วันนี้เรามาดูว่าอังกฤษออกแบบการหารายได้และบริหาร the Great Exhibition of 1851 อย่างไร จึงประสบความสำเร็จทั้งความยิ่งใหญ่อลังการและกำไรมากมาย พร้อมกับไทม์แมชชีนไปชม Great Exhibition กับ “Explore the virtual tour with Fran Scott”
The Great Exhibition of 1851 จัดที่ Crystal Palace ในลอนดอน เปิดงานโดย Queen Victoria และ Prince Albert เป็นอาคารเรือนกระจกใน Hyde Park สุดตระการตา เป็นต้นแบบของการจัดงานแสดงสินค้าในยุคแรกแบบ self-financing และเชื่อหรือไม่ว่าเพียง 6 เดือนของการจัดแสดงสร้างกำไรถึง £186,000 (เทียบเท่า £18,370,000 ในปี 2015)
ในครั้งนั้น มีผู้ชมมากกว่า 6,000,000 คน หรือเท่ากับ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของอังกฤษในเวลานั้น ระหว่างที่เปิดการแสดงตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ถึง 11 ตุลาคม 1851 มีผู้ชมเฉลี่ยถึง 42,831 คนต่อวัน และสูงสุดในช่วงท้ายการจัดแสดงในวันที่ 7 ตุลาคมด้วยผู้ชมมากถึง 109,915 คน
การออกแบบรูปแบบการจัดงานแสดง
Prince Albert และ Henry Cole เป็นผู้จัดงานคนสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ในครั้งนี้
Henry Cole คือ a council member of the Society of Arts ซึ่งภายหลังได้รับ Royal Charter และเปลี่ยนชื่อเป็น “the Royal Society for the Encouragement of Arts, Manufacturers and Commerce”
แม้ว่าวัตถุประสงค์การจัดงานในตอนแรกจะเน้นเพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของงานศิลป์ อุตสาหกรรม และการค้าระหว่างประเทศ และการมีส่วนร่วมจากประเทศทั่วโลก แต่ในที่สุดก็เน้นการจัดแสดงสินค้าโดยจักรวรรดิอังกฤษในสัดส่วนที่มากกว่า ซึ่งอาจเป็นเพราะมีความพร้อมและความสะดวกในการจัดแสดงที่มากกว่า
งานจัดแสดงแบ่งได้เป็น 2 มิติ คือ ในส่วนตะวันตกของ Crystal Palace เป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้าโดยอังกฤษและอาณานิคม ขณะที่ในส่วนตะวันออกจัดแสดงสินค้าจากต่างประเทศ
สินค้าที่จัดแสดงสามารถแบ่งได้เป็น 4 หมวดอย่างกว้าง คือ
- ★วัตถุดิบ (raw materials)
- ★เครื่องจักร (machinery) เช่น “Chemical and pharmaceutical processes and products” และ “Civil engineering, architectural and building contrivances” เป็นต้น
- ★การผลิต (manufactures)
- ★งานศิลป์ (fine arts) ซึ่งรวมถึงงานสถาปัตยกรรม งานปั้น แต่ไม่รวมภาพเขียน
มีสินค้าร่วมจัดแสดงมากกว่า 100,000 รายการ โดยผู้จัดแสดงมากกว่า 14,000 ราย จากทั่วโลก
การออกแบบและก่อสร้าง Crystal Palace
อังกฤษต้องการแสดงศักยภาพที่เหนือกว่าฝรั่งเศส ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดงาน the French ‘Industrial Exposition’ of 1844 และไม่ใช่เฉพาะขนาดของงานที่ใหญ่กว่าเท่านั้น แต่ยังต้องการความตระการตาที่เหนือกว่าด้วย
The firm of Fox and Henderson ชนะการประกวดออกแบบและมี Joseph Paxton เป็นผู้ออกแบบในครั้งนี้ ด้วยอาคารเรือนกระจกและโครงเหล็ก ใช้ทหารมากถึง 5,000 คน ในการก่อสร้างอาคารขนาดความยาว 564 เมตร และความสูง 33 เมตร และสามารถสร้างได้สำเร็จตามแผนและกำหนดเปิดงานแสดงในวันที่ 1 พฤษภาคม 1851
เรามาไทม์แมชชีนไปดูภาพแสดงภายในการจัดงานที่วาดโดย Louis Haghe, Joseph Nash, David Roberts จากหนังสือ “Dickinsons' Comprehensive Pictures of the Great Exhibition of 1851”
Reference: Londonist, “Dickinsons' Comprehensive Pictures of the Great Exhibition of 1851”
การออกแบบรูปแบบการหารายได้ (Revenue Model)
รัฐบาลอังกฤษในเวลานั้นไม่สนใจการจัดแสดง และกำหนดเงื่อนไขการจัดแสดงว่าต้องจัดหาเงินทุนดำเนินการเองในลักษณะ Self-financing ทำให้ผู้จัดงานออกแบบให้โครงการคุ้มทุนดำเนินการในเรื่องหลักๆ คือ
1. รูปแบบอาคารที่แยกชิ้นส่วนได้ (removable) เพื่อให้สามารถถอดแยกชิ้นแล้วนำไปประกอบใหม่เพื่อใช้ประโยชน์ในสถานที่อื่น และวัตถุประสงค์อื่นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังการจัดแสดง Great Exhibition ก็ได้ถอดชิ้นส่วน และปรับแบบบางส่วน (remodel) ย้ายไปใช้งานอีกหลายแห่ง
2. การกำหนดราคาบัตรเข้าชมงานแสดง ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่เข้าชม และปรับตามกลุ่มเป้าหมายผู้ชมในแต่ละช่วงเวลา เช่น
ราคาเหมาเข้าชมได้ตลอดการจัดแสดง (season ticket)
2 quineas (เทียบเท่า £200 ในปี 2015)
ราคาบัตรขายต่อวันที่เข้าชม
£ 1 ต่อวัน ในช่วง 2 วันแรก ซึ่งมีการซื้อบัตรเข้าชมงานในวันแรกมากถึง 2,500 ใบ
5 shillings ต่อวัน จนถึง 22 พฤษภาคม
1 shillings ต่อวัน จนสิ้นสุดการจัดแสดง (เทียบเท่า £5 ในปี 2015)
ยกเว้นวันศุกร์ (2 shillings) และวันเสาร์ (5 shillings)
กลยุทธ์ราคา 1 shillings ประสบผลสำเร็จอย่างท่วมท้น มีคนชนชั้นแรงงานในขณะนั้นหลั่งไหลเดินทางมาชมงานด้วยรถไฟที่อังกฤษเพิ่งสร้างเสร็จในช่วงนั้นพอดี และร่วมประชาสัมพันธ์งานด้วยการให้ส่วนลดบัตรโดยสารรถไฟ ทำให้เดินทางทั่วอังกฤษได้อย่างสะดวกมาก ทำรายได้เฉพาะจากบัตรราคา 1 shillings ได้สูงถึง 4,500,000 shillings (เทียบเท่า £22,000,000 ในปี 2015)
Reference: Wikipedia
บทสรุปจากการเรียนรู้ the Great Exhibition of 1851
1. The Great Exhibition of 1851 ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากว่า เป็นการจัดแสดงด้านอุตสาหกรรมระดับนานาชาติครั้งแรกในโลก และมีอิทธิพลต่อการจัดงานแสดงในเวลาต่อมาที่ Paris, Dublin, New York, Vienna และ Chicago ซึ่งจัดแสดงโดยเฉลี่ยเกือบปีละครั้งตลอดศตวรรษที่ 19
2. กำไรที่ได้จากการจัดงานได้นำมาริเริ่มอีกหลายโครงการพิพิธภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกัน (“Albertopolis”) คือ the Victoria and Albert Museum, the Science Museum, the Natural History Museum รวมถึงการจัดตั้งกองทุน Education Trust ให้ทุนสนับสนุนงานวิจัยด้านอุตสาหกรรม ซึ่งยังคงมีอยู่จนในปัจจุบัน และในบริเวณเดียวกันยังประกอบด้วย Imperial College of Science, the Royal Colleges of Art, Music and Organists อีกด้วย และถือเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกของ “Complex Museum”
แล้วมาติดตามกันต่อในตอนถัดไป กับ Manage Your Money ค่ะ
References :
The Great Exhibition 1851
Ever Wondered What The 1851 Great Exhibition Was Like? | Londonist
The Great Exhibition of 1851 | The Gazette
The Great Exhibition Virtual Tour - Hyde Park - The Royal Parks
Great Exhibition - Wikipedia
- 7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
