Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
15 พ.ย. 2021 เวลา 23:34 • นิยาย เรื่องสั้น
7.22. เสียงเพรียกคืนวิญญาณ
สือเสีย ราชันย์ดินแดนเกาจิ๋ว - สือสิน ตัวประกันผู้อาภัพ - สืออุ๋น คนบาปผลาญตระกูล
สถานการณ์ภาคเหนือกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง กองซุนก๋ง เจ้าเมืองปักเป๋งผู้ซื่อตรง และครอบครัวพลันป่วยไข้ตายไปอย่างกระทันหัน กองซุนเอี๋ยน บุตรชายของอดีตจอมขบถกองซุนของ แสดงตนทวงอำนาจปกครองแทนผู้เป็นอา จนเกิดเสียงร่ำลือกันว่า ที่จริง หลานชายตัวแสบเป็นตัวการที่สั่งฆ่ากองซุนก๋งทั้งครอบครัว เพื่อเพาะบ่มขุมกำลังปักเป๋งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พอกองซุนเอี๋ยนได้เป็นใหญ่ ถึงกับเปลี่ยนแนวทางทางการเมือง อาศัยม้าศึกพันธุ์ดีเป็นเครื่องต่อรอง หันไปพึ่งพิงอิทธิพลชนเผ่านอกด่าน ผูกสัมพันธ์กับชนเผ่าต่างๆโดยรอบ ปลุกกระแสกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นเก่าทั้งสกุลกองซุนและสกุลอ้วนที่ถูกรัฐบาลรุกรานข่มเหง คล้ายหวังผนึกกำลังกันแข็งข้อต่อวุยก๊กในไม่ช้า สร้างความกังวลใจให้กับขุนพลเทียนอูผู้เป็นเสาหลักแห่งภาคเหนืออย่างมาก
วิธีการของกองซุนเอี๋ยนดุดันโหดร้ายย่ิงนัก ถึงกับเมตตาคนจน รีดเค้นคนรวย จำเพาะไปที่คหบดีต่างถิ่นหลายตระกูลแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เพื่อนำทุนทรัพย์มาใช้สะสมกำลังพล เสบียง และยุทโธปกรณ์อย่างเร่งด่วน แม้แต่กลุ่มคหบดีลึกลับที่ลงหลักปักฐานสร้างกิจการคอกม้าเพาะพันธุ์ขายมานาน ยังต้องเผ่นหนีเสือหิวตัวใหม่ไปแล้ว ทำให้ดินแดนปักเป๋งซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เลียวตั๋ง ต้องร้อนระอุอีกครั้ง
ลกซุนเพิ่งเดินทางถึงแดนเหนือ ถึงกับได้ข่าวเลียวตั๋งเชื่อมสัมพันธ์กับง่อก๊กแพร่สะพัดอยู่ก่อนแล้ว พลันฉุกคิดว่า กองซุนเอี๋ยนยากจะคบหา ถึงกับปล่อยข่าวล่วงหน้า บีบบังคับผู้คนให้เข้าหาอย่างจำยอม แทนที่จะใช้ความจริงใจต่อกัน จึงคิดว่า สมควรยับยั้งการเจรจาเชิงทูตในรอบแรกไปก่อน ชะลอเรื่องกองทัพอาชาเป็นการชั่วคราว
ในเมื่อมีโอกาสมาทางเหนือแล้ว ลกซุนจึงไม่ยอมเสียโอกาสที่จะกระทำเรื่องราวที่ค้างคาใจสองเรื่อง เรื่องแรก คือ การพบปะกับศิษย์พี่ใหญ่ สุมาอี้ ที่เมืองหลวงลกเอี๋ยงสักครา หลังจากที่ตันฮก ศิษย์พี่รองตายไป ยามนี้ ทายาทมังกรทั้งห้า หลงเหลือเพียงสามคน กระจายกันเป็นเสาหลักของสามแผ่นดินแล้วพอดี
...
