Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
20 พ.ย. 2021 เวลา 01:30 • นิยาย เรื่องสั้น
7.26. พลีชีพสังเวยภูตบดี
ตองถู ผู้นำเผ่าเกี๋ยง - แงตัน สมุหนายก - ออดกิด ขุนพลใหญ่
ม้าเลี้ยง ม้าต้าย เผชิญหน้ากับเบ้งเฮ็ก ตระหนักว่า ต่างฝ่ายต่างเป็นสายเวทย์ และต้องการตัวขงเบ้งไปจัดการ จึงได้้แต่เปิดฉากเจรจา “เราคือพระอารยะเทพ ราชครูคนใหม่แห่งเผ่าอิวจื่อ กำลังจะนำตัวขงเบ้ง-จูกัดเหลียงกลับไปรับโทษทัณฑ์ตามสมควรต่อหน้ามหาราชา หวังว่า ราชาแห่งเพงายใหม่จะเข้าใจในสถานการณ์...”
เสียงหัวร่อขัดหูดังแทรกขึ้น เบ้งเฮ็กชิงกล่าวด้วยเสียงประหลาด “ยามนี้ เราคือนักรบภูตบดี จ้าวปีศาจแห่งการชำระโทษ การกลับคืนสู่โลกมนุษย์ก็เพียงเพื่อต้องการล้างแค้นหลายสิบปีที่มีต่อจูกัดเหลียงเท่านั้น หากเจ้าดื้อดึงขัดขวาง ก็รังแต่จะตายเปล่า จงเปิดทางให้เราเสียเถอะ”
เมื่อเจรจาสันติไม่สำเร็จ ม้าเลี้ยงที่ร่ำเรียนคัมภีร์เวทกสิณธาตุของพระนาครชุนมาไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆแต่ก็แตกฉานได้ระดับหนึ่ง จึงใคร่ทดสอบวิชชาอาคมกับนักรบภูตบดีสักครา เห็นม้าเลี้ยงยกมือเพ่งกสิณเป็นลูกไฟเข้าใส่เป้าหมายแทนคำตอบ
เบ้งเฮ็กกางมือออก เป็นกำแพงน้ำแข็งป้องกันลูกไฟ พลันขยับมือแปรสภาพกำแพงส่งไปล้อมตัวม้าเลี้ยงไว้บ้าง แต่ม้าเลี้ยงรีบหายตัวหลบเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งเสียก่อน พร้อมเสกกสิณดินทำให้พื้นดินที่เบ้งเฮ็กยืนอยู่ ยุบตัวเป็นหลุมกว้าง
เห็นเบ้งเฮ็กลอยตัวขึ้นพ้นขึ้นจากพื้นดิน แล้วเรียกเป็นสายฟ้าฟาดเข้าใส่นักบวชตรงหน้า ม้าเลี้ยงจึงเรียกกสิณลมเป็นพายุหมุน ดูดสายฟ้าเป็นวงล้อมตัวลมเอาไว้ แล้วย้อนกลับคืนไปยังภูตบดีบ้าง
การต่อสู้กันด้วยเวทมนตร์ยังดำเนินตอบโต้กันไปมาอีกพักใหญ่ จนม้าเลี้ยงสังเกตเห็นว่า ม้าต้ายพาตัวขงเบ้งหลบหนีไปได้แล้ว จึงใช้มนตรามายาเรียกกองทัพปีศาจเข้ามาจู่โจมในขั้นสุดท้าย เพียงหวังผลเพื่อให้ตนเองหายตัวหลบหนีบ้าง
นักรบภูตบดีที่ประจันหน้ากองทัพปีศาจ จึงขยายร่างตนเองให้สูงใหญ่ ฟาดเหวี่ยงเหล่าปีศาจจนหายวับไปหมดสิ้น ตรงหน้ากลับเป็นเหล่าขุนนางองครักษ์ที่ถูกเสกให้หายไปตั้งแต่แรก กำลังตกตะลึงต่อภาพจอมปีศาจเบ้งเฮ็กที่อาละวาดในวังหลวงอีกครั้ง
เบ้งเฮ็กไม่ต้องการฆ่าฟันคนที่ไม่เกี่ยวข้อง จึงได้แต่คำรามก้อง พร้อมหายตัวไปเช่นกัน ทิ้งปริศนาไว้ว่า ขงเบ้งกับม้าต้ายที่เมื่อครู่ พูดคุยกันอยู่นั้น ไปอยู่ที่ใดแล้ว
…
ณ จวนเจ้าเมืองเทียนซุย นางแอ่น-เสียวเอี่ยนจื่อ พูดคุยปรึกษางานกับจูล่ง เตงจี๋ กวนหิน เตียวเปา ตามลำดับ คนที่ขาดหายไป ก็คือ ม้าเจ๊ก อองเป๋ง ตันเซ็ก ที่ถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่งตั้งทัพเดิม ตรงจุดแยกเส้นทางกิสาน เพื่อดูแลเสบียง และป้องกันมิให้กองทัพฝั่งวุยก๊กแอบปิดเส้นทางถอย หรือลอบตลบหลังเอาได้
หลังจากผ่านเหตุการณ์เผชิญหน้ากับพญามารม้าเฉียวที่ถูกปกปิดเป็นความลับมาได้ครึ่งเดือน อาการบาดเจ็บของนางแอ่น จูล่ง รวมทั้งเหยี่ยวดำ ก็ทุเลาลงอย่างมากด้วยฝีมือแพทย์ชั้นเยี่ยมของหมอฮ่วมอาที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากนกฮูก-ฮัวโต๋ ในขณะที่เฮ็กเจียว เกียงอุยก็จัดการงานศพให้กับตั๋งไป๋ที่เมืองเสเหลียงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ทั้งหมดจึงนัดหมายให้มาสมทบกันที่เมืองเทียนซุย เพื่อโจมตีเมืองเตียงอันต่อไป
ที่จริง นางแอ่นจึงคิดจัดฉาก ชักชวนให้ เฮ็กเจียว เกียงอุย เข้าร่วมขุมกำลังฮันต๋ง หวังเพิ่มขั้วการเมืองฝ่ายตนเองเอาไว้รับมือกับขงเบ้งต่อไป เพราะยามนี้ คนในราชการเริ่มแบ่งแยกชัดเจนว่า คนใดเป็นฝ่ายเสฉวน คนใดเป็นฝ่ายฮันต๋ง
เป็นด้วยอุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่งที่ไม่อาจเก็บงำความรู้สึกขัดแย้งชิงชังต่อขงเบ้ง จนออกอาการให้เห็นเป็นครั้งคราว ทำให้บรรยากาศการเมืองเริ่มอึมครึมรุนแรงอีกคำรบหนึ่ง ผู้นำกลุ่มเสฉวนย่อมเป็นจูกัดเหลียง มังกรซ่อน ผู้กุมอำนาจปกครองด้านใน และผู้นำกลุ่มฮันต๋งย่อมเป็นเสียวเอี่ยนจื่อ ปักษาสวรรค์ ผู้คุมกองกำลังทหารรอบนอก
นางแอ่นย่อมสำนึกเสียใจ ไม่น่ารีบร้อนส่งยาขจัดพิษให้กับจูล่ง อุยเอี๋ยน ทำให้ไม่มีเงื่อนไขเกาะกุม สองขุนพลสวรรค์ถึงกับคิดย้อนไปจัดการลงมือต่อขงเบ้งเสียก่อน ค่อยบุกวุยก๊กต่อไปด้วยซ้ำ ทำให้เรื่องที่น่ากังวลใจย้อนกลับมาในความคิดอีกครั้ง เป็นคนตายที่กลับฟื้นคืน
แต่เมื่อเกิดข่าวการหายตัวไปของขงเบ้งกับม้าต้ายที่เมืองหลวง ซึ่งเป็นความลับสุดยอด ทำให้ที่ประชุมต้องตัดสินใจถอนทัพกลับโดยเร็ว ขุนพลวิหคสวรรค์หวั่นใจ เกรงว่าจูกัดเหลียงอาจจะสุมหัวก่อการณ์อันใดกับขุนพลม้าต้ายเสียแล้ว ดังนั้น กองทัพม้าเจ๊กที่ตั้งมั่นอยู่ที่จุดแยกกิสานน่าจะเป็นเป้าหมายการรวมตัวของพวกนั้น เพื่อประกาศจุดประสงค์ทางการเมือง หรือเป็นเพราะต้องการหลบหนีปีศาจเบ้งเฮ็กที่น่าจะเป็นคนที่ฟื้นคืนจากความตายตามคำบอกเล่าของฮองเย่อิงแล้ว
นางแอ่นเชื่อมโยงไปถึงข่าวที่เบ้งตัดเบ้งฮิวก่อการร้ายที่เมืองซงหยง คาดเดาว่า พวกม่านก๊กนัดหมายลงมือสองจุด คิดลงมือสังหารสุมาอี้ จูกัดเหลียง สองเสาหลัก และบุคคลสำคัญอื่นๆ พร้อมกันในคราวเดียว หากแต่สถานการณ์ด้านวุยก๊กล้มเหลว เพียงสูญเสียซิหลง จึงยังคงเหลือแต่ฝั่งจ๊กก๊กที่ต้องรับมือกับปีศาจเบ้งเฮ็กต่อไป
ที่จริง แผนร้ายของพวกเผ่าม่านเป็นความลับ ต้องการลงมือต่อจูกัดเอี๋ยน ซึ่งเป็นญาติสนิทของจูกัดเหลียง หากแต่เมื่อถึงเวลานัดหมายลงมือ สุมาอี้เผอิญโยกย้ายจูกัดเอี๋ยนออกไปที่อื่น กลับนำพาตัวเองเข้าสู่จุดอับ เป้าหมายจึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นตัวมันกับซิหลงแทน แต่นั่นก็สุดวิสัยที่คนภายนอกจะรับรู้ นางแอ่นจึงประเมินผิดเพี้ยนออกไป
…
สมรภูมิตั้งรับของม้าเจ๊กคือเนินเขาสูงชัน ปากทางแยกเขากิสาน ที่จริง ม้าเจ๊ก อองเป๋งกับตันเซ็กสมควรตั้งกองเชื่อมโยงกัน แต่ด้วยความที่เป็นคนละขั้วการเมือง ต่างฝ่ายต่างเย็นชาต่อกัน อองเป๋งจึงแยกตัวออกไปตั้งมั่นอีกจุดหนึ่ง แทนที่จะเป็นจุดเชิงเขาด่านหน้า เท่ากับปล่อยให้สองบัณฑิตมือใหม่หัดรบ ตั้งทัพคุมเสบียงกันเองอย่างมีนัยยะ
ขุนพลพยัคฆ์ของวุยก๊กย่อมไม่พลาดโอกาสเช่นนี้ เตียวคับ สุมาสู สุมาเจียวจึงนำกองทัพเกลียวคลื่นที่เคลื่อนตัวได้รวดเร็ว รุกคืบเข้าจู่โจมกองทัพบนเนินเขา มุ่งเผาทำลายกองเสบียงเป็นสำคัญ กว่าอองเป๋งจะมาช่วยเหลือ เสบียงหลักก็เสียหายจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อกองเสบียงถูกทำลาย ทัพหลวงจ๊กก๊กจึงยิ่งร้อนใจ สั่งถอนทัพกลับเข้าเมืองหน้าด่านฮันต๋งโดยเร็ว โดยส่งข่าวให้เฺฮ็กเจียว เกียงอุย นำกองทัพเผ่าเกี๋ยงมาเฝ้าที่เมืองเทียนซุยแทน นับเป็นการเปิดช่องให้ชนเผ่าต่างถิ่นนำกำลังพลผ่านด่านเข้าประเทศเป็นครั้งแรก
และแล้ว ผู้นำตองถูกับสมุหนายกแงตันแห่งเผ่าเกี๋ยง ถึงกับประกาศยึดครองมณฑลเหลียงจิ๋ว ยงจิ๋ว ตั้งเป็นอาณาจักรเกี๋ยง ขึ้นตรงต่อเผ่าอิวจื่อ โดยใช้เมืองเสเหลียงเป็นเมืองหลวง ส่วนเฮ็กเจียว เกียงอุย ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลเอกแทนที่ออดกิดที่ถูกกุยห้วยสังหารตาย และถูกส่งมาประจำการณ์ที่เมืองชายแดนเทียนซุย ตั้งรับทั้งวุยก๊กและจ๊กก๊ก
ที่แท้ กระดานการเมืองของมหาราชาอิวจื่อ ถึงกับมองทะลุความเปราะบางของแผ่นดินไต้ฮั่นเก่าที่แตกเป็นสามก๊ก จึงอาศัยคนสกุลม้าที่คุ้นเคยพื้นที่ สอดแทรกก่อกวน แล้วนำกองกำลังเผ่าเกี๋ยงเข้ามายึดครองพื้นที่หน้าด่าน ทุกอย่างคล้ายตรงตามแผนการทุกประการ ราชันย์ม้าเฉียวคุมสถานการณ์ชายแดน ราชครูม้าเลี้ยงประสานกับจารชนม้าต้ายจับกุมตัวประกัน และจารชนม้าเจ๊กยึดกุมกองเสบียง สยบจ๊กก๊กไม่ให้ต่อต้านได้
เพียงแต่ม้าเฉียวใจร้อน ทระนงเกินไป ลุยเดี่ยวหวังแก้แค้นเรื่องส่วนตัวต่อจูล่ง จนถูกรุมสังหารตายไปก่อน ตามด้วยม้าเลี้ยง ม้าต้ายที่ถูกปีศาจเบ้งเฮ็กสอดแทรก ไม่อาจคุมเมืองหลวงไว้ และม้าเจ๊กที่พลาดท่า ถูกกองทัพวุยก๊กชิงทำลายเสบียงไปเสียก่อน แผนเชื่อมโยงกองกำลังจึงสูญสลาย เหลือเพียงทัพเกี๋ยงที่โดดเดี่ยวก่อการณ์ไปตามลำพัง
…
กองทัพจ๊กก๊กล่าถอยแต่ไม่เสียกระบวนรบจนมาถึงจุดแยกเขากิสาน ทัพหน้ายังทันได้ช่วยเหลือม้าเจ๊ก ตันเซ็ก อองเป๋งที่หลบหนีการไล่ล่าของฝ่ายวุยก๊ก นับเป็นครั้งแรกที่เตงจี๋ กวนหิน เตียวเปา ได้ปะทะกับเตียวคับ สุมาสู สุมาเจียว กลางสนามรบ จนเมื่อจูล่ง เสียวเอี่ยนจื่อมาสมทบ พวกเตียวคับเห็นว่า กำลังคนน้อยกว่า จึงได้รีบล่าถอยไปก่อน
ทั้งหมดเข้าสู่กระโจมแม่ทัพ เพื่อตัดสินความผิดของกลุ่มม้าเจ๊กที่สูญเสียเสบียงหลัก ส่งผลให้ศึกวุยก๊กครั้งแรกล้มเหลว นางแอ่นมิอาจละเลยแผนขงเบ้งปลอม จึงจัดฉากให้หุ่นกระบอกตั้งอยู่ด้านหลังผ้าม่าน อ้างว่า กุนซือมังกรซ่อนตรากตรำการเดินทาง จนล้มป่วยเป็นไข้หวัด แต่จำต้องออกมาตัดสินโทษด้วยตนเอง
เงาร่างสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นจากหมอกควันที่กลางกระโจม หลายคนเคยพบหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะพบเจอคนตายที่ฟื้นคืนเช่นนี้จริง เป็นปีศาจเบ้งเฮ็กที่เพิ่งอาละวาดกลางวังหลวงเมื่อไม่นานมานี้ตามที่สายข่าวแจ้งมา
“ข้าสะกดรอยตามตัวจูกัดเหลียงมาจากเซงโต๋ขึ้นมาตามเส้นทาง ได้ยินว่า มันมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่แล้ว จงรีบไสหัวออกมาให้กับเรา” เสียงแปร่งหูของปีศาจเบ้งเฮ็กดังขึ้น ราวกับภูตพรายเรียกหา กลุ่มนักรบรุ่นใหม่รุ่นกลาง อันได้แก่ กวนหิน เตียวเปา เตงจี๋ อองเป๋ง รู้ว่า ผู้มาไม่มีเจตนาเป็นมิตรแน่นอน จึงชักอาวุธแทงใส่นักรบภูตบดี
เบ้งเฮ็กเพียงหมุนร่างลอยตัวสูงขึ้น ดูดอาวุธในมือของคนทั้งหลายหลุดมือ ออกไปกองตรงอยู่หน้า สร้างความตื่นตระหนกต่อคนในกระโจมยิ่งนัก เพียงกระบวนท่าแรก ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า งานนี้ตึงมือยิ่งนัก จากนั้น ยังเห็นปีศาจร้ายลอยตัวพุ่งฝ่าเข้าไปในผ้าม่าน ขย้ำคอขงเบ้งที่นั่งบนเก้าอี้ล้อหมุนจนคอหักคามือ ซากร่างถูกเหวี่ยงออกมาด้านนอกจนแตกกระจัดกระจาย ราวกับเป็นเพียงเศษกระดาษกองใหญ่
ที่แท้ ขงเบ้งหลังผ้าม่านเป็นเพียงหุ่นกระบอกที่ทำจากกระดาษเท่านั้น ทำให้บางคนค่อยโล่งอก เข้าใจว่าเป็นแผนการลับของเสียวเอี่ยนจื่ออีกแล้ว แต่ปีศาจเบ้งเฮ็กกลับโมโห คิดว่าถูกหลอกลวง จึงหมายล้างอายเอาคืนด้วยชีวิตของใครสักคน
เบ้งเฮ็กกวาดตามองผู้คนตรงหน้า พลันพบเห็นม้าเจ๊กที่ถูกมัดไพล่หลังอยู่ จดจำได้ว่า เป็นคนสกุลม้าเช่นเดียวกันกับคนที่พาจูกัดเหลียงหลบหนี และเป็นหนึ่งในจารชนทำลายกองทัพม่านก๊ก จึงใช้อาคมดูดเอาร่างของม้าเจ๊กเข้าสู่เงื้อมมือ พร้อมประกาศก้อง “ให้เวลาเจ็ดวัน จงนำตัวจูกัดเหลียงมาพบเรา มิเช่นนั้น พวกเจ้าจะเป็นดั่งม้าเจ๊กผู้นี้”
นักรบภูตบดีตระหนักว่า ไม่แสดงฝีมือ คงมิอาจจากไปโดยง่าย จึงเสกพื้นดินให้กลายเป็นกองโคลนดูดยึดร่างคนทั้งหลายเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อน แล้วค่อยคว้าคอยกร่างม้าเจ๊กขึ้นสุดแขนด้วยมือข้างเดียว ทิ้งลงกระแทกกับพื้นดินจนคอหักตายก่อนหายตัวไปเหมือนตอนขามา มนตราจึงค่อยเสื่อมคลายให้กับทุกคน
การกระทำของปีศาจเบ้งเฮ็กน่าสะพรึงกลัวเกินไป ถึงกับผ่านกองทัพนับหมื่นเข้ามาฆ่าคนต่อหน้าขุนพลมีชื่อทั้งหลายโดยง่าย นางแอ่นจึงได้แต่สั่งห้ามผู้คนแพร่งพรายเรื่องราวออกไป และเรียกประชุมลับกับจูล่ง เหยี่ยวดำ ในทันที เพราะเพียงวิทยายุทธ์ธรรมดาคงจัดการนักรบภูตบดีจอมเวทย์ไม่ได้แน่นอน
…
พวกมันจำต้องค้นหาแนวทางหรือวิธีการใหม่ในการปราบปีศาจร้ายแล้ว หากเป็นเวลาปกติ เฒ่ากระเรียนคงเป็นเป้าหมายอันดับแรกของภารกิจเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก
ในเมื่อต้องพึ่งพาภูมิปัญญาโบราณ ผสานกับความรอบรู้ทางด้านเคล็ดลางอาถรรพ์ จูล่งพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้ นั่นคือ ปราชญ์คุณไสย อิ๋นฉาง ซึ่งซ่อนกายอยู่กับพวกกังตั๋งที่เมืองชีสอง แต่จนใจมิรู้ว่าจะชักชวนให้มาช่วยเหลือกันได้อย่างไร
นางแอ่นกับเหยี่ยวดำได้แต่มองหน้าสบตากัน คนอื่นอาจจะยุ่งยากลำบาก แต่เหยี่ยวดำมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่กับลกซุน สมควรเอ่ยปากขอความช่วยเหลือได้ แม้ว่า ช่วงหลังจะมึนตึงต่อกันไปบ้าง จึงรีบออกเดินทาง หวังว่า สามารถทำเวลาได้ทันตามกำหนดนัด
อย่างไรก็ตาม นางแอ่นกับจูล่ง สองสามีภรรยายังคงต้องการหลักประกันอื่นที่จะช่วยเหลือบรรเทาความยุ่งยากในครั้งนี้ จูล่งจึงตั้งใจเกลี้ยกล่อมให้กุยห้วยที่มีพลังมังกรถึงสามสายมาช่วยด้วยอีกแรง เฉกเช่นครั้งที่ลงมือกับราชันย์ม้าเฉียวที่เมืองเทียนซุย
คราก่อน กุยห้วยตกอยู่ในสภาวะจำยอม อยู่ร่วมในเหตุการณ์คับขันโดยบังเอิญ แต่ครั้งนี้ จู่ๆจะเรียกให้คู่อริคนละฝั่งการเมืองมาร่วมมือจัดการปีศาจร้ายก็คงจะยากอยู่ นางแอ่นจึงคิดแผนการใช้นักโทษแฮหัวหลิมเป็นเหยื่อล่อ จัดฉากนัดหมายให้กุยห้วยมาตกอยู่ในเหตุการณ์เผชิญหน้ากับนักรบภูตบดีร่วมกันอีกสักครา
แผนการถูกกำหนดขึ้นอย่างคร่าวๆแล้ว นางแอ่นคิดใช้พื้นที่นัดหมายเป็นเมืองฮันต๋ง แต่จูล่งกริ่งเกรงว่า กุยห้วยจะไม่ยินยอมเข้าถ้ำเสือวังมังกรเช่นนั้น จึงเสนอให้ใช้หมู่บ้านหมื่นเซียน หุบเขาลำธารสวรรค์ เป็นจุดนัดหมายแทน พื้นที่ป่าเขาเช่นนั้นอาจจะพอทำให้ขุนพลสะท้านขวัญกล้าสุ่มเสี่ยงมากกว่าปกติ
นางแอ่นจึงแอบอ้างชื่อขงเบ้งอีกครั้ง ป่าวประกาศว่าจะทำพิธีการครั้งใหญ่ เพื่อสังหารเสนาบดีชั่วแฮหัวหลิม สังเวยชีวิตให้กับตั๋งไป๋ จอมยุทธ์หญิงแห่งเสเหลียงซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ จึงเปิดให้สหายยุทธภพเข้าร่วมได้โดยไม่แบ่งสังกัดฝ่ายการเมือง และเลือกใช้หมู่บ้านหมื่นเซียน หุบเขาลำธารสวรรค์เป็นสถานที่จัดงานในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
…
หลายปีก่อน หมู่บ้านหมื่นเซียนเคยเป็นสถานที่เร้นลับที่พวกเล่าเสี้ยนใช้หลบซ่อนตัว แต่หลังจากที่ค้างคาวนำคนมาทำลายล้างด้านล่าง เผ่าม่านปะทะเผ่าตีด้านบน ทำให้สถานที่แปรเปลี่ยน เผ่าตีที่เหลือรอดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาอาศัยอยู่กินเป็นชุมชนนายพราน กลมกลืนไปกับคนไต้ฮั่น ไม่ยุ่งเกี่ยวต่อการเมืองอีกต่อไป
พิธีสังหารแฮหัวหลิมย่อมมิสะดวกเรียกหาโดยตรง จึงกำหนดเป็นรหัส “เป็ดชั่ว” ขึ้น และเมื่อข่าวแพร่หลายออกไป ทำให้คนในพื้นที่หวั่นเกรง รีบหลบหนีเภทภัยไปบางส่วน เปิดทางให้กองทหารองครักษ์จากจ๊กก๊กเข้ายึดครองสถานที่ ตั้งเวทีอย่างเร่งด่วน เฉกเช่นเดียวกันกับเหล่านักสู้ที่ทะยอยกันมาร่วมงานอย่างครึกครื้น
สุดท้าย ณ ค่ำคืนวันเพ็ญ เสียวเอี่ยนจื่อ จูล่ง กวนหิน เตียวเปา รอเวลาอยู่บนเวที ทิ้งเก้าอี้ประธานให้ว่างเว้นไว้ คล้ายรอให้เจ้าภาพขงเบ้งมานั่ง และมีองครักษ์หลายร้อยนายยืนกำกับเป็นวงกว้าง ด้านหน้าเวทีเต็มไปด้วยเหล่าคนยุทธภพที่เคยร่วมงานกับตั๋งไป๋มาบ้าง รับรู้ชื่อเสียงมาบ้าง รวมทั้ง คนที่ชื่นชอบเรื่องราวผู้อื่น มาร่วมเปิดหูเปิดตาด้วย ประเมินคร่าวๆสมควรมีผู้คนนับพันคนเบียดเสียดปะปนกันอยู่
พระจันทร์ส่องสว่างแล้ว พิธีการจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง กลไกเวทีเปิดขึ้นตรงตำแหน่งประธาน เห็นเป็นจูกัดเหลียงแย้มยิ้ม นั่งโบกพัดขนนกบนเก้าอี้ล้อหมุน ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาแทนที่ เรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนไม่น้อย
ตันเซ็กรับหน้าที่ผู้ดำเนินการ ประกาศเบิกตัว “เป็ดชั่ว” จึงเห็น เตงจี๋ อองเป๋ง ควบคุมตัวนักโทษแฮหัวหลิมที่ปราศจากหน้ากากปีศาจปกปิด ออกมาด้านหน้าเวที เห็นแฮหัวหลิมในสภาพทรุดโทรมสกปรก ผมเผ้ารุงรัง หมดสิ้นภาพลักษณ์คุณชายสูงศักดิ์ที่ชินตา
เสียงพึ่บพั่บดังขึ้น เป็นเฮ็กเจียว เกียงอุยที่ปลอมแปลงมาในหมู่นักสู้ ลอยตัวขึ้นเวที แจ้งความประสงค์ ขอเป็นผู้ลงมือสังหารคนชั่วด้วยตัวเอง มิได้คิดก่อกวนอันใด
ยังไม่ทันขาดคำ เงาร่างสายหนึ่งพลันพุ่งตรงเข้าประชิดนักโทษแฮหัวหลิม เป็นกุยห้วยที่ต้องการลงมือช่วยคนแล้ว ด่านแรกที่เข้าขัดขวาง จึงเป็นเตงจี๋ อองเป๋ง ตามมาด้วยกวนหิน เตียวเปา รวมสี่คน รุมกระหน่ำอาวุธเข้าใส่ขุนพลสะท้านขวัญเอาไว้ แต่กุยห้วยยังปลอดโปร่ง รับมือได้ตามสมควร คล้ายยังรีรออันใดเช่นกัน ในเวลาอันสั้น จึงยังไม่อาจแพ้ชนะต่อกัน
ทันใดนั้น หมอกควันแปลกตาก่อตัวขึ้นกลางเวที เป็นปีศาจเบ้งเฮ็กหรือนักรบภูตบดีมาถึงแล้ว พร้อมเปล่งเสียงแปลกหูเช่นเคย “หากเจ้ารอคอยกองเสริมหลายสิบคนด้านนอกชายป่าแล้ว ขอบอกให้รู้ว่า พวกมันล้วนสลบไสลไปหมดสิ้นแล้ว ข้าไม่ต้องการให้ใครมาก่อกวนพิธีครั้งนี้ให้วุ่นวายนักดอก”
พูดจบ ปีศาจเบ้งเฮ็กพลันใช้มนตร์สะกดให้ทุกคนในบริเวณหยุดนิ่ง ไม่อาจไหวติง แล้วมันจึงก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าจูกัดเหลียง คู่แค้นที่ก่อเรื่องอื้อฉาว สร้างความอับอายต่อมันมานานหลายสิบปี ด้วยความกระหยิ่มใจ หมายล้างแค้นให้จบสิ้น
เห็นตัวขงเบ้งสั่นเทา คล้ายเกรงกลัวต่อความตาย จ้าวปีศาจยิ่งฮีกเหิมได้ใจ หัวร่อพลางก้าวไปบีบคอเป้าหมาย เพื่อให้ค่อยๆเข้าถึงรสชาติแห่งความตายอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับพันเป็นสักขีพยาน “แบบนี้สิ ค่อยน่าสาสมใจยิ่งนัก”
แต่แล้ว เบ้งเฮ็กพลันรู้สึกผิดปกติ ขงเบ้งเบื้องหน้าคล้ายขลาดเขลาเกินไป ลำคอเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่ใบหน้ากลับแข็งทื่อ จึงใช้นิ้วเขี่ยใต้คาง จนหน้ากากอันประณีตเปิดออก กลับเป็นแฮหัวหลิมที่ถูกสะกดจุดฝังเข็มเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อนส่งเสียงใดๆ
ฉับพลัน มันเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวด ฝ่ามือมีร่องรอยเผาไหม้จนควันขึ้นขาว เม็ดเหงื่อที่มันสัมผัสจากลำคอแฮหัวหลิมเมื่อครู่ คงเป็นน้ำพิษไร้สีไร้กลิ่น แต่พอนึกได้ว่า มันเป็นคนตายฟื้นคืน ไม่สมควรพ่ายแพ้ต่อพิษร้ายใดๆ ฉับพลัน มันสังเกตเห็นผู้คนเริ่มเคลื่อนไหวขยับเขยื้อนได้ปกติ แสดงว่ามนตร์สะกดของมันเสื่อมคลายลงแล้ว
“มันคือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เราได้มาจากแม่น้ำหลานชางแดนใต้ นักบวชลึกลับจากดินแดนทองคำเป็นคนให้เรามาติดตัว เพื่อใช้กำจัดปีศาจร้ายโดยตรง คาดไม่ถึง หลายสิบปีผ่านไปจนแก่เฒ่า กลับเพิ่งได้มาใช้จริงๆในวันนี้” เสียงอ่อนล้าแต่ทรงพลังดังขึ้นมาจากหลังเวที “พวกเราล้วนเป็นคนตาย และมีแต่คนตายจึงจะสามารถทำร้ายคนตายด้วยกันได้ เคาก้าน เจ้าทำนายได้ถูกต้องอีกแล้ว"
ปราชญ์คุณไสย อิ๋นฉางค่อยๆก้าวออกมาพร้อมกันกับสหายสนิทจากตระกูลนักพยากรณ์ เคาก้าน ปราชญ์หยั่งรู้ และอ้วนยู ปราชญ์สร้างสรรค์ ยามนี้ เจ็ดปราชญ์เจี้ยนอานเพิ่งสูญเสียอองลองไปไม่นาน ผู้คนล้วนรำลึกถึงคนเหล่านี้ ราวกับผู้อาวุโสจากลา การที่สามปราชญ์เฒ่าปรากฏ จึงสร้างความแตกตื่นยินดีกับเหล่านักสู้ไม่น้อย
ปีศาจเบ้งเฮ็กงงงันวูบ ไม่เชื่อว่า อิทธิฤทธิ์ตนเองจะพ่ายแพ้ต่อน้ำมนตร์หลานชางโดยง่าย จึงหลับตาสูดลมปราณอีกครั้ง พร้อมใช้ดวงตายิงเป็นลำแสงประหลาด พุ่งทะลุกลางหน้าผากของผู้เฒ่าทั้งสามตายในทันที
เหล่านักสู้แตกฮือ รีบแยกย้ายหลบหนีจนวุ่นวาย ในขณะที่ปีศาจเบ้งเฮ็กต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง กราดยิงลำแสงเข้าใส่ผู้คนตรงหน้าที่หนีไม่ทันอย่างโหดเหี้ยม จนมีคนล้มตายหลายสิบคนอย่างรวดเร็ว รวมทั้งแฮหัวหลิมที่ล้มกลิ้งอยู่ตรงหน้าด้วย
กุยห้วยที่เพิ่งฟื้นจากมนตร์สะกด พบเห็นว่า เป้าหมายที่ต้องการช่วยเหลือพลันเสียชีวิต หมดสิ้นเยื่อใยให้รั้งรอ จึงขยับตัวหมายหลบหนีบ้าง แต่มิคาดว่า เบ้งเฮ็กกลับเห็นเป็นเป้าหมายสังหาร ลอยตัวตรงเข้ามาหา หมายทดลองใช้กรงเล็บสังหารดูบ้าง เพื่อลดทอนการสิ้นเปลืองพลังกสิณที่ใกล้เหือดหาย เพราะทุ่มใช้พลังแสงจากดวงตามากเกินไป
เมื่อปีศาจเบ้งเฮ็กลดระดับการลงมือลง กลับเข้าทางของกุยห้วยที่มีพลังมังกรคุ้มครองร่างกาย สามารถพัวพันต่อต้านได้ชั่วครู่ จนจูล่ง เสียวเอี่ยนจื่อเข้ามาร่วมวงได้ทันเวลา สามมนุษย์เหนือธรรมชาติจึงประสานการลงมือกันอีกครั้ง กรงเล็บตะขอ ดาบสยบมังกร และกระบี่ม่อเสียสะบัดฟาดอย่างรวดเร็ว แต่เบ้งเฮ็กยังสามารถใช้มือเปล่ารับมือไว้ได้ด้วยพลังอาคมที่ค่อยๆฟื้นฟูกลับคืนอีกครั้ง
วงต่อสู้สี่คนหมุนวนอยู่บนเวที เคลื่อนเข้าใกล้ร่างของ “เป็ดชั่ว” อย่างแช่มช้า จนห่างเพียงครึ่งก้าว และแล้ว แฮหัวหลิมจำแลงพลันแทงกระบี่สีเขียวขจีเข้าใส่กลางหลังจอมปีศาจ พร้อมกับสาดผงยาพิษซ้ำจุดเดิมนั้นอีกกำมือหนึ่ง
เบ้งเฮ็กเหลือบเห็นเงากระบี่แต่แรก หากเชื่อมั่นในเวทมนตร์ จึงไม่ป้องกันร่างกาย กลับฉวยโอกาสฟาดกรงเล็บปักเข้ากลางกระโหลกฝ่ายตรงข้าม หน้ากากฉีกขาด จึงทันเห็นใบหน้าแปลกตาพร้อมใบหูสีเขียวก่อนที่กระบี่ในมือฝ่ายตรงข้ามจะบิดมือเปิดแผลกว้างให้ยาพิษแผ่ขยายกัดกินตามร่างกายภายในต่อไป “อา กระบี่ของมันสามารถทะลวงผ่านร่างกายเราได้ด้วยเหตุอันใดกัน หรือว่า มันก็เป็นคนตายอีกคนหนึ่ง”
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย