2 มี.ค. 2022 เวลา 11:00 • การเกษตร
Excelsa และ Liberica
ทำความรู้จัก 2 สายพันธุ์กาแฟที่ชื่อไม่คุ้นหู
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับคนยุคนี้กันไปแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเมล็ดกาแฟที่ร้านกาแฟหรือแม้แต่กาแฟที่ซื้อมาชงเองนั้นมักจะมาจาก 2 สายพันธุ์หลักๆ ที่เป็นชื่อที่คุ้นเคยกันดีอย่างสายพันธุ์อราบิก้าและโรบัสต้า และต่างก็มีความเกี่ยวข้องทางด้านเศรษฐกิจมากที่สุด ซึ่งคิดเป็น 90% ของการผลิตกาแฟทั่วโลก
นอกจาก 2 สายพันธุ์นี้แล้ว ยังมีอีก 2 สายพันธุ์ ที่นับเป็นสายพันธุ์หลักของกาแฟ นั่นคือ สายพันธุ์เอ็กเซลซ่า (Excelsa) และลิเบอริก้า (Liberica) ในวันนี้เราไปทำความรู้จักกาแฟ 2 สายพันธุ์นี้กัน
เอ็กเซลซ่า (Excelsa)
ได้รับการจัดใหม่เป็นสายพันธุ์เดียวกับลิเบอริก้า นั่นเป็นเพราะสามารถเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน และมีลักษณะเป็นต้นสูง แต่จริงๆ แล้วกาแฟกลับมีความแตกต่างกันอย่างมากจนหลายๆ คนยังคงคิดว่าเป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง
แม้จะบอกว่าแถบแอฟริกาเป็นถิ่นกำเนิดของกาแฟสายพันธุ์ แต่กลับพบว่านิยมปลูกกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ซึ่งถ้านับจากทั่วโลกพบว่ามีการปลูกอยู่เพียง 5-7% ของกาแฟทั่วโลกเท่านั้น
กาแฟสายพันธุ์นี้เติบโตได้ดีที่ระดับความสูง 1,000 – 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล สามารถปลูกได้ง่าย ทนทานต่อความแห้งแล้ง ทนทานต่อโรค และให้ผลผลิตสูง รสชาติมีความเป็นผลไม้ที่มากกว่าลิเบอริก้ามาก นิยมนำมาใช้เบลนด์ในกาแฟตัวอื่น ให้มีรสชาติและความซับซ้อนมากขึ้น
ลิเบอริก้า (Liberica)
เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์หลักของกาแฟที่พบได้น้อยมากๆ ในปัจจุบัน คิดเป็น 2% ของกาแฟทั่วโลก นอกจากนี้กาแฟสายพันธุ์นี้ก็มีเรื่องราวที่สำคัญๆ ที่น่าสนใจที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกกาแฟ และเราก็นำมาฝากผู้อ่านทุกๆ ท่านอีกด้วย
กาแฟสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในปี ค.ศ.1890 หลังจากที่มีการเกิดโรคราสนิมระบาดหนักในกาแฟ และส่งผลต่อกาแฟอราบิก้าไปทั่วโลก เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟและรัฐบาลประเทศต่างๆ ได้พยายามต่อสู่เพื่อหาหนทางแก้ไข และประเทศฟิลิปปินส์ก็เป็นประเทศแรกที่ใช้กาแฟลิเบอริก้าในการแก้ไขสถานการณ์ เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ทนทานต่อโรคได้ดี ซึ่งในขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา ช่วยทำให้ฟิลิปปินส์มีชื่อเสียงในฐานะซัพพลายเออร์กาแฟในสมัยนั้น
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปดั่งใจ หลังจากที่ฟิลิปปินส์ได้รับเอกราชคืน สหรัฐอเมริกาได้แก้เผ็ดด้วยการยุติการนำเข้าพืชผลสำคัญๆ จากฟิลิปปินส์ รวมทั้งกาแฟด้วยเช่นกัน ทำให้ฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบด้านเศรษกิจอย่างมาก ตลาดกาแฟลิเบอริก้าก็ถึงคราวย่ำแย่ และกินเวลายาวนานหลายทศวรรษ
จนกระทั่งปี ค.ศ.1995 นักอนุรักษ์ในฟิลิปปินส์ได้มีความพยายามอนุรักษ์กาแฟลิเบอริก้าอีกครั้ง โดยนำไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม และทำให้ลิเบอริก้าได้ปรากฎตัวในโลกกาแฟอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตลาดของกาแฟลิเบอริก้ากลับมาเฟื่องฟูได้ เพราะความนิยมของกาแฟอราบิก้าที่มีอย่างล้นหลาม บวกกับการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดการลดจำนวนของกาแฟลิเบอริก้าอีกครั้ง
ลักษณะของเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ลิเบอริก้ามีขนาดใหญ่กว่าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อื่น มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ เติบโตได้ดีในที่ร่มและดินที่มีการระบายน้ำดี แม้จะมีต้นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตก แต่พบว่ามีการปลูกในมาเลเซียและฟิลิปปินส์เป็นหลัก
ว่ากันว่าเมล็ดกาแฟมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ประกอบด้วยกลิ่นหอมดอกไม้และผลไม้ มีรสชาติเข้มข้น มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย แต่กลับมีรสชาติไม้และมีกลิ่นป่ามากเกินไปนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของสายพันธุ์กาแฟหลักๆ ที่มีชื่อไม่คุ้นหู ที่เราได้นำมาฝากนักอ่านทุกๆ ท่าน ในครั้งถัดไปจะมีเรื่องราวอะไรให้ได้ติดตามกันอีก รอติดตามกันได้เลย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
- Inbox Facebook : http://m.me/bluekoff
#Bluekoff #BluekoffCoffee #BluekoffShowroom #BluekoffTrainingCenter #Coffee #Specialtycoffee
โฆษณา