สหพันธ์การค้าหมาป่าเงินยามนี้ กลับกลายเป็นกิจการหลักของสมุหนายกสุมาอี้ไปแล้ว ตั้งแต่เจ้าสัวจงฮิวถูกสังหารตายในเหตุการณ์งานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์ สุมาอี้ก็ส่งเจ้าสัวหลายคนมาบริหาร แต่ทำงานได้ไม่ถูกใจนัก จนในที่สุด ได้แต่เปิดเผยรากฐานดั้งเดิม มอบให้ สุมาก้วย สุมาจิน คนในสกุลจากเมืองปักเป๋งเข้ามาดูแลจัดการ
ยามนั้น สุมาอี้มีอิทธิพลบารมีแล้วพอสมควร โจผี โจยอยล้วนเชื่อถือให้น้ำหนักต่อกุนซือเต่าสมถะเหนือกว่าโจโฉหลายเท่าในฐานะอดีตราชครูผู้สั่งสอน และที่ปรึกษาระดับอาวุโสที่เหลือน้อยลงทุกที จนล่าสุด กลับหลงเหลือเพียงตัวมันที่ผ่านศึกร้อนหนาวมานานกว่าใครเพื่อน จึงกลายเป็นเสาหลักคนสำคัญทางการเมือง
การดึงเอาญาติพี่น้องจากต่างแดนเข้ามาช่วยเหลืองานที่กำลังรุ่งเรือง จึงเป็นเรื่องปกติ จนล่าสุด ผู้คนจึงค่อยทราบว่า สุมาเต๊กโช ปราชญ์ใหญ่สายเต๋า ถึงกับส่งเสริมน้องชาย สุมาฮอง อดีตเจ้าเมืองลกเอี๋ยง ให้ลาออกจากราชการ ไปตั้งรกรากเป็นเจ้าของกิจการคอกม้าฟ้าประทานที่เมืองปักเป๋ง ดูแลคนสกุลสุมาเป็นการลับมาเนิ่นนานแล้ว และก็คือกลุ่มคหบดีที่ถูกจูกัดเอี๋ยนบีบคั้นจนต้องหนีออกจากพื้นที่เมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง
อาชาเมืองปักเป๋งเป็นม้าพันธุ์ขาวหิมะ แม้ว่าอ่อนด้อยกว่าม้าพันธุ์เหงื่อโลหิตที่เมืองเสเหลียงอยู่บ้าง หากแต่เลี้ยงดูง่าย ขยายพันธุ์ได้เร็ว ทำให้กองทัพม้าขาวแห่งเมืองปักเป๋งไม่เคยเกรงกลัวใคร เพราะสามารถจัดหาเข้ามาทดแทนได้ตลอดทุกฤดูกาล และเท่าที่ผ่านมา คอกม้าฟ้าประทานก็วางตัวเป็นกลาง คบหาด้วยเงินทอง ไม่คำนึงถึงฝักฝ่ายชาติพันธุ์ แม้แต่เผ่าโกกุเรียวก็ยังเป็นลูกค้าสำคัญมาโดยตลอดเช่นกัน
…
ลกซุนเป็นขุนนางใหญ่แดนง่อ มิอาจส่งเทียบเข้าพบตามปกติ จึงได้แต่อาศัยพลังโสตทิพย์มังกร หลบหลีกเหล่าองครักษ์และข้าทาสบริวาร ลอยตัวเข้าถึงห้องหนังสือในจวนสมุหนายกโดยตรงในยามค่ำคืน
ข้างกายของสุมาอี้ ยามนี้มีน้องห้า น้องเจ็ดเป็นองครักษ์พิทักษ์ตลอดเวลา พอพบเห็นคนแปลกหน้าลอบบุกรุกอุกอาจ ย่อมชักอาวุธหมายป้องกันพี่ชาย ยามกระทันหัน ปะทะกันไปสองสามกระบวนท่า ดีที่สุมาอี้จดจำได้ จึงห้ามปราม และแนะนำชื่อเป็น สุมาซุ่น สุมาถัง ให้ศิษย์น้องเล็กได้รู้จักกันไว้
ลกซุนพบเห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นว่า ศิษย์พี่ใหญ่เก็บซ่อนความลับยิ่งใหญ่ ถึงกับปกปิดรากฐานตระกูล จึงอดไม่ได้ ต้องระแวดระวังมากขึ้นกว่าเดิม คราก่อน เคยมีเครือข่ายสุมา ทายาทมังกร ยามนี้ ยังมีสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน คอกม้าฟ้าประทาน หนุนหลัง จึงมิอาจคาดเดาว่า อาจจะมีขุมกำลังอันใดอื่นซุกซ่อนเชื่อมโยงอยู่อีก
