5 เม.ย. 2022 เวลา 14:47 • ธุรกิจ
เมื่อวานตอนปิดงานเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้า กับผู้ว่าการ ธปท.” ผู้ว่าการ ธปท.ได้เอ่ยถึงนิทานกรีกโบราณเรื่อง “เรือสําเภาของธีเซียส” พร้อมกล่าวว่า
“รูปแบบของความท้าทายจะทําให้ดูเหมือนว่าโลกของเราเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ถ้าเรามองไปลึก ๆ แล้ว หลายอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม จากที่เคยเกิดฟองสบู่ทิวลิป ตอนนี้ก็อาจจะเป็นฟองสบู่คริบโตฯ เราเห็นประวัติศาสตร์ที่คอยซ้ำรอยเดิมอยู่เสมอ ทั้งหมดนี้ เพราะลึก ๆ แล้ว มนุษย์ยังมีธรรมชาติเหมือนเดิม มีความต้องการอิสระ ความโลภ ความอยากรู้อยากเห็น มนุษย์ทุกวันนี้ไม่ได้ต่างไปจากมนุษย์เมื่อร้อยปีหรือพันปีที่แล้ว”
1
วันนี้จะชวนพวกเรามาเรียนรู้ปรัชญากรีก ผ่านนิทาน “เรือสำเภาของธีเซียส” กันค่ะ
สำเภาของธีเซียส หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่าปฏิทรรศน์ธีเซียส (Theseus' paradox) เป็น การทดลองทางความคิด (Thought experiment) ที่ตั้งคำถามว่า หากวัตถุหนึ่งค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยส่วนประกอบใหม่ วัตถุดังกล่าวนั้นยังคงเป็นวัตถุเดิมโดยสภาพพื้นฐานหรือไม่
หลายคนกล่าวว่าการทดลองทางความคิดนี้เป็น "แบบจำลองสำหรับนักปรัชญา" ที่นักปรัชญามีทั้งที่ตอบว่า "วัตถุนั้นยังคงเป็นวัตถุเดิม" และที่ตอบว่า "วัตถุนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว"
เรื่องราวของธีเซียส (Theseus)
ธีเซียสเป็นเทพเจ้าผู้ก่อตั้งกรุงเอเธนส์ ทุกปีชาวเอเธนส์จะมีการเฉลิมฉลองเทพเจ้าอะพอลโล ในการเฉลิมฉลองนี้ ต้องใช้เรือที่เชื่อกันว่าเป็นเรือสําเภาของธีเซียสมาประกอบพิธี เรือน้ีเมื่อถูกใช้ทุกปี ใบของเรือก็เสื่อมสภาพ จําเป็นต้องเปลี่ยนใบใหม่ เมื่อแผ่นไม้ผุพังก็ต้องเปลี่ยนไม้ใหม่ ผ่านไปหลายร้อยปี ชิ้นส่วนทุกอย่างในเรือก็ถูก เปลี่ยนไปทั้งหมด จึงมีนักปราชญ์ชาวกรีกตั้งข้อสังเกตว่า เรือลํานี้ยังเป็น “สําเภาของธีเซียส” อยู่หรือไม่
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
1
ธีเซียสเป็นวีรบุรุษในตำนานผู้ยิ่งใหญ่แห่งเอเธนส์ บางครั้งก็ถูกกล่าวถึงในบทบาทบุตรชายของกษัตริย์ Aegeus และบางครั้งก็ถูกกล่าวถึงในบทบาทของ God Poseidon เรื่องราวย้อนไปเมื่อครั้งที่กษัตริย์ Aegeus ผู้ไม่มีลูก ได้ถามมหาปุโรหิต (high priest) แห่ง Temple of Apollo at Delphi แต่ไม่เข้าใจคำทำนายนั้น จึงได้ปรึกษากษัตริย์ Pittheus, king of Troezen ซึ่งเข้าใจความหมาย และคืนนั้นเองก็ได้ยกบุตรสาวของตนคือ Aethra ให้แก่กษัตริย์ Aegeus ซึ่งในคืนนั้นขณะที่กษัตริย์ Aegeus ยังหลับอยู่ Aethra ได้ออกเดินทางไปยังเกาะ Sphairia ใกล้ๆ ชายฝั่ง ตามคำแนะนำของ Goddress Athena ในความฝัน และได้พบกับ God Poseidon ในคืนนั้นเช่นกัน แล้วธีเซียสก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมกับพลังอันยิ่งใหญ่ อันเป็นเรื่องราวของ Greek heroes
เรื่องราวที่โดดเด่นอย่างมากและเป็นที่มาของปริศนา “สำเภาของธีเซียส” หรือปฏิทรรศน์ธีเซียส (Theseus' paradox) คือ เรื่องราวในช่วงที่ ธีเซียสได้แล่นเรือออกจากเกาะครีต และสังหารมิโนทอร์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัววัวและตัวคน หลังธีเซียสกลับมา เรือของเขาคงอยู่ที่ท่าเรือเอเธนส์เพื่อเป็นอนุสรณ์ตลอดหลายศตวรรษ แน่นอนว่าแผ่นกระดานของเรือเริ่มผุพังและค่อยๆ ถูกแทนที่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนั้น
“แบบจำลองสำหรับนักปรัชญา” และการทดลองทางความคิด (Thought experiment)
นักปรัชญา พลูทาร์ก (Plutarch) ได้บันทึกเรื่อง “สำเภาของธีเซียส” ใน “ไลฟ์ ออฟ ธีเซียส” (Life of Theseus) ในปลายศตวรรษที่ 1 โดยพลูทาร์กได้ถามว่า หากสำเภาลำหนึ่งได้รับการซ่อมแซมโดยการแทนที่ไม้เก่าด้วยไม้ใหม่ทั้งหมด สำเภาลำนี้ยังคงเป็นสำเภาลำเดิมหรือไม่
เจนนิเฟอร์ หวาง ศาสตราจารย์ด้านปรัชญา ได้พูดถึงปริศนานี้ที่ถูกบันทึกโดยพลูทาร์ค นักประวัติศาสตร์กรีกโบราณ อย่างน่าสนใจและเข้าใจง่ายมาก
สถานการณ์ที่ 1 :
เพื่อลดความยุ่งยาก ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ได้สมมติให้
  • “สำเภาของธีเซียส” เป็นเรือที่ทำได้ง่ายๆ จากแผ่นกระดาน 1,000 แผ่น และไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
  • ไม้กระดานทำมาจากสุดยอดไม้เพื่อไม่ให้ผุพัง
1
จะเกิดอะไรขึ้นกับ “สำเภาของธีเซียส”?
แผ่นไม้ 1,000 แผ่นจะถูกแทนที่ช้ามากตลอดระยะเวลาหนึ่งพันปี นั่นคือ 1 ไม้กระดานต่อปี และนี่คือปริศนาที่เรือสามารถอยู่รอดได้จากการแทนที่แผ่นไม้อันใดอันหนึ่ง ในปีที่สองเมื่อไม้กระดานที่สองถูกแทนที่ ยังคงเป็น “สำเภาของธีเซียส” และต่อๆ ไป จนถึงปีที่หนึ่งพัน
แต่เรือที่ปีศูนย์ ซึ่งคือเรือเดิมของธีเซียสไม่มีไม้กระดานส่วนใด ๆ ที่เหมือนกันกับเรือเมื่อปีที่หนึ่งพัน แล้วเราจะเรียกว่าเป็นเรือแท้ของได้อย่างไร?
ที่มา: ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ หวาง
สถานการณ์ที่ 2 :
ต่อมาโทมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) นักปรัชญาชาวอังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 17 ได้ถกเถียงในเรื่องนี้เพิ่มเติม
สมมติว่า
ถ้าช่างซ่อมเรือคนหนึ่งเก็บแผ่นกระดานเก่าทั้งหมดของ “สำเภาของธีเซียส” และใช้พวกมันเพื่อสร้างแบบจำลองที่แน่นอนของเรือดั้งเดิม
จะเกิดอะไรขึ้นกับ “สำเภาของธีเซียส”?
  • ดังนั้นในสถานการณ์นี้ในปีที่หนึ่งพัน จะมีเรือสองลำที่คล้ายคลึงกัน คือ เรือ A ที่ไม้กระดานค่อยๆ ถูกแทนที่ และเรือ B ที่สร้างจากแผ่นไม้เก่า
  • ตอนนี้ เรือ A มีการอ้างสิทธิ์เหมือนกันว่าเป็น “สำเภาของธีเซียส” ที่แท้จริง เช่นเดียวกับในสถานการณ์ที่ 1 ข้างต้น
  • แต่เรือ B ก็มีข้ออ้างที่ดีในการเป็น “สำเภาของธีเซียส” ที่แท้จริง หลังจากที่มันทำมาจากชิ้นส่วนเดียวกันกับเรือดั้งเดิมของธีเซียส
ที่มา: ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ หวาง
สถานการณ์ที่ 3 :
มาปรับเปลี่ยนสถานการณ์ โดยกำหนดให้ ไม้กระดานของเรือค่อยๆ ถูกเอาออกและไม่แทนที่ด้วยแผ่นไม้ใหม่อีก แผ่นไม้เก่าใช้สร้างแบบจำลองดั้งเดิมที่แน่นอนของเรือ เพื่อที่ในตอนท้ายของสถานการณ์ใหม่นี้ จะมีเพียงเรือลำเดียวที่เราเรียกว่าเป็น “สำเภาของธีเซียส”
ที่มา: ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ หวาง
ถึงจุดนี้ พวกเรามองว่า เรือลำไหนคือ “สำเภาของธีเซียส”?
อาจกล่าวได้ว่า ข้อถกเถียงทั้งหมดมาพร้อมกับข้อเสีย วิธีหนึ่งคือการปฏิเสธหลักการของชิ้นส่วน การแก้ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับการบอกว่าในสถานการณ์ที่ 3 เรือที่อยู่ท้ายเรือไม่ใช่เรือของธีเซียส แม้ว่าจะมีชิ้นส่วนไม้เดียวกันทั้งหมดจัดเรียงในลักษณะเดียวกันทั้งหมด การปฏิเสธการเปลี่ยนแปลง วัตถุธรรมดาจะอยู่รอดการเปลี่ยนแปลงทีละน้อย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นช่วงระหว่างปีที่ศูนย์และปีที่หนึ่งพัน เรือลำไหนคือ “สำเภาของธีเซียส” ปัญหาคือ วิธีแก้ปัญหานี้ดูเหมือนไม่มีกฎเกณฑ์
ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ ยังได้กล่าวถึงการถกเถียงในเรื่องนี้ว่า วิธีการแก้ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธหลักการการเปลี่ยนแปลง
“วิทยานิพนธ์ของบัตเลอร์”
Roderick Chisholm นักปรัชญาชาวอเมริกันในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้ออกมาให้การสนับสนุนแนวคิดวิทยานิพนธ์ของบัตเลอร์ (โจเซฟ บัตเลอร์) นักศาสนศาสตร์และนักปรัชญาชาวอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 18
วิทยานิพนธ์ของบัตเลอร์คือ สิ่งของธรรมดาอย่างเรือยังคงมีอยู่เพียงในความหมายที่หลวม ไม่ว่า A หรือ B ถือว่าเป็น “สำเภาของธีเซียส” และกลายเป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง แต่ไม่มีเรือลำใดที่จะอยู่รอดได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางแก้ไขสำหรับหลักการเปลี่ยนแปลงหรือส่วนประกอบหลัก คือ ความแตกต่างของ A และ B ในการส่งต่อของเอกลักษณ์ (Transtivity of Identity)
1
“ทฤษฎีสี่มิติ (Four-dimensionalism)”
นอกจากนี้ยังมีการพูดกันถึงทฤษฎีสี่มิติ (Four-dimensionalism) คือ วัตถุธรรมดาเช่นเรือเป็นวัตถุสามมิติ เป็นสามมิติเป็นเชิงพื้นที่ มิติตามทฤษฎี หนึ่งวัตถุธรรมดาจริงๆ มีสี่มิติ
เท็ด ไซเดอร์ นักปรัชญาชาวอเมริกัน และอีกนักปรัชญาอีกหลายคนได้เสนอว่าการมองวัตถุว่ายืดขยายข้ามกาลเวลาในฐานะเหตุสี่มิติของชุดเสี้ยวเวลาสามมิติจะสามารถตอบโจทย์ “สำเภาของธีเซียส” ได้ เพราะด้วยแนวคิดนี้ แต่ละเสี้ยวเวลาและทุกวัตถุสี่มิติจะยังคงความเหมือนเชิงตัวเลขของตน ขณะที่ยังมีความแตกต่างระหว่างเสี้ยวเวลาแต่ละชิ้น แม่น้ำของเฮราคลิตุสจึงประกอบด้วยเสี้ยวเวลาสามมิติของตัวมันเอง ขณะที่ยังคงจำนวนเดิมของตนแม้ว่าเวลาจะเปลี่ยนไป บุคคลหนึ่งจึงไม่สามารถก้าวลงไปในเสี้ยวเวลาแม่น้ำเดิมได้สองครั้ง แต่สามารถก้าวลงไปในแม่น้ำ (สี่มิติ) ได้สองครั้ง
“ทฤษฎีหนอน”
ปีศูนย์หรือปีหนึ่ง มีเรือคล้ายหนอนลำหนึ่ง ซึ่งมีส่วนที่ปีศูนย์ที่ปลายด้านหนึ่ง และมีส่วนที่ปลายอีกข้างหนึ่ง และมีอีกลำที่คล้ายหนอนซึ่งมีส่วนที่ปีศูนย์ที่ปลายด้านหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งที่อีกอันที่มีลักษณะเหมือนเวิร์มมีชิ้นส่วนที่ทับซ้อนกัน ณ ปีศูนย์ การแก้ปัญหานี้ไม่ต้องฉายภาพตามหลักการของชิ้นส่วนหรือหลักการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แนวคิดนี้ชัดเจนว่า
1
  • A เหมือนกันกับ “สำเภาของธีเซียส” หรือ “สำเภาของธีเซียส” เหมือนกันกับ B
  • แต่ A และ B ไม่เหมือนกัน และไม่เหมือนกันกับ “สำเภาของธีเซียส”
  • ทั้ง A และ B มีวัตถุเดียวกันเริ่มต้นที่ปีที่ศูนย์
1
ที่มา: ศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ หวาง
นั่นคือทั้งหมดที่จะเห็นว่า การยอมรับข้อใดข้อหนึ่งนั้นมาพร้อมกับข้อเสีย แต่เพื่อจะแก้ปริศนา ดูเหมือนว่าเราต้องยอมรับข้อเสียอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปริศนา
สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้จากศาสตราจารย์เจนนิเฟอร์ ตามลิ้งค์ที่แนบให้ และนิทานกรีกโบราณที่สนุกสนานน่าติดตามอย่างมากกันต่อได้นะคะ
แล้วมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป กับ THE EQUATION ค่ะ
References:
คํากล่าวปิดงานเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้า กับผู้ว่าการ ธปท.” ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 16.45 – 17.00 น. https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Speeches/Gov/SpeechGov_04Apr2022.pdf
โฆษณา