7 เม.ย. 2022 เวลา 14:55 • ธุรกิจ
เมื่อต้นสัปดาห์ได้ฟัง ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท. ว่าความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้น ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมากนัก เพราะธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่แตกต่างจากมนุษย์เมื่อหลายร้อยปีก่อน วันนี้จะชวนพวกเราเริ่มต้นตามรอย “วิกฤติการเงินปี 2008” และลองหาคำตอบด้วยตัวเองกันดูค่ะ
1
ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นของ “วิกฤติการเงินปี 2008” คือเหตุการณ์ใด?
แน่นอนว่าเราเรียกวิกฤตินี้ว่า “วิกฤติการเงินปี 2008” แสดงว่าจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2008 ใช่ไหม?
เหตุการณ์ที่สำคัญในปีนั้นที่คนส่วนใหญ่มักบอกว่าคือจุดเริ่มต้นของวิกฤติ คืออะไร?
The Bear Stearns Companies, Inc. (Bear Stearns) บริษัทวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศเลิกกิจการในเดือนมีนาคม 2008 และขายกิจการให้แก่ JP Morgan Chase ที่ราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เทียบกับราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ (pre-crisis 52-week) ที่ 133.20 ดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังจากที่ไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขสถานการณ์จากเงินกู้ฉุกเฉิน (an emergency loan) จาก the Federal Reserve Bank of New York
1
นอกจากการให้เงินกู้ฉุกเฉินแล้ว the Federal Reserve Bank of New York ยังมีบทบาทที่สำคัญในการช่วยเจรจาให้ราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นจากราคาที่ตกลงกันไว้เดิมระหว่าง JP Morgan Chase และ Bear Stearns ที่ 2 ดอลลาร์สหรัฐด้วย
1
Reference: Wall Street Journal
คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเหตุการณ์นี้ ว่าคือจุดเริ่มต้นของ “วิกฤติการเงินปี 2008”
เรารู้จัก Bear Stearns ว่าคือบริษัทวานิชธนกิจรายใหญ่ในช่วงนั้น หลายคนที่อาจไม่ทันเหตุการณ์ในยุครุ่งโรจน์ของ Bear Stearns วันนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากของ the Rise and Fall ของยักษ์ใหญ่ในโลกการเงินมาเล่าให้ฟังค่ะ
ได้เวลาไทม์แมชชีนย้อนไปในปี 1923 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลงในปี 1918
Bear Stearns ก่อตั้งในปี 1923 โดย Joseph Ainslie, Robert B. Stearns และ Harold C. Mayer เพื่อทำธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ (equity trading) ด้วยทุนจดทะเบียนตั้งต้น 500,000 ดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น
เพียงไม่กี่ปีที่ดำเนินธุรกิจ Bear Stearns เผชิญกับ the Wall Street Crash of 1929 (the Great Crash) ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ในปี 1929 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ราคาหลักทรัพย์ใน New York Stock Exchange ตกต่ำอย่างรุนแรงมาก (collapse) ตามมาด้วย London Stock Exchange Crash และ Great Depression ในปี 1929-1933
Bear Stearns ก้าวผ่านวิกฤติครั้งใหญ่นั้นมาได้ และยังขยายสาขาครั้งแรกในชิคาโกในปี 1933 และเปิดสาขาในอัมสเตอร์ดัม เป็นสาขาในต่างประเทศครั้งแรกในปี 1955
เรามาไทม์แมชชีนกันต่อมาในช่วงปี 2005-2007 ในช่วงที่ Bear Stearns ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการการเงิน
ในฐานะ “Most Admired” security firm ใน Fortune's "America's Most Admired Companies" survey และได้รับการจัดอันดับเป็นที่สอง ในภาพรวมในหมวด security firms ผลสำรวจระบุถึงอันดับที่โดดเด่นในด้านความสามารถของบุคคลากร คุณภาพการบริหารจัดการความเสี่ยง และนวัตกรรม
ในฐานะ “seventh-largest securities firm” วัดจากขนาดของทุน (total capital) ในนิตยสาร Institutional Investor ฉบับเดือนเมษายน 2005
ในเดือนพฤศจิกายน 2006 Bear Stearns มีทุนสูงถึง 66.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสินทรัพย์รวม 350.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในตอนนั้น อะไรคือธุรกิจหลักของ Bear Stearns?
  • Bear Stearns เข้าไปในธุรกิจ securitization และจัดจำหน่าย asset-backed securities จำนวนมาก และในช่วงปี 2006-2007 ก็ได้เพิ่มปริมาณธุรกรรม mortgage-backed assets อย่างมาก และธุรกรรมนี้เองที่เป็นศูนย์กลางของ Subprime mortgage crisis และวิกฤติการเงินในปี 2008-2009
1
  • ในปี 2006 คือจุดสูงสุดของราคาซื้อขายบ้านในสหรัฐอเมริกา หลังการที่เติบโตต่อเนื่องอย่างมากเป็นเวลานาน ทั้งความต้องการซื้อและปริมาณการปล่อยสินเชื่ออย่างมากของธนาคาร การสะสมของปัญหาด้านสินเชื่อจากการปล่อยกู้อย่างมากโดยไม่ระมัดระวังเพียงพอในขณะนั้น และเริ่มเห็นการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น
1
  • New Century Financial ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เชี่ยวชาญด้าน Subprime mortgage ได้ประกาศล้มละลายภายใต้ Chapter 11 bankruptcy ในเดือนเมษายน 2007
1
Bear Stearns ประกาศผลขาดทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2007 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 80 ปีที่ดำเนินกิจการ และการลาออกของ James Cayne ในฐานะ CEO ในเดือนมกราคม 2008 พร้อมกับการเข้ามาของ Alan Schwartz
  • ในช่วงปี 2007 Bear Stearns มี notional contract amount ของตราสารอนุพันธ์ (derivative financial instruments) จำนวน 13.40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (trillions) และในจำนวนนั้นเป็น listed futures and option จำนวน 1.85 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (trillions)
  • ในขณะที่ ณ สิ้นปี 2007 มี net equity เพียง 11.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองรับสินทรัพย์ 395 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมายถึง leverage ratio ที่สูงถึง 35.6:1 หรือที่เราเรียกว่า “highly leveraged balance sheet”
  • วันที่ 11 มีนาคม 2008: Bear Stearns ได้รับเงินกู้ฉุกเฉิน (an emergency loan) จาก the Federal Reserve Bank of New York จำนวน 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในวันเดียวกัน บริษัทจัดอันดับเครดิต Moody’s ได้ลดอันดับเครดิตของ Mortgage-backed securities ของ Bear Stearns เหลือ B และ C (Junk bonds)
ข้อมูลราคาหุ้น Bear Stearns มกราคม-มีนาคม 2008
เกิดอะไรขึ้นหลังจากประกาศลดอันดับเครดิตนั้น?
  • Bear Stearns ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ที่ระดมทุนส่วนใหญ่จากเงินฝากมาทำธุรกิจ เงินทุนหลักของบริษัทวาณิชธนกิจมาจากการกู้ยืมระยะสั้น (repurchase agreements หรือ repos) ซึ่ง Bear Stearns ได้ออกตราสารในการระดมทุนขายให้นักลงทุน ซึ่งรวมถึง hedge funds และการเกิดความไม่เชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและเจ้าหนี้ (counterparty risks) จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อ Bear Stearns
1
  • ตามรายงานระบุว่า ในเย็นของวันที่ 13 มีนาคม 2008 นั้นเอง Bear Stearns มีสภาพคล่องในมือเหลือเพียง 3 พันล้านบาท และนั่นเป็นจำนวนเงินในมือที่ทำให้ Bear Stearns ไม่สามารถเปิดทำการได้ในวันรุ่งขึ้น และวิกฤตินี้นำไปสู่การขายกิจการให้ JP Morgan Chase ในเดือนมีนาคม 2008
1
และชื่อของ Bear Stearns ก็หายไปจากประวัติศาสตร์ในเดือนมกราคม 2010
“ตามรอยวิกฤติการเงินปี 2008”
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราว the Rise and Fall ของ Bear Stearns ในช่วงเวลากว่า 80 ปีที่ดำเนินธุรกิจ
แต่ Bear Stearns ไม่ใช่บริษัทวาณิชธนกิจแห่งเดียวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และผลกระทบก็ไม่ได้จำกัดแค่ในตลาดการเงินของสหรัฐอเมริกา รวมทั้ง มีข้อถกเถียงต่อมาในเรื่องใครคือจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินปี 2008
1
แล้วมาติดตามกันต่อในตอนถัดไปของ “ตามรอยวิกฤติการเงินปี 2008” กับ THE EQUATION ค่ะ
References:
  • Bear Stearns - Wikipedia
  • Wall Street Crash of 1929 - Wikipedia
  • Bear Stearns collapses, sold to J.P. Morgan Chase - HISTORY
  • คํากล่าวปิดงานเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้า กับผู้ว่าการ ธปท.” ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 16.45 – 17.00 น. https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Speeches/Gov/SpeechGov_04Apr2022.pdf
โฆษณา