ทั้งสองพบปะพูดคุยอยู่พักใหญ่ ล้วนแต่เจรจาความเมือง ตกลงกันดังเดิมว่า ต่างคนต่างบั่นทอนขุมกำลังที่ตนเองสังกัด เพื่อเปิดช่องให้ขบวนการฟ้าดิน ต้นสังกัดที่แท้จริง สามารถลงมือ ซึ่งความหมายก็คือ ยอมรับให้สกุลจูกัดขึ้นเป็นใหญ่ในที่สุด
ลกซุนเห็นสมควรแก่เวลา จึงกล่าวอำลา แต่กลับทิ้งจังหวะ ลอบใช้พลังโสตทิพย์รับฟังบทสนทนาระหว่างสามพี่น้อง จึงจับความรับรู้ถึงข่าวสำคัญเรื่องหนึ่ง สุมาอี้ยังมีพี่ใหญ่คือสุมาล่ง และยังคงแฝงตัวอยู่ในจ๊กก๊ก คล้ายรอคอยลงมือยามคับขัน
“หรือว่า สุมาล่ง หมายถึง เตียวจูล่ง ขุนพลท่องเมฆาผู้นั้น” กุนซือพยัคฆ์คะนองได้แต่คาดเดาโดยคำนวนจากช่วงอายุ “ข่าวที่คนผมเขียวลอบสังหารเขาเฉียวถึงกลางเมืองหลวงก็คงเป็นมันแล้วกระมัง เครือข่ายสุมาช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว”
ลกซุนจากไปแล้วจริงๆ พี่น้องสกุลสุมาจึงลอบยิ้มให้กับเหยื่อที่ถูกปั่นหัว สุมาล่งอยู่ข้างกายลกซุนมานาน ย่อมส่งข่าวมาแจ้งให้ทราบถึงความสามารถพิเศษที่คนหูเขียวมีอยู่ พวกมันจึงจู่โจมใส่จุดแข็งของฝ่ายตรงข้าม ส่งข่าวลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ลกซุนล่าถอย แม้แต่ข่าวความสัมพันธ์เลียวตั๋งกับง่อก๊กที่รั่วไหลออกมาก่อน ก็ยังเป็นผลงานของพวกมันเอง นับว่า พวกสกุลสุมาแอบลงมือหยั่งท่าทีกับลกซุนบ้างแล้ว
…
เรื่องค้างคาใจลำดับที่สองของลกซุนกลับเป็นเบาะแสฝูงตั๊กแตนประหลาดที่เกี่ยวข้องกันกับหุบเขาต้องห้ามที่ถูกเรียกขานเป็นหุบเขาเซียนปีศาจ ใกล้กับสมรภูมิกัวต๋อในอดีต แต่ก่อน มันอาจจะยังกริ่งเกรงตำนานบอกเล่า คิดนำขบวนคนมีฝีมือเข้าไปค้นหาเงื่อนงำ แต่ยามนี้ มันมีพลังมังกรคุ้มครองร่างกายถึงสองแบบ ประสบการณ์ต่างๆก็พอตัว น่าจะดูแลตัวเองได้ไม่ยากเย็นนัก จึงพาลบุกเดี่ยว ไม่เกรงกลัวสิ่งใด
เพียงสืบเสาะค้นหาจนทะลุผ่านหมอกพิษอาถรรพ์ ค่ายกลกับดักรายทาง ยิ่งเชื่อมั่นว่า ด้านในสมควรเป็นที่อยู่ของยอดคนจอมยุทธ์ปลีกวิเวกมากกว่าเซียนปีศาจตามคำร่ำลือ
สุดท้าย ใกล้ผ่านพ้นทุ่งหญ้าสูง มองเห็นลานกว้างด้านหน้าเชิงผา ลกซุนกลับพบเห็นชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าสองคน หนึ่งบู๊ หนึ่งบุ๋น กำลังสั่งสอนวิชาวิทยายุทธ์ให้กับเด็กสาวฝาแฝดและเด็กชายตัวน้อยท่าทางเฉลียวฉลาด ตอกย้ำว่า ความคิดของตนถูกต้อง จึงคิดล่าถอย ไม่คิดรบกวนผู้คน แต่พลันสะดุดตาโพรงถ้ำกว้างใหญ่ด้านบนชะง่อนผา คล้ายเกิดแสงสว่างสีม่วงครามสะท้อนเข้าตาตนเอง
มันจึงพาลแอบไต่ขึ้นเขาสูง พุ่งตรงเข้าไปสำรวจโพรงถ้ำลึกลับสักครา พบเห็นภายในสะอาดสะอ้าน คงเป็นที่อยู่อาศัยของพวกคนเหล่านั้นจริงๆ พบเห็นตำราสองสามเล่มวางอยู่บนตั่งเตี้ย พอหยิบชมดู กลับตื่นตะลึง ถึงกับเป็นภาพวาดสิ่งประดิษฐ์ของลู่ปัง ตำราสมุนไพรของฮัวโต๋ และคัมภีร์อาวุธเพลิงของม้ากิ๋น
สองเล่มแรกเป็นของบุคคลมีชื่อเสียง มันย่อมล่วงรู้ความสำคัญ แต่เล่มสุดท้ายระบุเป็นของม้ากิ๋น กลับคุ้นหูยิ่งนัก จดจำได้ว่า เป็นพรรคพวกกับท่านอาเหยี่ยวดำ และภายหลัง เร่ิมมีชื่อเสียงในฐานะอัจฉริยะมือพิสดาร จึงถือวิสาสะลองเปิดอ่านคร่าวๆ พบเห็นภาพวาดพร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เช่น กระบอกพ่นแบบน้ำมัน-น้ำพิษ นกระเบิด แหลนเพลิงทำจากดินประสิว กำมะถัน ไปจนถึง ปืนใหญ่ผ่าเมฆ ทุ่นระเบิดหุ้มกระเพาะวัวกันน้ำ จรวดมังกรไฟทะลุนที แต่ละชิ้น ถึงกับเยี่ยมยอดสูงส่งไปกว่าลมวิหคธนูกระเรียน หรือบั้งไฟมังกรที่พวกกังตั๋งเคยใช้ในอดีตเสียอีก
ลกซุนคาดเดาได้ว่า กลุ่มคนด้านล่างย่อมมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานที่ท่านอาสังกัดแน่นอน ช่วงหลัง มันขัดแย้งกับพวกท่านหลายครั้งหลายครา ไม่ควรให้พบเห็นร่องรอยจึงยัดตำราทั้งสามเล่มใส่อกเสื้อ หวังนำไปให้อ้วนยู อิ๋นฉางช่วยศึกษาจัดทำบ้าง และแล้ว หูทิพย์มันพลันได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากจุดลึกสุดของถ้ำใหญ่ ดึงดูดให้มันเข้าไปเยี่ยมชมเพิ่มเติม
ที่แท้ เสียงสวบสาบที่แผ่วเบาต่อผู้คนทั่วไปนั้น กลับเป็นการเคลื่อนไหวของฝูงตั๊กแตนมากมายที่อยู่อีกฝั่งด้านหนึ่งของผนังถ้ำ และด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ มันพลันเห็นแสงประกายสีม่วงครามวูบวาบขึ้นที่มุมด้านหนึ่งของผนังถ้ำนั่นเอง
มันจึงใช้มีดสั้นติดตัวเซาะร่องผนังถ้ำ กลับค้นพบหีบศิลาทรงยาวซุกซ่อนอยู่ ภายในเป็นกระบี่ยาวสองเล่ม สลักชื่อเป็น กานเจียง ม่อเสีย บนตัวกระบี่อันเป็นที่มาของแสงม่วงครามนั้นเอง ครั้นพอกระบี่เผยโฉม เสียงสวบสาบด้านในพลันหายสิ้น แสดงว่า กระบี่ทั้งสองเล่มคือตัวที่ดึงดูดให้ฝูงตั๊กแตนป้วนเปี้ยนอยู่เช่นนั้นมาเนิ่นนานแล้ว
ลกซุนครุ่นคิดขึ้น ตำนานสองกระบี่วิเศษของปรมาจารย์ตีดาบแห่งยุคเลียดก๊กเชื่อมโยงกับสุสานหลวงจิ๋นซี ไม่ทราบว่า ถูกนำมาฝังไว้ในผนังถ้ำได้อย่างไร หากแต่ตัวกระบี่นั้น ทำมาจากแร่อุกกาบาตนอกโลกกลับมีเค้ามูลแท้จริง มันมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติจึงรับรู้ถึงการคงอยู่ของวัตถุพิสดารเฉกเช่นกัน จึงเก็บกระบี่กานเจียงเอาไว้กับตัว และตัดสินใจเด็ดขาด ถึงกับวางกระบี่ม่อเสียพร้อมหีบศิลาไว้บนตั่งโต๊ะโดยจงใจ
ลกซุนย่อมมีความคิดเห็นส่วนตัว ต้องการส่งมอบกระบี่วิเศษให้กับท่านอาเหยี่ยวดำไว้ใช้ต่อสู้กับกุยห้วย จูล่ง และเสียวเอี่ยนจื่อ อีกสามคนที่ได้รับพลังมังกรจักรวาล เช่นเดียวกันกับตนเอง นับว่าเป็นความหวังดีต่อผู้มีพระคุณ แต่กลับลืมไปว่า ตนเองเพิ่งขโมยของสำคัญมาไว้กับตัวถึงสามชิ้น ท่านอาย่อมไม่อาจละเว้นความผิดนั้นได้
…
อดีตราชครูสือเสีย ยามนี้ ปรับเปลี่ยนเผ่าเย่ ผนวกรวมดินแดนป่าเขากับเมืองเกาจิ๋วเดิม เรียกเป็นดินแดนเกาจิ๋วตามแบบอย่างกองซุนเอี๋ยนทางเหนือที่ตั้งชื่อใหม่ให้หัวเมืองปักเป๋งเป็นดินแดนเลียวตั๋ง หวังยกระดับภูมิภาคให้มีความเจริญทัดเทียมกันกับมณฑลอื่นๆของง่อก๊กบ้าง ดังนั้น ผู้นำชนเผ่าเย่จึงกลับกลายเป็นราชันย์แห่งดินแดนเกาจิ๋วไปแล้ว
แม้ว่า สือเสียยอมอ่อนน้อมต่อราชันย์แห่งง่อก๊ก แต่มิอาจถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน ทั้งสองประเทศจึงยังคงต้องดำรงอยู่ โดยเผ่าเย่หรือดินแดนเกาจิ๋วถือเป็นอาณานิคมเมืองขึ้นของง่อก๊ก คงศักดิ์ฐานะของชนชั้นปกครองและกองทัพอย่างอิสระต่อกัน
ตัวสือเสียเองมาจากตระกูลใหญ่ มีญาติพี่น้องและลูกชายหลายคนช่วยกันทำหน้าที่ต่างๆให้กับเผ่าเย่มาก่อนแล้ว การยึดครองอำนาจจึงเกิดขึ้นได้โดยง่าย เพียงแต่สือเสียไม่ใคร่สบายใจที่สือสิน บุตรชายคนโตยังคงถูกจับให้เป็นตัวประกันอยู่ที่สำนักหุบเขาปีศาจเช่นเดิม แม้ว่าตนเองจะสร้างผลงานใหญ่ เอ่ยปากร้องขอให้ปล่อยตัว แต่ทาง “ซุนกวน” กลับไม่ยินยอมผ่อนคลายนโยบายเข้มงวดลงบ้างเลย
ปัญหาค้างคาใจย่อมเป็นที่รับรู้กันในบรรดาลูกชายที่กลายสภาพเป็นโอรสแห่งสวรรค์ไปแล้ว สืออุ๋น ลูกคนรองที่เป็นนักรบอันดับหนึ่งแห่งเผ่าเย่ อาศัยจังหวะที่ “ซุนกวน” พักรักษาตัว ลกซุนออกไปทำภารกิจ จึงแอบจัดทัพปลอมเป็นโจรสลัดมุ่งหน้าสู่เกาะอี้จิ๋ว ซึ่งเป็นที่รับรู้กันแล้วว่า คือสำนักหุบเขาปีศาจอันลึกลับ หวังช่วยตัวประกันสือสินกลับมา โดยไม่บอกกล่าวให้บิดาล่วงรู้
…
สามผู้เฒ่าอี้จิ๋วจึงได้โอกาสแสดงแสนยานุภาพอีกครั้งหนึ่ง กองเรือโจรสลัดถูกสกัดโจมตีในทันทีที่รุกล้ำถึงน่านน้ำใกล้เกาะ โดยผู้ที่นำทัพเรือต่อต้านถึงกับเป็นเตียวอุ๋น จิวซุน จิวอิ๋น ซุนเต๋ง และสือสินนั่นเอง
พอผู้มากับกองเรือฝ่ายตรงข้าม กลับมีสือสิน พี่ชายที่ตัวเองต้องการช่วยเหลือ รวมอยู่ด้วย สืออุ๋นถึงกับสับสนวุ่นวายใจ ทางหนึ่ง ไม่อาจสั่งการณ์ให้หักห้ามโจมตี อีกทางหนึ่ง ไม่อาจแสดงตนให้รับรู้ ทำให้กองทัพโจรสลัดปลอมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนเสียหายยับเยิน ยามเมื่อล่าถอยกลับชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ ยังถูกกองทัพเรือของโฮกี๋จากเมืองห้อยเขโจมตีซ้ำอีก สุดท้าย เหลือเพียงสองส่วนที่รอดชีวิตกลับคืน
ความพ่ายแพ้ของชนเผ่าเย่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง สืออุ๋นถูกปล่อยข่าวใส่ร้ายว่า แสร้งทำศึกพ่ายแพ้ จนสกุลสือกลายเป็นจำเลยสังคมที่ทำให้ลูกหลานชนเผ่าตายเปล่า แม้ว่าสือเสียพยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศล และชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย แต่ชนเผ่าส่วนหนึ่งก็มิยอมละเว้น ถึงกับแอบรุมสังหารสืออุ๋นจนตายกลางตลาด
