19 มี.ค. 2022 เวลา 02:00 • ธุรกิจ
หลายสัปดาห์นี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นรอบตัวเราทั่วโลก ข่าวสงครามยูเครน-รัสเซีย การคว่ำบาตรที่มีหลายฝ่ายเคลื่อนไหวกันรายวัน เงินเฟ้อ และอื่นๆ ที่ทำให้เรื่องเงินๆ ทองๆ ยากขึ้นมาก ช่องทางการลงทุนก็แคบและเหวี่ยงจนหลายคนกล้าๆ กลัวๆ สิ่งที่เห็นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง การวิ่งตามสถานการณ์รายวัน ยิ่งทำให้เราสับสนและอาจหลงทาง
2
เมื่อวานนี้ที่ Paul Krugman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล "the Nobel Memorial Prize 2008 in Economic Sciences for his contributions to New Trade Theory and New Economic Geography” ได้ออกมา Tweet เรื่องการศึกษาประวัติศาสตร์ และพูดถึงเหตุการณ์ช่วงสงคราม Arab-Israeli ครั้งที่ 1 (1948-9) ว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียในปัจจุบัน
2
Reference: Twitter
เรามาไทม์แมชชีนกันไป ณ​ จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่ Paul Krugman พูดถึง
วันที่ 29 พฤศจิกายน 1947 : the United Nations (“UN”) ประกาศ “Resolution 181 (“Partition Resolution”) ซึ่งแบ่งดินแดน Palestinian Mandate ของอังกฤษเป็น Jewish และ Arab States ในเดือนพฤษภาคม 1948 โดยที่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์รอบ Jerusalem ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลโดย UN
1
  • Palestinian Arabs ปฏิเสธประกาศดำเนินการนั้น เพราะมองว่าไม่เป็นธรรมต่อชาวอาหรับที่ยังอาศัยในพื้นที่ที่ถูกแบ่งแยกทั้งสองนั้น
  • ขณะที่ Jewishs มีความหวังในการดำเนินการตาม Partition Resolution ได้สำเร็จ และเริ่มมีการปะทะระหว่างสองฝ่ายในเมืองต่างๆ เป็นต้นมา
Reference: Wikipedia
วันที่ 14 พฤษภาคม 1948 : Israel ประกาศวันอิสรภาพ (Independence)
1
ในค่ำคืนของวันประกาศอิสรภาพของ Israel นั้น
  • ชาติ Arabs ได้โจมตีทางอากาศที่ Tel Aviv และตามมาด้วยกองทหารที่ประกอบด้วย Palestinian Arabs, Syria, Iraq และ Egypt ขณะที่ Saudi Arabia เข้าร่วมภายใต้การบัญชาการของ Egypt
  • ขณะที่ Israel ได้รับความช่วยเหลือทางการทหารจากอังกฤษ และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากการระดมทุนในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งได้รับอาวุธและยุทธปัจจัยที่เหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เพิ่งสิ้นสุดลง
2
Reference: Wikipedia
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1949 : UN ได้เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจา
  • ซึ่งบรรลุข้อตกลงในขณะนั้น (armistice agreements) ระหว่าง Israel กับแต่ละประเทศ คือ Egypt, Lebanon, Transjordan และ Syria
  • ทำให้ Israel ได้ครอบครองดินแดนบางส่วนซึ่งเคยเป็นของ Palestinian Arabs ภายใต้ UN Resolution ในปี 1947
  • ขณะที่ Egypt และ Jordan ยังคงควบคุม Gaza Strip และ West Bank ตามลำดับ
1
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากดินแดนในปกครองคืออะไร?
  • 713,000 Palestinian Arabs ที่เดินทางออกนอกพื้นที่สงคราม กลายเป็น Palestinian refugees เนื่องจากถูกกดดันให้ออกจากพื้นที่โดย Jewishes ขณะที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติ Arabs อื่นๆ ให้ออกจากพื้นที่ก่อน แล้วค่อยกลับไปเมื่อชนะสงคราม ซึ่งไม่เคยได้รับชัยชนะ
  • Jewishs ทุกคนได้รับคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่โดยเด็ดขาด
  • กำลังทหาร Jewishes ที่เพิ่มขึ้นหลายหมื่นคนจาก 30,000-35,000 เมื่อเริ่มสงคราม เป็นเกือบ 65,000 คน จากการเคลื่อนย้ายเข้ามาในประเทศ (migration) และ Jewishes ทุกคนได้รับการฝึกฝนเรื่องการต่อสู้
1
และข้อตกลง Armistice นี้ก็ดำรงอยู่ได้จนถึงปี 1967 เท่านั้น และมีเหตุการณ์ขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างประเทศก่อนหน้านั้น โดยมีผลประโยชน์มหาศาลเป็นเดิมพัน
การสู้รบที่มีข้อสรุปการเจรจาอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงปี แต่ไม่เคยสงบอย่างแท้จริงเป็นเวลาเกือบศตวรรษ
1
  • ในปี 1956 ที่เกิดเหตุการณ์ Suez Crisis หลังจากที่ Egypt ได้กำหนดให้ Suez Canal เป็นของรัฐบาล (Nationalized) ทำให้ อังกฤษ ฝรั่งเศส และ Israel รวมตัวกันมาโจมตี Egypt และยึด Suez Canal แต่เพียงไม่นานก็ถอนกองทหารไปเนื่องจากได้รับแรงกดดันจากนานาชาติ
1
  • และในปี 1967 นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Israel ในการโจมตี Egypt, Jordan และ Syria ในสงคราม 6 วัน (the Six-Day War of 1967) ซึ่งทำให้ Israel ได้ครอบครองพื้นที่จำนวนมากในดินแดน Arab
1
  • หลังจากนั้นมีเหตุการณ์สู้รบระหว่างกันต่อเนื่องอีกกว่า 3 ทศวรรษ ที่ขยายพื้นที่การปะทะยึดครองโดย Israel ถึง Lebanon และความต่อเนื่องของเหตุการณ์ในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะไม่พูดถึงในรายละเอียดในบทความนี้
1
มีข้อสังเกตว่า ในช่วงเดียวกับที่เกิดเหตุการณ์ Arabs-Israel war ครั้งที่ 1 นี้ เป็นช่วงแรกของยุคสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกา และรัสเซีย (1945-52)
ขณะนั้นสหรัฐอเมริกาก้าวออกมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยสถานะของชาติมหาอำนาจของโลก อันโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร
ในระหว่างที่สงครามดำเนินอยู่นั้น สหรัฐฯ ก็สามารถดึงเศรษฐกิจให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Depression) ได้สำเร็จด้วยภาคการผลิตและอุตสาหกรรม (wartime production) ที่สร้างกำไรมหาศาล
1
เป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการเมืองโลกอย่างเต็มตัว
1
  • นโยบายการต่างประเทศ ที่เน้นการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกับประเทศในยุโรปและเอเชีย ที่ต้องการการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม
  • การเป็นสมาชิกชาติแรก ของ UN เพื่อส่งเสริมความมั่นคง การค้า กฏหมาย ระหว่างประเทศ
  • การให้ความสนใจอย่างมากกับชาติอาณานิคมของยุโรปที่ต้องการอิสรภาพ
1
ในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของสหรัฐฯ นี้เอง อีกฟากหนึ่งของโลกคือ รัสเซีย ก็เริ่มแสดงจุดยืนที่ตรงข้ามกับสหรัฐฯ และแสดงความสนใจที่จะมีอิทธิพลในฟากยุโรปตะวันออก
1
สหรัฐฯ จึงได้รวมตัวกับประเทศตะวันตก เพื่อคานอำนาจกับรัสเซียที่จะขยายอิทธิพลในภูมิภาค โดยเฉพาะการปกครองระบบคอมมิวนิสต์ (Communism) ในช่วงนี้เองที่ สหรัฐฯ ได้ปฏิรูปทางการทหารและหน่วยข่าวกรอง (Intelligence forces) ซึ่งเป็นกลไกหลักในนโยบายการดำเนินงานของสหรัฐฯ ในยุคสงครามเย็น (U.S. Cold War policy)
1
มันเป็นความประจวบเหมาะของเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ในเวลาที่ต่อเนื่องกันอย่างนั้นหรือ?
เมื่อลองเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาแตกต่างกันถึงเกือบ 100 ปี ก็สะท้อนในหลายประเด็นที่น่าสนใจอย่างมากอย่างที่ Paul Krugman ได้กล่าวเป็นนัยไว้
1
จนถึงปัจจุบันแหล่งเงินทุนที่สนับสนุน Israel หลักก็ยังเป็นสหรัฐอเมริกา และ Israel มีการจัดสรรงบประมาณทางการทหารที่สูงถึง 12% ของงบประมาณในปี 2020
1
แล้วมาติดตามกันต่อในตอนถัดไป กับ Manage Your Money นะคะ
References :
โฆษณา