30 ธ.ค. 2021 เวลา 12:18 • ปรัชญา
"ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมมูล อริยมรรคถึงจะเกิด"
หลวงพ่อปราโมทย์: จิตต้องตั้งมั่น ตั้งมั่นเป็นคนรู้คนดู
พวกเราหลายคนทำกรรมฐานมากมาย
แต่สงสัยว่าทำไมมันไม่เกิดมรรคผลนิพพานตัวจริง
เพราะมันไม่มีปัญญานั่นเอง
ไม่มีปัญญาเห็นความจริงของรูปนาม
มันคิดแต่จะบังคับรูปนาม เพ่งรูปเพ่งนาม
เพ่งลูกเดียวนะ ไม่ใช่ปัญญาเห็นไตรลักษณ์
ทำไมไม่มีปัญญา
เพราะจิตไม่มีสัมมาสมาธิ จิตไม่ตั้งมั่น
จิตที่ตั้งมั่นสำคัญนะ
อย่างพระอยู่กับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ต้องคอยควบคุม
บางวันจิตตามรู้กายตามรู้ใจมากเข้าๆ
จิตกระจายๆ ออกไปนี่ ต้องเพิ่มสมถะละ
เพิ่มความสงบให้ใจตั้งมั่น
ตั้งมั่นแล้วขี้เกียจขี้คร้านอีก ต้องไล่อีกแล้ว
ให้ออกมารู้กายมารู้ใจนะ
เนี่ยเวลาทำกรรมฐานก็คล้ายๆ เราขับรถยนต์นะ
บางเวลาก็เหยียบเบรก เนี่ยทำสมถะ
บางเวลาเหยียบคันเร่งเจริญปัญญา
รถมันถึงจะไปถึงที่หมายได้
งั้นเราคอยดูนะ คอยดูกายคอยดูใจไป
ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น เป็นแค่คนดู
หลายคนทำมาหลายปีทำไมไม่ได้ผล
หลวงพ่อยกตัวอย่างนะ
อย่างตอนนี้ฝึกพองยุบเยอะ
ฝึกพองยุบแล้วเห็นท้องพองท้องยุบนะ
ถ้าจิตเราไม่ตั้งมั่นจิตเราจะไหลไปตั้งอยู่ที่ท้อง
จิตไปตั้งอยู่ที่ท้องเรียกว่าไปตั้งแช่ไม่ใช่ตั้งมั่น
เข้าไปแช่อยู่ที่ตัวอารมณ์
จิตตั้งมั่นเนี่ยมันจะอยู่ต่างหากจากอารมณ์
มันจะเห็นเลยร่างกายที่พองร่างกายที่ยุบเป็นของถูกดู
จิตอยู่ต่างหาก ต้องแยกรูปแยกนามให้ได้ก่อน
เพราะฉะนั้นก่อนจะเกิดวิปัสสนาญาณนะ
ญาณตัวแรกเลยนะเขาเรียกว่า “นามรูปปริจเฉทญาณ”
นามรูปปริจเฉทญาณคือแยกรูปกับนาม
เห็นเลยเห็นท้องมันพองท้องมันยุบไป
ใจเป็นคนดูอยู่ต่างหาก ใจมันตั้งมั่นอยู่ต่างหาก
ไม่ใช่ใจถลำไปอยู่ที่ท้องนะ
ตรงนี้ชอบดูลมหายใจก็ถลำไปอยู่ที่ลมหายใจ
ขยับมือทำจังหวะก็ไปเพ่งใส่มือ จิตไหลไปอยู่ที่มือ
เดินจงกรมจิตไหลไปอยู่ที่เท้า
ดูท้องจิตไหลไปอยู่ที่ท้อง
ดูอิริยาบถสี่เพ่งมันทั้งตัวเลย
อันนั้นเรียกว่าจิตไม่ตั้งมั่น
จิตถลำลงไปตั้งแช่ในอารมณ์
จิตต้องตั้งมั่นในการรู้อารมณ์ ตั้งมั่นในการรู้อารมณ์
สักว่ารู้อารมณ์ อยู่ต่างหากจากอารมณ์นี่เป็นอันหนึ่ง
ไหลเข้าไปรวมแช่อยู่กับอารมณ์เป็นอีกอันหนึ่ง
1
นี่พวกเราส่วนมากจิตไหลเข้าไปแช่อยู่กับอารมณ์
ไม่มีปัญญาจริงหรอก เกิดปัญญาไม่ได้
มันแช่ไปด้วยกัน
1
ยกตัวอย่างให้ฟังนะ คล้ายๆ เรา
ถ้าเรายืนอยู่บนบกริมคลองริมแม่น้ำ
เราอยู่บนบกเราไม่ได้ตกน้ำ
เราจะเห็นเลยในน้ำเดี๋ยวก็มีอันโน้นลอยมาอันนี้ลอยมา
เดี๋ยวกอผักตบลอยมา เดี๋ยวท่อนไม้ลอยมา
เดี๋ยวหมาเน่าลอยมา ลอยมาแล้วก็ลอยไป
เพราะว่าเราอยู่บนบก
2
แต่ถ้าเราตกลงไปในน้ำเราลอยไปกับมันนะ
เห็นมันอยู่อย่างนั้นน่ะ เห็นมันอยู่ทั้งวัน
ดูท้องก็เห็นท้องทั้งวันอยู่ทั้งวันนั่นแหละ
ลอยไปด้วยกัน งั้นต้องเป็นคนดูอยู่ต่างหาก
1
อย่างสายอภิธรรม อาจารย์แนบก็ชอบสอน
ต้องเป็นคนดูละครนะ
เป็นคนดูละครอย่าโดดเข้าไปในเวทีละคร
ถ้าพูดสมัยใหม่คนรุ่นเราชอบดูฟุตบอล
เราต้องดูฟุตบอลอยู่บนอัฒจันทร์นะ อย่าไปดูฟุตบอล
อยู่กลางสนามฟุตบอล เดี๋ยวถูกเขาเตะเอานะ ถูกกิเลสเตะเอา
งั้นเราต้องดูอยู่ห่างๆ เนี่ยเรียกว่าเราตั้งมั่น
ตั้งมั่นอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยินดียินร้ายกับมัน
เป็นกลางในการรู้
จิตใจอ่อนโยนนุ่มนวล ตั้งมั่น คล่องแคล่วว่องไวนะ
ไม่ไหลเข้าไป
เนี่ยอย่างนี้จิตใจถึงจะมีปัญญาจริงเกิดขึ้น
มันจะเห็นเลยทุกอย่างเกิดแล้วดับ ทุกอย่างเกิดแล้วดับ
เพราะจิตมันไม่หลงตามไป
จะเห็นแต่ทุกอย่างเกิดแล้วดับ
ถ้าไหลคู่กันไปมันคือการเพ่ง
มันจะแนบอยู่ที่อันเดียวนะ
เป็นการเพ่ง ได้สมถะ ได้แต่สมถะ
ถ้าจิตตั้งมั่นเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดู
ทางวัดป่าท่านจะเรียกว่าจิตผู้รู้
มีจิตผู้รู้ขึ้นมาเป็นคนดู
เป็นคนดูกาย ดูเวทนา ดูกุศลอกุศล
ก็จะเห็นกาย เห็นเวทนา
เห็นกุศลอกุศลล้วนแต่เกิดแล้วก็ดับ
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ใจตั้งมั่นเป็นคนดู
ปัญญาถึงจะเกิด
งั้นสติเป็นเครื่องระลึกรู้ว่า
มีอะไรเกิดขึ้นแปลกปลอมขึ้นในกายในใจ
สัมมาสมาธิเป็นความตั้งมั่นของจิตในการไปรู้อารมณ์
ไม่ถลำลงไป
ปัญญาก็จะเห็นความเป็นจริงคือเห็นไตรลักษณ์
ว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา
นี่สติสมาธิปัญญา ทำงานร่วมกันอย่างนี้นะถึงจะเกิดมรรคเกิดผลได้
ทำไมเกิดมรรคเกิดผลได้
เพราะว่ามีปัญญาแก่รอบแล้ว
มีสมาธิบริบูรณ์ขึ้นมานะ
ศีลสมาธิปัญญาพร้อมมูลขึ้นมานะ
อริยมรรคถึงจะเกิด
ตัวหนึ่งมากตัวหนึ่งน้อยกะพร่องกะแพร่งไม่เกิดหรอก
งั้นต้องมีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลาง
สักว่ารู้สักว่าเห็นนะ
ถึงจะเห็นความจริงของกายของใจ
ฟังเหมือนยากนะแต่ง่าย
.
แสดงธรรมที่ สวนสันติธรรม
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
ลำดับที่: ๘
File: 491123B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๗ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๕๙
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา