23 ก.พ. 2022 เวลา 14:56 • ธุรกิจ
วันนี้ธุรกิจหลักของ Starbucks คืออะไร
Starbucks เป็นยักษ์ใหญ่ด้านกาแฟระดับโลก มีแต่ McDonald’s เท่านั้นที่ใหญ่กว่า Starbucks ในแง่ของมูลค่าตลาดในอุตสาหกรรมร้านอาหารทั้งหมด แต่เชื่อหรือไม่ว่า ถ้า Starbucks เป็นธนาคารก็จะมีอันดับอยู่ที่ 385 ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา (สหรัฐอเมริกามีธนาคารและสถาบันเงินฝากจำนวนรวม 4,951 แห่ง ณ เดือนกันยายน 2564*)
จุดเริ่มต้นของ Starbucks และเศรษฐศาสตร์ของ Starbucks
โปรแกรมบัตรของขวัญมากมายทั้งในแอพมือถือและบัตรของขวัญ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เป็นจุดกำเนิดของ “เศรษฐศาสตร์ของ Starbucks” ง่ายและมีประสิทธิภาพยังไง มาดูกันเลยค่ะ
Starbucks ก่อตั้งแอพมือถือในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ สำหรับหนึ่งในแอพประเภทนี้ และในปัจจุบัน คำสั่งซื้อมือถือ คิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของธุรกรรมของ Starbucks ทั้งหมด
ร้านแรกของ Starbucks เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ในตัวเมือง Seattle ในช่วงปีแรก ๆ ของการดำเนินงาน Starbucks ขยายอย่างช้าๆ และเฉพาะใน Seattle เท่านั้น จนเมื่อเจ้าของเดิมขายบริษัทให้ Howard Schultz ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดในขณะนั้น และเริ่มขยาย Starbucks ออกนอกเมืองและแนะนำชาวอเมริกันให้รู้จักกับสิ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักแบบ espresso ที่อิตาลีดื่ม พวกเขาก่อตั้งขึ้นบนวัฒนธรรมร้านกาแฟที่พวกเขาทำเครื่องดื่มแต่ละอย่างด้วยมือ
เมื่อ Starbucks เติบโตขึ้นและมีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน มีเครื่องดื่มต่างกัน 170,000 ชนิด เครื่องดื่มเหล่านี้อาจซับซ้อนมาก เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาทานได้หลากหลาย และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีราคาสูงกว่าเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ต่าง ๆ มากมาย แม้ว่าอาจจะยุ่งยากมากขึ้นสำหรับพนักงานบาริสต้า
ทีนี้ เรามารู้จักเศรษฐศาสตร์ของ Starbucks แบบง่ายๆ กันค่ะ
  • 1.
    Active Starbucks® Rewards Membership ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 25 ล้านสมาชิกในปี 2564 มากกว่าปีก่อน 28%
  • 2.
    เกือบ 1/2 หรือ 44 เปอร์เซ็นต์ของการทำธุรกรรมทั้งหมดที่ Starbucks จะทำด้วยบัตร Starbucks
  • 3.
    ลูกค้า Starbucks จำนวนมากใช้บัตร Starbucks หรือแอพมือถือ Starbucks เพื่อซื้อสินค้า
  • 4.
    มีเงินสดประมาณ 2.4 พันล้านดอลลาร์ที่อัปโหลดโดยลูกค้าเพื่อใช้ในภายหลัง ซึ่งเงินจำนวนนั้นก็คือ เงินฝาก หาก Starbucks คือธนาคาร
  • 5.
    Starbucks ได้รับข้อมูลจำนวนมากและเป็นเจ้าของข้อมูลจำนวนมากในลักษณะที่หลายๆ บริษัทไม่มี เพราะได้สร้างระบบนิเวศที่ผู้คนใช้แอป Starbucks เพื่อสั่งซื้อและชำระเงินผ่านมือถือ และเป็นระบบที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Starbucks
2
ความเข้มแข็งจากภายในวัฒนธรรมองค์กร
หัวใจของธุรกิจ Starbucks คือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบาริสต้าและลูกค้า และวัฒนธรรมภายในจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้บริหารและพนักงาน บาริสต้าคือหุ้นส่วนและเป็นศูนย์กลางของอุดมการณ์ของบริษัท และจะได้หุ้นที่เรียกว่า Bean Stock
ความท้าทายจากภายใน ที่มักสร้างแรงกดดันมากกว่าปัจจัยภายนอก
แต่ก็เหมือนกับทุกธุรกิจที่ความท้าทายสามารถเกิดจากทั้งปัจจัยภายนอก คือ ตลาด เศรษฐกิจ คู่แข่ง กฏเกณฑ์ต่างๆ และปัจจัยภายใน คือ การบริหารจัดการ พนักงาน และวัฒนธรรมภายใน
การปรับเปลี่ยนให้ไปต่อได้ในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด
Starbucks สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้ดีในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด จากเดิมที่ปริมาณธุรกรรมถึง 80% คือเกิดขึ้นภายในร้าน โดยมีเพิ่มเติมทั้งในส่วน drive thru และการให้บาริสต้า เดินนำกาแฟออกมาส่งให้ลูกค้าที่นอกร้าน สะท้อนจากผลประกอบการล่าสุดในปี 2564 ที่ยังเติบโตได้ดี
  • รายได้รวม Consolidated net revenues 29.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน
  • การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Comparable Store Sales) เพิ่มขึ้น 20% ทั่วโลก (เพิ่มขึ้น 16% ในทวีปอเมริกาเหนือ) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งมูลค่าการซื้อต่อครั้ง (+10%) และความถี่ของธุรกรรมโดยเปรียบเทียบ (+9%)
การเผชิญหน้ากับแรงผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากภายใน
ห่วงโซ่กาแฟที่ใหญ่ที่สุดนี้ กำลังถูกท้าทายจากปัจจัยภายในที่เคยเป็นความเข้มแข็งขององค์กร และเป็นแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันเริ่มมีบางสาขาของ Starbucks เช่นที่ Buffaloes โหวตสนับสนุนการรวมตัวของสหภาพแรงงาน ซึ่งผู้บริหารมีความเห็นแตกต่าง เพราะต้องการรักษาความสัมพันธ์โดยตรงกับพนักงาน และมีแถลงการณ์ที่ส่งไปยังวารสาร Starbucks ว่า
“Starbucks คือ ความสำเร็จทั้งในอดีตและปัจจุบันและอนาคต สร้างจากการที่เราร่วมมือเป็นพันธมิตร กับพันธกิจและค่านิยมที่เป็นแกนหลักของเรามาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น เราอยู่ในความเชื่อของเราว่าเราดีขึ้นร่วมกันในฐานะหุ้นส่วน โดยปราศจากสหภาพแรงงานระหว่างเราที่ Starbucks และความเชื่อมั่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง”
รูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ประกอบด้วย หลายส่วนหลายมิติที่ออกแบบให้เชื่อมต่อและสอดคล้องในการบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ กิจการอาจสามารถปรับเปลี่ยนและรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายทางเศรษฐกิจและการแข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีและการสร้างความได้เปรียบ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากกว่าคือ คนที่ร่วมอยู่ในองค์กร จนเกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งจนคู่แข่งยากที่จะเลียนแบบ
และนั่นเป็นโอกาสสำหรับพวกเราทุกคนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จขององค์กร ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีเสมอไป โดยเฉพาะในธุรกิจที่เทคโนโลยีอาจไม่สามารถเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีเท่ากับคนที่สนุกในงานที่ทำ และนั่นคือการอยู่ร่วมกันของคนและเทคโนโลยีในโลกอนาคต
แล้วติดตามกันต่อในตอนต่อๆ ไป กับ Manage Your Money ค่ะ
*Reference:
As of 2018, the largest banks in the United States were JPMorgan Chase, Bank of America, Wells Fargo, Citigroup, and Goldman Sachs. It is estimated that banking assets were equal to 56 percent of the U.S. economy. As of September 8, 2021, there were 4,951 commercial banks and savings institutions in the U.S. https://en.wikipedia.org/wiki/Banking_in_the_United_States
The Economics of Starbucks, Wall Street Journal

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา