28 พ.ย. 2022 เวลา 10:25
วางแผนภาษีแล้ว ต้องอย่าลืมแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย
วันนี้ FA Talk ขอชวนทุกคนมาทบทวนค่าลดหย่อนภาษีต่างๆ เพื่อตรวจสอบแผนภาษีประจำปี 2565 กัน ที่สำคัญในปีนี้มีสิทธิลดหย่อนที่เราต้องยื่นแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการใช้สิทธิในเวลาที่เหลือของปี 2565
Credit : Unsplash.com
ตรวจ Check List ค่าลดหย่อนที่เราสามารถใช้สิทธิในปีนี้
ในบรรดาค่าลดหย่อนทั้งหมด มีรายการค่าลดหย่อนอะไรบ้างที่เราสามารถใช้สิทธิได้ เริ่มจากกลุ่มแรกที่เป็นค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
กลุ่มค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
ค่าลดหย่อนในกลุ่มนี้เราใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามสถานภาพของเราในปีนี้ เพียงแค่ใช้ให้ถูกต้องตามเงื่อนไขเท่านั้นเราก็ลดหย่อนได้อย่างสบายใจ เพราะหลายเงื่อนไขอาจมีการใช้ที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องเสียโอกาสในภายหลัง เช่น
ค่าลดหย่อนบุตร :
บุตรที่เราสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่บิดามารดาจดทะเบียนสมรส บุตรของทั้งสองฝ่ายถือเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่พบว่าปัจจุบันมีหลายครอบครัวที่เลือกไม่จดทะเบียนสมรส บิดาจึงต้องจดทะเบียนรับรองบุตรเพื่อให้เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย และสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ ทั้งนี้ค่าลดหย่อนบุตรใช้ได้กับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายทุกคน และบิดามารดาที่แยกยื่นสามารถหักลดหย่อนได้ทั้งสองฝ่าย
ค่าลดหย่อนบิดามารดา :
บิดาหรือมารดาที่บุตรสามารถนำมาใช้สิทธิลดหย่อนได้ต้องมีอายุครบ 60ปีก่อนปีภาษีนั้น และบุตรเพียงคนเดียวที่ใช้สิทธิลดหย่อนได้ในแต่ละปี พี่น้องจึงต้องตกลงกันว่าใครจะใช้สิทธิลดหย่อนของบิดาและสิทธิลดหย่อนของมารดาในปีนั้น
นอกจากกลุ่มค่าลดหย่อนตามสถานภาพของผู้ยื่นเสียภาษีและครอบครัวแล้ว ยังมีค่าลดหย่อนอีกสองกลุ่มที่เราใช้ประโยชน์ในการวางแผนภาษี กลุ่มค่าลดหย่อนหลักที่มีผลในการวางแผนภาษีมากที่สุดก็คือ กลุ่มค่าลดหย่อนจากประกันและการลงทุน
ค่าลดหย่อนจากประกันและการลงทุน
ทั้งนี้สำหรับประกันแบบควบการลงทุนที่เบี้ยประกันรวมส่วนของประกันชีวิตและส่วนของการออมลงทุนนั้นเบี้ยประกันที่นำมาหักลดหย่อนได้คือเฉพาะเบี้ยส่วนของประกันชีวิตเท่านั้นไม่ใช่เบี้ยประกันทั้งก้อนที่จ่ายในปีนั้น
คำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้สิทธิค่าลดหย่อนกลุ่มนี้คือเราควรเลือกทำประกันให้เหมาะสมมากกว่าการมองประโยชน์ทางภาษีเพียงอย่างเดียว โดยควรทำประกันให้เพียงพอที่จะครอบคลุมความจำเป็นของเราและครอบครัว ซึ่งถือเป็นประโยชน์หลักของการส่งเสริมการทำประกันของภาครัฐ และเบี้ยประกันในส่วนที่ลดหย่อนได้ถือเป็นผลพลอยได้จากการส่งเสริมของรัฐให้ประชาชนทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันบำนาญเท่านั้น โดยประโยชน์ทางภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตที่เราได้รับสูงสุดคือ 35,000 บาท (เบี้ยลดหย่อน 100,000 บาท จากฐานภาษี 35%)
ค่าลดหย่อนกลุ่มนี้มีความสำคัญในด้านการออมและการสร้างความมั่งคั่งให้กับเรา ปัจจุบันค่าลดหย่อนกลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เรามีเงินสำหรับช่วงหลังเกษียณ ซึ่งระบบสวัสดิการไม่สามารถรองรับได้ โดยเราควรมีการออมทุกชนิดรวมกันอย่างน้อย 20% ของรายได้ แต่ค่าลดหย่อนกลุ่มนี้กำหนดไว้สูงสุด 500,000 บาทรวมกับเบี้ยบำนาญด้วย หากเราใช้สิทธิเต็ม 500,000 บาทจึงควรออมเพิ่มเติมอีกต่างหาก
ค่าลดหย่อนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับค่าลดหย่อนหมวดสุดท้ายที่ใช้ในการวางแผนภาษีได้ มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคม จึงมีผลกับแผนภาษีไม่มากนัก หากเราได้ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมภายใต้ข้อกำหนดของค่าลดหย่อนต่างๆ ก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้
การยื่นความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันบำนาญ
ปีที่ผ่านมาเราได้รับแจ้งจากบริษัทประกันฯ ให้ผู้ถือกรมธรรม์ฯ แจ้งความประสงค์เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนจากเบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันบำนาญ โดยต้องยื่นแสดงความประสงค์ใช้สิทธิ์ผ่านบริษัทประกันชีวิตแต่ละแห่งที่มีเรากรมธรรม์อยู่ เพื่ออนุญาตให้บริษัทประกันชีวิตแห่งนั้นสามารถส่งข้อมูลของเราให้กรมสรรพากรเพื่อบันทึกค่าลดหย่อนของเรา
ในปีนี้คนที่เคยแสดงความประสงค์กับบริษัทประกันแต่ละแห่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นแสดงความประสงค์อีก ยกเว้นผู้ที่ยังไม่เคยยื่นความประสงค์กับบริษัทประกันชีวิตแห่งนั้นมาก่อน หรือผู้ที่เคยยื่นแสดงความประสงค์แบบระบุกรมธรรม์ที่ต้องการใช้สิทธิและได้มีการทำประกันเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อความมั่นใจว่าเบี้ยประกันฯ ของเราจะสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนฯ ได้ เราอาจเข้าไปตรวจสอบหรือแจ้งยืนยันฯ กับบริษัทประกันฯ อีกครั้งผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ที่บริษัทฯ จัดทำขึ้นรองรับ
ผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนประกันสุขภาพบิดามารดา อย่าลืมแจ้งบริษัทประกันฯ เช่นกันครับ
การยื่นความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับ กองทุน SSF / RMF
นอกเหนือจากการแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนประกันชีวิตประเภทต่างๆ แล้ว ในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่เราต้องยื่นความประสงค์ใช้สิทธิลดหย่อนกองทุนฯ อีกด้วย เนื่องจากกรมสรรพากรได้ปรับเปลี่ยนวิธีการให้ผู้ลงทุนแจ้งขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนได้ง่ายขึ้นโดยแจ้งความประสงค์ไว้กับ บลจ. ที่เป็นเจ้าของกองทุนนั้นๆ และ บลจ.จะเป็นผู้จัดส่งข้อมูลการซื้อกองทุนให้กรมสรรพากรแทน โดยการแจ้งความประสงค์นี้ จะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โดยวิธีการไม่แตกต่างจากการแสดงความประสงค์ใช้สิทธิฯ ประกันชีวิต คือ เข้าไปแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมฯ (บลจ) ที่เรามีบัญชีกองทุนรวม SSF/ RMF ว่าต้องการใช้สิทธิลดหย่อน เพื่อ บลจ สามารถส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรต่อไป และเราไม่ต้องแนบเอกสารประกอบในการเสียภาษีอีก
ตัวอย่างช่องทางการเข้าไปแจ้งความประสงค์ และ ขั้นตอนดำเนินการ ของ บลจ บางแห่ง
ในส่วนของค่าลดหย่อนอื่นๆ เช่นเงินบริจาค ก็คงต้องแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนครับ
วางแผนภาษีให้ทันเวลา จะได้ไม่เสียสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี 2565 ครับ
โฆษณา