ฝ่ายตัวประกันสือสินที่อยู่บนเกาะร้างห่างไกล ที่จริง ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเปราะบางโดยจงใจ ภายหลังทราบว่า ตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนร่วมเผ่าล้มตายมากมาย ตระหนักว่า ถูกคนกังตั๋งสั่งสอนพวกตนอย่างอำมหิต จึงช้ำใจเป็นทุนเดิม พอข่าวการตายของสืออุ๋นมาถึง ยิ่งตอกย้ำสำนึกเสียใจของสือสิน จนคว้าอาวุธอาละวาดต่อเหล่าชนชั้นผู้นำ จิวซุนซึ่งมีวาระแค้นเคืองต่อสือเสียกับพวกเผ่าเย่อยู่ก่อนแล้ว จึงฉวยโอกาสระบายความแค้นแทนคนรักด้วยการสังหารสือสินในดาบเดียว
ข่าวการตายของลูกชายสองคนในเวลาไล่เลี่ยกัน กลับหนักหนาสาหัสเกินไปต่อผู้เฒ่าสือเสีย ราชันย์แห่งเกาจิ๋วจึงล้มป่วยลงและกระอักเลือดตายในที่สุด ฝ่ายกังตั๋งไม่เปิดโอกาสให้คนสกุลสือปกครองต่อไป กลับให้โฮกี๋ เจ้าเมืองห้อยเข มาดูแลแทน ทำให้กลุ่มสกุลสือก่อการขบถต่อต้านครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่ง แต่ไม่ประสพความสำเร็จ แกนนำของตระกูลล้วนถูกสังหารทิ้งจนหมดสิ้น ทำให้แดนเกาจิ๋วหรืออดีตเผ่าเย่ถูกลดฐานะลง ผนวกเข้ากับดินแดนกังตั๋งจนได้ นับว่า เป็นการสิ้นสุดของอาณาจักรชนเผ่าภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี หลังจากที่ผู้นำอิ้วตู้เดินหมากผิดพลาด จนถูกสังหารตาย
อีกฟากฝั่งทะเลตะวันออก บนเกาะอี้จิ๋ว สามผู้เฒ่าอี้จิ๋วกล่าวสั่งสอนทิ้งท้ายต่อเตียวอุ๋น จิวซุน ซุนเต๋ง สามแกนนำรุ่นเยาว์ให้รับทราบ “คนสกุลซุนมิอาจถูกย่ำยีให้เสียหาย มีบุญคุณต้องทดแทน มีความแค้นต้องชำระ ไม่อาจละเว้นอ่อนข้อแก่ผู้ใด จงดูสือเสียและเผ่าเย่นี่เอาไว้เป็นตัวอย่าง ภายภาคหน้า เจ้าจงกระทำเช่นเดียวกันกับพวกเรา”
…
ฐานทัพเรือเมืองชีสอง พื้นที่บางส่วนถูกปรับเปลี่ยนเป็นอาคารก่อสร้างขนาดใหญ่ มีช่างไม้ช่างเหล็กมากมายเดินกันขวักไขว่ กลายสภาพเป็นคลังยุทโธปกรณ์ทันสมัย เรือใบพิสดาร รถฟ้าลั่น ค่ายกลระเบิดฟ้าผ่า หรือกระเช้าลอยฟ้าล้วนถูกจัดทำจากอาคารแห่งนี้ โดยมีซุนเกียวเป็นหัวหน้าใหญ่ แต่ที่จริง กลับเป็น อ้วนยู เคาก้าน และอิ๋นฉาง สามเฒ่าเจี้ยนอาน แอบดำเนินการเป็นหลัก ผ่านทางเคาจิ๋ว เคาเต็ง หลานคนที่สองที่สามของเคาก้าน ซึ่งมาอาศัยด้วยกันในฐานะผู้สืบทอดวิชาของสามปราชญ์
ที่แท้ หลังจากเคาก้านได้พูดคุยกับเขาเฉียวถึงความตายของเคาทู ถูกจุดประกายให้นำทายาทรุ่นถัดไปมาเลี้ยงดูใกล้ชิด มีเพียงเคาหงีที่เติบใหญ่แล้ว กลับมีเส้นทางก้าวหน้าอยู่ใกล้ชิดกับสกุลโจในฐานะขุนพลองครักษ์เช่นเดียวกันกับบิดา
เคาจิ๋ว เคาเต็ง จึงถูกเคาก้านนำตัวกลับมาในฐานะหลานชายของปราชญ์ชรา กึ่งเปิดเผยกึ่งปิดบังชาติกำเนิด ไม่มีใครคาดคิดว่า จะเป็นทายาทองครักษ์หมีทมิฬ เคาทู ภายหลัง ค่อยพบว่า เคาจิ๋วถูกจริตกับศาสตร์พยากรณ์ดั่งคนในสกุลเคาทั่วไป หากแต่เคาเต็งกลับชื่นชอบงานช่าง จนกลายเป็นลูกศิษย์แนวหน้าของอ้วนยูไปแล้ว
แน่นอนว่า ความคิดสร้างสรรค์หลักของหน่วยงานนี้ ย่อมเป็นผลงานการประดิษฐ์ของอ้วนยู จอมปราชญ์นักประดิษฐ์ แต่ความรอบรู้กว้างขวางของอิ๋นฉางและการคำนวนพยากรณ์ของเคาก้านก็มีส่วนช่วยงานให้มีความก้าวหน้าได้มากนัก ลกซุนในฐานะเสนาบดีฝ่ายบู๊จึงรู้สึกยินดีที่ความพยายามยาวนานได้ส่งผลอันหอมหวานเช่นนี้ และพลอยชื่นชอบถูกชะตากับเคาเต็งเป็นพิเศษ
ลกซุนเดินทางมาถึงเมืองชีสอง ย่อมตรงมาเยี่ยมเยียนสามปราชญ์เฒ่า น้อมส่งตำราลู่ปัง ฮัวโต๋ ม้ากิ๋นให้ มิคาด อ้วนยูพลิกอ่านชั่วครู่ พลันกล่าว “ตำราเล่มนี้มิใช่ของม้ากิ๋น ศิษย์ขึ้เมาบ้าพนันของเราแน่นอน แต่อาจจะเป็นไปได้ก็คือ มีชื่อแซ่พ้องกันโดยบังเอิญ”
ลกซุนผิดคาด เพิ่งรับรู้ว่า อ้วนยูมีลูกศิษย์ชื่อม้ากิ๋นมาก่อน หรือว่า พวกของท่านอาคนนั้น เพียงแอบอ้างชื่อเสียงคนอื่น พอขบคิดเช่นนี้ พลันเกิดปฏิภาณวูบ หรือว่า พวกท่านอาล้วนปลอมปน อ้างชื่อสวมรอยเป็นคนอื่นๆไปด้วย
และแล้ว ลกซุนพลันเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆหลายสิบปีที่ผ่านมา พบเห็นร่องรอยความสัมพันธ์ของผู้คนกลุ่มหนึ่งที่อาจแทรกซึมสวมรอยแทนตัวจริง เฉกเช่นเหตุการณ์ของโลซก บังทอง จูกัดเหลียง หรือแม้แต่สุมาเต๊กโช ผู้เป็นอาจารย์ จนภาพสุดท้าย หมอฮัวโต๋ ม้ากิ๋น เหยี่ยวดำ และหญิงสาวร่างใหญ่บนเรือโดยสารพลันลอยขึ้นมาในความคิด
ที่แท้ หญิงสาวคนนั้นน่าจะเป็นเสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลวิหคสวรรค์ที่เพิ่งเผยโฉมมาในภายหลัง หรือแม้แต่อาจจะเป็นคนคนเดียวกันกับเตียวหุยในวัดป่าน้อยที่สองก็เป็นได้ หากปัญหาเรื่องเพศสภาพมิได้เป็นข้อจำกัดของบุคคลเหล่านี้
ยิ่งขบคิดยิ่งว้าวุ่นใจ ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของพวกเหยี่ยวดำ แสดงว่า ต่อไป ตนเองอาจจะต้องเป็นศัตรูกับท่านอาอย่างจริงจัง พร้อมโมโหตัวเองที่เพิ่งน้อมส่งกระบี่ม่อเสียไปให้ฝ่ายตรงข้าม จนเกรงว่า กระบี่นั้นอาจจะถูกนำมาใช้สังหารตนเองเสียแล้ว
ลกซุนจึงเกิดความคิดใหม่ ร้องขอให้อ้วนยูช่วยส่งเสริม หาทางปกปิดกระบี่กานเจียง อ้วนยูเพียงใคร่ครวญชั่ววูบ ถึงกับใช้น้ำยาประหลาดเคลือบผ่านตัวกระบี่ ลบอักษรรอยสลักและเปลี่ยนสีกระบี่จากม่วงครามกลายเป็นเขียวขจี พร้อมตั้งชื่อใหม่เป็นกระบี่พยัคฆ์หยก และรับสมอ้างเป็นคนหลอมอาวุธพิเศษให้กับลกซุนตามประสาคนคุ้นเคย กลบเกลื่อนเรื่องการค้นพบกระบี่วิเศษจากหุบเขาเซียนปีศาจ
…
หลังจากผ่านเหตุการณ์พวกม่านลอบโจมตีกลางวังหลวง เลียวฮัว บิฮุยและพวกที่ถูกเบ้งเจียดใช้เวทมนตร์ทำร้าย ทะยอยกลับคืนมารายงานตัว ที่แท้ มนตร์วิเศษเพียงใช้เคลื่อนย้ายร่างกาย มิได้ทำร้ายถึงตาย ทำให้ขงเบ้งค่อยคลายกังวลที่พรรคพวกรอดชีวิตมาได้
ฝ่ายเบ้งเจียด เบ้งฮิว ค้นหาเบาะแสที่ฝังศพของเบ้งเฮ็กเสียเนิ่นนาน ค่อยเลือกคืนจันทร์มืดมิด จุดเทียนตะเกียง ขุดค้นสุสานนักโทษ จนเจอตัวราชันย์เบ้งเฮ็กที่ทั้งถูกพิษร้ายกัดกิน ทั้งเน่าเฟะตามกาลเวลา ร่างกายสมควรแหลกสลายเป็นน้ำเหลืองและกองกระดูก หากแต่ซากศพของมันกลับเพียงซูบซีดแห้งกรังไปบางส่วน ผิวดำคล้ำด้วยพิษร้ายเท่านั้น ดูผิวเผิน ยังคล้ายมีชีวิต เพียงแค่หลับใหลไปเท่านั้น
สองพี่น้องดีใจยิ่งนัก รีบเร่งแข่งกับเวลาให้ทันก่อนเที่ยงคืน เบ้งเจียดเป็นคนทำพิธีปักคทาวิเศษตำแหน่งเหนือหัว ผูกโยงสายสิญจ์ล้อมร่างผู้ตายเป็นรูปดวงดาวห้าแฉก พร้อมท่องคาถาร่ายเวทมนตร์สายมืด จนคทาสั่นสะท้าน แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงไม่แปรเปลี่ยน
เบ้งเจียดมองหน้าเบ้งฮิว น้องชายผู้จงรักภักดี ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กัน “หนึ่งวิญญาณแลกหนึ่งชีวิต” มนตราคืนวิญญาณยังขาดหนึ่งชีวิตที่ต้องเสียสละให้กับคนตาย เบ้งฮิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลันชักกริชแทงกลางอกของพี่ชายคนโต ควักหัวใจสังเวยให้แก่คทาทองคำประกาศิต หากแม้นผิดพลาด ทุกอย่างก็จบสิ้นเพียงแค่นี้
เห็นคทาวิเศษที่อาบเลือดจากหัวใจสดๆสั่นไหวรุนแรงยิ่งขึ้นจนหักสะบั้นเป็นสองท่อน ทำให้เหลือเพียงแค่เบ้งฮิวที่ยังตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้น ลมพัดกระโชกรุนแรงพัดจากซากร่างเบ้งเจียด ฉุดเบ้งเฮ็กให้ลอยขึ้นตั้งตรง แล้วเกิดสายฟ้ากระแทกใส่ดังเปรี้ยง กระตุ้นให้เบ้งเฮ็กลืมตาเป็นสีดำกลมโต ทำเอาเบ้งฮิวสะดุ้งเฮือก ไม่ทันตระเตรียมใจมาก่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เบ้งฮิวน้องรัก ข้าทั้งสองคนได้กลับคืนมาแล้ว” เสียงเบ้งเฮ็กเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งผ่านกระทบหูของเบ้งฮิว แต่เท่าที่สังเกตดู คล้ายเป็นน้ำเสียงของเบ้งเจียดเบ้งเฮ็กผสมผสานกัน เบ้งฮิวได้แต่ก้าวถอยหลัง แต่เบ้งเฮ็กกล่าวห้ามไว้ “ไม่ต้องกลัว ข้าจดจำได้ทุกสิ่ง คนที่รัก คนที่ชัง ใครคือมิตร ใครคือศัตรู”
เบ้งฮิวค่อยคลายใจลง เบ้งเฮ็กสังเกตร่างกายตนเอง ส่วนที่เสียหายก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แสดงว่า พิธีกรรมอาจจะกระทำเนิ่นช้าเกินไป จนร่างกายไม่อาจกลับคืนดังเดิมไปแล้ว
“ตำราโบราณระบุไว้ เมื่อวิญญาณคนพี่กลับคืนเข้าร่างคนน้องที่ตายกลางถิ่นปรปักษ์ จะเป็นการกำเนิดใหม่ของนักรบภูตบดีในตำนาน สองพี่น้องหลอมรวมในร่างเดียวกัน เพิ่มพูนพลังอำนาจเวทมนตร์เป็นทวีคูณ จะทำให้อาณาจักรเพงายใหม่กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า” เบ้งเฮ็กเปล่งเสียงหัวร่อราวบ้าคลั่ง แต่เบ้งฮิวตระหนักถึงเค้าลางชีวิตอาถรรพ์ที่คล้ายจะไม่ถูกต้องตามธรรมชาติได้ก่อเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์แล้ว
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย