Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกลับปักษาสวรรค์ (จินตนิยายสามก๊ก)
•
ติดตาม
24 พ.ย. 2021 เวลา 02:20 • นิยาย เรื่องสั้น
7.29. เมฆาสูญนางแอ่นสิ้น
โฮกี๋ ขุนพลดาวตก - ซุนเกียว แม่ทัพเรือจำเป็น - ซุนเสียว ราชันย์จำแลงคนที่สอง
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน พอเสียวเอี่ยนจื่อได้รับข่าวด่วนจากตันเตาก็ร้อนใจ เกรงว่าจะเป็นแผนลวงของคนกังตั๋ง จึงตัดสินใจใช้กระเช้าลอยฟ้ามุ่งตรงมายังหุบเขาละทิ้งอดีตในทันที เพื่อแข่งกับเวลา นับเป็นครั้งแรกที่เกิดการใช้อุปกรณ์โดยสารทางอากาศ เพราะไม่เคยมีใคร แม้แต่ฮองเย่อิงผู้ออกแบบ จะคาดคิดว่า สามารถควบคุมทิศทางของมัน และกำหนดเส้นทางให้ต่อสู้กับกระแสลมหรือดินฟ้าอากาศได้ไกลถึงขนาดนี้
การเดินทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับว่ามีความเสี่ยงสูง อุยเอี๋ยนในฐานะผู้ควบคุมกองทัพพายุคลั่งจึงไม่ยอมให้เสียวเอี่ยนจื่อไปตามลำพัง และยอมให้ทดลองใช้จำนวนสามลำจากทั้งหมดที่มีเหลือใช้ได้อยู่เพียงห้าลำ เพราะเมื่อขาดฮองเย่อิงไปแล้ว ยุทโธปกรณ์พิสดารเช่นนี้ ก็มิอาจทำเพิ่มเติมได้อีกต่อไป
…
ยุทโธปกรณ์สงครามโดยทั่วไป นอกจากอาวุธพื้นฐานต่างๆแล้ว ก็ยังมีบันไดไต่เมฆา ป้อมธนูภูผาเคลื่อน ซุงกระทุ้งประตูเมือง ที่มีพัฒนาการสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเลียดก๊ก ช่างไม้ช่างเหล็กย่อมคุ้นเคยกับการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานวิชาอยู่แล้ว
หากแต่อุปกรณ์พิสดารต่างๆของจ๊กก๊ก ไม่ว่าจะเป็นปีกพิเศษ กระเช้าลอยฟ้า หรือเกาทัณฑ์กล ล้วนแล้วแต่เป็นปราชญ์หญิงฮองเย่อิงสร้างสรรค์ขึ้นจากบันทึกชนเผ่าโบราณ และถูกขงเบ้งกำชับให้เก็บงำวัตถุดิบ รวมทั้งวิธีการจัดทำเป็นความลับสุดยอด ให้แจกจ่ายงานประดิษฐ์เป็นชิ้นส่วนย่อยๆให้กับช่างหลายกลุ่ม เพื่อไม่ให้ใครสามารถลอกเลียนแบบ หรือนำไปถ่ายทอดแพร่งพรายได้ แม้แต่ขุนพลช่างตีเหล็กอองเป๋งที่ชำนาญงานช่างที่สุด ก็ยังเรียนรู้ได้แค่สามสี่ส่วนเท่านั้น
ดังนั้น ทอดสายตาดูทั่วแผ่นดิน อาจจะมีเพียงจอมปราชญ์อ้วนยู และทายาทมากประสบการณ์อย่างม้ากิ๋นเท่านั้นที่สามารถถอดต้นแบบ ลอกเลียนสิ่งประดิษฐ์ออกมาได้ อย่างเช่นกระเช้าลอยฟ้าที่ง่อก๊กนำมาใช้ในศึกลำน้ำเลือดบนแม่น้ำไต้กัง ก็เป็นเพราะคนกังตั๋งเคยได้ตัวอย่างกระเช้าที่ถูกเก็บยึดไปได้ในสงครามเกงจิ๋วคราก่อน แต่ก็ลอยขึ้นตามกระแสลมได้ในระดับที่ต่ำกว่าต้นแบบอีกขั้นหนึ่ง
…
การเดินทางทางอากาศก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเรียบง่าย อุยเอี่ยนประกบอยู่กับเสียวเอี่ยนจื่อ เพื่อเรียนรู้การควบคุมหางเสือต้านรับกระแสลม และใช้เข็มทิศกำหนดเส้นทางจากแผนที่ในระยะไกล จึงพอรอดตัว หากแต่กระเช้าติดตามอีกสองลำพร้อมทหารพายุคลั่งสามสิบกว่านายแปรเปลี่ยนไม่ทันเวลา ล้วนถูกพายุฝนคะนองก่อกวน ร่วงหล่นสูญหายไประหว่างทางอย่างน่าเสียดาย
นางแอ่น-เสียวเอี่ยนจื่อเป็นนายทหารหน่วยงานพิเศษจากอนาคต ย่อมเคยเรียนรู้การบังคับหางเสือควบคุมทิศทางของบอลลูนรบมาบ้าง จึงสามารถนำมาปรับใช้กับกระเช้าลอยฟ้าที่สร้างขึ้นได้ไม่ยาก เพียงแต่ความรู้ของอุปกรณ์ด้านอากาศเช่นนี้ อาจจะล้ำสมัยเกินไปสำหรับยุคราชวงศ์โบราณแบบนี้ และส่งผลกระทบต่อวิวัฒนาการของมนุษยชาติ จึงมิอาจเผยแพร่ถ่ายทอดความรู้ได้อย่างหมดสิ้น
หากมิใช่เพราะการช่วยคนสำคัญยิ่งยวด ทำให้นางแอ่นไม่นำพาเรื่องสืบเนื่องอีกต่อไป ถึงกับเบิกเชือกสลิงที่เคยให้หัวขวานทำเตรียมเอาไว้มาด้วย เพราะคำนวนแล้ว พวกนางอาจต้องใช้ลูกเล่น Bungy Jump ในรูปแบบการช่วยเหลือตัวประกันของยุทธวิธีทางทหารสมัยใหม่ เพียงแต่เชือกสลิงที่ทำขึ้นอาจจะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร จึงลดทอนแรงกระชากในการทิ้งตัวด้วยปีกพิเศษอีกทอดหนึ่งก่อน
ด้วยเหตุนี้ กระเช้าลอยฟ้าพร้อมกับเชือกกลยืดหยุ่นนำโดยนางแอ่นกับอุยเอี๋ยนจึงมาโผล่ช่วยชีิวิตของจูล่งได้อย่างหวุดหวิด หากเลือกใช้การเดินทางในรูปแบบปกติ เช่น ม้าเร็วหรือเรือเร็วก็ตาม คงมาทันแค่เก็บซากร่างไร้ชีวิตของสามีเท่านั้น
…
ทั้งหมดเพิ่งผ่านพ้นยุทธการฝ่าดงพยัคฆ์มาได้อย่างสวยงาม หมอฮ่วมอาที่เฝ้ารอบนกระเช้าได้ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของจูล่งแล้ว มีความเห็นว่า ร่างกายบอบช้ำเกินไป เพียงตัวยาสมุนไพรน่าจะรั้งชีวิตไม่อยู่ จำต้องให้ศิษย์พี่โงโพ้ที่ชำนาญเรื่องศาสตร์ด้านกายภาพมาร่วมรักษาด้วยอีกคน และโชคดียิ่งนักที่ท่านก็อาศัยอยู่ในละแวกนี้พอดี
นางแอ่นร้อนใจยิ่งนัก เพราะทางหนึ่งก็ละทิ้งกองทัพเสฉวนไว้ที่เมืองเทียนซุยมาหลายวันแล้ว อีกทางหนึ่ง การส่งตัวจูล่งไปรักษาย่อมใช้เวลาอีกไม่น้อย จึงตัดสินใจ ขอส่งอุยเอี๋ยนและกองทัพพายุคลั่งลงจากกระเช้า โดยให้ปลอมตัวเดินทางกลับสู่กองทัพด้วยทางบกต่อไป เพราะหากทั้งหมดเดินทางย้อนกลับไปส่งถึงชายแดนพายัพ จูล่งก็คงทนพิษบาดแผลไม่ไหว ขาดใจตายไปก่อน หรือหากคิดจะปล่อยให้อุยเอี๋ยนนำกระเช้าลอยฟ้าย้อนคืนไปเอง ก็คงไปไม่รอดเช่นกัน
นับว่า อุยเอี๋ยนกับพวกต้องเคารพนับถือกุนซือหญิงกับเป็นห่วงขุนพลท่องเมฆาเป็นอย่างยิ่ง จึงยินยอมทำตามทุกประการ แม้แต่การให้หยิบยืมยานพาหนะสำคัญ และยอมทนลำบากในการเดินทางกลับสู่สมรภูมิชายแดน
เพียงแต่สถานการณ์ชายแดนในช่วงสิบกว่าวันนั้น กลับพลิกผัน ร่ำลือกันว่า กองทัพ “ขงเบ้ง” นับสิบหมื่นนายกลับไม่อาจฝ่าด่านสกัดของขุนพลหน้าใหม่จากวุยก๊กนามเฮ็กเจียวที่มีกำลังพลไม่กี่พันไปได้ จนกระทั่งกุยห้วยนำทัพเสเหลียงมาเสริมเติมได้ทันเวลา ทำให้เตงจี๋กับอองเป๋งได้รับบาดเจ็บสาหัส
นอกจากนั้น สายข่าวยังมีรายงานว่า กษัตริย์โจยอยสั่งการให้โจจิ๋นนำทัพหลวงมาร่วมรบด้วยอีกแรง บัดนี้ ระดมพลมาถึงเมืองเตียงอันแล้ว กวนหิน เตียวเปาจึงปรึกษากัน เห็นว่า เมื่อไม่มีสองขุนพลสววรค์อยู่สั่งการต่อ และตัวนายทหารใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บ ยากต้านทานต่อขุนพลสะท้านขวัญและกองกำลังฝ่ายตรงข้าม จึงได้แต่สั่งให้ล่าถอยกลับสู่เมืองฮันต๋งไปแล้ว
ศึกวุยก๊กครั้งที่สองจึงจบสิ้นแบบเกินความคาดหมาย ภารกิจลับที่ทำให้เสียวเอี่ยนจื่อกับอุยเอี๋ยนต้องรีบไปช่วยจูล่งถึงชายแดนกังตั๋ง จนถึงการที่อุยเอี๋ยนนำทัพพายุคลั่งย้อนกลับมาไม่ทันเวลา ทำให้ฝ่ายจ๊กก๊กต้องพ่ายแพ้สงคราม สร้างความเสื่อมถอยให้กับชื่อเสียงของขงเบ้งเป็นอย่างยิ่ง จนต้องออกมาปล่อยข่าวว่า ล่าทัพเพราะขาดเสบียง
…
เสียวเอี่ยนจื่อ ฮ่วมอา นำตัวจูล่ง เดินทางด้วยกระเช้าลอยฟ้า มุ่งสู่กระท่อมลับริมแม่น้ำไต้กัง เมืองซินเอี๋ย ซึ่งที่จริง ก็มิได้อยู่ไกลจากหุบเขาละทิ้งอดีตมากนัก สามสมาชิกอันได้แก่ เหยี่ยวดำ หัวขวาน และโงโพ้ ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อคิดหาทางช่วยเหลือสองตัวประกัน เล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยม กลับสู่เมืองหลวงเซงโต๋ และไม่คาดคิดเลยว่า จูล่งจะบุกเดี่ยวเข้ามาถึงถิ่นเสือ จนติดกับดัก ทำให้อาการปางตายเช่นนี้
หน้าที่การยื้อยุดชีวิตย่อมเป็นภาระของศิษย์เอกทายาทนกฮูก โงโพ้ ฮ่วมอา ร่วมกันจัดการไป สมาชิกหน่วยปักษาสวรรค์รุ่นดั้งเดิม คือ นางแอ่น หัวขวาน กับเหยี่ยวดำ จึงได้แต่นั่งปรึกษากันอยู่ภายนอก
หัวข้อสนทนาวนเวียนอยู่กับเรื่องปริศนาคนสามกลุ่มที่ปีศาจฮองเย่อิงบอกไว้ อันได้แก่ คนสายอาคม คนเหนือธรรมชาติ และคนตายที่ฟื้นคืน จากประสบการณ์ล่าสุด นางแอ่นตีความออกมาเป็น ม้าเฉียว กุยห้วย และปีศาจเบ้งเฮ็ก ดังนั้น ปัญหาดังกล่าวน่าจะเหลือเพียงกุยห้วยที่ยังเหลือรอดเท่านั้น
“อาจจะยังดีที่เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าหากคิดดีๆแล้ว ลกซุนเข้าข่ายจะเป็นคนสามประเภทในร่างเดียวกัน เพราะเป็นทั้งคนเหนือธรรมชาติ และคนตายที่ฟื้นคืนด้วยพลังมังกร ยังขาดแต่เพียงศาสตร์ด้านอาคมเท่านั้น” หัวขวานพูดเล่นไปตามประสาคนสติเฟื่อง
พอฟังผ่านหู นางแอ่นนึกถึงจดหมายลับที่เป็นต้นเหตุนำพาจูล่งมาติดกับดัก จึงหยิบเอาหนังสือมาแสดงต่อหน้าคนทั้งสอง “นี่คือฝีมือของเจ้า ใช่หรือไม่”
หัวขวานรับจดหมายมาพิจารณาแล้วกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ พวกเรายังไม่รู้เลยว่า สองหนุ่มนั้นถูกพาตัวไปซ่อนที่ไหน คงต้องเป็นใครสวมรอยแล้วล่ะสิ”
นางแอ่น เหยี่ยวดำมองหน้ากันอย่างรู้เท่าทัน นอกจากพวกมัน ก็เหลือเพียงลกซุนที่ล่วงรู้ความลับของหน่วย หรือว่า ลกซุนกำลังจะกลายเป็นตัวปัญหาไปจริงๆเสียแล้ว
…
ณ หุบเขาละทิ้งอดีต ลกซุน สมุหกลาโหม กลายเป็นผู้นำกลุ่มนักรบมือสังหารโดยปริยาย ซุนลอง ชีเซ่ง โฮกี๋ ล้วนถูกฆ่าตายอย่างกระทันหัน เพื่อแลกกับจูล่งที่บาดเจ็บปางตายเพียงคนเดียว ย่อมฟังดูไม่คุ้มค่าสักเท่าไรนัก พวกเล่งทองยังคงเคร่งเครียดต้องการไล่ล่าตามเบาะแสของกระเช้าลอยฟ้าต่อ ในขณะที่ทั้งหมดกำลังรอคอย ซุนเกียว ผู้บัญชาการแห่งกองทัพเรือชีสองที่กำลังเดินทางมาลงพื้นที่ด้วยตนเอง
ที่จริง ภารกิจครั้งนี้ เป็นมันที่ออกความคิดตั้งแต่เริ่มแรก หมายล่อลวงจูล่งเสียวเอี่ยนจื่อสองสามีภรรยามาสู่กับดัก เพื่อล้างแค้นที่คนทั้งสองสังหารมันในเหตุการณ์ปาฏิหาริย์หยกมังกรนั้นเอง จดหมายของม้ากิ๋นก็เป็นมันที่ปลอมแปลงทำขึ้นทั้งสิ้น โดยใช้สองตัวประกันเป็นเหยื่อล่อ
ด้วยพลังโสตทิพย์ ทำให้มันได้รับข้อมูลลับเรื่องที่เล่าเสี้ยน จูกัดเจี๋ยมหายสาบสูญ มันจึงเก็บมาปะติดปะต่อกัน คิดวางแผนขึ้น ตั้งแต่ก่อนที่จะถูกปีศาจเบ้งเฮ็กชิงสังหารด้วยซ้ำ พอดีที่สองสามีภรรยาแยกจากกัน ทำให้มันเห็นเป็นโอกาสในการลงมือดำเนินการ แต่คาดไม่ถึงว่า แผนการจะผิดพลาดเพียงในช่วงสุดท้าย และคนสำคัญล้มตายไปไม่น้อย
ลกซุนกำลังทบทวนความคิดอย่างรวดเร็ว สถานการณ์การเมืองของดินแดนกังตั๋งกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต กองกำลังดั้งเดิมของง่อก๊กกำลังถูกกองกำลังอี้จิ๋วหรือรากฐานสำนักหุบเขาปีศาจเข้าครอบงำ “ซุนกวน” หรือ ซุนเสียวก็มิใช่คนที่พึ่งพาอาศัยได้ดั่งตัวจริง ดังนั้น การที่ซุนลองซึ่งเคยเป็นเสาหลักสำคัญ ขาดหายไปเช่นนี้ ทำให้ต้องมีคนแซ่ซุนคนใหม่เข้ามาแทนที่ และอาจจะนำพาความล้มเหลวหรือความรุ่งโรจน์มาสู่ง่อก๊กก็ได้
ยามนี้ หากพิจารณาตัวคนสกุลซุนในลำดับถัดไป ก็คงจะเป็นซุนเกียวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ เพราะเป็นทายาทคนสุดท้ายในรุ่นเดียวกันกับซุนกวน และรั้งตำแหน่งสูงถึงขั้นผู้บัญชาการทัพเรือแล้ว เพียงแต่ซุนเกียวอาจจะเป็นผู้นำแบบใจร้อนวู่วาม มีความทะเยอทะยานสูง แทบไม่ต่างอะไรกับซุนเซ็กในอดีตเลย
หากรั้งรอไปเรื่อยๆ สามผู้เฒ่าอี้จิ๋วอาจจำเป็นต้องยืนยันรับรองตัวเลือกนี้อย่างเสียไม่ได้ แต่หากซุนเกียวก็พลอยเป็นอะไรไปด้วยอีกคน ทายาทรุ่นต่อไปที่มีทั้งโดดเด่นและอ่อนด้อยจึงจะกลายเป็นทางเลือกใหม่ของง่อก๊ก แต่มันในฐานะลูกเขยสกุลซุน ย่อมถือเป็นผู้อาวุโส พอมีสิทธิ์มีเสียงได้ระดับหนึ่ง
ดังนั้น ซุนเกียวจำเป็นจะต้องถูกกำจัดออกไปจากกระดานโดยเร็ว และตัวช่วยที่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ ก็คือ หน่วยปักษาสวรรค์ที่กำลังสุมหัวกันอยู่ที่ริมแม่น้ำไต้กัง กระท่อมที่มันเพิ่งใช้พักรักษาตัว และจากลากันมาเมื่อไม่นานนี้เอง
สายข่าวจึงเกิดการแพร่สะพัดว่า มีคนพบเห็นกระเช้าลอยฟ้าลอยหายไปที่บริเวณใต้เชิงเขาจวนหยกสัน เมืองซินเอี๋ย คาดว่าจะเป็นแหล่งกบดานของพวกเสียวเอี่ยนจื่อ ทำให้ซุนเกียวทางหนึ่ง และกลุ่มลกซุนทางหนึ่ง รีบมุ่งตรงไปสมทบกันที่จุดนัดหมาย
…
“เราต้องการใช้พลังลมปราณที่แข็งแกร่งสองสายทะลวงผ่านจุดสำคัญให้กับจูล่งสักหนึ่งชั่วยาม คงต้องเชิญท่านอาทั้งสองมาช่วยเหลือกันแล้ว” ฮ่วมอาออกมาตามนางแอ่น เหยี่ยวดำให้เข้าไปร่วมรักษาในกระบวนการขั้นตอนสุดท้าย จึงหลงเหลือเพียงหัวขวานรั้งรออยู่หน้ากระท่อมตามลำพัง
ที่จริง กระท่อมลับนี้ตั้งอยู่ใต้เชิงเขาที่ตั้งของวัดป่าน้อยที่สองก็จริง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายบนภูเขา จนวัดดังในอดีตถูกเผาทำลายกลายเป็นเพียงวัดร้าง ซ้ำตามมาด้วยกรณีขุนพลกังตั๋งรุมสังหารกวนอูด้วยอีกรอบ ทำให้บริเวณแถบนี้รกร้างไร้ผู้คนอยู่อาศัย พวกหัวขวานจึงหยิบยืมกระท่อมเปลี่ยวมาอาศัย และวางค่ายกลรอบลานกว้างห่างจากตัวกระท่อมเป็นคล้ายม่านบังตา ไม่ให้ใครที่เผอิญสัญจรผ่านทางได้พบเห็น
แต่ครั้งนี้ หัวขวานกลับมองเห็นคนใส่หมวกผ้าปิดบังใบหน้าใช้วิชาตัวเบามุ่งตรงมายังกระท่อมอย่างจงใจ แสดงว่า มีความคุ้นเคยกับเส้นทางสถานที่เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากพวกเดียวกันแล้ว ก็ควรจะมีแต่ลกซุนที่เพิ่งจากกันไปเมื่อไม่นานนี้เท่านั้น จึงรีบยื่นมือกระตุกกลไกให้ค่ายกลบังตาเปิดออก พลันฉุกคิดขึ้นว่า ผิดท่าแล้ว เมื่อครู่เพิ่งพูดคุยกันอยู่ว่า ลกซุนอาจจะเป็นตัวปัญหา
คนใส่หมวกผ้าพลันยิงเกาทัณฑ์ลับในแขนเสื้อออกมา สะกดไล่ให้ตัวมันต้องถอยตัวห่างออกจากกลไก ในขณะที่ด้านหลัง มีกลุ่มคนฝีมือดีวิ่งกรูตามกันมาหลายสิบคน รื้อทำลายไม่ให้กลไกค่ายกลกลับมาใช้งานได้อีก ทำให้มันได้แต่รีบหลบเข้าไปในกระท่อมก่อน
ผู้มาถึงก่อน ย่อมเป็นซุนเกียว ซึ่งนำกำลังพลมาจากเมืองชีสองด้วยเรือเร็วพิเศษ พอแผนการสำเร็จผล ก็ยกมือยิงสัญญาณพลุพยัคฆ์หยก บ่งบอกตำแหน่งที่ชัดเจนให้กับพรรคพวกในทันที และสั่งคนให้ง้างเกาทัณฑ์รายล้อมกระท่อมเอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดหลบหนี
ตามมาติดๆ เป็นกระเช้าลอยฟ้า ผลผลิตเลียนแบบด้วยฝีมือของอ้วนยูลำสุดท้าย ที่นำพาพวกลกซุนทั้งหลายล่องลอยตามมาถึง ปรับเปลี่ยนให้ลานกว้างรกร้างกลายเป็นสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยเหล่าทหารขุนพลฝีมือดีทั่วทั้งดินแดนกังตั๋งมารวมตัวกันเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเล่งทอง เตงฮอง จูเหียน ล้วนยืนรอคอยกันพร้อมหน้า
ลกซุนใช้พลังโสตทิพย์สำรวจ ยังคงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในกระท่อม นับดูได้สี่ห้าคน สมควรจะเป็นพวกเสียวเอี่ยนจื่อกำลังรักษาจูล่งในช่วงคับขัน ไม่อาจเคลื่อนไหวใดๆ จึงโบกมือให้สัญญาณระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่กระท่อมชุดใหญ่
หัวสมองของลกซุนในยามนี้มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ หากมันสามารถสังหารเสียวเอี่ยนจื่อ จูล่งไปพร้อมกัน ไม่เพียงแต่จะได้ล้างแค้นให้แก่ตัวเองแล้ว พลังมังกรสามสายของคนทั้งสองจะตกอยู่กับตัวมันเพียงคนเดียว ซึ่งเท่ากับพลังวิเศษถึงห้าสายในตัวคนคนเดียว ตั้งแต่โสตทิพย์ อมตะ คืนสภาพ เนตรทิพย์ และจิตสำนึก นับว่า คุ้มค่าที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับมิตรภาพความสัมพันธ์กับหน่วยปักษาสวรรค์ที่เพิ่งได้กลับคืนมา
เสียงร่ำร้องด่าทอดังมาจากภายในกระท่อม ลกซุนพอฟังออกว่า เป็นเสียงของท่านอาเหยี่ยวดำ ผู้มีพระคุณ ซึ่งปกติ มีนิสัยเงียบขรึมจริงจัง ทำให้คาดเดาว่า ต้องถึงขีดสุดของท่านแล้ว ยิ่งกระแทกจิตใจของมันยิ่งนัก แต่ยามนี้ จำเป็นต้องทำ เพื่อหวังผลตอบแทนที่มีค่าต่อชะตากรรมของบ้านเมือง จึงโบกมือซ้ำอีกคราหนึ่ง
เกาทัณฑ์ชุดที่สองระดมยิงอีกครั้ง แต่ตัวลูกเกาทัณฑ์เป็นตะขอติดปลายเชือกไว้ด้วย ทำให้หลังจากถูกยิงทะลุเข้าไปในกระท่อมแล้ว สามารถกระชากดึงโครงสร้างกระท่อมออกมาได้หลายส่วน เปิดให้เห็นผู้คนภายใน ซึ่งหลงเหลือเพียงแค่สองคน
เป็นเสียวเอี่ยนจื่อฟุบร่างปกคลุมจูล่งเอาไว้จนร่างกายเต็มไปด้วยลูกเกาทัณฑ์ราวกับมนุษย์เม่น ด้านข้างเป็นช่องหลุมลึกคล้ายอุโมงค์หลบหนี แสดงว่า คนที่เหลือน่าจะหลุดรอดไปได้แล้ว ทันใดนั้น กระเช้าลอยฟ้าพลันโผล่พ้นเชิงเขา เห็นเป็นพวกเหยี่ยวดำเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินโคลนและโลหิต พอคาดเดาได้ว่า ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า พยายามบังคับกระเช้าให้ลอยข้ามฝั่งแม่น้ำไปอีกฟากหนึ่ง
เล่งทองรีบนำกำลังทหารบางส่วนขึ้นกระเช้า ติดตามไปอย่างเร่งด่วน หวังใช้การโจมตีระยะไกลหยุดยั้งพวกที่กำลังหลบหนีให้ได้ จึงเห็นกลุ่มเกาทัณฑ์ระเบิดเพลิงถูกยิงเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม แต่ยังสู้แรงลมต้านปะทะไม่ไหว ร่วงหล่นไปก่อนจะถึงเป้าหมายแทบทั้งสิ้น
แต่เรื่องศึกเวหา มีหรือพวกหน่วยปักษาสวรรค์จะเสียเปรียบคนสมัยเก่าได้ หัวขวานรีบหยิบเอาทุ่นระเบิดบนกระเช้ามาผูกยึดกับเชือกตะขอ สิ่งประดิษฐ์ที่ตนเองพกติดตัวตลอดเวลา แล้วยิงสวนกลับในทันที เป็นการตอบโต้กลับไปเพียงหนึ่งดอกเท่านั้น
แรงส่งของเชือกตะขอมีอานุภาพรุนแรงกว่าเกาทัณฑ์โบราณหลายเท่าตัว จึงพุ่งทะลุผืนหนังพองลมบนกระเช้าฝ่ายง่อก๊กที่เป็นจุดเปราะบาง ส่งทุ่นระเบิดกระแทกเข้าใส่โครงสร้างที่พยุงกระเช้า จนเกิดเป็นไฟลุกครอกร่างกลุ่มทหารและขุนพลมีชื่ออย่างเล่งทอง รวมทั้งทำลายชิ้นส่วนสำคัญไปในพริบตา ทำให้ตัวกระเช้าร่วงตกกระแทกพื้นอย่างจัง ผู้คนภายในที่ได้รับบาดเจ็บกันก่อนแล้ว ล้วนบาดเจ็บล้มตายไปหมดสิ้น
ทางฝ่ายกระเช้าจ๊กก๊กก็ไม่รอดพ้นการทำลายอยู่ดี ลูกเกาทัณฑ์ติดระเบิดเพลิงปักเข้าที่ด้านข้างกระเช้า เกิดระเบิดสะเก็ดไฟลุกลามไปติดถึงเชือกยึดผืนหนังเช่นกัน ทำให้กระเช้าเอียงวูบ ไม่อาจรับน้ำหนักได้เนิ่นนาน พวกเหยี่ยวดำต้องรีบบังคับให้ร่อนลงกลางแม่น้ำ แล้วรีบตัดเชือกยึดผืนหนังทิ้ง กลายสภาพเป็นกระเช้าต่างเรือ ล่องลอยไปตามกระแสน้ำไต้กังที่ยังคงไหลเชี่ยวตามปกติ
ในขณะเดียวกันที่กลุ่มคนกังตั๋งพากันสำรวจซากร่างสองสามีภรรยาคนดัง แต่แล้ว เสียวเอี่ยนจื่อกลับพลิกตัวขึ้นจนเห็นเส้นผมสีเขียวสยายเป็นวงกว้าง ดึงดูดสายตาผู้คน พร้อมกวาดสายตาสีเขียวไปโดยรอบ เป็นพลังเนตรทิพย์มังกรที่สมควรจะเป็นของจูล่ง
ภาพสุดท้ายที่พวกเหยี่ยวดำมองเห็น จึงเป็นเหล่าทหารง่อก๊กที่กำลังล้มระเนระนาดอยู่ตรงหน้าจนหมดสิ้น แล้วนางแอ่นค่อยหยุดยั้งการจู่โจม ช้อนร่างไร้วิญญาณของจูล่ง วิ่งย้อนมาทางแม่น้ำ หมายช่วงชิงเรือเร็วพิเศษของง่อก๊กสักลำ
ขณะที่วิ่งผ่านร่างของผู้คนที่หมดสติล้มลงนั้นเอง พลันมีเงาร่างของคนสองคนกระโจนขึ้นขัดขวางด้วยกระบี่ในมือทีละคน คนแรก โดนนางแอ่นเตะสวนกลับ กระแทกเต็มแรงที่กลางใบหน้าจนแหลกเละ เลือดสาดกระจาย แต่คนที่สองที่ใช้กระบี่ที่มีแสงเรืองรองก็เกือบโดนกระบวนท่าเดียวกัน แต่คล้ายนางแอ่นยั้งกระบวนท่าเอาไว้ ทำให้ถูกฝ่ายตรงข้ามแทงทะลุกลางอกของนางแอ่นเข้าจนได้
ด้านหลัง เหล่าทหารกังตั๋งคล้ายเริ่มเคลื่อนไหว พลังสะกดของนางแอ่นเพิ่งได้รับมา คงยังไม่มีประสิทธิภาพสูงนัก ผู้คนที่พื้นฐานแข็งแรงจึงฟื้นตัวได้รวดเร็ว นางแอ่นจึงไม่อาจรอช้า เปล่งเสียงคำรามกระแทกใส่ลกซุนตามสัญชาตญาณ เพียงหวังขับไล่ให้พ้นทาง
หากแต่ลกซุนปล่อยให้กระบี่หลุดมือ หงายหลังกุมหูคล้ายเจ็บปวดอย่างยิ่ง เพราะพลังโสตทิพย์ทำให้ประสาทหูทำงานได้ไวต่อเสียง แต่พอต้องเผชิญกับคลื่นเสียงรุนแรงกระแทกใส่ กลับกลายเป็นเภทภัยอย่างสูงสุด แก้วหูของลกซุนจึงแตกสลาย สะเทือนลามไปยังอวัยวะต่างๆ จนเลือดไหลทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด ล้มลงกลิ้งทุรนทุรายกับพื้น
นางแอ่นไม่ทันติดตามดูผลงาน เมื่อเปล่งเสียงขับไล่แล้ว ก็ทะยานขึ้นเรือเร็วพิเศษ บังคับให้เคลื่อนตัวล่องไปตามลำน้ำ ทิศทางเดียวกันกับพวกเหยี่ยวดำที่ยังลอยให้เห็นไกลๆ พร้อมฟุบร่างลงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสที่ถูกกระบี่เรืองแสงแทงปักอยู่นั้นเอง
…
กระเช้าเพียงล่องลอยตามกระแสน้ำย่อมเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าเรือเร็วพิเศษ เพียงไม่กี่อึดใจ คนสองกลุ่มจึงบรรจบกันอีกครั้ง พวกเหยี่ยวดำรีบย้ายมาขึ้นเรือเร็ว พร้อมทิ้งทุ่นระเบิดเท่าที่มี สกัดกั้นไม่ให้พวกกังตั๋งสามารถนำเรือไล่ตามพวกตนเองได้ทัน
หัวขวานแยกตัวมาใช้เวลาปรับแต่งกลไกเรือเร็วไม่นาน ก็สามารถเพิ่มประสิทธภาพการทำงานได้ดีขึ้น ทิ้งห่างพวกกังตั๋งไปได้จนหายลับสายตาไป ทั้งหมดค่อยพากันไปดูอาการของนางแอ่นที่นั่งหายใจหอบลึกอยู่ข้างซากร่างของจูล่ง ไม่อาจขยับเขยื้อนตัว เกรงว่า กระบี่เรืองแสงที่ปักอยู่จะส่งผลรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
โงโพ้สำรวจบาดแผลแล้ว ได้แต่สบตาส่ายหน้าให้กับหัวขวาน เหยี่ยวดำ ที่เปรียบเสมือนศิษย์อา นางแอ่นยังพอมีสติ อาจสายตาออก จึงแย้มยิ้มว่ากล่าวกับสองสมาชิกที่เป็นสหายกันมานาน “หากไม่ใช่พลังมังกรคืนสภาพต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ เราก็คงขาดใจตายไปนานแล้ว แต่จะอย่างไร กระบี่นี้คล้ายมีเวทมนตร์กำกับ หรือทำจากอุกกาบาตเช่นเดียวกันกับกระบี่สัตตดารา จึงยังเหนือกว่าพลังมังกรไปอีกขั้นหนึ่ง เราคงไม่รอดแล้ว”
ยามนี้ นางแอ่นมีพลังจิตสำนึกมังกรเข้ามาผนวกด้วย สติปัญญาจึงลึกซึ้งกระจ่างขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน จิตใจหนักแน่นพร้อมก้าวเดินสู่ความตายอย่างเยือกเย็น และกล่าวอย่างรวบรัด “พวกท่านจงให้อภัยต่อสามีของเราด้วยเถิด แม้ว่า มันจะเคยทำร้ายพวกเรามาหลายครั้งหลายครา หรือแม้แต่การตายของพี่ใหญ่ด้วยก็ตาม แต่วาระสุดท้ายของมัน ก็ได้เสียสละให้เพื่อช่วยเหลือพวกท่านให้รอดพ้นจากความตายมาจนได้”
นางแอ่นคล้ายยังมีเรื่องอื่นสั่งเสีย หากแต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว พลันกระตุกวูบแล้วสิ้นสติขาดใจตาย ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของเพื่อนร่วมขบวนการที่ผูกพันกันมาเนิ่นนาน
...
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภาค 7 - จอมทมิฬถิ่นสามานย์
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย