแหน่งเสนาบดีงานเมืองหลวงไว้ได้ เส้นทางชีวิตของเราหวังเพียงต้องการเกียรติยศวาสนา สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล ไม่ต้องการสืบทอดหน้าที่จารชนไส้ศึกของบิดาผู้ล่วงลับอีกต่อไป” เทียบูพร่ำบ่นในใจ หลังจากจัดวางข้าวของเซ่นไหว้
พอเสร็จสิ้นพิธีการตามธรรมเนียม เทียบูค่อยมีเวลาพักผ่อนใส่ใจต่อสิ่งรอบข้าง หากแต่สายตาพลันเหลือบเห็นดอกไม้ประดับหลุมศพตรงหน้า ยังสดใหม่คล้ายเพิ่งเปลี่ยนไม่เกินครึ่งชั่วยาม เป็นดอกไม้พันธุ์พิเศษที่เติบโตจำเพาะบนเกาะทางโพ้นทะเลแดนใต้
“ไม่ถูกต้อง” เทียบูคิดในใจ พลันตระหนักได้ว่า มีบุรุษใส่หมวกปีกคลุมหน้ายืนไพล่หลัง ห่างจากมันไปเพียงไม่กี่ก้าว จึงรีบชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อม แต่บุรุษคลุมหน้าเพียงขยับตัวปาดมือวูบ ก็สามารถชิงกระบี่ในมือของมันไปได้แล้ว
“เจ้าคือเทียบู ทายาทของเทียลิดกระมัง” คนลึกลับสังเกตจากรอยสลักที่ตัวกระบี่ พร้อมโยนกลับคืน “เห็นแก่เจ้าที่มาเคารพภรรยาผู้ตาย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครา”
เทียบูพลันประจักษ์ว่า ฝ่ายตรงข้ามคือลกซุน เสนาบดีฝ่ายบู๊แห่งง่อก๊ก คนหนึ่งที่ได้รับพลังปาฏิหาริย์หมอกควันมังกร นับจากที่กำเหลงกับโจเซียงบุกวังหลวง สายข่าวก็ทำงานอย่างหนักจนเชื่อมโยงได้ว่า โจเซียงคือเซียงเซียง เมียใหม่ของลกซุนที่กลับมาจากเกาะโพ้นทะเลด้วยกัน ว่าแต่ลกซุนไยจึงใจกล้า เดินทางมาถึงเมืองหลวงตามลำพัง
ลกซุนคล้ายเดาใจได้จึงเอ่ยปากอธิบาย “ที่จริง เรากับสกุลโจมีความแค้นต่อกันลึกล้ำนัก แต่คาดไม่ถึงว่า สุดท้าย ภรรยาเรากลับเป็นบุตรีของโจโฉที่อาจหาญต่อต้านพี่ชายตนเองจนตัวตาย เราเร่ิมชืดชาต่อชะตาลิขิต จึงถือว่า หนี้แค้นสิ้นสุดต่อกันไปแล้ว วันนี้เผอิญต้องผ่านทางขึ้นเหนือ จึงแวะเวียนมากล่าวคำอำลาผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย”
“เครือข่ายใต้ดินสกุลซุนในเมืองหลวงล่มสลายไปแล้ว หลงเหลือเพียงเจ้าที่เป็นจารชนแอบแฝงพอให้ไหว้วานแทนเทียลิดได้บ้าง จงอย่าทำให้บรรพชนผิดหวังเถิด” ลกซุนทิ้งท้ายสั้นๆ พลันหายลับสายตาไปในพริบตา ทิ้งให้เทียบูตะลึงงัน ระย่อในบารมีอยู่บ้าง
…
ยังโชคดีที่เมื่อครู่ เทียบูได้แต่ครุ่นคิดสารภาพบาปภายในใจ มิเช่นนั้น ด้วยพลังโสตทิพย์มังกรของลกซุนย่อมได้ยินหมดสิ้นทุกอย่าง และคงไม่ปล่อยให้ตัวการหักหลังรอดชีวิต ในทางกลับกัน เทียบูพบเห็นพลังฝีมือของลกซุนสูงส่งเกินไป จึงมิกล้าตอแยให้มากความ เพราะหากผิดพลาดล่วงเกิน เกรงว่า ตัวเองจะไม่ปลอดภัยเช่นกัน จึงได้แต่ขบคิดว่า ลกซุนเดินทางขึ้นเหนือเพื่อการณ์ใดหนอ
ปณิธานของชนแต่ละรุ่นอาจจะแตกต่างกัน เทียลิด พ่อบ้านใหญ่ หรือ เทียหยก กุนซือในเงามืด แม้พื้นฐานเป็นคนหวาดหวั่นต่อเภทภัย แต่จำต้องมาลงมือทำเรื่องซ่อนเร้น เพราะเทียเภา เทียหยกล้วนเคยติดค้างบุญคุณใหญ่หลวงต่อสกุลซุนมาก่อน
หากแต่เทียบูไม่เหมือนกัน มันเติบโตมาในร่มเงาสกุลโจ ไม่รับรู้บุญคุณความแค้นอันใดของบรรพชน เพียงซึมซับความรักความผูกพันฉันท์ญาติมิตรจากคนรอบข้าง จึงไม่ปรารถนาสานงานจารชนภายใต้เครือข่ายตระกูลซุนต่อ คิดอาศัยบันทึกจากเงามืดของบิดา ต่อต้านขุมกำลังลับใต้ดิน มุ่งกรุยทางสร้างอนาคตให้กับตนเองไปเสียแล้ว
เป้าหมายแรกย่อมเป็นสำนักหอสมุดใต้หล้าที่ประมุขซุนต่ำตายไปแล้วในสุสาน หากแต่ยังมี อองลอง ฮัวหิม กากุ๋ย ที่ทรงอิทธิพลต่อคนสายวิชาการ และอาจจะมีจุดยืนทางการเมืองที่ต่างกัน มันจึงเสนอชื่อ โฮอั๋น ซึ่งมีผลงานล่าสุดในการนำทัพสังหารผู้นำขบถเอียวตัน ให้มาเป็นประมุขสำนักแทน เพื่อตัดวงจรสืบทอดสัมพันธ์ของพวกบัณฑิตเจี้ยนอานกับเมธีสัจธรรมไปให้ขาดช่วงสักระยะหนึ่ง
ภายหลัง โฮอั๋น ทายาทสกุลโฮ ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นขั้วตรงข้ามกับคนสายวิชาการ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง นอกจากริดรอนผลักไสบัณฑิตหัวรุนแรงออกจากขั้วอิทธิพล ลดทอนความขัดแย้งในเมืองหลวงไปบางส่วนแล้ว ยังพัฒนาความคิดของตนเอง แก้ไขกลไกข่าวลือตามตลาดร้านค้าที่มักใช้บ่อนทำลายรัฐบาลบ่อยครั้ง ปรับเปลี่ยนมาเป็น หน่วยงานกรองข่าวสำคัญที่ถูกตรวจสอบโดยสำนักหอสมุด ปิดประกาศตามจัตุรัสกลางเมือง เพื่อเป็นกระบอกเสียงหลัก ช่วยให้รัฐบาลรับมือกับสงครามข่าวลือได้อีกทางหนึ่ง
…
กล่าวถึงเหยี่ยวดำ หลังจากปะทะกับกุยห้วยที่วัดป่าน้อยที่สอง เมืองซินเอี๋ย จนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ก็พักรักษาตัวอยู่ในกระท่อมร้างกับหัวขวาน โงโพ้ เสียเนิ่นนาน เผอิญได้รับรู้ว่า บริเวณแม่น้ำไต้กังทางด้านล่างของภูเขาจวนหยกสันได้มีกลุ่มคนคล้ายชาวต่างถิ่นแถบเหนือมาจอดเรือใหญ่หลายลำ แอบทำการดำน้ำเคลื่อนย้ายอันใดวุ่นวายไม่น้อย
ที่น่าแปลกตาสำหรับหัวขวานก็คือ ธงประจำเรือเป็นรูปหงสาอัคคี อันเป็นสัญลักษณ์การฟื้นคืนจากความตายตามความเชื่อของชนเผ่าโบราณ และมีความเป็นนก เช่นเดียวกันกับหน่วยปักษาสวรรค์ จึงถูกกระตุ้นความสนใจให้ออกไปส่องมองอยู่เนืองๆ จนวันหนึ่ง จึงกลับมาพร้อมข้อมูลที่คาดไม่ถึง
สิ่งที่พวกต่างถิ่นมาดำน้ำรื้อค้นออกมานั้น ก็คือ ขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองที่ร่วงหล่นลงมาตามกลไกทำลายตัวเองในครั้งนั้น สมบัติจำนวนมหาศาลที่ทุกฝ่ายนึกว่าสูญหายไปกับสายน้ำไปแล้ว กลับถูกซุกซ่อนอยู่ในถ้ำลับต่ำกว่าระดับแม่น้ำภายใต้ปล่องเขาแห่งเดิมนั้นเอง แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผู้คนเหล่านี้คือใคร และล่วงรู้ความลับเหล่านี้ได้อย่างไร
พวกเหยี่ยวดำไม่ต้องการแทรกแซงให้แตกตื่น จึงเพียงติดตามดูความเคลืิ่อนไหว หาทางสืบเสาะจนล่วงรู้ได้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับคอกม้าฟ้าประทาน หัวหน้ากลุ่มถึงกับเป็นคนสกุลสุมา ลำดับที่สี่ ที่หก นามว่า สุมาก้วย สุมาจิน หรือว่า นีี่คือพรรคพวกของสุมาอี้ แปดพี่น้องที่ร่วมกันสร้างอิทธิพลจนสามารถกลืนกินพวกสกุลโจได้ในที่สุดตามที่กระตั้วเคยค้นพบเบาะแสมาบ้างแล้ว
นับจากพวกมันพอค้นพบเรื่องราวเช่นนั้นแล้ว ค่อยวางใจได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อย สุดท้าย พวกสุมาย่อมได้ขึ้นครองราชย์ ก่อตั้งราชวงศ์จิ้น เพียงแต่ไม่คิดว่า พวกมันจะได้มารับรู้ความลับเรื่องนี้โดยบังเอิญ ที่แท้ รากฐานส่วนหนึ่งของคนสกุลสุมาก็ได้มาจากการช่วงชิงขุมทรัพย์พรรคฟ้าเหลืองเข้ามาเป็นต้นทุนนี่เอง
อันที่จริง หากนับย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน พวกปักษาสวรรค์ก็เคยพบปะกับคนสกุลสุมาคนที่แปด สุมาหมิน มาแล้วโดยไม่ทันล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง ครั้งนั้น สุมาหมินปลอมตัวเป็นเงียมเตียง-ค้างคาว นักรบเบญจพิษในสังกัดเผ่าม่าน หมายชักนำให้เผ่าม่านบุกรุกจ๊กก๊ก ก่อกวนให้จูกัดเหลียงวุ่นวายสักพักใหญ่ หากแต่เกิดความพลิกผันที่มีคนอิวจื่อมาแทรกแซง จนสุดท้าย ค้างคาว-สุมาหมินกลับถูกจูล่งลงมือสังหารทิ้งอย่างไร้คุณค่า
ความผิดพลาดครั้งนั้น ทำให้สุมาล่งต้องปรับเปลี่ยนแผนเลื่อนกำหนดการขุดขุมทรัพย์ออกมาใช้งานเร็วขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดคิดไว้หลายปี เพื่อนำมาใช้จ่ายในแผนการอื่นๆแทน และพอดีช่วงเวลานี้ ทั้งสามก๊กกำลังติดพันศึกนอกต่างๆ ราชสำนักล้วนปั่นป่วน จนแม้แต่พวกกังตั๋งเจ้าถิ่นก็ไม่ทันระวังต่อเหตุการณ์เล็กๆเช่นนี้
ขุมทรัพย์มหาศาลที่เคยถูกซุกซ่อนในวัดป่าน้อยที่สองถูกเคลื่อนย้ายขึ้นมาเก็บไว้บนเรือสินค้าหลายลำที่เตรียมไว้ และแล่นหายไปทางทิศตะวันออกตามกระแสน้ำไต้กัง พวกเหยี่ยวดำค่อยหมดเรื่องราวที่น่าสนใจให้ติดตาม รอคอยพบพานพวกพ้องเพื่อบอกเล่าข่าวลับสะท้านฟ้าครั้งนี้ หากมิใช่ พลันพบเห็นเรือโดยสารอีกลำหนึ่งเคลื่อนผ่านมาพอดี
บนเรือลำดังกล่าว ผูกธงลักษณะเช่นเดียวกันกับพวกสุมาสี่สุมาหกเมื่อครู่ หากแต่คนบนเรือที่กำลังยืนชื่นชมธรรมชาติสองข้างทาง กลับเป็นบุคคลที่ไม่น่าจะมาเยี่ยมเยือนแถบนี้ เพราะทั้งสองล้วนเป็นทายาทคนสำคัญของศัตรูทางการเมือง เป็นเล่าเสี้ยนกับจูกัดเจี๋ยม
ฉากต่อมา กลับยิ่งน่าสะท้านใจกว่า ชายใส่หมวกปิดหน้า รูปร่างสูงใหญ่ เดินออกมาจากท้องเรือ คล้ายต่อว่าขับไล่หนุ่มน้อยทั้งสองให้กลับเข้าไปด้านใน ถูกลมแม่น้ำพัดเปิดผ้าคลุมออก เห็นผมสีเขียวสะดุดตาพลิ้วไหว ทำให้พวกมันนึกถึงคนผู้หนึ่ง หรือว่า ขุนพลจูล่งมาเกี่ยวพันอันใดกับพวกสกุลสุมาเสียแล้ว
เส้นทางการเดินเรือเช่นนี้ มีแต่เดินทางไปดินแดนกังตั๋งหรือออกสู่ทะเลใหญ่เท่านั้น จึงไม่มีเหตุผลอันใดให้ขุนพลท่องเมฆานำตัวเด็กหนุ่มทั้งสองมาเสี่ยงภัย นอกจากคิดจะใช้เป็นตัวประกันข่มขู่คนจ๊กก๊กเท่านั้น
เหยี่ยวดำจึงไม่อาจนิ่งเฉยอีกต่อไป ได้แต่รีบปิดใช้ผ้าคลุมใบหน้า อาศัยเศษกิ่งไม้สามสี่ชิ้นข้างกายขว้างไปบนแม่น้ำ สร้างเป็นทางเดินชั่ววูบให้มันได้สะกิดเท้าพุ่งเข้าสู่ตัวเรือ พอเข้ามาใกล้แล้ว เหยี่ยวดำที่คุ้นเคยกับจูล่งตัวจริงเป็นอย่างดี พลันพบเห็นว่า บุคคลตรงหน้ามิใช่เตียวหยุน เตียวจูล่งอย่างแน่นอน จึงเปลี่ยนกระบวนท่า หันมาคว้าหมวกคลุมหน้า หวังเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงเป็นสิ่งแรก
บุคคลตรงหน้ามิใช่จูล่งดั่งคาด หากแต่เป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่มีวัยใกล้เคียงกัน และสัดส่วนคล้ายคลึงกันกับขุนพลเลื่องชื่อยิ่งนัก จึงตะลึงลานไปชั่ววูบ
…
สุมาล่งตกใจสุดขีด ไม่คาดคิดว่า จู่ๆจะมีจอมยุทธ์มือสังหารคนใดสามารถบุกจู่โจมในระยะประชิดบนเรือที่กำลังเคลื่อนบนแม่น้ำใหญ่อย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้ ได้แต่รีบวิ่งเข้าไปในท้องเรือ พร้อมตะโกนเรียกเจ้าสามเสียงดังลั่น
ชายหนุ่มสองคนท่าทางทะมัดทะแมง ใบหน้าคล้ายดั่งพ่อลูกกัน วิ่งสวนทางออกมาจากด้านใน ตรงเข้ารับมือกับบุรุษลึกลับตรงหน้าในทันที วรยุทธ์ที่ใช้แตกต่างจากคนตงหงวน แต่สำหรับเหยี่ยวดำ ย่อมแยกแยะได้ทันทีว่า เป็นวิชาพื้นฐานหมัดฝ่ามือผสมผสานเคล็ดลับโยคะจากฝั่งชมพูทวีปแน่นอน
ยามนี้ น้อยคนจะสามารถต่อกรทัดเทียมกับเหยี่ยวดำได้แล้ว คนทั้งสองแม้จะถือว่ามีวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม แต่ก็เพียงหยุดยั้งจังหวะได้ชั่วคราว แล้วต้องทอดร่างสลบไสลอย่างง่ายดาย ทำให้เหยี่ยวดำบุกเข้าถึงส่วนในท้องเรือ พบเห็นเล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยมยืนตัวสั่นเทาอยู่ด้านหลังชายคนแรก ดูจากท่าทางแล้ว กลับกลมกลืนเหมือนเป็นพวกพ้องเดียวกันมากกว่า ได้ยินจูกัดน้อยเอ่ยคำ “ท่านลุงสุมา คนร้ายผู้นี้คือ..”
คำว่า “ท่านลุงสุมา” กลับบ่งบอกสถานะฝ่ายตรงข้ามได้ทันที คนสกุลสุมาที่เรียกคนอื่นว่า เจ้าสาม ย่อมมีไม่กี่คน และหนึ่งในนั้น สมควรเป็นพี่ใหญ่ในแปดพี่น้องสกุลสุมา นามว่า สุมาล่ง พี่ชายคนโตของสุมาอี้นั่นเอง
ฉับพลัน สุมาล่งที่แสร้งหวาดหวั่นมาตั้งแต่ต้น พลันสาดผงพิษเข้าใส่เหยี่ยวดำอย่างกระทันหันเป็นวงกว้าง ที่แท้ ช่วงเวลาที่มันหลบหนีเข้ามาในท้องเรือ ก็เพียงเพื่อหาพื้นที่เหมาะสมไร้ลมแม่น้ำพัดรุนแรง เพื่อมิให้ผงพิษฟุ้งกระจายเสียเปล่า ดังนั้น พอลงมือในระยะหวังผลเช่นนี้ ผงพิษบางส่วนจึงครอบคลุมใบหน้าร่างกายของเหยี่ยวดำแล้ว เพียงยังห่างอยู่อีกสักครึ่งก้าวเท่านั้น ผงพิษจะถึงตัวคนแล้ว
เหยี่ยวดำรับรู้ตัวตนฝ่ายตรงข้ามแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องราวใหญ่โต ไม่อาจตอแยมากเกินไป จึงรีบสะกิดเท้าถอยร่างไปหลายก้าว พลันตีลังกาลงไปสู่แม่น้ำใหญ่ ดำน้ำลอยห่างจากตัวเรือที่เคลื่อนที่ห่างไปตามกระแสน้ำ แล้วค่อยว่ายกลับเข้าหาฝั่ง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวให้พรรคพวกรับฟัง
…
สุมาล่งครุ่นคิดขึ้น ฝ่ายตรงข้ามทำตัวลึกลับนัก ด้วยฝีมือของคนร้ายสมควรรับมือได้ยากยิ่งนัก เบื้องแรกที่ลงมือ หมายเปิดเผยตัวตน แล้วพอถูกต้านทาน กลับสะบัดหน้าหลบหนี ทั้งๆที่ยังสามารถย้อนกลับมาจัดการพวกตนได้อีก จึงอาจสรุปได้เพียงว่า คนร้ายน่าจะเป็น “เหยี่ยวดำ” มือสังหารแห่งหน่วยปักษาสวรรค์คนนั้น
พอประเมินว่า คนร้ายจะล่วงรู้อันใดบ้าง ประการแรก เด็กน้อยเอ่ยคำ “ท่านลุงสุมา” มันเรียกหาน้องสาม หากปะติดปะต่อกัน ย่อมระบุได้ว่า คนสกุลสุมา มีพี่น้องอย่างน้อยสามคน ประการที่สอง มันปลอมตนเป็นจูล่งผมเขียว คนในท้องเรือคือ เล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยม หากคนร้ายรู้จักคนเหล่านี้ ย่อมค้นพบว่า มันเป็นตัวปลอม คุมตัวประกันเดินทางออกห่างจ๊กก๊ก ประการที่สาม ระยะทางจากเรือไปถึงชายฝั่งห่างไกลไม่มาก แต่ยากแยกแยะรายละเอียด คนร้ายมุ่งตรงมาแต่ไกล ลงมือกระทันหัน เกรงว่า สิ่งที่สะดุดตาคนร้ายคือ ธงฟ้าประทานรูปหงสาอัคคี หรือว่า สีผมรูปลักษณ์ของมันกระมัง
เมื่อเดือนก่อน มันเพิ่งนึกยินดีที่ได้รับข่าวจากสุมาฝู สุมาปองพ่อลูก สามารถแทรกแซงการลักพาตัวประกันของพวกม่าน ถึงกับพบพานสองเด็กหนุ่มที่หลบหนีออกมาจากเงื้อมมือของพวกม่าน และพามาหลบซ่อนตัวเป็นเวลานาน พร้อมแสร้งทำทีเป็นได้รับการติดต่อจากจูกัดเหลียงให้พาตัวไปซ่อนในที่ปลอดภัยต่างแดนเป็นการชั่วคราว จนกว่าการศึกสงครามจะเบาบางกว่านี้
แน่นอนว่า เด็กหนุ่มสองคนเชื่อถืออย่างสนิทใจ ยอมติดตามมาแต่โดยดี ซึ่งที่จริง มันกำลังนำพาตัวประกันไปยังสาขาลับของมันที่อยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไรนัก
ความสำคัญของจูกัดเจี๋ยมอาจจะไม่สูงส่งนัก เพราะขงเบ้ง-จูกัดเหลียงเป็นคนไร้น้ำใจ อาจไม่ใส่ใจต่อทายาทมากนัก แต่เล่าเสี้ยนกลับผิดกัน เพราะทางหนึ่ง คือองค์กษัตริย์จ๊กก๊ก ทายาทคนโตของเล่าปี่ แต่อีกทางหนึ่ง ก็คือคนสกุลโจ ทายาทอีกคนหนึ่งของโจโฉแห่งวุยก๊ก โดยพิจารณาได้จากไฝข้างลำคอตามปากคำของเตียวเฟิงแล้ว
เรื่องนี้ย่อมเป็นการเปิดเผยความลับมาจากเตียวชุนฮัว-เตียวเฟิงที่บอกผ่านมาทางสุมาอี้ ทำให้สุมาล่งรับรู้ว่า จูล่งเคยสร้างแผนการสลับตัวทายาทของโจโฉกับเล่าปี่ หวังสร้างความวุ่นวาย แต่แผนการเกิดผิดพลาดขึ้นมา กลายเป็นลูกของขงเบ้งถูกส่งมาเป็นโจหิมแทน และถูกขงเบ้งดัดหลังสังหารตัดตอนไปแล้ว จึงเหลือเพียงเล่าเสี้ยนหรือโจหิมตัวจริงที่ยังค้างเติ่งอยู่ในจ๊กก๊ก จนโดนอุปโลกน์กลายมาเป็นฮ่องเต้จำเป็นไปแล้ว
ความลับชิ้นนี้ คนล่วงรู้ความจริงเหลือเพียงเตียวเฟิงกับจูกัดเหลียงเท่านั้น แม้แต่คนลงมืออย่างจูล่ง ยังรับรู้ไม่ชัดเจนทั้งหมด ดังนั้น พอสุมาล่งรับรู้เรื่องราวความลับการสับเปลี่ยนตัวทายาท ประจวบเหมาะกับที่สืบทราบว่า เล่าเสี้ยนตัวจริงถูกเก็บซ่อนตัวในหุบเขาลำธารสวรรค์ มิใช่ตัวประกันหุ่นเชิดที่ทำหน้าที่ฮ่องเต้ในเมืองเซงโต๋ จึงมุ่งมั่นลักพาเล่าเสี้ยนจนไปพบที่ขอบชายแดนทางใต้พอดี
เรื่องนี้เกี่ยวพันกับบัลลังก์สองแผ่นดิน สมควรถือเป็นหมากพิสดารสุดยอด สมควรให้มันต้องมาลงมือด้วยตนเอง เพียงแต่คาดไม่ถึง อีกเพียงหนึ่งร้อยกว่าลี้จะถึงที่ซ่อนตัว กลับถูกคนร้ายมาพบเห็นเข้าจนได้ และปัญหาก็คือ มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฝ่ายตรงข้ามคือใคร
ยังดีที่ผู้มาไม่คุ้นเคยกับขุมกำลังกังตั๋งหรือเผ่าโกกุเรียว แม้พบเห็นใบหน้าแท้จริงก็ยังไม่ทำให้ตัวตนอื่นๆของมันถูกเปิดเผยออกมา เพราะเสนาบดีโกะหยง ราชครูจีหรงและฆาตกรผมเขียว ล้วนเป็นตัวมัน สุมาล่ง ปลอมแปลงไปทั้งสิ้น
…
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สุมาเต๊กโชผู้พ่อที่เคยตระเวนไปทั่วแผ่นดินในฐานะปราชญ์ใหญ่สายเต๋า ตัดสินใจเลือกนำพี่น้องสกุลสุมามาแอบซ่อนตัวอยู่ในเมืองปักเป๋ง ซึ่งห่างไกลพื้นที่สมรภูมิรบ ก่อสร้างกิจการเพาะพันธุ์อาชาที่ใช้บังหน้าพอสร้างฐานะได้ระดับหนึ่ง
ต่อมา กองซุนตู้ ขุนพลม้าขาวรุ่นแรก กลับคิดเห็นเหมือนกัน ถึงกับลงมือสร้างอิทธิพลในเขตพื้นที่ทับซ้อนกัน หวังยึดครองแหล่งอาชาแทน ทำให้สุมาเต๊กโชจำต้องจ้างนักฆ่าต่างถิ่นมาลงมือสังหารทิ้ง ปล่อยให้ทายาทกองซุนจ้านที่อ่อนด้อยกว่า แต่ไม่บีบคั้นผู้คนจนเกินไป เข้ามาแทนที่ในการปกครองบ้านเมือง และล้มเลิกโครงการแก่งแย่งพื้นที่เพาะเลี้ยง ทำให้พวกสุมายังสามารถสอดแทรกกลมกลืนเป็นคหบดีท้องถิ่นได้ไม่ยาก
ดังนั้น รากฐานของสำนักฟ้าประทานจึงตั้งอยู่ที่เมืองปักเป๋ง โดยที่สุมาอี้คนรองออกโรงในทางแจ้งเป็นผู้นำกลุ่มทายาทมังกร และเติบโตกลายมาเป็นเสาหลักคนหนึ่งของวุยก๊ก ส่วนสุมาล่งพี่ใหญ่ไปทางลับ อาศัยเส้นสายบิดาได้เป็นราชครูโกกุเรียวในนามจีหรง ก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางมารับราชการอย่างถนอมตัวถึงที่สุดในฝั่งง่อก๊กในชื่อโกะหยง
สองสุมาใหญ่กลายมาเป็นขุนนางระดับสูงของสองแผ่นดินแล้ว มาถึงยามนี้ อีกหกพี่น้องที่เหลือคล้ายเติบใหญ่ สถานการณ์อื่นๆมาถึงจุดสุกงอม พร้อมจะให้ลงมือได้แล้ว จึงได้เห็นสุมาคนอื่นๆทะยอยออกมาโลดแล่นตามบทบาทที่ถนัดบ้างแล้ว รวมทั้ง การโยกย้ายขุมทรัพย์ฟ้าเหลืองที่ได้รับเบาะแสมาตั้งเนิ่นนานแล้ว
หลังจากผ่านเหตุการณ์เผาทำลายวัดป่าน้อยกลบเกลื่อนร่องรอยขุมทรัพย์ฟ้าเหลืองนั้น ผู้ที่เข้าร่วมประชุมบ้างตาย บ้างถอดใจ เมื่อเห็นสมบัติมีค่าร่วงหล่นสู่หุบเหวด้วยกลไกทำลายตนเอง แต่สุมาอี้ใคร่ครวญแล้วกลับไม่ยอมแพ้ ฝากฝังให้สุมาผู้น้องมาช่วยกันสืบค้นเบาะแสร่องรอยเบื้องล่างอยู่หลายปี จนสุดท้าย กลับค้นพบโพรงใต้น้ำเชื่อมโยงไปถึงอุโมงค์เหวลับที่ซุกซ่อนขุมทรัพย์ได้สำเร็จ ตามที่พวกเหยี่ยวดำบังเอิญพบเจอนั่นเอง
…
สุมาล่งทั้งสามนำพาสองทายาทหนุ่มเข้าสู่ซอกหลืบลึกลับด้านข้างแม่น้ำไต้กัง มุ่งหน้าเข้าสู่สาขารังลับของพวกฟ้าประทาน ซึ่งที่แท้ ก็คือ หุบเขาละทิ้งอดีต นั่นเอง
นับจากซุนแจ้ง ประมุขหุบเขาคนสุดท้าย ถูกลอบสังหารริมท่าน้ำ บ่งบอกว่า หุบเขานี้ไม่อาจนับเป็นพื้นที่เร้นลับอีกต่อไป เพราะถูกพบเห็นทำลายล้างหลายครั้งแล้ว จึงถูกถอดถอนออกจากสถานที่ยุทธศาสตร์ กลายเป็นชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง ดำเนินชีวิตกันอย่างปกติสามัญ คล้ายดั่งหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
หากแต่เมื่อสามปราชญ์สายเต๋า อดีตเมธีสัจธรรม อันได้แก่ ซุยเป๋ง โจ๊ะกงหงวน เบงคงอุย ลี้ภัยการเมืองมาอาศัยกับง่อก๊กเป็นการลับ ต้องการปลีกวิเวกปิดบังตัวตน โกะหยงซึ่งดูแลงานด้านวิชาการอยู่แล้ว จึงตอบสนองด้วยการให้ใช้พื้นที่แห่งนี้ในการเผยแพร่ความรู้ ส่งเสริมจนกลายเป็นสถานศึกษาขึ้นมาท่ามกลางหมู่บ้านสุขสงบ โดยใช้นามแฝง สามสหายเหมันต์ เป็นคนดำเนินการ จึงได้ชื่อใหม่เป็นสำนักเหมันต์ไปด้วย
สามสหายเหมันต์ ประกอบด้วย สนทะนง ไผ่ลู่ลม เหมยเบ่งบาน ล้วนเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่งทนทาน สามารถเติบโตในฤดูหนาว อันมีความหมายสะท้อนถึงชีวิตที่ระเห็จพเนจรหลบหนีภัยการเมืองมาแดนไกล แต่ยังคงต้องต่อสู้ทางความคิดต่อไปให้ได้
พอสำนักศึกษาใหม่เปิดรับนักศึกษาทั้งแผ่นดินเข้ามาพักพิง ร่ำเรียนแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการเป็นสำคัญ คล้ายสภาพดั้งเดิมของสำนักปราชญ์เต๋าในอดีต ถึงกับได้รับการตอบรับดีมากจนคึกคักครึกครื้นยิ่งนัก ทำให้มีคนแปลกหน้าเข้าออกอยู่เป็นนิจ เรือน้อยใหญ่แล่นเทียบท่าไม่เว้นว่าง แตกต่างจากภาพในอดีตที่เคยเป็นสถานที่ปกปิดเร้นลับ
เพียงแต่หากนับย้อนกลับไปในอดีต สามปราชญ์กลับมีความเชื่อมโยงกับสุมาเต๊กโชอยู่ก่อนแล้ว ดำเนินงานด้านบุ๋น มุ่งมั่นไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องราวอื่น แต่พร้อมให้ความร่วมมือต่อคนสกุลสุมา ดังนั้น เมื่อกลุ่มสุมาผู้น้องที่มาขุดค้นสมบัติใต้ดิน หรือแม้แต่กลุ่มสุมาล่ง หรืืออีกนัยหนึ่ง โกะหยง ที่จับกุมตัวประกันทายาทกลับมา ก็สามารถปะปนเข้ามาใช้พื้นที่พักอาศัยได้เต็มที่
สุมาล่งจึงมีโอกาสพบปะสั่งความกับสุมาฝูน้องชายและสุมาปองหลานชาย ให้ดูแลตัวประกันเล่าเสี้่ยน จูกัดเจี๋ยม ในที่ลับสายตาผู้คน ก่อนกลับไปใช้ชีวิตในฐานะโกะหยง ขุนนางนักพัฒนาท้องถิ่นเช่นเดิม
ที่จริง พวกมันยังมีรากฐานดั้งเดิม ซึ่งเป็นคอกปศุสัตว์ใหญ่ เพาะพันธุ์อาชาชั้นดี อยู่ที่เมืองปักเป๋งมาหลายสิบปีแล้ว หากแต่ช่วงนี้ พวกมันล่วงรู้ความลับมาว่า พื้นที่ดังกล่าวใกล้จะเกิดความวุ่นวายจากการแทรกแซงของชนเผ่านอกด่าน โดยเฉพาะเผ่าซงหนู ซึ่งอาจจะมีจิตใจเหิมเกริมลึกซึ้งมากกว่าเผ่าอื่นๆ
แน่นอนว่า ความลับทางทหารเช่นนี้ ย่อมรู้กันแค่ในชนชั้นระดับสูง แต่ด้วยความที่สุมาล่งคือโกะหยง จึงล่วงรู้ว่า ซุนลอง สมุหนายก กับลกซุน เสนาบดีฝ่ายบู๊ ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก จนลกซุนถึงกับต้องขึ้นเหนือไปเจรจากับตัวแทนเผ่าด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่หัวขบถหนุ่มเสนอคือ กองทัพม้าสายพันธุ์ดี ยุทโธปกรณ์ที่แดนพยัคฆ์ไม่เคยเข้าถึงมาก่อน
...
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย