14 ต.ค. 2021 เวลา 12:22 • ปรัชญา
"อย่ารอให้จิตหมดแรง"
2
" ... ถ้าเราดูจิต ๆ ไป พอจิตมันหมดกำลัง
แล้วเราฝืนไม่ยอมไปทำสมาธิ ไม่ยอมให้จิตพักผ่อน
จิตมันจะพักผ่อนของมันเอง แล้วถ้าเราไม่รู้ทัน
เรายังนึกว่าเรายังเดินปัญญาอยู่ จริง ๆ ไม่เดินแล้ว
หลวงพ่อก็เคยผิด เพราะหลวงพ่อทำสมาธิแต่เด็ก
แล้วมันก็ไม่ได้อะไรนอกจากความสงบ
เดินปัญญาไม่เป็น จิตลึก ๆ ดูถูกการทำสมาธิ
ตรงนี้ผิด ย้ำว่ามันผิด
พอมาเจอหลวงปู่ดูลย์ ดูจิตดูใจเห็นมันเกิดดับได้
โอ๊ย สนุกมากเลย เจริญปัญญารวดไปเลย
ไม่ยอมทำสมาธิ ไม่ให้มันพักเลย
รู้สึกว่าถ้าจิตมันพักนี่เสียเวลา
มันพักมาตั้ง 20 กว่าปีแล้วไม่มีประโยชน์
นี้เข้าใจผิดหรอก
2
ฉะนั้นเวลาเราภาวนาถึงเราจะดูจิตดูใจ
ถึงเวลาเราต้องแบ่งเวลาไว้ทำในรูปแบบ
ทำกรรมฐานไหว้พระ สวดมนต์ไป
นั่งสมาธิ เดินจงกรมไป ทำให้ได้สมาธิ
เวลาอยากได้สมาธิอย่าอยากได้
ถ้าอยากแล้วไม่สงบหรอก
ให้เราอยู่กับเครื่องอยู่ของเราไป
เช่นหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่าง
ปล่อยให้มันทำจะสงบหรือไม่สงบ
เราไม่คาดหวังหรอก
ค่อย ๆ ฝึกไปเดี๋ยวมันสงบของมันเอง
ถ้าเราไม่ยอมทำสมาธิเลย จิตมันเหนื่อย
จิตมันจะหลบด้วยตัวของมันเอง
มันจะหลบไปอยู่ในความว่าง
พวกที่ดูจิต ๆ แล้วไปติดว่าง
เพราะจิตมันเหนื่อยแล้ว จิตต้องการพักแล้ว
เราก็ไม่ยอมทำสมาธิเสียที
จิตจะไหลไปอยู่ในความว่าง ออกไปอยู่ข้างนอก
อยู่ข้างหน้าว่าง ๆ สว่าง สบายอยู่อย่างนั้นเป็นปี ๆ ก็ได้
ที่จริงก็อยู่ได้เป็นกัป ๆ ด้วยซ้ำไป สำหรับพรหม
จิตไปว่างอยู่อย่างนั้น ดูช่องว่าง
เรียก อากาสานัญจายตนะ
บางทีก็ไปดูตัวผู้รู้ เพ่งอยู่ที่ตัวผู้รู้
จิตมันย้อนเข้ามาจับตัวผู้รู้
จะเห็นตัวผู้รู้ซ้อนตัวผู้รู้ไปเรื่อย ๆ
อันนั้นเรียกว่า วิญญาณัญจายตนะ
จิตมันหนีเข้าไปหาความสงบ
บางทีมันก็ทิ้งทั้งอารมณ์ ทิ้งทั้งจิต ไม่เอาอะไรเสียอย่าง
อันนั้นเรียกว่า อากิจจัญญายตนะ
นี้ก็เป็นที่หนีของจิตเหมือนกัน
แล้วมันก็เคลิ้ม ๆ ลงไปแทบจะหมดความรู้สึก
อันนั้นเป็น เนวสัญญานาสัญญายตนะ
มันเป็นที่ซ่อนที่หลบของจิต
เราอย่าไปรอให้จิตหมดแรง
แล้วหนีไปหาความสงบ เดี๋ยวติดนาน
เราแบ่งเวลาทุกวัน ๆ ทำในรูปแบบไปสักครึ่งชั่วโมง
สักชั่วโมงหนึ่งแต่ละวัน ให้จิตมันได้เรี่ยวแรง
มีกำลังแล้วมาเจริญปัญญา
ดูจิตเกิดดับโดยผ่านการเกิดดับร่วมกับเจตสิก
คือความสุข ทุกข์ ดี ชั่วทั้งหลาย
หรือดูจิตมันเกิดดับผ่านทางอายตนะ
คือจิตไปดูรูป ไปฟังเสียง ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
อย่างนี้เราก็จะเห็นจิตมันเกิดดับได้
แล้วพอจิตมันเดินปัญญาไปช่วงหนึ่ง
มันจะเริ่มถลำลงไปในอารมณ์
อย่างไปดูความโกรธแล้วถลำลงไปในความโกรธ
หรือดูความสุขแล้วจิตถลำไปในความสุข
หรือไปแช่ในความทุกข์
จิตถลำเพราะสมาธิไม่พอแล้ว
ฉะนั้นต้องตั้งใจแบ่งเวลาฝึกสมาธิให้ดีไว้
ทุกวันต้องซ้อมไว้ อย่างหลวงพ่อจิตมันถลำ
ออกไปอยู่ในช่องว่าง
ว่าง ๆ อยู่อย่างนั้นเสียเวลาเป็นปีเลย
บทเรียนที่หลวงพ่อสอน
มันแลกมาจากการที่หลวงพ่อทำผิดมา
ก็เลยมาเล่าให้พวกเราฟัง
จะได้ไม่เสียเวลาทำผิดเหมือนที่หลวงพ่อเคยทำผิด
เจริญปัญญารวดแล้วทิ้งสมาธินี้ผิดแน่นอน
อันนี้ต้องฝึกแบ่งเวลาไว้เลยทุกวัน ๆ
ยากไปไหม วันนี้เป็นเรื่องของการดูจิตล้วน ๆ เลย
ดูจิตก็เป็นสมาธิด้วย ถ้าเราไม่ยอมพักเลย
จิตมันพักของมันเอง ทำสมาธิของมันได้เอง
เข้าอรูปฌานเอง ไม่ต้องรอให้มันไปเข้าอย่างนั้น
แบ่งเวลาไว้ทำทุกวัน จิตจะได้มีกำลัง
ไม่เสียเวลานาน. ... "
.
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
2 ตุลาคม 2564
ติดตามการถอดไฟล์บรรยายฉบับเต็มจาก :
photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา