23 พ.ย. 2021 เวลา 00:49 • นิยาย เรื่องสั้น
7.28. ยุทธการฝ่าดงพยัคฆ์
โจฮิว เทพบุตรที่ถูกสยบ - เตียวอุ๋น ผู้นำเครือข่ายใต้ดิน - จิวอิ๋น นักสู้เกาะหุบเขาปีศาจ
ลกซุนนึกขอบคุณพระอารยะเทพที่ส่งมันกลับไปพักฟื้นคืนชีวิตใหม่กับท่านอาเหยี่ยวดำและหมอโงโพ้ที่กระท่อมริมแม่น้ำไต้กัง เมืองซินเอี๋ย มันจึงได้ใช้โสตทิพย์ พบเห็นความผิดปกติของกองทัพวุยก๊ก จับพิรุธในเส้นทางโจมตี และแจ้งไปยังกองเรืออี้จิ๋วได้ทันเวลา
ตัวมันเหลือรอยประหลาดเพียงส่วนสุดท้ายแล้ว คงต้องถนอมชีวิตครั้งที่สี่เอาไว้ อย่าได้สิ้นเปลืองไปกับการเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป แต่ก็นับว่า การสูญเสียครั้งนี้ คุ้มค่านัก เพราะสามารถสานสัมพันธ์กับพวกปักษาสวรรค์ ทดแทนกลุ่มสามเฒ่าเจี้ยนอานที่จากไป
นอกจากการหวังผลพื้นสัมพันธ์กับพวกท่านอา ซึ่งทราบในภายหลังว่า คือ กลุ่มปักษาสวรรค์แล้ว ในช่วงที่พักฟื้นร่างกายอยู่นั้น ลกซุนยังสืบพบว่า สมาชิกนอกเหนือจากท่านอาเหยี่ยวดำ หมอโงโพ้ และ “ม้ากิ๋น” แล้ว ก็คือ เสียวเอี่ยนจื่อ หมอฮ่วมอา และสองพี่น้องตันเตา ตันอุ๋น เป็นสำคัญ ทุกอย่างล้วนลอบรับฟังได้อย่างชัดเจนแน่นอนแล้วด้วยพลังโสตทิพย์ผ่านบทสนทนาของม้ากิ๋นที่คล้ายจะช่างเจรจากว่าใคร
จากข้อมูลล่าสุดที่ปราชญ์ชราอ้วนยูเอ่ยถึงม้ากิ๋นศิษย์เอกก่อนออกเดินทางบนเส้นทางแห่งความตายนั้น ก็คือ ที่จริง ม้ากิ๋นเป็นหลานชายของอ้วนยู แต่จำต้องปกปิดสถานะไว้ตั้งแต่เกิด เพราะบิดาของทารกซึ่งก็คือม้าเท้งหลบหนีหายไป สร้างความอับอายต่อสกุลอ้วนอันโด่งดังที่กำเนิดลูกไม่มีพ่อคนหนึ่ง และมารดาก็ตายไปหลังคลอดได้ไม่นาน นับเป็นโศกนาฏกรรมในครอบครัวของสกุลอ้วนเรื่องหนึ่ง
ม้ากิ๋นเติบโตมาแบบเด็กกำพร้า แต่มีฐานะเป็นลูกศิษย์ของปราชญ์ใหญ่ จึงมีพฤติกรรมไม่ใคร่ดีนัก ทั้งเสพเหล้าและติดพนันงอมแงม หากแต่กลับมีพรสวรรค์ เรียนรู้สืบสานงานประดิษฐ์ได้ดี ทำให้อ้วนยูทั้งรักทั้งชังหลานนอกไส้มาตลอด
พอม้ากิ๋นเติบใหญ่ ก็ออกพเนจรท่องเที่ยวตามอำเภอใจ ทำให้ทั้งสองแยกทางกันมานาน จนอ้วนยูแทบลืมเลือนทายาทคนนี้ไปแล้ว จนเมื่อลกซุนนำคัมภีร์อาวุธเพลิงที่บันทึกโดยม้ากิ๋นที่น่าจะไม่ใช่คนเดียวกันมามอบให้ จึงคิดถึงสายเลือดเดียวกัน ครั้นต้องเดินทางเข้าสู่การพลีชีพ จึงได้้แต่ฝากฝังให้ลกซุนช่วยสืบหาแทน
หากแต่ลกซุนประเมินไว้ก่อนแล้วว่า ในเมื่อพวกปักษาสวรรค์นำชื่อม้ากิ๋นมาใช้เช่นนี้ ย่อมแสดงว่า ม้ากิ๋นตัวจริงอาจจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว เพียงแต่ไม่บอกให้อ้วนยูต้องเสียใจไขว้เขวก่อนทำภารกิจสำคัญ และมุ่งหวังสืบเรื่องราวนี้ด้วยตนเอง
ตัวมันเองตัดสินใจใช้เรื่องการพลีชีพปราบปีศาจเป็นตัวช่วยในการเข้าถึงบุคคลพิสดารกลุ่มนี้ จึงยอมทุ่มเทสุดตัว เพียงแต่ไม่คาดคิดเช่นกันว่า ปีศาจเบ้งเฮ็กร้ายกาจเกินไป ถึงกับเจาะกระโหลกสังหารตนเอง สูญเสียชีิวิตอมตะไปอีกรอบหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การค้าครั้งนี้ มันยังได้ของแถมอีกประการหนึ่ง นั่นคือ กระบี่กานเจียงที่ผ่านการดื่มเลือดปีศาจผิดธรรมชาติมาแล้ว กลับมีแสงเรืองรองสีเขียวเคลือบอีกชั้นหนึ่ง น่าจะมีสรรพคุณวิเศษอันใดให้ต้องค้นหาต่อไป
ณ เมืองหลวงลกเอี๋ยง กษัตริย์โจยอยมิได้กล่าวโทษตำหนิโจฮิว กากุ๋ย แต่กลับเป็นโจหองผู้เฒ่าครึ่งพิการ ที่ดุด่าว่ากล่าวกลางท้องพระโรงให้แทน เพราะไม่เพียงแต่พ่ายศึกคารังแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ทั้งสองคนยังถูกนำชื่อฉายาไปล้อเลียนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้คนทั้งสองยิ่งอับอายแทบกระอักเลือด
ต่อมา สายข่าวแจ้งความคืบหน้าของพวกง่อก๊ก “ซุนกวน” ไม่เพียงย้ายเมืองหลวงไปเป็นเกี๋ยนเงียบเท่านั้น แต่กลับถือเป็นฤกษ์ยามที่ดี สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ ทัดเทียมกับโจยอย เล่าเสี้ยน ไปด้วย ทำให้คนทั่วไปพาลกล่าวหาโจฮิวกับกากุ๋ยว่า เป็นตัวการเปิดช่องให้พวกง่อก๊กที่ไม่เคยห้าวหาญปานนี้ เกิดได้ใจฮึกเหิมมากขึ้น
แรงกดดันทางการเมืองคล้ายถาโถมเข้าใส่คนทั้งสองที่เป็นทายาทตระกูลดัง แบกรับชื่อเสียงวงศ์ตระกูล จนไม่อาจทนทานได้ การที่ทายาทกุนซือเงาปีศาจ ผู้ที่มีประวัติสูงส่ง ไม่เคยแพ้พ่ายต่อใคร ถึงกับเสียรู้เด็กรุ่นใหม่ไร้ชื่อเสียง จึงเป็นการเสื่อมเสียยิ่งนัก กากุ๋ยสูงวัยแล้วจึงล้มป่วยด้วยไข้ใจจนกระอักเลือดตาย ในขณะที่โจฮิว ทายาทขุนพลสี่เทวะ และนักรบรุ่นใหม่แห่งสกุลโจ ก็คล้ายสูญเสียความมั่นใจ ใช้สุราราดรดให้เมามายทุกวี่วัน จนพลาดท่า ตกน้ำตายตามกันไป
คนทั่วไปคงสรุปเรื่องราวไปเช่นนั้น หากแต่เตียวอุ๋น จิวซุน คลื่นลูกใหม่แห่งง่อก๊กที่เข้าสู่ตำแหน่งเส้นทางของเครือข่ายใต้ดินสกุลซุน ก้าวเดินปะปนกับผู้คนชาวบ้านออกจากเมืองหลวงไปแล้ว หลังจากจัดการให้ภารกิจต่อเนื่องเสร็จสิ้น เป้าหมายสองคนถูกสังหารอย่างแนบเนียน บ่อนทำลายรากฐานอันแข็งแกร่ง นับเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคสมัยแห่งจารชนสงคราม
ช่วงที่ผ่านมา เตียวอุ๋นแอบสะกดรอยตามโจฮิวที่ทุกข์ใจจนใช้สุราแก้กลุ้มหลายวัน จนพบเห็นจังหวะปลอดคน จึงลงมือสกัดจุดในที่เปลี่ยว แล้วผลักคนแซ่โจให้จมน้ำตาย ตรงตามฉายา สยบเทพ ที่ตั้งขึ้น
ส่วนจิวซุนปลอมแปลงเป็นแพทย์สายกระท่อมรังนก รุกเข้าถึงตัวเสนาบดีกากุ๋ย แล้วเผยโฉมหน้าใช้วาจาเชือดเฉือน จนกระอักเลือดตาย แต่กลบเกลื่อนร่องรอยทำให้ดูเหมือนป่วยเป็นไข้ใจ คิดมากจนตรอมใจตายไปเอง สมดั่งคำ ปลิดดาว เช่นกัน
นี่คือแนวทางใหม่ที่สมุหกลาโหมลกซุนนำเสนอต่อผู้นำซุนกวนและซุนลอง สมุหนายก การสังหารคนดังกลางสมรภูมิจะทำให้เกิดเป็นความขัดแย้งโดยตรงระหว่างแผ่นดิน ยากปรับความสัมพันธ์ทางการเมืองต่อกันในยามจำเป็น จึงสั่งการให้ละเว้นชีิวิต แต่ติดตามไปลอบทำร้ายให้แนบเนียน ทำลายสิ้นทั้งขวัญกำลังใจคนรอบข้างไปด้วย
ซุนลองเติบโตมาจากสายยุทธภพอยู่แล้ว ย่อมมิได้คัดค้านแต่อย่างใด จึงสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนทิศทางการทำงานของเครือข่ายใต้ดิน ยกให้คนรุ่นใหม่อย่าง เตียวอุ๋น จิวซุน ดูแลสืบต่อแทนขุนพลเล่งทองที่มีชื่อเสียงค้ำคอ ทั้งสองจึงทำให้กลายสภาพเป็นแกนนำหน่วยจารชนสงคราม เพื่อบ่อนทำลายฝ่ายตรงข้ามทั้งสองพวก
ล่าสุด เมื่อ “ซุนกวน” เดินทางกลับจากการพักรักษาตัวยาวนาน และก้าวขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คล้ายเริ่มมีความคิดเห็นเป็นของตนเองมากขึ้น ออกคำสั่งผ่าตัดวงการราชการครั้งใหญ่ จนเกิดระลอกคลื่นทางการเมืองไม่น้อย
ที่จริง ซุนลู่ปันยังบอบช้ำทางจิตใจ ไม่พร้อมสวมรอยเป็นซุนกวน กลุ่มสามผู้เฒ่าอี้จิ๋ว ร่วมมือกับซุนลอง ซุนเกียว ลกซุน จึงคัดเลือกซุนเสียว ไพ่ลับอีกใบหนึ่งมาเป็น “ซุนกวน” ปลอม เพื่อแบกรับแรงเสียดทานในการย้ายเมืองหลวง และเปลี่ยนโครงสร้างขุนนางครั้งใหญ่ อีกทั้ง เปิดทางให้ซุนเต๋ง รัชทายาท มีเวลาฝีกฝนฝีมือประสบการณ์สักระยะหนึ่งก่อน ค่อยหาเหตุปลดหุ่นเชิด แต่งตั้งรัชทายาทซุนเต๋งขึ้นเป็นราชันย์ตัวจริง
ซุนเสียวผู้นี้ ที่จริงก็คือ ทายาทของซุนเซ็กทืี่เกิดกับลูกสาวของเตียวเจียว ตั้งแต่ก่อนสมรสกับไต้เกี้ยว ยามนั้น ซุนเซ็ก เตียวเจียวล้วนตระหนักว่าต้องการสถานะการเงินของเจ้าสัวเกียวค้ำจุน จึงปกปิดเรื่องราว และส่งแม่กับเด็กทารกไปยังเกาะอี้จิ๋วเป็นความลับของตระกูลเรื่องหนึ่ง ซุนเสียวจึงอยู่ในสถานะพิเศษ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานใดๆ
เมื่อซุนเสียวต้องมารับภารกิจหุ่นเชิด ท่านตาอย่างเตียวเจียวจึงถูกแขวนให้ลอยตัวเป็นรัฐบุรุษอาวุโส แยกให้ห่างจากหลานชายสักช่วงหนึ่ง ทำให้การบริหารแผ่นดินตกอยู่ในมือสมุหนายกซุนลอง สมุหกลาโหมลกซุน กับสมุหราชเลขาจูกัดกิ๋นอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ลดทอนรากฐานยาวนานที่เตียวเจียวเฒ่าเคยสะสมบารมีไว้
แต่หากพิจารณาถึงคะแนนนิยมจากราษฎรแล้ว อัจฉริยะโกะหยงที่ผันตัวไปเป็นฝ่ายพัฒนาบ้านเมือง ควบคู่กับตำแหน่งผู้นำสหพันธ์การค้าพยัคฆ์หยก กลับได้รับความชื่นชอบสูงเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมีนิสัยถ่อมตนสมถะ อัธยาศัยดี เป็นที่รักใคร่นับถือของคนทั่วไป เพียงแต่โกะหยงคล้ายไม่ต้องการยึดติดตำแหน่ง จึงประคองตัวอยู่แต่ภายนอกอย่างสันโดษ มิเช่นนั้น สมควรได้ชิงตำแหน่งสมุหราชเลขากับจูกัดกิ๋นแล้ว
ทางด้านการทหาร ถัดจากซุนเกียวที่กุมอำนาจกองทัพเรือที่เมืองฐานทัพชีสองแล้ว คงเป็นเล่งทองที่เมืองหลวง ชีเซ่งที่เมืองต๋องง่อ เตงฮองที่เมืองกังแฮ จูเหียนที่เมืองเกงจิ๋วและโฮกี๋ที่เมืองห้อยเข ล้วนผ่านศึกสงครามโชกโชน กลายเป็นขุนพลเอกมีชื่อเสียงตามกาลเวลา เรียกขานเป็นกลุ่มกรงเล็บพยัคฆ์ แต่มิได้เรียกขานเป็นฉายาเฉพาะตัว
ส่วนกลุ่มห้าพยัคฆ์น้อย อันได้แก่ ซุนเต๋ง จูกัดเก๊ก ตันเปียว โกะถำ เตียวฮิว ได้กลับมาทำงานรับใช้บ้านเมืองแล้วครบทุกคน ต่างแยกย้ายเสริมเติมในส่วนสำคัญทางการเมือง เรียนรู้การทำงานร่วมกันกับคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง ต่อไป
ยังมี กองกำลังอี้จิ๋ว ที่ “รุกรบฉับไว ได้ชัยทุกครา” ทำให้สามอาวุโส ฮันต๋ง เหยียมจุ้น ลิห้อม และคลื่นลูกใหม่ เตียวอุ๋น จิวซุน กลายเป็นวีรบุรษหน้าใหม่ที่ใครๆยกย่องด้วยเช่นกัน ทั้งๆที่ไม่เคยเปิดเผยตัวตน เพราะล้วนเก็บตัวเงียบอยู่บนเกาะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ และไม่เคยเข้าร่วมวงประชุมในราชสำนัก กลายเป็นกลุ่มคนลึกลับที่มีบทบาทสูงในราชสำนัก และทำให้ขุนนางนายทหารทั่วไปคล้ายอ่อนด้อยศักดิ์ศรีลงไปบ้าง ที่มีเงาพยัคฆ์เลือนรางปกคลุมราชสำนักง่อก๊กเช่นนี้
ภาพการเมืองของง่อก๊กคล้ายดูหนักแน่นแข็งแกร่ง แต่ด้วยเกิดการบริหารทับซ้อนของคนหลายรุ่นหลายกลุ่ม และถูกควบคุมด้วยคนสกุลซุนเป็นหลัก ที่เป็นแบบฉบับการทำงานของสำนักหุบเขาปีศาจนี่เอง ทำให้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ง่อก๊กมิอาจรุ่งโรจน์ได้เท่าที่ควรจะเป็น และกลับถูกโค่นทำลายได้อย่างคาดไม่ถึง
การที่ก๊กทั้งสามทะยอยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีการสร้างเมืองหลวงใหม่และพระราชวัง ปรับเปลี่ยนตำแหน่งราชการ ทำให้แต่ละฝ่ายใช้สอยเงินทองและเสบียงเป็นจำนวนมากกว่าปกติ ทำให้คลังหลวงทุกจุดร่อยหรอเบาบาง จนต้องหาทางปรับปรุงแก้ไขปัญหาการเงินอย่างเร่งด่วน เพื่อชดเชยรายจ่ายอันมหาศาล
ช่วงจังหวะที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า สถานะทางการเงินของจ๊กก๊กพัฒนาขึ้นได้ดีกว่าใคร เนื่องจากได้รับทรัพย์สินเชลยศึกและเครื่องบรรณาการจากอาณาจักรเพงายใหม่ ทำให้คลังหลวงจ๊กก๊กฟื้นคืนแข็งแกร่ง มิต้องตกอยู่ในสภาพขัดสนมัธยัสถ์เหมือนช่วงแรกที่เล่าปี่เข้ามายึดครองเสฉวนอีกต่อไป
ส่วนง่อก๊กก็ยังพอได้จุนเจือเพิ่มเติมกลับมาจากเผ่าเย่บ้างเล็กน้อย ในขณะที่วุยก๊กกลับมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับแบบก้าวกระโดดมาจากชนเผ่าต่างแดนเช่นรายอื่น แต่ยังดีที่โจผีตัดสินใจปล้นชิงสุสานหลวงราชวงศ์ฮั่น ทำให้ยังพอหมุนเวียนกลับมาค้ำจุนได้
ขงเบ้งติดตามสภาพแวดล้อมรอบด้าน สามแผ่นดินคล้ายอยู่ในจุดฟื้นฟูเริ่มต้น แต่วุยก๊กจะมีศักยภาพเหนือกว่า เพราะมีพื้นที่อาณาเขตที่กว้างขวางที่สุด ในระยะเวลาเท่าเทียมกัน จ๊กก๊กง่อก๊กเก็บเกี่ยวได้สองส่วน แต่วุยก๊กจะได้ถึงสิบส่วน ดังนั้น หากให้เวลาทอดยาว เศรษฐกิจวุยก๊กย่อมแซงหน้าสองก๊กที่เหลือได้ไม่ยากเย็นนัก
ขงเบ้งประเมินว่า มีความจำเป็นต้องรีบขยายดินแดนในช่วงเวลานี้ที่ฝ่ายตนเองพอได้เปรียบอยู่บ้าง จึงส่งสัญญาณให้เสียวเอี่ยนจื่อสวมรอยเป็นขงเบ้ง ยกทัพไปตีเมืองวุยก๊กครั้งที่สองในปีถัดไป ยังคงมุ่งมั่นหวังชิงสองมณฑลทางเหนือ เปิดประตูการค้าบนเส้นทางทะเลทรายใหญ่ เชื่อมโยงผลประโยชน์ทางการค้าให้เข้าสู่คลังหลวงของพวกตน
กองทัพจ๊กก๊กครั้งที่สอง จัดเป็นสามกอง ทัพหลวงย่อมให้ขงเบ้งคงเป็นแม่ทัพใหญ่ ประกอบด้วย กุนซือเสียวเอี่ยนจื่อ กวนหิน เตียวเปา ทัพหน้าเป็นอุยเอี๋ยน เตงจี๋ อองเป๋ง และทัพเสบียงให้ลิเงียม ตันเซ็กช่วยกันดูแล เท่ากับสลับให้ จูล่ง ดูแลเมืองฮันต๋งแทน
ครั้งนี้ นางแอ่นจำเป็นต้องสับเปลี่ยนตัวคนเฝ้าระวังเมืองฮันต๋ง เนื่องจากไม่กล้าไว้วางใจอุยเอี๋ยน เกรงจะหาเหตุหักหาญกับจูกัดเหลียงเสียก่อน จึงนำตัวไปออกรบกับวุยก๊กแทน อย่างน้อย จูล่งสามีที่อยู่โยงเฝ้าเมือง ก็ยังรับฟังความคิดเห็นของตนมากกว่า และสุขภาพร่างกายเริ่มจะเสื่อมถอยลงตามวัย
กองทัพจ๊กก๊กเพิ่งออกเดินทางไปได้แค่สามสี่วัน จดหมายลับจากสหายเก่าของเสียวเอี่ยนจื่อค่อยมาถึงที่จวนที่พัก จูล่งจึงถือวิสาสะเปิดออกดู พบเห็นภายในซองมีเพียงกระดาษว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง
ยามนี้ จูล่งมีสติปัญญาล้ำเลิศกว่าแต่เดิม รอบรู้เหนือกว่าผู้คนในยุคสมัยฮั่น ด้วยว่าเป็นคนที่มาจากอนาคตกาล จึงพอคาดเดากลเม็ดเล่ห์กลแบบจารชนได้บ้าง รีบลนความร้อนจากเปลวเทียน เกิดเป็นตัวอักษรจางๆ “พบเห็นเสี้ยน-เจี๋ยมที่ละทิ้งอดีต - สิบสอง”
เสี้ยน-เจี๋ยม ย่อมหมายถึง เล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยม ที่หายสาบสูญไปตั้งเนิ่นนานแล้ว ทำให้จูล่งต้องรีบตีความต่อว่า ละทิ้งอดีตคือสถานที่เช่นไร พอนึกทบทวนความหลัง พลันจดจำได้ตามสายข่าวที่ระบุถึง “สำนักเหมันต์” ที่แต่เดิมเคยเกิดเป็นสมรภูมิรบย่อยๆระหว่างโจโฉกับซุนกวน และเป็นสถานที่ที่ซุนแจ้งไปใช้ชีวิตในบั้นปลายแล้วถูกลอบสังหาร คล้ายเคยใช้ชื่อว่า หุบเขาละทิ้งอดีต ส่วนรหัสตัวเลข “สิบสอง” ย่อมหมายถึงม้ากิ๋น คนอัจฉริยะที่สร้างสรรค์ค่ายกลระเบิดฟ้าผ่าเมื่อคราวก่อนแจ้งมา
เมื่อข่าวสารพลันกระจ่างขึ้นตรงหน้า หากช่วยเหลือสองเด็กหนุ่มกลับมาได้จริง น่าจะพอต่อรองให้ขงเบ้งยอมปล่อยตัวเตียวหอง เตียวกอง บุตรชายกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง ในเมื่อสำนักเหมันต์เป็นเพียงหมู่บ้านนักศึกษา มิเคยปรากฏว่ามีหน่วยงานใดซ่อนเร้นอาศัย จูล่งที่มั่นใจในพลังมังกรสองสายและฝีมือยุทธ์ที่เพิ่มพูน จึงคิดลงมือเสี่ยงดูสักครา
การเดินทางไป-กลับ อย่างน้อยต้องใช้เวลากว่าสิบห้าวัน เมืองฮันต๋งย่อมมิอาจขาดคนดูแลรักษา โชคดีที่บังเอิญ ตันเตา องครักษ์พิราบขาว เดินทางมาเยี่ยมเยียนตัวมัน จึงได้แต่สั่งความขอให้สวมรอยเป็นตัวมันที่แสร้งล้มป่วย บัญชาการผ่านหลังผ้าม่าน เพื่อให้ไม่มีใครจับสังเกตได้ว่า ขุนพลท่องเมฆาได้หายตัวไปสักช่วงหนึ่ง
จูล่ง แม้จะล่วงรู้ว่า ตันเตามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันกับเสียวเอี่ยนจื่อ แต่ไม่คิดว่า นางจะติดตามมายับยั้งตัวมันได้ทันเวลา จึงเปรียบเสมือนบ่งบอกร่องรอยให้โดยปริยาย แต่ไม่เปิดโอกาสให้ใครมาขัดขวางการกระทำไว้ได้นั่นเอง
ส่วนตันเตาซึ่งที่จริงได้รับคำสั่งจากอาจารย์ให้ลอบมาประกบตัวดูแลจูล่ง จึงยิ่งร้อนใจด้วยไม่อาจขัดขวางห้ามปรามสามีของอาจารย์ตนเองได้เสียแล้ว ได้แต่รีบส่งข่าวแจ้งให้กับนางแอ่นได้รับทราบเรื่องราว ซึ่งจะทำให้ล่าช้าไปอีกสองสามวัน
จูล่งแต่งกายในชุดจอมยุทธ์ใส่หมวกคลุมหน้าปิดบังเส้นผมสีเขียวสะดุดตา รีบเร่งเดินทางมาตามแม่น้ำไต้กัง หวังปะปนเข้าสู่สำนักเหมันต์ ค้นหาเบาะแสของพวกเล่าเสี้ยน แต่คาดไม่ถึงว่า เพิ่งบรรลุถึงจุดหมาย กลับเดินทางเข้าสู่กับดักของพวกง่อก๊กเสียแล้ว
มันปะปนเข้าสู่หุบเขาละทิ้งอดีตที่กลายเป็นหมู่บ้านนักศึกษาและที่ตั้งของสำนักเหมันต์ เข้าสู่โรงเตี๊ยมชั้นบนสั่งสุราอาหารดื่มกินอย่างระวังตัว พลันพบว่า รอบกายล้วนเป็นคนระดับยอดฝีมือแฝงตัวมา พอยื่นมือคว้าดาบสยบมังกรที่อยู่บนโต๊ะกลับวิงเวียนไปวูบหนึ่ง
“พิษไร้สีไร้กลิ่นของท่านอิ๋นฉาง แม้จะไม่รุนแรงทำร้ายผู้คน แต่จะสะกดให้หมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่อาจใช้พลังปราณต่อต้าน เราซุนลองขอถามต่อท่านจูล่งว่า บุกรุกมาถึงถิ่นกังตั๋งตามลำพัง เพราะมีจุดประสงค์อันใดหรือ” สมุหนายกซุนลองปรากฏกายอยู่ในระยะไกล เคียงข้างด้วยลกซุน สมุหกลาโหม และเล่งทอง ขุนพลอันดับหนึ่งในยุคปัจจุบัน ราวกับสะท้อนภาพคู่หูหนึ่งบุ๋นหนึ่งบู๊ในอดีต
ถัดออกไป ยังมี ชีเซ่ง เตงฮอง โฮกี๋ และขุนพลรองอีกหลายคนเข้าร่วมในเหตุการณ์ ราวกับว่า ง่อก๊กจัดระดมยอดฝีมือมาแทบจะหมดสิ้นแผ่นดิน เพื่อรับมือกับขุนพลท่องเมฆาแล้ว แต่กลับคล้ายไม่ล่วงรู้เรื่องราวของเล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยม แต่อย่างใด
จูล่งจึงไม่คิดเปิดเผยความลับ มองหาหนทางหลบหนีให้ได้เสียก่อน พลันทิ้งร่างผ่านช่องหน้าต่างร่วงตกไปยังลานกว้างชั้นล่างที่เต็มไปด้วยแผงร้านค้าและผู้คนเดินตลาด จนต่างต้องแตกกระเจิงด้วยความตกใจ
จูล่งพยายามตั้งสติคิดวิ่งหลบหนีต่อ แต่แล้ว พ่อค้าแผงลอยหลายคนพลันพุ่งตัวเข้าจับกุมแขนขาตนเองเอาไว้ พร้อมเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น จูล่งรีบสะบัดตัวถีบร่างถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ แต่แขนซ้ายกลับขาดหายไปถึงข้อศอก ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉีกขาดรุ่งริ่ง โลหิตของตนเองและกลุ่มคนที่จุดระเบิดพลีชีพแปดเปื้อนทั่วร่าง
พวกซุนลองย่อมรีบไล่ล่าติดตาม ไม่อาจปล่อยให้จูล่งมาเหยียบจมูกถึงถิ่น เพราะจูล่งก่อคดีความไว้กับคนกังตั๋งมากมาย แม้แต่ซุนเกี๋ยนถูกสังหาร ก็ต้องถือว่า จูล่ง เสียวเอี่ยนจื่อ มีส่วนร่วมลงมือไม่น้อย และครั้งล่าสุด คดีสังหารเขาเฉียว โหรหลวง หรือกวนลอ อดีตซินแสโลกทิพย์ที่เมืองหลวงลกเอี๋ยงก็พัวพันกับจูล่งผมเขียวอยู่ด้วยเช่นกัน จูล่งจึงอาจสวมบทบาทเป็นจารชนนักฆ่าให้กับฝ่ายจ๊กก๊กไปแล้ว
เมื่อข่าวลับสุดยอดมาถึงหูซุนลองเช่นนี้ ทุกอย่างจึงถูกตระเตรียมมาอย่างรัดกุมรอบคอบ หวังขุดบ่อล่อปลามาติดกับดัก จึงไม่ยอมให้ปลาตัวใหญ่หลุดมือไปง่ายๆเป็นแน่ การเปิดช่องให้จูล่งหนีออกมาทางหน้าต่างก็อยู่ในแผนการ จึงวางกับดัก “มนุษย์ระเบิดพลีชีพ” อีกหนึ่งผลงานประดิษฐ์ของเคาเต็ง ทายาทปราชญ์อ้วนยู ไว้รอท่าอยู่ก่อนแล้ว
“จับเป็นไว้ก่อน” สมุหนายกซุนลองสั่งการ บรรดาขุนพลรุ่นกลางขึ้นไปล้วนเคยผ่านการประลองฝีมือกับจูล่งมาบ้างแล้วเมื่อครั้งที่จิวยี่จัดเวทีประลองให้ขุนพลกังตั๋งผลัดเปลี่ยนหน้ากันรุมจูล่งคนเดียว คุ้นเคยฝีมือยุทธ์ขุนพลท่องเมฆาเป็นอย่างดี จึงตั้งกระบวนท่ารั้งรออยู่ ปล่อยให้ขุนพลเอกวัยหนุ่มหรือระดับรองลงไปออกหน้ามาก่อน
การกลุ้มรุมจับเป็นจูล่งจึงเกิดขึ้น “ทำร้ายให้พิการได้แต่ห้ามให้ถึงตาย” ซุนลองเสริมอีกครั้ง ทำให้จูล่งกวาดตาหาทางเสี่ยงชีวิตหลบหนี ใช้ดาบสยบมังกรผสานกับพลังเนตรมังกรและพลังสะท้านภพที่เหลือน้อยนิด เปิดเส้นทางสายโลหิตสายหนึ่งไปในทิศทางของท่าเรือ เกิดการต่อสู้ร่วมครึ่ีงค่อนวัน ขุนพลหน้าใหม่ล้มหายตายจากไปหลายคน ทำให้ทุกคนล้วนนึกถึงวีรกรรมยิ่งใหญ่ที่ทุ่งสังหารเตียงปันเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง
จูล่งเสือลำบากเพิ่งกระโจนขึ้นบนเรือโดยสารลำแรกสุด พลันมีลูกเกาทัณฑ์ปักตรึงเข้าที่หัวไหล่ แรงส่งผลักกระแทกจนต้องล้มกลิ้งกลับไปบนพื้นชายฝั่งอีกครั้ง ร่างของจูเหียนที่ซ่อนกายมานาน พลันปรากฏขึ้นพร้อมเย้ยหยัน “เมื่อพวกขุนพลกรงเล็บพยัคฆ์ลงมือพร้อมกัน แม้แต่ขุนพลสวรรค์ก็ไม่อาจรอดพ้นได้หรอก”
ยามนี้ นับว่า นอกจากกองกำลังอี้จิ๋วแล้ว บรรดาขุนพลมีชื่อของกังตั๋งล้วนถูกระดมมาต้อนรับมันจนครบถ้วน ซึ่งไม่เคยมีใครได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อน จูล่งคิดแล้วยังนึกขบขันในชะตากรรมของตนเอง จนต้องเปล่งเสียงหัวร่อฮาฮา
เหล่าขุนพลกังตั๋งล้วนงงงันวูบ จูล่งบาดเจ็บเจียนตายอยู่ตรงหน้า ยังเกิดอารมณ์ครื้นเครงได้เช่นนี้ อาจจะดูห้าวหาญเกินเลยไปแล้ว ลกซุนรีบสบตากับชีเซ่ง โฮกี๋ ให้ขยับเข้าหาพร้อมฟาดฟันอาวุธเข้าใส่แขนขาของขุนพลตรงหน้า ด้วยเกรงว่า การหัวร่อนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า เป้าหมายจะชิงปาดคอฆ่าตัวตาย ไม่ยอมให้จับกุมตัว
“บังอาจนัก จงถอยให้กับเรา” เสียงสตรีสดใสดังขึ้นราวกับฟ้าร้องก้องหู เห็นเงาร่างคล้ายวิหคยักษ์สิบกว่าคนร่อนลงมาจากกระเช้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นช่องเขาออกมา เป็นกองทัพพายุคลั่งอันเลื่องชื่อของจ๊กก๊ก นำมาโดยเสียวเอี่ยนจื่อ ขุนพลวิหคสวรรค์ และอุยเอี๋ยน ขุนพลพายุคลั่ง
จูล่งเงยหน้ามองภรรยาแล้วเกิดกำลังใจฮึกเหิม รวบรวมพลังยุทธผ่าร่างเจ้าเมืองห้อยเข โฮกี๋เป็นสองซีก แลกกับดวงตาข้างหนึ่งที่ถูกชีเซ่งกรีดผ่าน แล้วตวัดดาบเป็นวงกว้าง ตัดคอของชีเซ่ง ใช้หนึ่งดวงตาแลกกับสองชีวิตขุนพล เป็นภาพสุดท้ายในชีวิตนักรบ
กองทัพพายุคลั่งลอยลงต่ำได้ระยะแล้วจึงลงมือกราดยิงเกาทัณฑ์กลเข้าใส่พวกกังตั๋ง ทำให้บรรดาขุนพลมีชื่อต้องหลบหนีกันจ้าละหวั่น อุยเอี๋ยนเลือกเป้าหมายสำคัญ พลันยิงใส่ซุนลองผู้เป็นหัวหน้า ถูกเข้าที่กลางอก ในขณะที่นางแอ่นไม่เกรงกลัวความตาย สะบัดร่างออกจากปีกพิเศษ ทิ้งน้ำหนักเพื่อเข้าให้ถึงตัวสามีโดยเร็วที่สุด
เห็นนางแอ่นร่วงลงมาใกล้ถึงพื้นดิน แล้วพลันกระตุกวูบพลิกตัวโผเข้ากอดรัดร่างของจูล่งพร้อมถีบเท้าขึ้น นำร่างคนทั้งสองกลับทะยานไปได้หลายวา เฉกเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆที่เริ่มถูกฉุดรั้งให้ลอยขึ้น ที่แท้ ลำตัวของทุกคนผูกเชือกยาวที่ยืดหยุ่นได้ เอาไว้กับกระเช้าใบใหญ่ ทั้งหมดจึงคล้ายถูกห้อยโตงเตง ลอยพ้นหุบเขาไปได้อย่างทุลักทุเล ทิ้งให้พวกกังตั๋งคับแค้นใจที่ถูกศัตรูหลบหนีไปได้อย่างซึ่งหน้าเช่นนี้
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา