Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
18 พ.ย. 2021 เวลา 00:33 • นิยาย เรื่องสั้น
7.24. คู่แค้นชะตาอาฆาต
ม้าเฉียว ราชันย์อัศวโฆษ - หันซุย เทพเจ้าการุณย์ - เฮ็กเจียว นักรบชายแดนพายัพ
การตายของหันซุย โจต้าย ส่งผลกระทบรุนแรงไม่น้อย แฮหัวหลิม กุยห้วย ย่อมโมโหแค้นเคืองคนสกุลสุมาที่เป็นต้นเรื่อง แต่ไม่อาจเอาผิดต่อนักโทษทั้งสองที่ไม่รู้ความเป็นไปภายนอก ได้แต่คาดเดาว่า เกิดการลอบสังหารจากขุมกำลังอื่นใดที่ไม่ใช่พวกพ้องสกุลสุมา จึงมิได้ช่วยเหลือนักโทษให้หลบหนีคดีความ
แต่ในเมื่อผู้ตายเป็นถึงเครือญาติสกุลโจ ย่อมไม่อาจละเว้นตรวจสอบในเบื้องลึก แฮหัวหลิมมีศักดิ์ฐานะสูงสุด จึงตั้งตนเป็นรักษาการเจ้าเมืองไปพลางก่อน เพื่อวางมาตรการเข้มงวด ให้กุยห้วยเป็นตัวหลักในการสอบสวน ร่วมกันกับเฮ็กเจียว ผู้ช่วยเจ้าเมือง ตั๋งไป๋ เกียงอุย จึงรับหน้าที่จัดการพิธีฝังศพของหันซุยไปแทน
เทพเจ้าการุณย์หันซุยเป็นที่รักใคร่ของชาวเมืองเสเหลียงและชนเผ่ารอบข้าง คนเข้าร่วมพิธีจึงมากมายล้นหลาม ยิ่งสร้างความขัดใจให้กับแฮหัวหลิมยิ่งนัก แต่กุยห้วยหนักแน่นกว่า พาลพบเห็นตัวตองถู ผู้นำเผ่าเกี๋ยงและขุนพลออดกิดที่ปลอมปนเข้ามาเคารพศพด้วย ในฐานะเสนาบดีการทูต มิอาจเพิกเฉย จึงได้แต่ให้การรับรองสมกับฐานะ
เมื่อพบพานรู้จักกัน พลันถูกคอยิ่งนัก ตองถูจึงเล่าข้อมูลลับสองเรื่อง เรื่่องแรก แจ้งว่า คนที่สามารถลงมือสังหารหันซุยอย่างรวบรัดได้ สมควรอยู่ในระดับขุนพลสวรรค์ ซึ่งเหลือเพียงสองคน หากไม่ใช่จูล่ง ขุนพลท่องเมฆา ก็ต้องเป็น อุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่ง
ส่วนเรื่องที่สองที่สอดคล้องต้องกัน นั่นคือ จ๊กก๊กกำลังจะเปิดศึกกับวุยก๊กในเร็ววันนี้ และได้นัดหมายให้เผ่าเกี๋ยงเข้าร่วมรบด้วยอีกแรง หากแต่ความสัมพันธ์เผ่าเกี๋ยงที่มีต่อจ๊กก๊กล้วนเกิดจากความเชื่อมโยงผ่านผู้นำสกุลม้ามาโดยตลอด ตนเองจึงมิได้คล้อยตามด้วย และคิดจะหาเหตุปฏิเสธในครั้งนี้
กุยห้วย พอได้รับฟังเช่นนั้น จึงพลอยผสมโรงสรุปว่า ที่แท้ พวกจ๊กก๊กหวังลงมือตัดตอนหันซุย ลดแรงเสียดทานในจุดยุทธศาสตร์แดนพายัพลง บังเอิญ โจต้ายดันตกอยู่ในเหตุการณ์ จึงพลอยถูกสังหารไปด้วย
ความเคลื่อนไหวต่อไป จึงเป็นการกำหนดจุดรับศึกระหว่างวุยก๊กกับจ๊กก๊ก นั่นคือ เมืองเทียนซุย โดยแฮหัวหลิมจัดให้เฮ็กเจียวทั้งสามไปจัดเตรียมกองทัพให้พร้อมไว้ล่วงหน้าก่อน รอให้พระราชโองการฮ่องเต้มาถึง พวกตนก็จะนำทัพหลวงไปเสริมเติมในทันที
พวกเฮ็กเจียวพาซื่อ มุ่งหวังเพียงล้างแค้น จึงออกเดินทางไปตามคำสั่ง กลับเปิดช่องทางให้สาวงามตั๋งไป๋ต้องพลอยเข้าสู่วังวนสงครามเสียแล้ว
…
สถานการณ์ดินแดนเสฉวน หลังจากที่ขงเบ้งได้ใช้ควันพิษสยบพวกขุนพลวิหคสวรรค์ได้แล้ว ดูสุขสงบมากยิ่งขึ้น พวกพ้องที่เคยถูกขั้วตรงข้ามคุมตัวกักบริเวณ ต่างพากันเป็นอิสระ รับตำแหน่งหน้าที่กันตามสมควร แม้แต่กองทัพปราบแดนใต้ก็ถูกปลดประจำการณ์ แยกย้ายกลับบ้านได้ตามปกติแล้ว
ขั้วการเมืองฝั่งขงเบ้งคล้ายกำลังรุ่งโรจน์ นับตั้งแต่ ตันจิ๋น(เตียวเหียน) ม้าต้าย ม้าเจ๊ก เจีียวอ้วน เตงจี๋ เอียวหงี ตันเซ็ก เลียวฮัว บิฮุย ตามลำดับ ในขณะที่ฟากฝั่งของเสียวเอี่ยนจื่อ ที่มี จูล่ง อุยเอี๋ยน กวนหิน เตียวเปา ต้องยอมอ่อนข้อให้หลายส่วน เพราะยังมีเล่าเสี้ยน (เตียวหอง) เล่าเอ๋ง เล่าลี เตียวกอง เป็นตัวประกัน และแกนนำทั้งสามล้วนถูกพิษสยบไว้ ส่วนพวกสายกลางที่แต่เดิมจงรักภักดีต่อสกุลเล่า อย่างลิเงียม อองเป๋ง งออี้ เตียวเอ๊ก กลับเริ่มสับสนไปมาตามแรงกระเพื่อมทางการเมือง
ที่จริงแล้ว กลับเป็นนางแอ่นที่จงใจหลอกลวงผู้คนทั้งสองขั้ว เพราะพิษร้ายที่ได้รับนั้น ได้ถูกฮ่วมอากำจัดให้แล้วอย่างไม่ยากเย็นกระไร หากแต่นางได้รับข้อมูลจากปีศาจฮองเย่อิง กล่าวถึงมหันตภัยครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบรุนแรงต่อแผ่นดินโดยศัตรูสามกลุ่ม เป็นคนสายอาคม คนเหนือธรรมชาติ และคนตายที่ฟื้นคืน
คนสายอาคมยังพอทำเนา นางเคยเผชิญมาบ้างแล้วในศึกสยบทักษิณ และคนเหนือธรรมชาติคงหมายถึงกุยห้วยที่ได้รับพลังมังกรจักรวาลไปถึงสามประเภท แต่ก็ยังพบเห็นแนวทางแก้ไขได้อยู่ จึงมีเพียงคนตายที่ฟื้นคืน ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร และเก่งกาจเพียงไร แต่หากต้องรับมือพร้อมกันทั้งสามกลุ่ม อาจจะดูแลคนสำคัญได้ไม่ทั่วถึง
หลังจากที่พวกเบ้งเฮ็กลงมือกลางงานเลี้ยง ไปจนถึงช่วงเวลาที่ขงเบ้งเผยไต๋ ใช้ควันพิษสยบผู้คน ยามกระทันหัน จึงยอมคล้อยตาม หวังใช้โอกาสนี้ รวมสองขั้วการเมืองเข้าด้วยกัน ต้านทานมหันตภัยครั้งใหญ่ให้ผ่านพ้นไปก่อน
อีกประการหนึ่งที่น่ากังวลใจคือ พวกนางยังไม่ได้ร่องรอยเบาะแสของเล่าเสี้ยนกับจูกัดเจี๋ยม ซึ่งหายตัวไปร่วมปีแล้ว เกรงว่า การสูญหายของคนทั้งสองจะนำพาเรื่องราวให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้นในภายหน้า
…
ขงเบ้งถือไพ่เหนือกว่าขั้วตรงข้าม ต้องการใช้เวลาสร้างความมั่นคงภายใน จึงอ้างเหตุว่า วุยก๊กเพิ่งเปลี่ยนแผ่นดินกระทันหัน กษัตริย์ใหม่ยังเยาว์วัย คิดใช้แผนเดิม ส่งเสียวเอี่ยนจื่อ สวมรอยเป็นตัวแทนตนเอง ชูธงออกรบในศึกสยบอุดร สร้างผลงานสะท้านแผ่นดินให้กุนซือมังกรซ่อนอีกสักครั้ง
นางแอ่นจึงอาศัยช่วงเวลาที่่ขงเบ้งยังไว้วางใจ ขอตัว จูล่ง กวนหิน เตียวเปา อองเป๋ง ร่วมทัพไปด้วย ส่วนขงเบ้งยังส่ง ม้าเจ๊ก เตงจี๋ ตันเซ็ก มากำกับทัพด้วยอีกทางหนึ่ง กลายเป็นกองทัพขั้วผสมที่ยากจะกลมเกลียวกันเท่าไรนัก
อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ต่างฝ่ายต่างยังหวาดระแวงกันอยู่บ้าง เสียวเอี่ยนจื่อทิ้งอุยเอี๋ยนเฝ้าระวังหลังที่เมืองฮันต๋ง เฉกเช่นฝั่งขงเบ้งที่เลือกม้าต้าย เลียวฮัวไว้ข้างกาย พร้อมส่งตันจิ๋น เอียวหงีไปตั้งมั่นที่เมืองหยงอัน ดูแลชายแดนตะวันออก และส่งลิเงียมไปเสริมที่เมืองฮันต๋ง เผื่อว่าเกิดเหตุฉุกเฉิน
ด้วยภูมิปัญญาชาวเพงายใหม่เสริมเติม หุ่นกระดาษที่เคยแข็งทื่อคราก่อน จึงปรับเป็นหุ่นกระบอกเคลื่อนไหวได้ ที่ใช้โครงหน้ารูปลักษณ์ของขงเบ้ง เพื่อนั่งนิ่งในเกวียนน้อย หรือจัดตั้งบนเก้าอี้ล้อหมุนไว้ในกระโจมแม่ทัพ สมมุติว่า เป็นตัวขงเบ้งที่เดินทางไปออกรบในศึกวุยก๊กครั้งแรก
แนวทางการเดินทัพที่ขงเบ้ง-จูกัดเหลียงกำหนดให้ คือ การอ้อมเส้นทางขึ้นไปโจมตียึดครองมณฑลยงจิ๋ว เหลียงจิ๋วทางทิศพายัพ ซึ่งครอบคลุมเมืองเสเหลียง เทียนซุย ให้จงได้ก่อน เพื่อเกาะกุมจุดยุทธศาสตร์ชายแดน เชื่อมโยงพันธมิตรเผ่าเกี๋ยง และควบคุมประตูหน้าด่านของเส้นทางการค้าทะเลทรายใหญ่ แทนที่จะลัดเลาะข้ามเทือกเขาตรงไปยังเมืองเตียงอัน ซึ่งมีเส้นทางแคบเล็ก และเดินทางด้วยกองทัพได้ยากลำบาก
เมื่อจุดยุทธศาสตร์การตั้งรับของจ๊กก๊กคือเมืองฮันต๋ง หยงอัน เข้มแข็งรัดกุม ด้านล่าง หมดสิ้นปัญหาชนเผ่าม่านก่อกวน การโจมตีจุดยุทธศาสตร์ตั้งรับของวุยก๊กทางเหนือ นั่นคือ เมืองเทียนซุย เสเหลียง จึงเป็นแผนการสำคัญในการเปิดเส้นทางการบุกไปสู่เมืองเตียงอันในลำดับถัดไป
แผนจารชนถูกดำเนินการล่วงหน้าแล้ว ม้าเจ๊กลอบยืมมือคนเผ่าเกี๋ยงลงมือ หันซุย เจ้าเมืองเสเหลียง และโจต้าย เสนาบดีการค้า ถูกลอบสังหารตาย ปล่อยข่าวลือให้ สุมาอี้ สมุหนายก พัวพันคดีอื้อฉาว บุคคลที่จะเข้ามาต้านรับจึงเป็นเพียงมือรองบ่อนที่ไม่น่าจะครณามือ และกลับไม่ล่วงรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างจ๊กก๊กกับเผ่าเกี๋ยง
…
ณ เมืองหลวง โจจิ๋น สมุหราชเลขาเศร้าเสียใจที่น้องเล็กของรุ่นถูกสังหารในคดีที่มีความพัวพันต่อสกุลสุมาและสหพันธ์การค้าหมาป่าเงิน แม้ว่าไม่อาจเอาผิดกับสุมาอี้ได้โดยตรง แต่ถือโอกาสเรียกร้องผ่านฮ่องเต้โจยอย บีบบังคับให้สุมาอี้แสดงความรับผิดชอบ ลาออกจากตำแหน่งสมุหนายกไปเสีย
โจยอยแม้ยังเยาว์วัย แต่พอเข้าใจกลการเมือง มองออกว่า โจจิ๋นต้องการริดรอนอำนาจจากกุนซือใหญ่ที่หลงเหลือเพียงหนึ่งเดียว แต่ตัวเองก็มุ่งหวังร้ายต่อพวกสกุลโจอยู่แล้ว การดำรงอยู่ของสุมาอี้อาจทำให้ถูกขัดขวางได้ง่าย จึงพลอยผสมโรง กร้าวเกรี้ยวตำหนิสุมาอี้ที่ปล่อยให้สองน้องชายคิดคบค้าคนต่างชาติ ชักศึกมหาอำนาจเข้าบ้าน
สุมาอี้สัมผัสถึงแรงเสียดทานครั้งใหญ่ คนสกุลโจรวมหัวกันรุกไล่ มิอาจไม่ล่าถอย จึงยินยอมลาออกโดยดี และประกาศลดบทบาทของสหพันธ์การค้าหมาป่าเงินลงไปด้วย ตำแหน่งสมุหนายกจึงว่างลงอย่างกระทันหันเช่นนี้ ทำเอาท้องพระโรงเงียบเชียบลง ไม่อาจคาดเดาว่า ส้มจะหล่นไปหาผู้ใด แต่สายตาผู้คนประเมินว่า อองลอง เสนาบดีการศึกษาเป็นรัฐบุรุษอาวุโสหลายแผ่นดิน น่าจะได้รับเกียรติยศครั้งนี้
แต่แล้ว กษัตริย์โจยอยกลับประกาศ ยกตำแหน่งคืนไปให้แก่โจหอง หนึ่งเทวะที่ยังคงอยู่ ที่แท้ โจยอยคาดว่า โจหองถูกโจผีวางยาพิษสะกดไว้ต่อเนื่องมานานแล้ว เมื่อโจผีตาย จึงสั่งให้หมอหลวงใช้ยันต์วิเศษจากตำราฟ้าเหลือง จนเพียงไม่กี่เดือน ผู้อาวุโสรุ่นแรกของสกุลโจ ก็สามารถฟื้นฟูร่างกายกลับคืนหลายส่วน แต่ก็ทรุดโทรมเกินวัยไปกว่าสิบปี
โจหองนั่งบนเก้าอี้ล้อหมุน เข้ามารับราชโองการ ราวกับถูกตระเตรียมไว้ก่อนแล้ว โจยอยแอบยิ้มแย้มในใจ ตัวเองใช้ชื่อสกุลโจ จึงแสร้งคิดเห็นเหมือนช่วยเหลือพวกพ้องร่วมสกุล แต่ที่จริง กลับบั่นทอนความฮีกเหิมของเหล่าขุนนางนายทหารให้รู้สึกขัดแย้งที่ผลประโยชน์สูงสุดก็ยังคงแบ่งปันกันในคนของตระกูลเดียวกันอยู่ดี เพาะสร้างรอยร้าวขึ้นภายในขุมกำลังวุยก๊ก เพราะโจหองคืนสภาพมาหลายส่วนก็จริง แต่กลายเป็นตาเฒ่ากึ่งพิการที่ฉุนเฉียวปากร้าย ด่ากราดตำหนิผู้คนไปทั่วอย่างไม่ไว้หน้าใคร
ยามนี้ แม้นตำแหน่งสามมนตรีสูงสุด สมุหกลาโหม ราชเลขา นายก จะยังอยู่ในมือคนดังมีชื่อเสียง แต่ซิหลงอ่อนด้อยอำนาจบารมี โจหองเป็นเพียงคนพิการแก่ชรา จึงมีเพียงโจจิ๋นที่คล้ายแบกรับเรื่องราวเอาไว้แทบทุกอย่าง แรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ คล้ายคลื่นสาดซัดเข้าสู่ชายหาด คอยกัดเซาะร่องแนวพื้นดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะสั่นคลอนล่มสลาย
…
การรับศึกจ๊กก๊กครั้งนี้ กษัตริย์โจยอยคล้ายต้องการผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีผลงานสร้างชื่อบ้าง จึงสั่งการให้สมุหราชเลขาโจจิ๋น แฮหัวหลิม กุยห้วยกับกุนซือเทียบู นำทัพออกรบ ไม่ต้องการให้โยกย้ายขุนพลพยัคฆ์คนใดออกจากพื้นที่ประจำการณ์
เทียบูเพิ่งรับบทบาทเป็นกุนซือใหญ่ครั้งแรก ประเมินสถานการณ์และข้อมูลรอบด้าน พลันเสนอให้โจจิ๋นชักชวนตองถูแห่งเผ่าเกี๋ยงมาร่วมสงครามด้วยกันในครั้งนี้ เพื่อลดทอนความฮึกเหิมของจ๊กก๊กด้วยการแสดงให้เห็นว่า สูญเสียพันธมิตรชนเผ่าไปแล้ว
สมรภูมิรบจึงถูกปักหมุดไว้ที่เมืองเทียนซุย โดยให้แฮหัวหลิมเป็นกองหน้า อาศัยพวกเฮ็กเจียวตั้งรับ กองทัพหลวงนำโดยโจจิ๋น เทียบู ให้รั้งรอที่เมืองเตียงอัน นัดหมายให้เผ่าเกี๋ยงมาซุ่มรอที่เมืองเสเหลียงพร้อมกันกับกุยห้วย รอตลบหลังอีกทอดหนึ่ง
ทัพหลวงจ๊กก๊ก ซึ่งมี หุ่นขงเบ้ง เสียวเอี่ยนจื่อ ม้าเจ๊ก เตงจี๋ อองเป๋ง ตันเซ็ก ปักหลักตั้งกองอยู่ที่จุดแยกเส้นทางกิสาน-เทียนซุย ปล่อยให้กองทัพหน้าที่นำมาโดยจูล่ง กวนหิน เตียวเปารุกขึ้นทางเหนือ แยกย้ายกันโจมตีหัวเมืองรายทางมาได้อย่างย่ามใจ จนกระทั่งเกิดเหตุพลิกผันที่ขุนพลท่องเมฆาพลาดท่าให้กับนักรบท้องถิ่นไร้ชื่อเสียงกลุ่มหนึ่ง
กองทัพของเฮ็กเจียว เกียงอุย ตั๋งไป๋ จัดกระบวนเป็นสามระลอกตามแผนของเทียบู หลอกล่อนำพากองทัพจูล่งเข้าสู่จุดอับ เกือบถูกโจมตีแตกพ่าย ยังดีที่ทัพหนุนซ้ายขวา เตียวเปา กวนหินมาช่วยได้ทันเวลา เปิดโอกาสให้จูล่งใช้พลังเนตรมังกรสะกดทัพฝ่ายตรงข้ามให้ล่าถอย สองกองทัพจึงเคลื่อนไปประจันหน้ากันที่เมืองเทียนซุยแทน
สถานการณ์การทหารรอบด้านค่อนข้างวิกฤต กองทัพเทียนซุยยังตั้งรับได้เข้มแข็ง แต่คงไม่อาจยื้อไว้เน่ินนาน แฮหัวหลิมจึงส่งเฮ็กเจียว เกียงอุย กลับไประดมทัพเสเหลียงมาเพิ่มเติม แต่กลับรั้งตัวตั๋งไป๋ไว้ช่วยงานแบบมีนัยยะแอบแฝง
…
ค่ำคืนนั้นเอง จูล่งกับพวกทหารฝีมือดี แอบบุกเข้าจวนเจ้าเมือง หมายจับกุมแฮหัวหลิมไว้ด้วยพลังวิเศษตามแผนการที่วางไว้ แต่ไม่พบเห็นเป้าหมาย กลับตกเป็นจำเลยสังหารโหด ตั๋งไป๋ หลานศิษย์ของเทพการุณย์ ที่มีร่องรอยคล้ายถูกคนร้ายพยายามข่มขืนลวนลามก่อนตาย โดยมีหลักฐานที่ทิ้งไว้ คือ กองเส้นผมสีเขียว สร้างความโกรธแค้นชิงชังกับผู้คนทั้งสองมณฑลที่เคารพยกย่องหันซุยดั่งเทพเจ้า และไม่อาจยอมรับในพฤติกรรมดังกล่าวที่ขัดต่อจารีตประเพณีท้องถิ่นอย่างรุนแรง
จูล่งยามกระทันหัน ไม่อาจแก้ต่างให้กับตนเอง เพราะตกอยู่ในเหตุการณ์ และมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา จึงได้แต่ตีฝ่าออกมาตั้งสติที่ค่ายทหารนอกเมือง ค่อยสั่งความแจ้งให้เสียวเอี่ยนจื่อผู้เป็นภรรยานำกองทัพหลวงเข้ามาช่วยกันคลี่คลายคดี พร้อมสั่งการให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือกับแรงต่อต้านจากเหล่ามวลชนที่กำลังแห่แหนมาจากหัวเมืองต่างๆ รุมล้อมค่ายทหาร คล้ายหวังแก้แค้นให้กับหญิงสาว
กองทัพหลวงจ๊กก๊กยังไม่ทันมาถึง ราษฎรที่รายล้อมค่ายทหารก็มีมากมายหลายหมื่นคนแล้ว จูล่งพลันสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของมวลชนดูผิดปกติเกินไป ราวกับมีพวกชนเผ่ามากมายแฝงตัวปะปนอยู่ จึงส่งคนออกไปตรวจสอบ
และแล้ว คนเผ่าเกี๋ยงที่ปลอมปนมาในกลุ่มมวลชนจึงเร่ิมจุดประทัดปาระเบิดควัน อ้างว่ากองทัพลงมือฆ่าฟัน ก่อกวนให้ประชาชนแตกตื่นตอบโต้เอาคืน ค่ายทหารจ๊กก๊กจึงเกิดความวุ่นวายโกลาหลทั่วทั้งบริเวณ เป็นทหารประชาชนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
ท่ามกลางความชุลมุนนั้นเอง เฮ็กเจียว เกียงอุย ที่เฝ้ารอจังหวะอยู่ จึงนำกองทัพเสเหลียงเทียนซุย ผสานกับกลุ่มนักรบเผ่าเกี๋ยงที่นำมาโดยแม่ทัพออดกิด ตรงเข้าโจมตีใส่ทหารจ๊กก๊กในทันที และแล้ว แฮหัวหลิม กุยห้วย ก็ปรากฏกายขึ้น พร้อมทหารผู้ติดตาม เข้าร่วมโจมตีอีกกลุ่มหนึ่ง หวังใช้กำลังมากพิชิตศึกโดยเร็ว
เป็นที่น่าสังเกตคือ แฮหัวหลิมคล้ายเพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า ทำให้หน้ากากปีศาจ และผ้าพันแผลบดบังใบหน้าไปเกือบหมดสิ้น ดูแปลกตาไม่น้อย
แต่แล้ว สภาพการต่อสู้กลับเปลี่ยนแปลง ชนเผ่าเกี๋ยงและมวลชนทั้งหลายพลันแตกฮือหลบหนีไปก่อน เปิดทางให้ทหารจ๊กก๊กประสานกันกับกองทัพเทียนซุย เสเหลียง รุมล้อมแฮหัวหลิม กุยห้วย และพวกทหารผู้ติดตามไม่กี่สิบคน เอาไว้เสียแล้ว
เฮ็กเจียวออกมากล่าวเฉลย “เราไม่วางใจพวกเจ้ามาโดยตลอด จึงวางสายติดตามตรวจสอบ พบเห็นว่า แฮหัวหลิมแอบวางยาทำร้ายตั๋งไป๋จนตาย แถมมุ่งหวังป้ายสีใส่คนอื่น เราจึงซ้อนกลล่อหลอกให้พวกเจ้าย้อนกลับมาอีกครั้ง เพื่อทวงชีวิตคืนให้กับนาง”
เตียวเปากล่าวเสริมขึ้นบ้าง “เผ่าเกี๋ยงเป็นพันธมิตรกับจ๊กก๊ก เพียงมุ่งหวังก่อกวนแผนการคนวุยก๊ก จึงแสร้งเปิดตัวให้ความช่วยเหลือต่อพวกเจ้าเท่านั้น ยามนี้ เฮ็กเจียว เกียงอุย นำสองมณฑล ยงจิ๋ว เหลียงจิ๋ว ผูกมิตรสวามิภักดิ์ต่อจ๊กก๊กไว้แล้ว เพราะความสารเลวมากตัณหาราคะของเจ้าเสี่ยวตันนั่นแหละ”
เกียงอุยกระชากผ้าพันแผลบนหัวของแฮหัวหลิมออก พบเห็นเป็นร่องรอยต่อสู้ชัดเจน สอดคล้องกับเหตุการณ์ในคดีอื้อฉาว แม้ว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งของแฮหัวหลิมถูกปกคลุมด้วยหน้ากากปีศาจ จนยากจะมองเห็นความรู้สึกอันใด แต่ท่าทีความเจ้าชู้ที่มันมีต่อตั๋งไป๋นั้น ใครๆก็ล่วงรู้กันอยู่ จึงยากจะแก้ตัวต่อคำกล่าวหาดังกล่าว
กุยห้วยเห็นว่า ตกอยู่ในวงล้อม ยากจัดการอย่างสันติ จึงมีความคิดหลบหนี พาลพุ่งตัวเข้าใส่เตียวเปาด้วยความเร็วสุดบรรยาย พลังมังกรจักรวาลสามสาย อันได้แก่ เกราะเกล็ดมังกร พลังมังกรทบทวี และลมปราณมังกรฟ้า ผนึกรวมหล่อหลอมกันมานานพอควร จนผลักดันให้กุยห้วยมีพลังยุทธ์ทัดเทียมขั้นปรมาจารย์แห่งแผ่นดินได้แล้ว หากเทียบเคียงคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับหลวงจีนไร้เทียมทาน เภาเจ๋ง ผู้ล่วงลับ
หากแต่คนที่มีพลังมังกรจักรวาลในบริเวณนั้นยังมีอีกผู้หนึ่ง นั่นก็คือ จูล่ง ซึ่งมีพลังสองสาย คือ จิตสำนึกมังกร และพลังเนตรมังกร ทำให้ความคิดปราดเปรื่อง คาดเดาความเคลื่อนไหวฝายตรงข้ามได้ทันเวลา จึงลอยตัวออกมาสกัดกั้นการลงมือของกุยห้วยในทันที จงใจใช้ดาบสยบมังกรกับพลังเนตรพร้อมกัน หมายสะกดข่มพลังมังกรจักรวาลที่คุ้มครองร่างกายฝ่ายตรงข้าม
เห็นกุยห้วยเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน พลันเปล่งเสียงกู่ร้องด้วยพลังภายใน รบกวนโสตประสาทผู้คนทั้งหลาย พร้อมโยนระเบิดควันก่อกวน แล้วคว้ามือแฮหัวหลิมลอยตัวหลบหนีไปอีกทางหนึ่ง ที่แท้ เป็นแค่การ “ล่อหลอกซ้าย จู่โจมขวา” หมายเพียงพาพวกพ้องหลบหนี มิได้ต้องการทำร้ายจริงจัง
เฮ็กเจียว เกียงอุย ออดกิด พยายามสกัดขัดขวาง แต่ถูกกรงเล็บเหล็กกวาดใส่จนล้มลุกคลุกคลาน โดยเฉพาะขุนพลออดกิด โดนกรีดเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง ล้มคะมำตายในกระบวนท่าเดียว ทำให้คนอื่นๆแตกฮือ ไม่กล้าขวางทางจอมทมิฬตัวจริง หลงเหลือเพียงจูล่ง กวนหิน เตียวเปา ที่ออกตัวช้าไปก้าวหนึ่ง ทำให้กุยห้วยที่หนีบร่างแฮหัวหลิมอีกคน วิ่งล่วงหน้าห่างออกไปหลายช่วงตัวแล้ว
จูล่งรวบรวมลมปราณ ดึงร่างแฮหัวหลิมเหวี่ยงไปด้านหลัง แต่ยังคิดตามจับกุยห้วย ไม่อาจพักเท้า จึงตะโกนสั่งให้สองขุนพลหนุ่มอยู่ควบคุมตัวคนร้ายแทน สุดท้าย จึงเหลือเพียงเงาร่างสองสายที่วิ่งไล่กันหายไปตามทางหลวงจนลับสายตา
อีกทิศทางหนึ่ง กองทัพหลวงเพิ่งเคลื่อนมาถึง เตียวเปาจึงรีบเข้าไปรายงานต่อเสียวเอี่ยนจื่อโดยเร็ว จากนั้น เงาร่างสองสายพลันควบม้าเร่งรีบติดตามขุนพลท่องเมฆาไปในทันทีด้วยความกังวลใจ เกรงว่า เรื่องราวยังมีเงื่อนงำแอบแฝงเพิ่มเติม
…
ณ พระราชวัง เมืองหลวงเซงโต๋ ขงเบ้ง-จูกัดเหลียงที่ต้องซุ่มซ่อนตัวอีกครั้ง เนื่องจากแผนชูธงออกรบที่แดนเหนือ จึงได้แต่บงการเรื่องราวผ่านม้าต้าย เจียวอ้วน เลียวฮัว บิฮุย ที่ถูกดึงตัวกลับมารักษาสถานการณ์อย่่างใกล้ชิด
ยามนี้ นับว่า ม้าต้าย ม้าเจ๊กกลับมาเป็นหนึ่งบุ๋น หนึ่งบู๊ คนโปรดของขงเบ้งอีกครั้ง สืบเนื่องจากผลงานการปราบเผ่าม่านด้วยวิถีจารชน และยังมีสายสัมพันธ์ไปถึงราชันย์คนใหม่แห่งชนเผ่าอิวจื่อ รวมทั้งเผ่าเกี๋ยงที่มีอยู่เดิม นอกจากนั้น ม้าเจ๊กยังลอบสังหารหันซุย ป้ายสีสุมาอี้ สมดังใจประสงค์ทุกประการ
จูกัดเหลียงตรวจสอบสถานการณ์รบ ปรึกษางานอยู่กับม้าต้าย มิคาด ม้าเลี้ยงในคราบนักบวชอิวจื่อพลันปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า โบกมือเสกให้เหล่าขุนนางองครักษ์ในห้องหนังสือหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงตัวมันกับคนสกุลม้าทั้งสองเท่านั้น
“ทำไมจึงเป็นเจ้าเล่า” ขงเบ้งทำใจดีสู้เสือ ตระหนักว่า ตนเองมีฝีมือเช่นไรก็ไม่อาจต่อสู้กับเวทมนตร์ของฝ่ายตรงข้ามได้
“มหาราชาอิวจื่อสั่งความมาเป็นการลับ ต้องการให้เรานำคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นจากชมพูทวีปกลับคืนถิ่นฐาน” พระอารยะเทพหรืออดีตบัณฑิตคิ้วขาวกล่าว “คราก่อน บิดาท่านปลอมตัวปะปนผู้คน ล่วงล้ำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ลักลอบนำตำราโบราณออกมา แม้จะทำให้มหาราชาไม่พอใจ แต่พอท่านนาครชุนล่วงรู้ว่าเป็นบิดาท่าน จึงพยากรณ์โชคชะตา พบว่า ต้องรั้งรอให้เราเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์แล้ว ค่อยเริ่มดำเนินการได้”
ที่แท้ จูกัดกุ๋ยที่ออกนอกด่าน หายหน้าไปเนิ่นนาน ก็เพราะปลอมปนเข้าไปหยิบฉวยสิ่งของสำคัญในถิ่นชมพูทวีปนี่เอง แต่มิได้บอกอธิบายเรื่องราวกับลูกชายไว้ก่อน จึงมิได้รู้ตัวว่า ต้องระมัดระวังคนเผ่าอิวจื่อเอาไว้ล่วงหน้า และยิ่งคาดไม่ถึงว่า ตัวแทนคนเผ่านอกด่านที่มาทวงสิ่งของ ถึงกับเป็นม้าเลี้ยง กุนซือคุ้นเคยที่เคยทำงานร่วมกันมานาน
ขงเบ้งตัดใจล้วงคัมภีร์จากอกเสื้อ ส่งคืนให้ม้าต้ายรับไป พร้อมลอบใช้ดรรชนีเสี่ยงตาย แต่แล้ว ม้าเลี้ยงกลับโบกมือวูบ ทำให้ขงเบ้งหมดสติไปในทันที “อัจฉริยะเช่นท่านคงจดจำเนื้อหาทั้งหมดไว้แล้ว เราคงต้องรบกวนท่านสักครา”
ยังไม่ทันที่ม้าเลี้ยง ม้าต้ายจะกระทำการอันใด เงาร่างมืดดำพลันปรากฏขึ้นตรงหน้า คล้ายคลึงกับที่ม้าเลี้ยงเพิ่งแสดงอิทธิฤทธิ์ไปเมื่อครู่ ม้าต้ายกวาดตามองบุคคลตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา รีบบอกต่อพี่ชายต่างมารดา “เป็นเบ้งเฮ็ก แต่มันตายไปแล้วนี่”
เห็นเบ้งเฮ็กจ้องมองจูกัดเหลียงที่หมดสติด้วยความอาฆาตแค้น คนสกุลม้าต่างเข้าใจว่า เป้าหมายของคนตรงหน้าคือผู้ใด
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย